ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 614 ดวงตาแห่งความว่างเปล่า
แม้ว่าม่านแสงสีแดงจะไม่เป็นอะไรอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่ชายรูปร่างสูงใหญ่ยังคงเผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมา จากนั้นก็ยกแขนปล่อยพลังใส่วงแหวนเหนือศีรษะ
ภายใต้การเปล่งประกายของวงแหวนสีแดง วงแหวนไฟก็ก่อตัวขึ้นและขยายออกไปรอบด้าน พออสรพิษสีดำสิบกว่าตัวสัมผัสกับมัน ก็ลุกไหม้สลายไปทันที
และภายใต้อานุภาพของวงแหวนไฟ ไอดำที่พวยพุ่งอยู่รอบด้านก็ถูกโจมตีจนสลายไปไม่น้อย พอชายรูปร่างสูงใหญ่เขม้นตามอง ก็มองเห็นรอยยิ้มเยือกเย็นของเสี่ยวอู่ที่อยู่ภายใต้การล้อมรอบของไอดำ และธงกระดูกสีดำสิบสองอันที่เรียงแถวอยู่ตรงหน้ากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้จิตใจของเขาร่วงหล่นไปทันที
ในขณะที่ชายหนุ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยนั้น ไอดำรอบตัวก็พวยพุ่งอีกครั้ง วัตถุสีดำที่มีลักษณะยาวๆ สิบสองอันปรากฏออกมา ที่แท้มันก็เป็นธงกระดูกเหล่านั้น
เกิดเสียงดังติดต่อกัน “ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!”
ธงกระดูกแต่ละอันพ่นไอดำออกมาสามกลุ่ม พอไอดำแต่ละกลุ่มปรากฏตัว มันก็มีหัวและแขนขางอกออกมา จากนั้นก็กลายเป็นปีศาจสีดำที่มีลักษณะคล้ายวานร
พริบตาเดียว ชายรูปร่างสูงใหญ่ก็ถูกปีศาจสีดำสามสิบหกตัวห้อมล้อมไว้
ขณะที่มีชายรูปร่างสูงใหญ่มีสีหน้าเปลี่ยนไป และคิดที่จะกระตุ้นวงแหวนเหนือศีรษะนั้น ปีศาจสีดำเหล่านี้ก็แผดเสียงแหลมออกมาอย่างถึงขีดสุด
คลื่นเสียงไร้รูปสามสิบหกสายโจมตีม่านแสงสีแดงจนทะลุ ม่านแสงสามารถป้องกันการโจมตีของพลังเวทได้ แต่ไม่อาจกีดกั้นคลื่นเสียงได้
ชายรูปร่างสูงใหญ่รู้สึกว่าร่างกายแข็งขึ้นมา ใบหน้าของเขาดูเจ็บปวดเป็นอย่างมาก คลื่นเสียงจมเข้าไปในสมอง ทำให้รู้สึกราวกับว่าสมองถูกโจมตีสามสิบหกครั้ง
พอได้ยินเสียงดัง “โครม!” ดวงตาของชายรูปร่างสูงใหญ่ก็กลายเป็นสีขาว จากนั้นก็หมดสติก่อนล้มลงพื้น
ครู่ต่อมา ไอดำไร้ขอบเขตที่ปกคลุมเต็มค่ายกลสีทองก็หมุนวนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ สลายไปจนเผยให้เห็นสภาพด้านใน
จะเห็นว่าเสี่ยวอู่ยืนยิ้มอยู่ในนั้น ด้านข้างมีธงกระดูกสีดำลอยอยู่สิบสองอัน ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่นอนสลบอยู่บนพื้น วงแหวนสีแดงที่มีสามสิบหกชั้นจำกัดหล่นอยู่ด้านข้างของเขา
ตั้งแต่ไอดำปกคลุมค่ายกลอย่างแน่นหนาจนถึงตอนที่สลายไปจนหมดสิ้นนั้น ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ ก็ตัดสินผลแพ้ชนะได้แล้ว
ขณะนี้หลิ่วหมิงมองดูหญิงงดงามที่อยู่ด้านในค่ายกลด้วยความตกใจ
ศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้มีพลังเหนือกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้มาก
“การประลองรอบที่สอง นิกายยอดบริสุทธิ์ชนะ” หลวงจีนอวิ๋นกังไม่รู้สึกยินดียินร้ายกับผลการประลองนี้ ยังคงประกาศออกมาอย่างราบเรียบ
อินจิ่วหลิงเห็นศิษย์ของตนเองชนะ ก็เผยรอยยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก
“ศิษย์หลานเสี่ยวมีระดับการฝึกฝนที่มหัศจรรย์มาก ศิษย์สายตรงของสหายอินไม่ธรรมดาจริงๆ” กู่เจวี๋ยดูมีสีหน้าอึมครึมเล็กน้อย ขณะที่กล่าวออกมาเช่นนี้ เขาก็โบกแขนเสื้อปล่อยแสงสีแดงไปม้วนตัวชายรูปร่างสูงใหญ่ออกจากค่ายกล
“พี่กู่ชมเกินไปแล้ว” อินจิ่วหลิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงสงบ
“ในเมื่อตอนนี้ชนะกันหนึ่งต่อหนึ่งแล้ว ก็ทำการประลองรอบสุดท้ายกันเถอะ!” กู่เจวี๋ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ดี! ถ้าอย่างนั้นก็ต่อสู้เพื่อตัดสินชัยชนะกัน!” อินจิ่วหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ขณะเดียวกัน พลันมีเสียงอินจิ่วหลิงดังขึ้นข้างหูหลิ่วหมิง
“กวางจิตวิญญาณเก้าสีนี้มีประโยชน์กับข้ามาก เจ้าจะต้องประลองอย่างสุดความสามารถ เพียงแค่สามารถเอาชนะได้ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังอย่างแน่นอน”
“ศิษย์เข้าใจแล้ว จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน” หลิ่วหมิงได้ยินก็ส่งเสียงตอบกลับไป จากนั้นก็ก้าวไปในในค่ายกลสีทอง
ดูเหมือนหญิงสาวดวงตาสีเขียวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ถูกกู่เจวี๋ยกำชับเช่นกัน หลังจากแสงสีเขียวหมุนวนอยู่ในดวงตา นางก็กระโดดเข้าไปในค่ายกลทันที
“เริ่มการประลองได้”
พอน้ำเสียงสิ้นสุดลง หลิ่วหมิงก็ทำท่ามือด้วยมือเดียว จากนั้นไอดำก็พุ่งออกจากร่าง พอขยับเท้า ร่างของเขาก็หายไปจากที่เดิม “ฟู่!”
“เร็วมาก!” กู่เจวี๋ยที่อยู่นอกค่ายกลเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
หลวงจีนอวิ๋นกังก็เผยแววตาประหลาดใจออกมา
หญิงดวงตาสีเขียวที่อยู่ฝั่งข้ามรู้สึกอึ้งไปทันที แสงสีเขียวเปล่งประกายในดวงตา พอพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง มีดเล็กสีทองก็ปรากฏออกมา พอบิดเอวราวกับอสรพิษ มีดเล็กในมือก็กลายเป็นเส้นสีทอง และฟันไปยังอากาศบางแห่ง
“เพล้ง!”
พริบตาที่มีดเล็กปะทะกับกำปั้นที่มีไอดำพวยพุ่ง ก็มีเงาร่างกระเด็นออกไป ซึ่งก็คือหลิ่วหมิงที่หายไปในตอนแรกนั่นเอง และเขาเองก็อุทาน “เอ๊ะ!” ออกมาอย่างอดไม่ได้
วิชาท่าร่างของเขาผ่านการฝึกฝนกับหลานสี่และราชาปีศาจสมุทรมาอย่างต่อเนื่อง จนเคลื่อนไหวไปมาราวกับปีศาจ และร่างของเขาก็ผ่านการชุบหลอมมาจากถ้ำวายุสวรรค์ ทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมามาก
หญิงดวงตาสีเขียวมีระดับการฝึกฝนแค่ระดับของเหลวขั้นปลาย ไม่เพียงแต่จะมองเห็นร่องรอยของเขาภายในพริบตาเท่านั้น แต่ยังรับการโจมตีได้อย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดว่ามีดเล็กสีทองในมือของนางจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ดูท่าดวงตาแห่งความว่างเปล่าคงจะล้ำลึกจริงๆ”
เมื่อหลิ่วหมิงมองดูดวงตาทั้งคู่ของหญิงนางนี้ ก็เข้าใจในฉับพลัน พอกระตุ้นพลังเวท ไอดำบนตัวก็พวยพุ่งทันที จากนั้นก็แยกออกเป็นเงาร่างสองเงา และกระพริบแค่ทีเดียว ก็มาปรากฏขาดๆ หายๆ บริเวณที่หญิงสาวอยู่
แสงสีเขียวหมุนวนในดวงตาหญิงสาว หลังจากขยับข้อมือเล็กน้อย แสงมีดสีทองก็สะบัดตัวอยู่ด้านข้างราวกับมังกรที่พุ่งขึ้นจากทะเล
มีเสียงดัง “เพล้งๆ!” ติดต่อกันอยู่ไม่หยุด การเคลื่อนไหวของหลิ่วหมิงล้วนถูกมองเห็นอยู่หลายครั้ง ทั้งยังถูกแสงมีดสีทองบีบจนต้องร่นถอยเป็นระยะๆ โดยที่ไม่สามารถเข้าใกล้นางได้เลยแม้แต่น้อย
ชั่วเวลาครึ่งถ้วยชาผ่านไป พอเงาสีดำที่ปกคลุมเต็มฟ้าหายไป เงาร่างของหลิ่วหมิงก็ปรากฏอยู่ห่างออกไปสิบกว่าจั้ง แต่ตอนนี้เขากำลังขมวดคิ้วจ้องมองหญิงสาวดวงตาสีเขียวอยู่
สามารถพูดได้ว่าดวงตาแห่งความว่างเปล่าเป็นดาวมฤตยูของวิชาเงาร่างสามส่วน ซึ่งมองออกว่าเงาร่างไหนเป็นของปลอม เงาร่างไหนเป็นของจริงได้อย่างง่ายดาย
และขณะนั้นเอง หญิงสาวดวงตาสีเขียวกลับดูเหมือนจะไม่ให้โอกาสหลิ่วหมิงเลยแม้แต่อึดใจเดียว พอกระตุ้นท่ามือ แสงมีดสีทองก็พุ่งมาถึงราวกับสายฟ้าแลบ และฟันแสงสีทองขนาดเท่าประตูไปทางหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงเลิกคิ้วขึ้นมา พอขยับตัวแสงมีดก็แฉลบผ่านด้านข้างไป และแขนของเขาก็พร่ามัวก่อนชกกำปั้นผ่านอากาศ
หลังจากมีเสียงร้องดังขึ้น มังกรหมอกดำตัวหนึ่งก็พุ่งออกจากกำปั้น มันแยกเขี้ยวยิงฟัน และโผเข้าหาหญิงสาวดวงตาสีเขียว
หญิงสาวดวงตาสีเขียวส่งเสียงคำรามออกมา แสงเจ็ดสีเปล่งประกายบนตัว และกลายเป็นโล่เจ็ดสีปกป้องนางไว้ ไอดำที่กลายร่างมาจากมังกรโจมตีลงด้านบน และถูกต้านทานไว้
“นี่คือ……พลังทางพระพุทธศาสนา!” หลิ่วหมิงดวงตาเป็นประกายเมื่อค้นพบว่าบริเวณหน้าอกของนางมีลูกประคำไม้ห้อยอยู่ และยังเปล่งแสงเจ็ดสีออกมาจางๆ ด้วย
พลังทางพระพุทธศาสนามีผลในการควบคุมพลังสายปีศาจเป็นอย่างมาก
ขณะนั้นเอง หญิงสาวตรงหน้าก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้น มีดเล็กสีทองในมือพุ่งยิงออกไป และพร่ามัวหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกใจเย็นสะท้าน พอมีเสียงดัง “ฟิ้ว!” ตรงด้านข้าง มีดเล็กสีทองก็กระพริบออกมา และพุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ
หลิ่วหมิงขยับแขนอย่างพร่ามัวโดยไม่หันหน้ามาเลยแม้แต่น้อย กำปั้นอัปลักษณ์ข้างหนึ่งที่ถูกเกล็ดสีดำม่วงปกคลุมโจมตีออกไปอย่างรุนแรง ทำให้มีดเล็กสีทองกระเด็นออกไปทันที
ขณะเดียวกัน พอเขาสะบัดแขนเสื้อ มุกพลังวารีสองเม็ดก็พุ่งยิงออกไปติดต่อกัน “ตู๊ม!” ลูกแสงสีดำขนาดเท่าอ่างล้างหน้าสองลูกกระพริบออกมา และหนีบมีดเล็กสีทองไว้
หญิงสาวดวงตาสีเขียวมีสีหน้าตกใจเป็นอย่างมาก นิ้วทั้งสิบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แสงสีทองเจิดจ้าพุ่งยิงจากใจกลางลูกแสงสีดำ และพยายามกระตุ้นให้มีดเล็กสีทองหลุดออกมา
แต่ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงก็พูดพึมพำออกมา
“ในเมื่อเจ้ามีดวงตาแห่งความว่างเปล่า ข้าก็จะได้ลองใช้พลังใหม่พอดี”
พอน้ำเสียงสิ้นสุดลง เขาก็เอาแขนทั้งสองตั้งไขว้กัน และทำท่ามือประหลาดออกมา ขณะเดียวกันก็ร่ายคาถาก่อนกางแขนออกมา ทันใดนั้นไอดำบนตัวก็พุ่งขึ้นฟ้า และก่อตัวเป็นมังกรหมอกกับพยัคฆ์หมอกอย่างละสามตัว พวกมันคำรามอยู่ท่ามกลางไอดำราวกับมีชีวิต
พอหลิ่วหมิงตะโกนคำว่า “ระเบิด!” มังกรหมอกกับพยัคฆ์หมอกก็ระเบิดตัวพร้อมกัน และกลายเป็นแสงสีดำกดดันไปยังฝ่ายตรงข้าม
หญิงสาวชุดเขียวรู้สึกว่าด้านหน้ามืดลง และร่างของนางก็หล่นลงไปในมิติมืด ในหูไม่ได้ยินสุ้มเสียงใดๆ รอบด้านล้วนมืดมิด ราวกับว่าตนเองอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่ง
นางรีบกระตุ้นลูกประคำตรงหน้าด้วยความตกใจ ทำให้แสงเจ็ดสีที่ปกคลุมอยู่ขยายใหญ่กว่าเดิมครึ่งหนึ่ง และปกป้องตนเองไว้อย่างแน่นหนา
ในสายตาของคนที่อยู่ด้านนอกค่ายกล จะเห็นว่าภายในค่ายกลถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีดำทั้งหมด คนที่อยู่ด้านนอกไม่อาจมองเห็นเหตุการณ์ด้านในได้เลยแม้แต่น้อย มีเพียงแค่เสียง “อู้ๆ!” ดังออกมาเท่านั้น
กู่เจวี๋ยเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“คุกมืด! คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะสามารถบรรลุพลังนี้ได้ตั้งแต่ระดับของเหลว” อินจิ่วหลิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกงงงันเล็กน้อย แต่ดวงตากลับเผยแววยินดีออกมา
หญิงดวงตาสีม่วงก็เป็นศิษย์อัจฉริยะในบรรดาศิษย์สายในของสำนักเฮ่าหราน ย่อมมีประสบการณ์ไม่ธรรมดา ไม่นานก็สงบจิตลงได้ ทันใดนั้นแสงสีเขียวก็เปล่งประกายในดวงตาทั้งคู่ทันที และนางก็คิดจะกระตุ้นดวงตาแห่งความว่างเปล่าเพื่อมองทะลุวิชามายาตรงหน้า
แต่ขณะนั้นเอง แสงสีทองเป็นจุดๆ ก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ หลังจากรวมตัวกันแล้ว ก็กลายเป็นมือยักษ์สีทองอร่ามข้างหนึ่งที่มีขนาดจั้งกว่าๆ จากนั้นก็กำนิ้วทั้งห้าโจมตีลงไปด้านล่างอย่างไม่ปราณี
หญิงสาวดวงตาสีเขียวทำเสียงฮึดฮัดในทันที พอนางยกแขนข้างหนึ่งขึ้น กลุ่มแสงสีแดงก็พุ่งยิงออกไป หลังจากหมุนติ้วๆ แล้ว ก็กลายเป็นร่มสีแดงคันหนึ่ง มีอักขระสีแดงกระพริบอยู่บนพื้นผิว จากนั้นก็ขยายใหญ่ตามลมจนมีขนาดเท่าบ้านหลังหนึ่ง
เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วฟ้าและปฐพี!
หลังจากฝ่ามือยักษ์สีทองโจมตีลงบนร่มยักษ์อย่างรุนแรง ร่มยักษ์ก็เปล่งประกายอยู่ไม่หยุด คลื่นสั่นสะเทือนไร้รูปม้วนตัวออกไปทั่วทิศ
ร่างอรชรของหญิงสาวดวงตาสีเขียวสั่นไหวติดต่อกัน ใบหน้าซีดขาวขึ้นมาทันที สีหน้าดูไม่ได้อย่างถึงขีดสุด พลังที่แฝงอยู่ในมือยักษ์เหนือกว่าที่นางคาดคิดมาก
และขณะนั้นเองมือยักษ์สีทองก็ระเบิดตัวออกมา “ตู๊ม!” และกลายเป็นแสงสีทองปกคลุมเต็มฟ้าก่อนพุ่งลงมา
………………………………