ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 618 เซียนหงส์ดำ
ชายวัยกลางคนมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ตรีศูลที่อยู่ในมือเปล่งแสงสีเขียวออกมา และต้องการจะทำอะไรสักอย่าง
ทันใดนั้น มีเสียงฮึดฮัดดังมาจากทะเลโลหิต คนอื่นๆ ได้ยินกลับไม่รู้สึกอะไร แต่พอดังเข้าหูชายฉกรรจ์ระดับผลึกผู้นี้ กลับส่งเสียงดังราวกับฟ้าร้อง ร่างของเขาสั่นสะท้าน จากนั้นแขนขาทั้งสี่ก็แข็งขึ้นมา ในใจรู้สึกหวาดกลัวอย่างสุดขีด
ขณะนั้นเองมีเสียงดัง “ฟิ้ว!” แสงสีเลือดม้วนตัวออกจากทะเลโลหิต
ผู้คนทั้งหลายต่างก็พากันหลบด้วยความตกใจ
มีแค่ชายวัยกลางคนเท่านั้นที่ยังยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน เขาถูกแสงสีเลือดห่อหุ้มไว้อย่างรวดเร็ว และถูกม้วนเข้าไปในทะเลโลหิต
ตั้งแต่ต้นจนจบ ราวกับว่าผู้ฝึกฝนระดับผลึกผู้นี้ไม่มีแรงต้านทานเลยแม้แต่น้อย
พอคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก หลังจากพากันถอยออกไปสองสามก้าวแล้ว อาวุธจิตวิญญาณบนตัวก็ปล่อยแสงสีต่างๆ ออกมาปกป้องตัวไว้
หลิ่วหมิงรู้สึกใจเย็นสะท้าน เขาอ้าปากพ่นโล่กระดูกขนาดชุ่นกว่าๆ ออกมา หลังหมุนติ้วๆ แล้ว ก็ขยายใหญ่ตามแรงลมจนมีขนาดหลายฉื่อ และต้านทานไว้ตรงหน้า ขณะเดียวกัน ดวงตาทั้งคู่ก็จ้องมองทะเลโลหิตอย่างไม่ละสายตา
หากเขาคาดเดาไม่ผิดล่ะก็ ผู้ที่สามารถแสดงพลังโลหิตออกมาร้ายแรงเช่นนี้ โดยที่แม้แต่ระดับผลึกยังไม่สามารถต้านทานได้ น่าจะเป็นราชาโลหิตที่มีชื่ออยู่อันดับสองในบัญชีความเป็นความตายแล้ว
หลังจากทุกคนถอยออกไปได้เพียงไม่กี่อึดใจ ทะเลโลหิตก็พวยพุ่ง เผยให้เห็นระลอกคลื่นสีเลือดที่หมุนวนอย่างรวดเร็ว “ฟู่!” ศพแห้งเหี่ยวไร้ซึ่งกล้ามเนื้อถูกโยนออกจากระลอกคลื่น
พอผู้คนเขม้นตามอง ก็ค้นพบว่ามันคือชายวัยกลางคนคนระดับผลึกขั้นต้นในก่อนหน้า คิดไม่ถึงว่าในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก็ถูกทะเลโลหิตบีบเลือดออกจากตัวจนหมด
นอกจากหลิ่วหมิงแล้ว ผู้ฝึกฝนระดับของเหลวห้าคนที่เหลือก็รู้สึกตกใจจนหน้าถอดสี หลังสบตากันครู่หนึ่งแล้ว ก็พากันขี่แสงหลบหลีกพุ่งหนีไป
“คิดจะหนีไปไหน มาเป็นหนึ่งในพลังของข้าเถอะ!” มีน้ำเสียงเย็นยะเยือกดังมาจากทะเลโลหิต
ครู่ต่อมา แสงโลหิตหลายลำก็ม้วนตัวออกจากทะเลโลหิตอันพวยพุ่ง ทั้งยังไม่รู้ว่ามีพลังลึกลับอันใดอยู่ในนั้นด้วย เพียงแค่พร่ามัวทีเดียว ก็ไปปรากฏอยู่เหนือศีรษะของผู้ฝึกฝนทั้งห้าที่หนีไปอย่างน่าประหลาดใจ และอาวุธจิตวิญญาณจำนวนมากก็ม้วนตัวลงมา
เกิดเสียงร้องอย่างน่าเวทนา ผู้ฝึกฝนทั้งห้าถูกแสงสีเลือดห่อหุ้มไว้ และถูกม้วนกลับเข้าไปในทะเลโลหิต พริบตาที่อาวุธจิตวิญญาณคุ้มตัวสัมผัสกับแสงสีเลือด มันก็ร่วงลงและสูญเสียการติดต่อกับเจ้าของ
ขณะเดียวกัน เงาร่างใครบางคนก็กระพริบไปมากลางอากาศอยู่ไม่หยุด ด้านหลังมีแสงสีเลือดตามติดอย่างต่อเนื่อง
เงาร่างนี้ก็คือหลิ่วหมิงนั่นเอง
แสงกระบี่สีเขียวม้วนออกจากร่างหลิ่วหมิงในฉับพลัน และฟันใส่แสงสีเลือดด้านหลังจนดับลง จากนั้นร่างของเขาก็หยุดชะงักอยู่ห่างออกไปสิบกว่าจั้ง และหันกลับไปมองทะเลโลหิตขนาดหมู่กว่าๆ ที่อยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าสงบ
“ราชาโลหิต”
“ไม่ผิด! คือข้าเอง”
มีน้ำเสียงเยือกเย็นดังมาจากทะเลโลหิต “ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!” ศพแห้งเหี่ยวห้าศพพุ่งออกจากระลอกคลื่นในทะเลโลหิตพร้อมกัน
“เอาล่ะ! อาหารรองท้องก็กินเสร็จแล้ว พวกเรามาเริ่มกันเถอะ!”
ทะเลโลหิตตรงหน้าพวยพุ่งขึ้นมาโดยไม่รอให้หลิ่วหมิงถามอะไรมาก และม้วนเอาคลื่นยักษ์สีเลือดที่สูงสิบกว่าจั้งเข้าใส่หลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็มีสีหน้าอึมครึมขึ้นมา “ป๊าบ!” มือข้างหนึ่งตบไปยังโล่กระดูกตรงหน้า
ทันใดนั้นโล่เก้ากะโหลกส่งสียงดังหวึ่งๆ และพุ่งขึ้นบนอากาศ ขณะเดียวกันก็ขยายใหญ่อย่างบ้าคลั่ง จนมีขนาดเท่าบ้านหลังหนึ่งภายในอึดใจเดียว
หลิ่วหมิงร่ายคาถาออกมา นิ้วทั้งสิบเคลื่อนไหวราวกับล้อรถ และปล่อยพลังใส่โล่ยักษ์สีดำกลางอากาศ
“ตู๊ม!” โล่ยักษ์ระเบิดตัวกลางอากาศ จากนั้นก็กลายเป็นไอดำอันพวยพุ่งม้วนตัวไปปกป้องหลิ่วหมิงไว้อย่างแน่นหนา
“ฟู่ๆ!” หลังจากทะเลโลหิตสัมผัสกับหมอกดำอันพวยพุ่ง มันก็ประสานกันไปมาโดยที่ไม่มีใครตกเป็นรองใคร
ท่ามกลางไอหมอกสีดำ นิ้วทั้งสิบของหลิ่วหมิงเคลื่อนไหวราวกับล้อรถ พอชี้ไปกลางอากาศ เงาหัวกะโหลกเก้าใบก็โผล่ออกมาท่ามกลางไอดำที่ลอยวน และส่งเสียงแปลกประหลาดออกมา จากนั้นก็พากันยื่นหัวออกจากขอบทะเลหมอก และดูดปราณโลหิตจากทะเลโลหิตอย่างดุเดือด
แต่เพียงครู่เดียว อัคคีบริสุทธิ์ในดวงตาทั้งสองของหัวกะโหลกทั้งเก้าก็มืดลงเล็กน้อย
หลิ่วหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึมลง ดูท่าปราณโลหิตที่ราชาโลหิตปล่อยออกมาคงจะไม่ธรรมดา
ขณะที่หัวกะโหลกทั้งเก้าเริ่มจะต้านทานไม่ไหวนั้น ขนาดของทะเลหมอกสีดำก็ค่อยๆ ลดลงจนเหลือแค่สองสามจั้ง ราวกับว่าทะเลหมอกสีดำจะถูกทะเลโลหิตห่อหุ้มไว้ด้านใน
หลิ่วหมิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ในทันที พอสะบัดไหล่ ก็มีเสียงมังกรพยัคฆ์คำรามดังก้องฟ้า และมีเสียงเปรี๊ยะๆ ดังมาจากร่างของเขา มังกรหมอกดำสามตัวกับพยัคฆ์หมอกดำสามตัวที่ดูราวกับมีชีวิต พุ่งออกจากหลังเขาในทันที
มังกรพยัคฆ์หมอกทั้งหมดส่งเสียงคำราม และหมุนวนรอบตัวหลิ่วหมิงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กระโจนเข้าไปในทะเลหมอก ทำให้ทะเลหมอกที่โล่เก้ากะโหลกสร้างขึ้นมาพวยพุ่งอยู่ครู่หนึ่ง และหนาแน่นกว่าเดิมเล็กน้อย ทำให้ทะเลโลหิตที่ดันเข้ามาในก่อนหน้าต้องถอยออกไปเล็กน้อย
แขนของหลิ่วหมิงพร่ามัว และปล่อยกำปั้นใส่ทะเลโลหิต ทันใดนั้นพลังมหาศาลก็พุ่งออกไป ทำให้ทะเลโลหิตถูกเจาะจนกลายเป็นถ้ำขนาดใหญ่
มีเงาร่างสีแดงสลัวๆ ยืนอยู่ด้านหลังถ้ำ ซึ่งเขาก็คือราชาโลหิตนั่นเอง แม้จะมองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
และมังกรทั้งสามตัวที่อยู่บนหลังหลิ่วหมิงก็แผดเสียงร้องออกมา จากนั้นก็พุ่งออกจากถ้ำขนาดใหญ่ และแยกเขี้ยวยิงฟันกระโจนเข้าหาหลิ่วหมิง
“ฮึ! ลูกไม้ตื้นๆ!”
ราชาโลหิตเห็นเช่นนี้กลับทำเสียงฮึดฮัด จากนั้นก็โบกมือข้างหนึ่งไปบนอากาศ แสงโลหิตสามลำพุ่งออกจากทะเลโลหิตที่อยู่รอบตัวเขา และฟันมังกรทั้งสามจนกลายเป็นหกส่วน
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็หรี่ตาทั้งคู่ลง มือทั้งสองทำท่ามือแปลกประหลาด และตะโกนคำว่า ‘คุกมืด’ ออกมาเบาๆ
“ตู๊มๆ!”
ชิ้นส่วนทั้งหกของมังกรหมอกระเบิดตัวออกมา และกลายเป็นแสงสีดำม้วนตัวออกไป
ภายใต้สถานการณ์ที่ราชาโลหิตไม่ทันได้ระวัง พอรู้สึกว่าภาพตรงหน้ามืดลง ร่างของเขาก็มาอยู่ในโลกสีดำไร้แสงแห่งหนึ่ง ขณะเดียวกัน หนวดสัมผัสสีดำก็พุ่งมารัดพันตัวเขาจากรอบทิศทาง
“พลังวิชามายา!”
แม้ว่าราชาโลหิตจะตกใจเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้รู้สึกลนลานแต่อย่างใด เพียงแค่คว้ามือข้างหนึ่งไปทางอากาศ ก็มีมุกสีแดงเลือดปรากฏอยู่ในมือหนึ่งเม็ด และมันก็เปล่งแสงสีเลือดเจิดจ้าออกมา จากนั้นก็ม้วนตัวไปรอบทิศทาง
หลังจากหนวดสัมผัสสีดำที่ปรากฏตัวรอบๆ ถูกแสงสีเลือดม้วนตัวผ่านไป มันก็ค่อยๆ หายไปอย่างไร้ร่องรอย
คิดไม่ถึงว่ามุกบนมือราชาโลหิตเม็ดนี้ จะเป็นอาวุธจิตวิญญาณพิเศษที่สามารถควบคุมภาพมายาได้
ขณะเดียวกัน มีเสียงดังมาจากทะเลโลหิตที่กักขังหลิ่วหมิงอยู่ คลื่นโลหิตโจมตีเข้าใส่แสงสีดำอย่างบ้าคลั่ง ทำให้แสงสีดำแทบจะต้านทานไม่ไหว
หลิ่วหมิงหรี่ตาทั้งคู่ และทำท่ามือโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ไอดำบนตัวม้วนตัวขึ้นมาในฉับพลัน หลังจากแสงสีดำที่กักขังราชาโลหิตหนาแน่นขึ้น มันก็กลับมามั่นคงอีกครั้ง
เช่นนี้แล้ว ฉากอันน่าประหลาดใจก็ได้บังเกิดขึ้น
หลิ่วหมิงถูกทะเลโลหิตอันพวยพุ่งกักขังไว้ และราชาปีศาจโลหิตก็ถูกแสงสีดำกักขังไว้เช่นกัน และพวกเขาก็พยายามต่อสู้อย่างสุดชีวิต
ผลลัพธ์นี้ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ทั้งสองจะสามารถรับได้ ขณะที่พวกเขาต่างก็คิดจะแสดงท่าไม้ตายเพื่อทำลายภาวะชะงักงันตรงหน้านั้น พลันมีเสียงดังตูมตามจนพื้นดินด้านล่างสั่นสะเทือนเล็กน้อย ราวกับว่ามีสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมากำลังพุ่งเข้ามา
หลิ่วหมิงรู้สึกใจเย็นสะท้าน จากนั้นก็หรี่ตามองออกไปยังที่มาของเสียง
มีแสงสีดำกลุ่มหนึ่งพุ่งมาจากขอบฟ้าที่อยู่ไกลๆ มีเงาร่างอรชรปรากฏอยู่ในนั้นรำไร
และบนพื้นที่อยู่ห่างจากแสงสีดำไปไม่ไกล มนุษย์ทองแดงที่สูงสิบกว่าจั้งกำลังสาวเท้าตามติดอย่างไม่ลดละ
กลิ่นไอที่แผ่ออกจากตัวมนุษย์ทองแดงยักษ์น่ากลัวเป็นอย่างมาก ดูเหมือนจะไม่ด้อยไปกว่าระดับผลึกขั้นปลาย ตรงหน้าอกมีค่ายกลสีเหลืองขนาดใหญ่เปล่งประกายอยู่ไม่หยุด และมีลูกแสงสีเหลืองขนาดฉื่อกว่าๆ พ่นออกจากในนั้นอยู่ตลอดเวลา อากาศบริเวณที่ลูกแสงเคลื่อนตัวผ่านดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย มันทำการโจมตีแสงหลบหลีกสีดำตรงหน้าอย่างต่อเนื่อง
แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ แสงสีดำตรงหน้าเพียงแค่กระพริบไปมาอย่างรวดเร็ว เพื่อหลบหลีกการโจมตีของลูกแสงสีเหลือง แต่กลับไม่มีวี่แววว่าจะพุ่งขึ้นสูงเลยแม้แต่น้อย
“เฮ่อๆ! คิดไม่ถึงว่าท่านเซียนหงส์ดำที่มีชื่อเสียง จะมีท่าทีกระเซอะกระเซิงเหมือนคนอื่นเขาด้วย” พลันมีเสียงราชาโลหิตดังมาจากคุกมืด แม้ว่าน้ำเสียงจะเยือกเย็นเป็นอย่างมาก แต่ฟังอย่างไรก็รู้ว่ารู้สึกยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น
หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกตกใจมาก เซียนหงส์ดำคือผู้ฝึกฝนหญิงที่มีชื่ออันดับสองในบัญชีความเป็นความตาย คิดไม่ถึงว่าจะอยู่ที่นี่ด้วย ดูท่าคงจะมาเพราะเขาด้วยเช่นกัน
แต่ว่ามนุษย์ทองแดงยักษ์ตรงด้านหลังของนางมาจากไหนกัน ถึงได้ไล่ล่านางมาเช่นนี้
ขณะที่หลิ่วหมิงรู้สึกงุนงงอยู่นั้น ทะเลโลหิตที่ปิดล้อมอยู่รอบด้านก็พลันสลายไป และแสงสีเลือดลำหนึ่งก็พุ่งออกจากคุกมืด
“ตู๊ม!”
คุกมืดที่กลายร่างมาจากแสงสีดำ ถูกแสงสีเลือดโจมตีจนเริ่มจะไม่มั่นคงแล้ว
หลิ่วหมิงคิดใคร่ครวญอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็ยกแขนเสื้อเก็บทะเลหมอกสีดำ และมันก็กลายเป็นโล่กระดูกต้านทานอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน หลังจากหลิ่วหมิงชี้มือออกไป คุกมืดในทะเลโลหิตก็แตกกระจาย
ครู่ต่อมา แสงสีดำก็โผล่ออกมาบริเวณใกล้ๆ ตัวหลิ่วหมิง และค่อยๆ กระพริบหายไปในร่างของเขา
ขณะนี้ ทะเลโลหิตตรงหน้าหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง และหายไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็เผยให้เห็นเงาร่างที่เห็นใบหน้าไม่ชัดเจนของราชาโลหิต
ขณะที่มีคนอื่นเข้ามาถึงนั้น หลิ่วหมิงกับราชาโลหิตต่างก็เก็บพลังเข้าไปโดยไม่ได้นัดหมาย และจ้องมองกันอย่างระมัดระวังโดยรักษาระยะห่างหลายสิบจั้ง
ขณะเดียวกัน หญิงที่ถูกแสงสีดำห่อหุ้มก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไม่กี่ที ก็อยู่ห่างจากหลิ่วหมิงไม่ถึงร้อยกว่าจั้งแล้ว
ตอนนี้หลิ่วหมิงถึงมองเห็นอย่างชัดเจนว่า บนศีรษะของมนุษย์ทองแดงยักษ์ มีชายหนุ่มมือเท้าใหญ่ หน้าตาซื่อๆ สวมชุดเรียบง่ายยืนอยู่บนนั้น
ผ่านไปอึดใจเดียว แสงสีดำก็หยุดลง พอแสงหลบหลีกดับไป ก็เผยให้เห็นหญิงชุดดำที่มีใบหน้าอ่อนหวาน แต่รูปร่างค่อนข้างยั่วยวนผู้หนึ่ง
พอนางกวาดสายตามองเห็นหลิ่วหมิงกับราชาโลหิตตรงหน้า ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ในทันที
………………………………