ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 540 ผงวิญญาณบริสุทธิ์
แท้จริงแล้วผู้ที่เสนอราคาเป็นชายหนุ่มชุดเขียวที่มีอายุยี่สิบกว่าปีเท่านั้น
ตอนนี้เขานั่งอยู่ในห้องที่นั่งพิเศษทางด้านตะวันออก ในมือถือพัดสีทองเล่มหนึ่งอยู่ หญิงงดงามสองคนยังคงอยู่ข้างกายเขา และพูดเป่าหูชายหนุ่มเบาๆ อยู่ตลอดเวลา
ชายฉกรรจ์ก็ยังยืนอยู่อีกด้านราวกับรูปปั้นแกะสลัก
“หนึ่งล้านหนึ่งแสนห้าหมื่น!” ชายชุดฟ้าเขม้นตามองไปทางที่นั่งพิเศษทีหนึ่งแล้วเสนอราคาต่อ
“หนึ่งล้านสองแสน!” ชายหนุ่มชุดเขียวเผยรอยยิ้มเยือกเย็นออกมา และหุบพัดเสียงป้าบ!
“หนึ่งล้านสามแสน!” ชายชุดฟ้าได้ยินก็กัดฟันกล่าว
ขณะนี้ผู้คนในลานประมูลต่างก็รอดูอะไรสนุกๆ อยู่ เห็นได้ชัดว่าราคานี้เป็นการกระฟัดกระเฟียดกันแล้ว
“หนึ่งล้านสี่แสน” ชายหนุ่มชุดเขียวเสนอราคาอย่างไม่ใส่ใจ
ชายชุดฟ้าได้ยินก็กัดฟันอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็นั่งลงด้วยความโมโห
สุดท้ายพัดดับวิญญาณก็ถูกชายหนุ่มชุดเขียวประมูลไปในราคาหนึ่งล้านสี่แสนหินจิตวิญญาณ
“มาแย่งของกับข้า ช่างไม่รู้กำลังของตนเองเอาซะเลย!” ภายในห้องที่นั่งพิเศษ พอชายหนุ่มชุดเขียวเห็นสีหน้าไม่พอใจของฝ่ายตรงข้าม ก็ดูเหมือนจะมีความสุขมาก และหัวเราะด้วยความพอใจ
“นายน้อย พัดดับวิญญาณนี้คุณภาพธรรมดาๆ ดูเหมือนจะไม่คุ้มกับราคานี้” ชายฉกรรจ์พลันเอ่ยปากออกมา น้ำเสียงแหบแห้งราวกับแผ่นเหล็กที่ถูกเสียดสี
“ตอนนี้ยังไม่คุ้ม แต่พัดเล่มนี้สร้างขึ้นจากโลหิตหยกของปีศาจหยิน นำกลับไปเพิ่มชั้นจำกัดโลหิตอีกสองชั้น อย่างน้อยมูลค่าของมันก็สูงขึ้นหนึ่งเท่า” ชายหนุ่มชุดเขียวกล่าวออกมา จากนั้นก็เปิดพัดมาพัดเบาๆ และหญิงงดงามทั้งสองก็เข้ามาแนบชิดอีกครั้ง
ชายฉกรรจ์เงียบอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าจะสมยอมกับคำพูดนี้ แต่ครู่ต่อมาก็เอ่ยปากอีกครั้ง
“งานประมูลเพิ่งเริ่ม ของดีที่แท้จริงต่างก็ยังไม่ออกมา นายน้อยควรจะเก็บหินจิตวิญญาณไว้หน่อยจะดีกว่า งานประมูลนี้มีคนใหญ่คนโตมาไม่น้อย”
“วางใจเถอะ! ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร” ชายหนุ่มชุดเขียวกล่าวอย่างราบเรียบ
ภายในที่นั่งพิเศษห้องหนึ่ง หญิงสาวชุดม่วงที่มีท่าทีโดดเด่นมองไปยังตำแหน่งห้องที่นั่งพิเศษของชายหนุ่มชุดเขียวด้วยสายตาเหยียดหยาม จากนั้นก็ละสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว และหยอกล้อตะพาบน้ำสีทองในมือต่อ
ห้องประมูลในขณะนี้ เนื่องจากอาวุธสายปีศาจที่ถูกขายไปด้วยราคาที่สูงถึงหนึ่งล้านสี่แสนหินจิตวิญญาณ ทำให้บรรยากาศมาถึงจุดตื่นเต้นเร้าใจเล็กน้อย คนจำนวนมากต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันเบาๆ
ชายหน้าขาวมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ในเมื่ออยู่ในฝั่งผู้จัดการประมูล สิ่งที่อยากเห็นที่สุดก็คือการต่อสู้ราคากันอย่างดุเดือดเช่นนี้ สิ่งของธรรมดาชิ้นหนึ่ง มักจะขายได้ในราคาที่สูงก็เพราะเหตุนี้
ไม่นาน ของประมูลอีกชิ้นก็ถูกยกขึ้นมา มันคือคัมภีร์เล่มหนึ่งที่มีปกสีแดงเพลิง
“รายการต่อไป ‘เคล็ดวิชาเฝินเทียน’ เป็นวิชาประเภทไฟ สามารถฝึกฝนได้ตั้งแต่ระดับของเหลวไปจนถึงจุดสูงสุดของระดับผลึก ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนหินจิตวิญญาณ เสนอราคาได้ครั้งละไม่ต่ำกว่าห้าพัน”
เคล็ดวิชาเฝินเทียนนั้น นับว่าค่อนข้างมีชื่อเสียงในตลาดฉางหยาง ร้อยกว่าปีก่อนท่านเฝินเทียนซ่างเหรินผู้ฝึกฝนระดับผลึกที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงผู้หนึ่ง ได้ฝึกฝนวิชานี้เป็นหลัก
หลังจากชายหน้าขาวแนะนำอย่างสวยงามแล้ว ก็มีผู้ฝึกฝนจำนวนไม่น้อยแย่งกันประมูลอยู่หลายรอบ สุดท้ายก็ถูกผู้ฝึกฝนระดับของเหลวผู้หนึ่งประมูลไปในราคาสองแสนหนึ่งหมื่นหินจิตวิญญาณ
คัมภีร์เคล็ดวิชาอะไรพวกนี้ หลิ่วหมิงย่อมไม่สนใจแต่อย่างใด เพียงแค่ปราดตามองเท่านั้น
งานประมูลในเวลาต่อมา มีอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดออกมาหลายชิ้น มีทั้งมีดบิน ง่ามบิน และยังมีจีวรที่เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสูงชุดหนึ่ง กับเตาหลอมโอสถระดับกลาง เป็นต้น
สิ่งของเหล่านี้ต่างก็ถูกประมูลออกไปในราคาหลายแสนหินจิตวิญญาณ บรรยากาศในห้องประมูลก็ค่อยๆ คึกคักขึ้นมา
“สมบัติชิ้นต่อไปเป็นรายการประมูลชิ้นสุดท้ายในช่วงนี้ของการประมูลในครั้งนี้ ‘คัมภีร์กระบี่จินหยวน’ ในนี้บันทึกประสบการณ์ตลอดชีวิตการฝึกกระบี่ของระดับแก่นแท้ผู้หนึ่ง ความล้ำค่าของคัมภีร์เล่มนี้ ข้าจะไม่พูดมากแล้ว ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งล้านหินจิตวิญญาณ เสนอราคาได้ครั้งละไม่ต่ำกว่าห้าหมื่น”
ขณะที่ชายหน้าขาวพูด เขาก็ใช้มือข้างหนึ่งเลิกผ้าสีแดงบนแท่นประมูลออกมา เผยให้เห็นคัมภีร์สีเขียวจางๆ ที่เย็บเล่มด้วยด้าย บนหน้าปกเก่าๆ มีอักขระโบราณเขียนอยู่
ฝูงชนในลานประมูลถูกคัมภีร์บนแท่นสูงดึงดูดความสนใจในทันที มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นเบาๆ และในบรรดาแขกระดับสูง ก็มีคนจำนวนหนึ่งมีสีหน้าจดจ่อทันที
“ประสบการณ์ฝึกกระบี่ของระดับแก่นแท้!”
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็อดใจเต้นไม่ได้
แม้ที่เขาฝึกฝนหลักจะเป็นเคล็ดกระบี่ปรานแกร่ง แต่ประสบการณ์ฝึกฝนของระดับแก่นแท้ ย่อมมีประโยชน์สำหรับเขา ซึ่งใช้ค้นคว้าประกอบการฝึกฝนในภายหน้า ไม่ต้องพูดก็เป็นที่เข้าใจกัน
ขณะนั้นเองก็มีคนเสนอราคาแล้ว
“หนึ่งล้านหินจิตวิญญาณ!”
“หนึ่งล้านหนึ่งแสน!”
……
ผู้คนที่อยู่ในลานประลอง รู้สึกใจเต้นกับคัมภีร์ประสบการณ์เล่มนี้ไม่น้อย แต่ตอนเริ่มเสนอราคากลับระมัดระวังเป็นอย่างมาก และส่วนมากก็เป็นแขกที่อยู่ชั้นหนึ่ง แขกระดับสูงที่อยู่ทั้งสองข้างกลับไม่ส่งเสียงออกมาเลย
“หนึ่งล้านสามแสนหินจิตวิญญาณ!” ผู้เสนอราคาไม่ใช่คนอื่นไกล ซึ่งก็คือชายชุดฟ้าที่ประมูลพัดดับวิญญาณในก่อนหน้านั้นนั่นเอง
“หนึ่งล้านห้าแสน!” ครั้งนี้เป็นหลิ่วหมิงที่เสนอราคาขึ้นมา
คนจำนวนไม่น้อยต่างก็จ้องมองคนเสนอราคาไปมา
หนึ่งล้านกว่าหินจิตวิญญาณเป็นทรัพย์สินจำนวนมหาศาล ผู้ฝึกฝนอิสระทั่วไปมีไม่กี่แสนหินจิตวิญญาณ ก็นับว่ามากสุดแล้ว ผู้ที่ยังประมูลอยู่ส่วนมากมีกลุ่มอิทธิพลใหญ่หนุนอยู่เบื้องหลัง
“หนึ่งล้านแปดแสน!” ภายในห้องที่นั่งพิเศษ ชายหนุ่มชุดเขียวจับขอบหน้าต่างไว้แน่น เขาดูมีท่าทีสนใจเป็นอย่างมาก โดยที่ไม่สนหลิ่วหมิง และคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านล่างเลย
หลิ่วหมิงแอบถอนหายใจเบาๆ และไม่ได้เสนอราคาต่อ
งานประมูลเงียบไปพักหนึ่ง หนึ่งล้านแปดแสนหินจิตวิญญาณไม่ใช่สิ่งที่กลุ่มอิทธิพลไหนก็สามารถเอาไปได้ มีเพียงแค่ตระกูลใหญ่หรือสำนักนิกายต่างๆ เท่านั้น ถึงสามารถเอาไปได้
พอชายหนุ่มชุดเขียวเห็นว่าตนเองสามารถกดดันฝูงชนได้อีกครั้ง ก็รู้สึกชื่นอกชื่นใจขึ้นมา
“สองล้าน!” มีเสียงดังขึ้นมาในฉับพลัน ที่แท้ก็มาจากห้องที่นั่งพิเศษห้องหนึ่งที่อยู่ทางด้านตะวันตก
พอเสียงนี้ดังขึ้นมา ฝูงชนก็ฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง
หลิ่วหมิงสะดุ้งสะโหยงในทันที ดูท่างานประมูลในครั้งนี้คงมีผู้มีพลังไม่น้อย
ชายหนุ่มชุดเขียวมีสีหน้าอึมครึมขึ้นมาในพริบตา เขาโบกมือแยกหญิงสาวทั้งสองออกไป และมองไปยังที่มาของเสียงด้วยแววตาประหลาดใจ ดูเหมือนว่าเขากำลังแสดงเคล็ดวิชาบางอย่าง เพื่อสอดส่องดูที่นั่งพิเศษห้องนั้น
“เดี๋ยวก่อนนายน้อย! ข้าจำน้ำเสียงเมื่อครู่ได้ คนที่เสนอราคาเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ นายน้อยอย่าได้วู่วาม เพราะที่นี่ไม่ใช่ในนิกาย” ชายฉกรรจ์ไปขวางอยู่ตรงหน้าชายชุดเขียวในพริบตา และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้!”
ชายหนุ่มชุดเขียวได้ยินก็เผยสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อย ผ่านไปพักใหญ่ๆ ถึงพยักหน้าแล้วนั่งลงไป
ผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง ต่อให้อยู่ในนิกายใหญ่ ก็มีสถานะอยู่ในระดับสูง
แม้ชายหนุ่มชุดเขียวจะมีนิสัยหยิ่งยโสแค่ไหน ก็ไม่อาจล่วงเกินได้ตามใจ
“สหายในห้องที่นั่งพิเศษเสนอราคาสองล้าน มีใครจะให้ราคาสูงกว่านี้หรือไม่? หากไม่มีล่ะก็ คัมภีร์กระบี่ชิงหยวนเล่มนี้ ก็ตกเป็นของสหายผู้นี้แล้ว” ชายหน้าขาวส่งเสียงดังกังวานออกมา
หลังจากรอครู่หนึ่ง เสียงกระซิบกระซาบก็ดังขึ้นเป็นระลอกๆ แต่กลับไม่มีคนเสนอราคาออกมา
ชายหน้าขาวรีบเคาะแท่นประมูลทันที และประกาศชื่อเจ้าของคัมภีร์
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะอย่างขมขื่น เขาจ้องมองหญิงรับใช้ชุดขาวยกถาดหยกลงไป และถูกส่งไปยังห้องที่นั่งพิเศษห้องนั้นด้วยความเสียดาย
“ของประมูลชิ้นต่อไปเป็นโอสถระดับของเหลวที่หาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง โอสถดวงดาว โอสถเม็ดนี้……”
การประมูลดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เวลาต่อมาก็เริ่มประมูลโอสถจิตวิญญาณ และวัตถุดิบที่พบเจอได้น้อยจำนวนหนึ่ง แต่ว่าผู้คนที่ทำการประมูลยังคงแย่งชิงกันอยู่ แต่ส่วนมากเป็นนิกายเล็กๆ และตระกูลที่มีชื่อเสียงกับผู้ฝึกฝนอิสระ ส่วนผู้คนในห้องที่นั่งพิเศษกลับไม่มีเสียงออกมาเลย
ขณะนี้หลิ่วหมิงก็ทำตัวให้มีชีวิตชีวา และจดจ่อกับสิ่งของประมูลในแต่ละรอบ
ดูแนวโน้มแล้ว ผงวิญญาณบริสุทธิ์คงจะใกล้ออกมาแล้ว
ในที่สุดหลังจากเหล็กบริสุทธิ์ห้าธาตุ ถูกผู้ฝึกฝนอิสระผู้หนึ่งประมูลไปในราคาหนึ่งแสนแปดหมื่นหินจิตวิญญาณแล้ว หญิงรับใช้ชุดขาวก็ยกกล่องหยกโปร่งแสงเล็กๆ ขึ้นมาใบหนึ่ง
ดูเหมือนว่าภายในกล่องหยกจะเป็นผงสีขาวกองหนึ่ง โดยมองไม่เห็นอะไรพิเศษเลยแม้แต่น้อย
แต่พอของสิ่งนี้ปรากฏออกมา หลิ่วหมิงก็ตาเป็นประกายทันที
นี่คือผงวิญญาณบริสุทธิ์ที่เขาตามหาอย่างยากลำบาก!
“ของประมูลชิ้นต่อไป ‘ผงวิญญาณบริสุทธิ์’ เป็นวัสดุหลอมอาวุธจิตวิญญาณที่พบเจอได้น้อยมากในโลกภายนอก คิดว่าทุกท่านคงจะรู้ดี ในขณะที่อาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดยกระดับเป็นต้นแบบอาวุธเวทนั้น ต้องใช้วัสดุเสริมจำนวนไม่น้อย และผงวิญญาณบริสุทธิ์ก็เป็นสิ่งที่ใช้กันอย่างกว้างขวาง”
ชายหนุ่มหน้าขาวมองไปรอบๆ พอเห็นว่าผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างก็มีอาการคันไม้คันมือ เขาก็แสดงแววตาพอใจออกมา และกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่ก้องกังวาน
“สหายที่อยากจะหลอมต้นแบบอาวุธเวทอย่าได้พลาดโอกาสอันดีนี้ไปเด็ดขาด ตอนนี้เริ่มการประมูลได้ ราคาต่ำสุดห้าแสนหินจิตวิญญาณ เสนอราคาได้ครั้งละไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่น”
ชายหน้าขาวใสพูดแค่คำสองคำ ก็กระตุ้นความปรารถนาของคนจำนวนมากได้
“ห้าแสนหินจิตวิญญาณ!” ชายที่ดูเหมือนผู้ฝึกฝนอิสระรีบเสนอราคาออกมาทันที
“ห้าแสนห้าหมื่น!” คนที่เสนอราคานี้ขึ้นมาเป็นผู้ฝึกฝนหญิงที่สวมหมวกคลุมผู้หนึ่ง
“หกแสน!” ผู้ฝึกฝนอิสระชายขมวดคิ้วแล้วเสนอราคาออกมาทันที
“หกแสนห้าหมื่น!” ผู้ฝึกฝนหญิงหัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วเพิ่มราคาขึ้นมาอีกห้าหมื่น
ผู้ฝึกฝนชายเขม้นตามองผู้ฝึกฝนหญิงทีหนึ่ง แต่กลับไม่เพิ่มราคาแต่อย่างใด
ผู้ฝึกฝนหญิงเผยสีหน้าพอใจออกมา
“เจ็ดแสนหินจิตวิญญาณ!”
มีเสียงดังขึ้นมาจากตรงมุม ซึ่งก็คือหลิ่วหมิงนั่นเอง
ผู้ฝึกฝนหญิงจ้องมองหลิ่วหมิงด้วยความโมโห หลังจากทำเสียงฮึดฮัดแล้วก็เสนอราคาออกมา “เจ็ดแสนห้าหมื่นหินจิตวิญญาณ!”
“แปดแสน!” หลิ่วหมิงยังคงมีสีหน้าปกติ
“เก้าแสน! สหายผู้นี้ หากท่านเสนอราคาสูงกว่านี้อีก ผงวิญญาณบริสุทธิ์นี้ข้าจะยอมให้ท่านเลย” ผู้ฝึกฝนหญิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น
น้ำเสียงนางเพิ่งจะสิ้นสุดลง ก็มีน้ำเสียงราบเรียบดังขึ้นมา
“หนึ่งล้าน!”
คนพูดไม่ใช่หลิ่วหมิง แต่เป็นผู้อาวุโสผมขาวเป็นสีดอกเลาที่อยู่ตรงชั้นหนึ่ง
ผู้ฝึกฝนหญิงขมวดคิ้วมองไปทีหนึ่ง ดูเหมือนว่านางจะรู้จักเขา ทั้งยังค่อนข้างยำเกรงมาก จึงไม่เสนอราคาออกมาอีก
“นั่นไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธของหอเฉวียนจวี้หรือ? ผู้เชี่ยวชาญเจ้าใช่หรือไม่?”
“ผู้เชี่ยวชาญเจ้า มิน่าละ! ถึงเสนอราคาสูงเช่นนี้”
“หรือว่าคิดจะหลอมต้นแบบอาวุธเวท?”
ผู้คนที่รู้จักพากันวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความประหลาดใจ
…………………………………