ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 625 ต่อสู้อย่างรุนแรง
การต่อสู้กับราชาโลหิตในก่อนหน้า ราชาโลหิตมีฝีมือเหนือกว่าขั้นหนึ่ง หุ่นมนุษย์ทองแดงจึงถูกทะเลโลหิตของฝ่ายตรงข้ามกักขังไว้ และถูกราชาโลหิตที่แฝงตัวอยู่ในนั้นโจมตีจนแก่นผลึกบริเวณหน้าอกแตกกระจาย
หลังจากเผิงเยวี่ยสูญเสียหุ่นมนุษย์ทองแดง เขาก็ปล่อยหุ่นสำรองตัวอื่นๆ ที่เตรียมไว้ออกมา แต่มันยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชาโลหิต สุดท้ายก็ถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ และต้องระเบิดหุ่นสองตัวสุดท้ายออกมา จากนั้นก็ใช้ยันต์หลบหนีสวรรค์ที่ผู้อาวุโสในนิกายมอบให้เพื่อทำการหลบหนี
แต่ก็ผีซ้ำด้ามพลอย แม้เขาจะอาศัยยันต์หลบหนีราชาโลหิตมาได้ แต่กลับเผชิญหน้ากับเซียนหงส์ดำในทางเข้าตำหนักบางแห่ง
พอนางเห็นฝ่ายตรงข้ามมีสภาพกระเซอะกระเซิงเช่นนี้ ย่อมไล่ล่าด้วยความดีใจ
เผิงเยวี่ยก็ได้แต่หลบหนีเอาชีวิตรอดเท่านั้น
ขณะนี้ เซียนหงส์ดำมองดูแสงหลบหลีกตรงหน้าที่เริ่มมีกลิ่นไอไม่มั่นคง และกระตุ้นพลังในทันที ความเร็วของนางเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านางคิดที่ถือโอกาสนี้สังหารเผิงเยวี่ย เพื่อระบายความแค้นที่ถูกไล่ล่าในก่อนหน้านั้น
แต่เมื่อระยะห่างระหว่างทั้งคู่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เซียนหงส์ดำกลับหยุดชะงักในทันที และหันไปมองทิศทางบางแห่งด้วยสีหน้าฉงน
ทันใดนั้น นางก็คว้ามือข้างหนึ่งไปบนอากาศ และจานเข็มทิศสีขาวก็ปรากฏในมือ บนนั้นมีเข็มสีเงินวางอยู่อย่างเงียบๆ
เซียนหงส์ดำขยับนิ้วโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง และดีดพลังไม่ทราบชื่อลงไปบนจานเข็มทิศ
เข็มสีเงินที่เดิมทีอยู่นิ่งๆ หมุนวนบนจานเข็มทิศอย่างรวดเร็วจนพร่ามัวเป็นแสงสีเงิน ขณะเดียวกันก็มีอักขระสีเงินเปล่งประกายบนจานเข็มทิศเป็นรูปวงกลม
เซียนหงส์ดำมองดูการเปลี่ยนแปลงบนจานเข็มทิศตาไม่กระพริบ ในที่สุดเข็มเงินก็หยุดชะงักลง “กึก!” เข็มทิศชี้ไปทางที่นางมองดูในก่อนหน้านั้น จานเข็มทิศถูกห่อหุ้มอยู่ในกลุ่มแสงสีเงิน และส่งเสียงดังหวึ่งๆ
“มีคนค้นพบไอปีศาจแท้ทางด้านนั้นจริงๆ ด้วย ถึงทำให้เข็มทิศปีศาจมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ดูท่าไอปีศาจแท้ทางด้านนั้นจะต้องมีไม่น้อยอย่างแน่นอน” พอเซียนหงส์ดำเห็นปรากฏการณ์บนจานเข็มทิศ ก็พูดพึมพำออกมาด้วยสีหน้าดีใจ
พอแสงสีดำเปล่งประกายบนตัว นางก็ถือจานเข็มทิศพุ่งไปยังทางที่เข็มทิศชี้ โดยไม่สนใจเผิงเยวี่ยอีก
……
ด้านหนึ่งของสระน้ำสีดำมืด ชายชุดคลุมสีเทาผู้หนึ่งกำลังนำแมลงปีกแข็งที่ไม่ขยับเขยื้อนตัวหนึ่งใส่เข้าไปในยันต์เก็บของ ทันใดนั้น เขาก็หันหน้ามองไปยังทิศทางบางแห่งด้วยแววตาดีใจ ไอหมอกสีเขียวพวยพุ่งตรงใต้เท้า จากนั้นร่างของเขาก็หายไปจากที่เดิม
……
ภายในศาลาที่สร้างขึ้นบนพื้นที่สูงบางแห่ง ก่อนหน้านั้นชายสองคนที่มีหมอกดำปกคลุมเต็มตัวยังต่อสู้กันอุตลุด แต่ครู่ต่อมากลับเก็บอาวุธจิตวิญญาณเข้าไปพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย และหยุดการต่อสู้ในทันที จากนั้นก็มองไปยังทิศทางบางแห่ง
“พี่เฟิง พวกเราต่อสู้กันไม่หยุดเพียงเพราะหยกปีศาจที่มีสภาพไม่สมบูรณ์ชิ้นนี้ คนอื่นกลับหาไอปีศาจแท้พบ อย่างที่รู้ว่าไอปีศาจทั้งหมดในสถานที่แห่งนี้ ยังไม่อาจสู้ไอปีศาจแท้กลุ่มเดียวได้ พวกเราทั้งสองใยต้องมาต่อสู้กันด้วยเล่า!” ชายวัยกลางคนที่ถือดาบสีดำละสายตากลับมา และกล่าวออกมาเช่นนี้
“ฮึ! ช่างเถอะ เรื่องที่เจ้าลอบโจมตีข้าในวันนี้ ค่อยคิดบัญชีหลังไปจากซากโบราณแห่งนี้ก็แล้วกัน” พอน้ำเสียงอีกคนสิ้นสุดลง ไอดำรอบตัวก็ม้วนตัวไปยังทิศทางบางแห่งทันที
คนในก่อนหน้านั้นเห็นเช่นนี้ ก็กลายเป็นแสงหลบหลีกสีดำพวยพุ่งตามไป
……
ขณะที่หลิ่วหมิงทำลายผนึกแท่นบูชาที่อยู่ใจกลางซากโบราณ และเริ่มดูดซับไอปีศาจแท้นั้น ผู้ฝึกฝนสายปีศาจที่อยู่ใกล้ใจกลางซากโบราณหน่อย ก็จะรับรู้ได้ถึงการดำรงอยู่ของไอปีศาจแท้ และพากันพุ่งไปยังแท่นบูชาอย่างบ้าคลั่ง
……
หลิ่วหมิงยืนอยู่ข้างแท่นบูชาที่แตกละเอียด ไม่ว่าไหมดำจะจมเข้าไปบริเวณหน้าท้องเท่าใด เขาก็ยังไม่ขยับเขยื้อน
ขณะเดียวกัน ตรงทางเข้าห้องโถงก็มีเงาร่างพร่ามัวสองเงาซ่อนตัวอยู่ในความมืด และส่งเสียงสนทนากันอย่างรวดเร็ว
“คิดไม่ถึงว่าร่างจิตวิญญาณของข้าหมัวชิงซานที่มีความไวต่อไอปีศาจ ยังไม่อาจหาที่นี่พบเป็นคนแรก กลับถูกเจ้าเด็กนี่แย่งไปก่อน ไอปีศาจแท้ของที่นี่มีมากเช่นนี้ หากพวกเราได้มันไป ก็พอที่จะทำให้พวกเราทะลวงระดับผลึกได้ แม้กระทั่งสามารถฝึกฝนถึงระดับแก่นแท้ได้ด้วย” ชายวัยกลางคนหลังค่อมคนหนึ่งจ้องมองเส้นสีดำที่พุ่งออกจากผนึก และกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ไม่เป็นไร เพียงแค่พวกเราทั้งสองรีบสังหารเจ้าเด็กนี่ซะ ก็สามารถใช้วิชาวิญญาณสูบกลับมาให้พวกเราใช้ได้ เพียงแค่เสียเวลาเล็กน้อยเท่านั้น” เงาร่างค่อนข้างเล็กกลับกล่าวอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งนางเป็นหญิงวัยกลางคนที่มีหน้าตาธรรมดาผู้หนึ่ง
“ดี! งั้นตกลงตามนี้ เจ้ากับข้าร่วมมือกัน และแบ่งไอปีศาจแท้ในสถานที่แห่งนี้” ชายหลังค่อมที่เรียกตัวเองว่าหมัวชิงซานหัวเราะแล้วกล่าวออกมา พอพลิกฝ่ามือ ตรีศูลคู่หนึ่งก็ปรากฏออกมา
หญิงวัยกลางคนพยักหน้าตอบรับ และหยิบกริชสีดำไม่ทราบชื่อออกมาเล่มหนึ่ง
หมัวชิงซานเห็นเช่นนี้ ก็กระทืบเท้าทั้งคู่ และพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิงในทันที
ขณะเดียวกัน หญิงวัยกลางคนก็สะบัดข้อมือ จากนั้นกริชสีดำในมือก็พร่ามัวหายไป
ตอนนี้แม้ว่าฟองอากาศจะดูดซับไอปีศาจอยู่ไม่หยุด แต่ด้วยพรสวรรค์หนึ่งจิตสองพลังของเขา ย่อมรับรู้สถานการณ์รอบด้านได้อย่างชัดเจน
ขณะที่ชายหลังค่อมพุ่งเข้ามาด้วยความโหดร้ายนั้น เขาก็หันตัวมาทันที พอดีดนิ้วทั้งสิบก็เกิดเสียงดังขึ้น ปราณกระบี่สีเขียวสิบสายม้วนตัวออกไปราวกับคมดาบอันแหลมคม
ชายหลังค่อมตะโกนออกมา ตรีศูลในมือหลุดออกไป และกลายเป็นอสรพิษสีเทาสองตัวก่อนม้วนตัวออกไป
“ตู๊ม!”
อสรพิษยักษ์สีเทาปะทะกับปราณกระบี่ทั้งสิบสายจนระเบิดออกมาพร้อมกัน
ขณะนั้นเอง มีคลื่นก่อตัวขึ้นด้านหนึ่งของหลิ่วหมิง กริชสีดำโผล่ออกมา และกลายเป็นแสงสีดำทิ่มเข้าหาหลิ่วหมิงอย่างรุนแรง
“ฟิ้ว!”
แสงสีดำทะลุผ่านศีรษะด้านหนึ่งของหลิ่วหมิง แต่มันเป็นเพียงแค่เงาร่างเท่านั้น
ขณะเดียวกัน มีเงาร่างเคลื่อนไหวด้านหลังชายหลังค่อม จากนั้นหลิ่วหมิงก็ปรากฏตัวออกมาราวกับปีศาจ พอสะบัดแขนเสื้อ กระบี่เล็กสีเขียวก็กลายเป็นสายรุ้งม้วนตัวออกไป
หมัวชิงซานส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนา เขาไม่ทันได้ป้องกันตัวจึงถูกแสงกระบี่ปั่นจนกลายเป็นฝนโลหิต
“พี่ใหญ่!”
หญิงวัยกลางคนผู้นั้นเห็นเช่นนี้ ก็ส่งเสียงปานใจจะขาด ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ ไอดำบนตัวพวยพุ่งออกมา พริบตาเดียวร่างของนางก็มีขนาดใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า
แต่ทว่าในขณะนั้นเอง แสงสีแดงก็พุ่งออกจากหน้าอกของนางอย่างไร้สุ้มเสียง และถูกดึงกลับในทันที ทันใดนั้น โลหิตบริสุทธิ์ก็ทะลักออกจากรูบนหน้าอกของนาง
พอถูกโจมตีจุดสำคัญจนได้รับบาดเจ็บ กลิ่นไอของหญิงวัยกลางคนก็ดูอ่อนโรยเป็นอย่างมาก พอหันหน้าไปดูเล็กน้อย กลับพบว่าชายสวมสุดคลุมสีเทาที่มีเปลวเพลิงสีเขียวห่อหุ้ม กำลังถือหอกยาวสีแดงอยู่
“เฒ่าประหลาดเขียว คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้า……”
“เฮ่อๆ! ในเมื่อพี่ใหญ่ของเจ้าถูกสังหารไปแล้ว จะเหลือเจ้าไว้ทำไม ไปเป็นเพื่อนพี่ใหญ่ของเจ้าจะดีกว่า” ชายชุดเทาหัวเราะอย่างเยือกเย็น เปลวไฟสีเขียวพวยพุ่งรอบตัว หลังจากม้วนตัวกลับไปหนึ่งรอบแล้ว ก็เผาไหม้หญิงนางนี้จนกลายเป็นขี้เถ้า
“ท่านดูดซับไอปีศาจแท้มากเช่นนี้ ก็นับว่าลำบากมากแล้ว ตอนนี้มอบมันมาทั้งหมดเถอะ!” เฒ่าประหลาดเขียวหันมากล่าวกับหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าดุร้าย
พอน้ำเสียงสิ้นสุดลง เขาก็ปล่อยหอกยาวสีแดงออกไป และมันก็กลายเป็นแสงสีแดงที่ยาวห้าหกจั้งก่อนพุ่งใส่หลิ่วหมิง
ขณะนั้นเอง พลันมีเสียงราบเรียบของหลัวโหวดังขึ้นข้างหูหลิ่วหมิง
“ไม่ต้องต่อสู้ รีบให้กรงขังดูดซับไอปีศาจแท้ให้เพียงพอ ตอนนี้ผนึกถูกเจ้าทำลายแล้ว อีกสักครู่คนอื่นๆ คงจะแห่กันเข้ามา ทำให้เจ้ายุ่งจนไม่มีเวลา อีกอย่างไอปีศาจแท้ก็จะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ด้วย”
หลิ่วหมิงได้ยินก็ขมวดคิ้ว ไอดำบนตัวพวยพุ่ง ทันใดนั้น มังกรกับพยัคฆ์หมอกอย่างละสามตัว ก็มาปรากฏตัวตรงด้านหลังของเขา
“ตู๊ม!” “ตู๊ม!” มังกรหมอกกับพยัคฆ์หมอกระเบิดตัวกลายเป็นแสงสีดำ
แสงสีแดงที่กลายร่างมาจากหอกยาวเปล่งประกายหายเข้าไปในนั้น
“เป็นไปได้อย่างไร……”
เฒ่าประหลาดเขียวส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ เขาขาดการติดต่อกับอาวุธจิตวิญญาณในทันที สีหน้าจึงดูอึมครึมขึ้นมา
ขณะที่เขากำลังจะทำการเคลื่อนไหวอื่นนั้น แสงสีดำเต็มฟ้าก็ม้วนตัวออกไปอย่างบ้าคลั่ง
เฒ่าประหลาดเขียวรู้สึกว่าตรงหน้ามืดลง และร่างของเขาก็มาปรากฏตัวในคุกมืดของหลิ่วหมิง รอบด้านล้วนเป็นสีดำมืด มีหนวดสัมผัสสีดำจำนวนมากพวยพุ่งเข้ามา
เฒ่าประหลาดเขียวรู้สึกเย็นสะท้านในทันที
ขณะเดียวกัน ร่างของหลิ่วหมิงก็มาปรากฏตัวบนขอบผนึกอีกครั้ง ฟองอากาศในทะเลจิตวิญญาณค่อยๆ หมุนตัว จากนั้นก็ดูดซับไหมดำที่พุ่งออกมา
ชั่วเวลาไม่ถึงครึ่งถ้วยชา ภายในคุกมืดที่อยู่ห่างหลิ่วหมิงสิบกว่าจั้ง พลันมีเปลวเพลิงสีเขียวคุโชนขึ้นมา
ไม่นานเปลวเพลิงสีเขียวก็ทะลักออกจากแสงสีดำ และก่อตัวเป็นใบหน้าอัปลักษณ์อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ดิ้นรนอยู่ท่ามกลางแสงสีดำอยู่ไม่หยุด
“คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะมีความสามารถอยู่บ้าง สามารถแหวกคุกมืดได้”
หลิ่วหมิงเหลือบสายตามองดูทีหนึ่ง จากใช้ก็แสดงพรสวรรค์หนึ่งจิตสองพลัง พอสะบัดแขนเสื้อ กระบี่เล็กสีเขียวก็พุ่งยิงออกไป หลังจากหมุนวนกลางอากาศหนึ่งรอบแล้ว ก็กลายเป็นแสงกระบี่ยักษ์ที่ยาวห้าหกจั้ง
“ไป!”
พอเขาชี้มือข้างหนึ่งไปทางอากาศ แสงกระบี่ก็ส่งเสียงดังฟิ้ว พริบตาเดียวก็ฟันใบหน้าที่สร้างขึ้นมาออกเป็นสองส่วน และจมหายไปในแสงสีดำ
ในใจหลิ่วหมิงย่อมรู้ดีว่า แม้คนผู้นี้จะใช้พลังปีศาจแหวกคุกมืดออกมาได้เล็กน้อย แต่ร่างของเขายังคงอยู่ในวิชามายา ซึ่งไม่อาจต้านทานการโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของวิชาขี่กระบี่ได้
เป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ หลังผ่านไปสักพักก็มีเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนาตามด้วยเสียงดัง “ตู๊ม!”
แสงสีดำในคุกมืดระเบิดออกมาในทันที เปลวเพลิงคุโชนสีเขียวแผ่ขยายไปรอบด้าน เผยให้เห็นร่างไร้ศีรษะของชายชุดคลุมสีเทา โลหิตที่พุ่งออกจากคอสูงถึงสามฉื่อ
เฒ่าประหลาดเขียวที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในบรรดาผู้ฝึกฝนอิสระ ก็เสียชีวิตไปเช่นนี้
พอหลิ่วหมิงโบกมือข้างหนึ่ง แสงกระบี่สีเขียวก็หมุนวนกลางอากาศหนึ่งรอบก่อนพุ่งกลับมา
แต่ขณะที่กระบี่บินยังอยู่ระหว่างทางพุ่งกลับนั้น เขากลับยกมือชี้ผ่านอากาศอีกครั้ง
แสงกระบี่สีเขียวหมุนวนอย่างรวดเร็ว และม้วนตัวไปยังเสาหินยักษ์ที่อยู่ไม่ไกลอย่างรวดเร็ว
………………………………