ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 626 สู้กับเซียนหงส์ดำ
“เต๊ง!”
แสงสีดำสองลำพุ่งออกจากด้านหลังเสาหิน และกระพริบไปรับมือกับแสงกระบี่สีเขียว หลังจากประสานกันไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ต่างก็พุ่งยิงกลับไป
หลิ่วหมิงคว้ามือข้างหนึ่งไปทางอากาศ หลังจากเก็บกระบี่เล็กในมือแล้ว ก็มองไปทางเสาหินด้วยแววตาเยือกเย็น
อากาศด้านหลังเสาหินบิดเบี้ยวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเงาร่างอรชรสีดำก็ปรากฏออกมา เงาร่างนี้เป็นหญิงสาวใบหน้างดงามผู้หนึ่งที่สวมชุดกระโปรงสีดำ ในมือถือดาบสั้นสีดำอยู่สองเล่ม นางคือเซียนหงส์ดำนั่นเอง
“ท่านช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก ห่างกันไกลขนาดนี้ ก็ยังมองเห็นวิชาซ่อนเร้นของข้าได้ แต่ว่าใบหน้าของสหายแตกต่างจากเดิมมาก วันนั้นท่านต่อสู้กับราชาโลหิตยังไม่รู้ว่าใครแพ้ชนะเลย วันนี้ดูท่าข้าจะหาเรื่องผิดคนแล้ว” นางซ่อนตัวอยู่ที่นี่มาพักหนึ่งแล้ว เดิมทีคิดจะรอให้หลิ่วหมิงต่อสู้กับคนอื่นๆ จนได้รับบาดเจ็บเสียก่อน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะถูกค้นพบเข้า นางจึงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
พอหลิ่วหมิงได้ยินว่าฝ่ายตรงข้ามรู้สถานะของตนแล้ว ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่กลับกล่าวด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็น
“สหายหงส์ดำมาปรากฏตัวที่นี่ คิดว่าคงไม่ได้มาเพื่อไอปีศาจแท้เพียงอย่างเดียว คงมีเป้าหมายอื่นด้วยสินะ!”
เห็นได้ชัดว่าวิชาที่เซียนหงส์ดำฝึกฝนไม่ใช่พลังปีศาจ ไอปีศาจแท้ไม่มีประโยชน์ใดๆ กับนางเลย แต่เมื่อนางยังคงเข้ามาที่นี่ มีโอกาสเป็นไปได้แปดถึงเก้าในสิบส่วนว่า นางมาเพราะเขา
พริบตาที่หลิ่วหมิงพูดจบ เขาก็เอามือข้างหนึ่งลูบหน้าทันที จากนั้นก็พร่ามัวกลับคืนสู่รูปโฉมที่แท้จริง
“หากเป็นไอปีศาจแท้หนึ่งถึงสองกลุ่ม ข้าย่อมไม่ใส่ใจอย่างแน่นอน แต่ไอปีศาจแท้จำนวนมากเช่นนี้ หากรวบรวมมาได้ทั้งหมด มันก็สามารถแลกหินจิตวิญญาณในจำนวนที่ยากจะจินตนาการได้ ส่วนสหายนั้น ข้าย่อมไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน โอสถกระดูกนักรบพระโพธิสัตว์ เป็นสิ่งของสำคัญต่อความสำเร็จของข้าในอนาคตมาก” เซียนหงส์ดำหัวเราะอิๆ ก่อนกล่าวออกมา
“ฮึ! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว ข้ากับเจ้าจะต้องมีคนใดคนหนึ่งอยู่เท่านั้น” พอหลิ่วหมิงฟังมาถึงจุดนี้ ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมในทันที เขาทำท่ามือโดยไม่พูดอะไรให้มากความ และไอดำก็พวยพุ่งออกจากตัว
เซียนหงส์ดำเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะเบาๆ จากนั้นก็เริ่มร่ายคาถา ร่างของนางพร่ามัวกลายเป็นสอง พริบตาเดียวก็กลายเป็นสี่ ผ่านไปสักพักก็กลายเป็นเงาร่างสิบหกเงา และล้อมรอบหลิ่วหมิงไว้
ไม่รู้เป็นเพราะว่าพลังจิตของหลิ่วหมิงแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกฝนระดับเดียวกัน หรือเป็นเพราะเคยฝึกฝนเคล็ดวิชาสามเงาที่เป็นวิชาประเภทเดียวกัน พอเซียนหงส์ดำเริ่มแบ่งร่าง เขาก็มองเห็นเงาร่างมายาเหล่านี้อย่างชัดเจน
ขณะนั้นเอง ร่างของหลิ่วหมิงก็พร่ามัว และพุ่งตรงเข้าหาร่างจริงของเซียนหงส์ดำอย่างรวดเร็ว
เซียนหงส์ดำหยุดร่ายคาถาในทันที เท้าทั้งคู่กระทืบลงพื้นแล้วพุ่งถอยออกไปด้านหลัง เงาร่างสิบห้าเงาที่เหลือแตกกระจายในทันที ขณะเดียวกัน ดาบคู่ในมือก็ถูกตั้งไขว้กัน จากนั้นลูกเปลวไฟสีดำสองลูกก็กลิ้งออกมา
หลิ่วหมิงขยับตัวหลบลูกเปลวไฟสีดำทั้งสองไปได้ และมาปรากฏตัวด้านหลังของนางราวกับปีศาจ มือข้างหนึ่งคว้าผ่านอากาศไปที่ไหล่ของนาง
เซียนหงส์ดำมีท่าทีตอบสนองรวดเร็วมาก นางบิดตัวและเอาเท้าข้างหนึ่งแตะพื้น และพุ่งถอยออกไปในทันที
ด้านหนึ่งเซียนหงส์ดำก็ทำการหลบหลีกไปด้วย อีกด้านก็โบกสะบัดดาบคู่ในมือ จนเกิดเป็นเปลวเพลิงสีดำในการต่อสู้กับหลิ่วหมิง
ตอนแรกหลิ่วหมิงยังกำมุกพลังวารีทั้งสองไว้ในมือ เพื่อที่จะรับมือกับเปลวเพลิงเหล่านี้โดยตรง แต่พอเปลวเพลิงนี้สัมผัสกับไอหมอกที่มุกพลังวารีในกำปั้นสร้างขึ้นมา มันก็ส่งเสียงดังฟิ้วๆ และกลายเป็นควันสีดำ
ลูกเปลวไฟสีดำที่ดาบคู่สีดำปล่อยออกมามีอานุภาพเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่อาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดทั่วไป และสามารถสัมผัสได้ถึงต้นแบบอาวุธเวทอยู่ลางๆ
แม้ว่าหลิ่วหมิงจะอาศัยกายเนื้ออันแข็งแกร่ง ทั้งยังมีมุกพลังวารีคอยช่วยเสริม แต่ก็พอที่จะรับมือกับการโจมตีได้ไม่กี่ครั้ง หากเป็นผู้ที่มีระดับการฝึกฝนต่ำหน่อยล่ะก็ คาดว่าคงถูกลูกเปลวไฟสีดำโจมตีจนกลายเป็นขี้เถ้าตั้งแต่แรกแล้ว
ดังนั้น หลังจากหลิ่วหมิงครุ่นคิดอย่างรวดเร็วแล้ว ก็ได้แต่อาศัยท่าร่างแปลกประหลาดหลบเปลวเพลิงสีดำเหล่านี้เท่านั้น
ไม่ว่าลูกเปลวไฟสีดำจะมีอานุภาพมากเพียงใด แต่ภายใต้การกระตุ้นติดต่อกันของเซียนหงส์ดำ ทำให้ความเร็วลดลงไปเล็กน้อย
หากเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ระดับเดียวกันคนอื่นๆ ภายใต้สถานการณ์ที่เซียนหงส์ดำอาศัยท่าร่างอันน่าตกใจของตนเอง ย่อมไม่นับประสาอะไรกับความเร็วที่ลดน้อยลงไปเช่นนี้
ที่น่าเสียดายก็คือ ที่นางเผชิญในตอนนี้คือหลิ่วหมิง ผู้ที่เคยแลกมือกับระดับแก่นแท้และปีศาจอสูรมาก่อน
ขณะนี้ หลิ่วหมิงอาศัยท่าร่างแปลกประหลาดกว่าเดิม ทำการหลบหลีกเปลวไฟสีดำแต่ละกลุ่มไปได้ นอกจากนี้ยังปล่อยเงากำปั้นสีดำออกไปเป็นระยะๆ มืออีกข้างก็ปล่อยปราณกระบี่ออกไปเป็นสายๆ การโจมตีด้วยกำปั้นและดรรชนีกระบี่เช่นนี้ เป็นการโจมตีที่สมบูรณ์แบบมาก ทำให้เซียนหงส์ดำร่นถอยเป็นระยะๆ ไม่นานนางก็ตกเป็นเบี้ยล่าง
การต่อสู้ของทั้งสอง ทำให้ค่ายกลผนึกถูกโจมตีจนระเบิดออกมาไม่หยุด ส่งผลให้ซากโบราณของเผ่าปีศาจบรรพกาลสั่นสะเทือนเล็กน้อย แม้แต่ผู้ฝึกฝนจำนวนหนึ่งที่ไม่อาจสัมผัสกับไอปีศาจแท้ได้ ก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติของสถานที่แห่งนี้ และพากันค้นหา
……
ในระเบียงทางเดินเปิดโล่งที่อยู่ห่างจากหลิ่วหมิงไม่ไกล ชายชุดคลุมสีดำผู้หนึ่งกำลังถูกขังอยู่ในค่ายกลกับดักสมัยบรรพกาล โดยไม่อาจเคลื่อนไหวได้เลยแม้แต่น้อย
“คุณชาย ช่วยด้วย! เพียงแค่ข้าน้อยออกไปจากที่นี่ได้ จะต้องยอมสละชีพเพื่อคุณชายอย่างแน่นอน” ชายชุดคลุมสีดำขอความช่วยเหลือจากราชาโลหิตที่อยู่ข้างค่ายกลด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“เจ้าพวกใช้ไม่ได้จริงๆ เลย เจ้าค่อยๆ รออยู่ที่นี่เถอะ! ไหนเลยข้าจะมีเวลาช่วยเจ้า อย่างไรซะค่ายกลนี้ก็ชำรุดไปนานแล้ว จะมีชีวิตรอดหรือไม่นั้น ต้องดูว่าดวงของเจ้าแข็งหรือไม่ พวกเจ้าตามข้ามา” ชายหนุ่มชุดแดงทำเสียงฮึดฮัด จากนั้นก็หันไปสั่งอีกสองคนที่เหลือ
ราชาโลหิตและลูกน้องสองคนกลายเป็นกลุ่มหมอกโลหิตก่อนพุ่งไปยังใจกลางซากโบราณ โดยไม่สนใจชายชุดดำคนนั้นอีก
……
ท่ามกลางม่านวารีสีดำที่มุกพลังวารีสร้างขึ้นมา หลิ่วหมิงกำลังหรี่ตามองทะเลเพลิงสีดำตรงหน้า และตรงไหล่บางแห่งก็ดำเกรียมไปทั้งแถบ
ท่ามกลางทะเลเพลิง เซียนหงส์ดำมีขนวิหคสีดำปกคลุมเต็มตัว แขนทั้งสองได้กลายเป็นปีกคู่หนึ่ง และเท้าทั้งสองกลับกลายเป็นกรงเล็บหนึ่งคู่แล้ว
ก่อนหน้านั้นนางต่อสู้กับหลิ่วหมิงอย่างดุเดือด แม้ว่าจะใช้เคล็ดวิชาแปลกประหลาดหลายอย่างติดต่อกัน แต่ยังคงถูกหลิ่วหมิงใช้เคล็ดวิชากระดูกดำกับวิชาขี่กระบี่ทำลายจนหมดสิ้น แม้กระทั่งดาบสั้นที่เป็นต้นแบบอาวุธเวทคู่นั้น ก็ถูกหลิ่วหมิงใช้พลังมหาศาลโจมตีจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก และต้องเก็บมันเข้าไป จากนั้นจึงกลายร่างแปลกประหลาดเช่นนี้
และเซียนหงส์ดำที่กลายร่างเป็นหงส์ดำ ไม่ต้องใช้ดาบสั้นสีดำ ก็สามารถควบคุมเพลิงดำที่มีอานุภาพอันยิ่งใหญ่นี้ได้ เมื่อหลิ่วหมิงสัมผัสกับมัน ก็ต้องเสียเปรียบไม่น้อย และไม่กล้าดูเบามันเลย
ขณะนี้ เซียนหงส์ดำกระพือปีกอยู่ในทะเลเพลิงสีดำ แต่ดวงตาทั้งคู่กลับจ้องมองหลิ่วหมิงอย่างไม่ละสายตา ความรู้สึกผ่อนคลายในตอนแรกหายไปจนหมดสิ้น
บาดแผลบนตัวนางที่ถูกดรรชนีกระบี่ของหลิ่วหมิงทำร้ายในตอนแรก ก็สมานกันทันทีหลังจากกลายร่างแล้ว
หลิ่วหมิงกวาดสายตามองดูค่ายกลผนึกในบริเวณนั้น ที่ยังคงมีไอปีศาจแท้พุ่งออกมา จากนั้นก็ถอนหายใจยาวๆ พอสะบัดแขนเสื้อ จุดแสงสีทองก็ม้วนตัวออกไป และกระพริบหายไปในอากาศ
เซียนหงส์ดำเห็นเช่นนี้ ดวงตาทั้งคู่ก็เป็นประกาย นางระแวดระวังความเคลื่อนไหวรอบด้าน แต่กลับไม่ค้นพบความผิดปกติเลยแม้แต่น้อย จึงแสดงสีหน้าฉงนออกมาอย่างอดไม่ได้
ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงก็เก็บม่านวารีบนตัว จากนั้นมันก็กลายเป็นมุกกลมๆ สีดำสองเม็ดและถูกกำไว้ในมือ พอเท้าทั้งคู่กระทืบพื้นอย่างรุนแรง ร่างของเขาก็พุ่งไปยังทะเลเพลิงสีดำทันที
เซียนหงส์ดำเห็นเช่นนี้ ก็ส่งเสียงร้องแหลมออกมา เปลวเพลิงสีดำตรงหน้าพวยพุ่งกลายเป็นกำแพงอัคคีดำที่สูงหลายจั้ง
หลิ่วหมิงไม่คิดจะหลบหลีกเลยแม้แต่น้อย แต่กลับกระตุ้นชั้นจำกัดทั้งหมดของมุกพลังวารีในพริบตา และขว้างมันออกไป
มุกกลมๆ สีดำทั้งสองกลายเป็นหมอกสีดำกลุ่มหนึ่ง พอสัมผัสกับกำแพงอัคคี ก็ส่งเสียงดัง “ฟู่ๆ!” ทำให้อานุภาพของกำแพงอัคคีอ่อนลงไป
“ตู๊ม!”
เงาภูเขาลูกเล็กที่กลายร่างมาจากมุกพลังวารีอีกเม็ดพุ่งเข้ามา
ทันใดนั้น เกิดระลอกคลื่นบนกำแพงอัคคีอยู่พักหนึ่ง และเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ใจกลางกำแพงถูกเงาภูเขาลูกเล็กเจาะทะลุ จนเกิดเป็นรูขนาดจั้งกว่าๆ
ครู่ต่อมา หลิ่วหมิงก็เคลื่อนตัวเข้าไปในรู และมาปรากฏตัวตรงหน้าเซียนหงส์ดำราวกับปีศาจ ไอดำที่พวยพุ่งอยู่บนตัวเขา ทำให้เปลวเพลิงรอบด้านหลบออกไปเล็กน้อย และเขาก็ปล่อยกำปั้นออกไปอย่างไม่ลังเล
บริเวณที่กำปั้นสีดำเคลื่อนตัวผ่าน มีหัวพยัคฆ์ขนาดใหญ่ปรากฏออกมาตัวหนึ่ง
ตั้งแต่ตอนที่หลิ่วหมิงขว้างมุกพลังวารีทั้งสองออกไปเปิดกำแพงอัคคี และมายืนอยู่ตรงหน้าเซียนหงส์ดำนั้น ทุกอย่างราบรื่นประดุจดังสายน้ำไหล
แม้เซียนหงส์ดำจะรู้ว่าหลิ่วหมิงมีกายเนื้อแข็งแกร่งมาก แต่ก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ดี
กำแพงอัคคีสีดำนี้สร้างขึ้นจากเปลวเพลิงชีวิต อานุภาพไม่ได้รุนแรงเหมือนกับเปลวเพลิงของต้นแบบอาวุธเวทคู่นั้น แต่กลับสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ดั่งใจ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกฝนโดยทั่วไปจะสามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย
ด้วยเหตุนี้ พอเห็นหลิ่วหมิงบุกมาตรงหน้าและปล่อยกำปั้นโจมตีเข้ามานั้น นางก็ตกใจและโมโหจนไม่ทันได้แสดงวิชาอื่นออกมาต้านทาน ทำได้แค่เอาปีกทั้งสองมาประกบกันตรงหน้า และห่อหุ้มร่างกายไว้
“ตู๊ม!” เซียนหงส์ดำบินออกจากทะเลพลิง
ผ่านไปแค่อึดใจเดียวก็บินไปไกลเจ็ดแปดจั้ง จากนั้นถึงกระพือปีกอย่างบ้าคลั่ง และหยุดลง
ขณะที่นางกำลังโซซัดโซเซอยู่กลางอากาศนั้น พลันมีจุดแสงสีทองปรากฏขึ้นบริเวณรอบๆ พริบตาเดียวก็ขยายตัวกลายเป็นตาข่ายยักษ์สีทองห่อหุ้มร่างของนางไว้ สิ่งนี้ก็คือทรายทองคำร่วงที่หลิ่วหมิงปล่อยออกไปในก่อนหน้า และเมื่อมันรัดแน่นขึ้น นางก็ถูกห่อหุ้มไว้อย่างแน่นหนา
เซียนหงส์ดำอ้าปากพ่นเพลิงสีดำออกมาด้วยความตกใจ ขณะเดียวกันกรงเล็บแหลมคมทั้งคู่ก็ดิ้นรนอยู่ไม่หยุด
“กระบี่ร่างเป็นหนึ่ง!”
ไอกระบี่อันน่ากลัวพุ่งขึ้นฟ้า ร่างหลิ่วหมิงกลายเป็นสายรุ้งสีเขียวที่ยาวสิบกว่าจั้ง และม้วนตัวเข้ามาด้วยลักษณะที่ดุดัน
เซียนหงส์ดำที่อยู่ภายในตาข่ายสีทองขนาดใหญ่ แอบส่งเสียงร้องออกมา “แย่แล้ว!
นางพยายามกระตุ้นเปลวเพลิงสีดำบนตัวให้ทำลายตาข่ายสีทอง แต่ไม่สามารถทำลายทรายทองคำร่วงที่เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดภายในระยะเวลาสั้นๆ ได้
สายรุ้งสีเขียวเปล่งประกายอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็ทะลุออกจากรอยแยกของตาข่าย
………………………………