ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 634 งานแลกเปลี่ยน
หลิ่วหมิงยิ้มเล็กน้อยแล้วหยุดฝีเท้าลง จากนั้นก็หยิบขวดออกมาใบหนึ่ง และโยนออกไป
หญิงสาวชุดขาวเลิกคิ้วขึ้นมา ดูเหมือนนางจะไม่พอใจกับการกระทำที่ดูไม่มีมารยาทของหลิ่วหมิง หลังจากทำเสียงฮึดฮัดออกมาแล้ว ก็ยื่นมือรับขวดกระเบื้องมา พอเปิดจุกออกดู ก็มีกลิ่นโอสถหอมเข้มข้นโชยออกมา ทำให้นางตาโตขึ้นมาทันที
ขวดนี้มีเม็ดโอสถสีเขียวขนาดเท่าหัวแม่มือห้าเม็ด มีสีอวบอิ่มแวววาว แผ่กลิ่นหอมเย็น บนเม็ดโอสถแต่ละเม็ด มีลายโอสถสีเงินปรากฏอยู่ห้าเส้น
“นี่คือโอสถผลึกเย็น ทั้งยัง…เป็นโอสถระดับพสุธาด้วย!” หญิงสาวชุดขาวเอามือปิดปากเบาๆ แล้วพูดพึมพำออกมา
นางตระหนักถึงความรู้สึกของตนเองในทันที ใบหน้าแดงขึ้นมา จากนั้นก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“เป็นอย่างไรบ้าง ของสิ่งนี้คงเข้าตาสหายอยู่นะ” หลิ่วหมิงยืนเอามือไขว้หลังแล้วกล่าวอย่างราบเรียบ
“ไม่เลว! โอสถผลึกเย็นระดับพสุธาพบเจอได้น้อยมาก มูลค่าย่อมไม่เบา เข้าถึงเกณฑ์ในงานแลกเปลี่ยนแล้ว เชิญสหายตามข้ามาเถอะ!” แววตาของหญิงชุดขาวที่มองหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปทันที หลังจากเดินไปด้านหน้าสองสามก้าวแล้ว ก็ยื่นขวดคืนกลับไปอย่างอาลัยอาวรณ์ และกล่าวออกมา
พอกล่าวจบ นางก็เดินมาข้างหน้า และพาหลิ่วหมิงเดินไปต่อ หลังจากเลี้ยวไปหนึ่งโค้งแล้ว ก็มาถึงหน้ากำแพงหยกขาวด้านหนึ่ง
พอหญิงสาวชุดขาวยื่นมือกดลงบนกำแพง แสงสีขาวก็กระเพื่อมออกมา ประตูหินที่ปกคลุมไปด้วยอักขระจำนวนมากปรากฏออกมาทันที
“สหายเชิญเข้า” หญิงสาวชุดขาวผลักประตูหินออก และทำท่าทางเชื้อเชิญ หลิ่วหมิงเองก็ก้าวเข้าไปอย่างไม่เกรงใจ
ด้านหลังประตูเป็นระเบียงทางเดินที่ค่อนข้างกว้าง ตรงปลายสุดมีแสงสีขาวเปล่งประกายอยู่รำไร ดูเหมือนจะเป็นห้องโถงแห่งหนึ่ง
ระเบียงทางเดินไม่ยาวมาก ไม่นานทั้งสองก็มาถึงจุดสิ้นสุด และห้องโถงหลักขนาดใหญ่ก็ปรากฏตรงหน้าหลิ่วหมิง
ใจกลางห้องโถงมีโต๊ะทรงกลมขนาดใหญ่จัดวางอยู่ รอบๆ โต๊ะมีเก้าอี้ไม้สีแดงสิบกว่าตัวจัดวางอยู่ห่างๆ บนนั้นปูด้วยเบาะนุ่มที่ปักด้วยไหมสีทอง
มีผู้ฝึกฝนแต่งกายแบบต่างๆ นั่งอยู่บนเก้าอี้จำนวนไม่น้อยแล้ว พอเห็นหลิ่วหมิงเดินเข้ามา ก็มีหลายคนที่มองมาทางนี้ทีหนึ่ง จากนั้นก็ทำเรื่องของตนเองต่อ
หลิ่วหมิงรู้สึกใจเย็นสะท้าน ผู้ฝึกฝนที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนมีการฝึกฝนระดับของเหลว ทั้งยังมีระดับของเหลวขั้นปลายเป็นหลัก ในนั้นยังมีหนึ่งถึงสองคนที่ดูสงบเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ฝึกฝนระดับผลึก
ขณะที่คิดเช่นนี้อยู่ในใจ หลิ่วหมิงก็เดินไปยังเก้าอี้ว่างตัวหนึ่งด้วยสีหน้าปกติ หลังจากจัดการชายเสื้อเรียบร้อยแล้วก็นั่งลงไป ไม่นานก็มีหญิงรับใช้ยกชาจิตวิญญาณมาให้
“สหายเย่ งานแลกเปลี่ยนยังต้องรออีกสักพักนึ่งถึงจะเริ่ม ขอท่านโปรดรอสักครู่” มีเสียงลมพัดผ่านข้างหู หญิงสาวชุดขาวก้มลงมากระซิบข้างหูหลิ่วหมิงเบาๆ
หลิ่วหมิงขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็พยักหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน และยกชาจิตวิญญาณขึ้นมาจิบ
ความสนิทสนมของทั้งสองตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้าง แขกประจำที่คุ้นเคยกับหญิงสาวชุดขาวรู้สึกตกใจเล็กน้อย จนต้องแอบสังเกตหลิ่วหมิงอย่างอดไม่ได้ และพากันคาดเดาที่มาของเขา
หลิ่วหมิงย่อมสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่กลับยังคงมีสีหน้าปกติ และไม่ใส่ใจมากนัก
เวลาต่อมา ก็มีผู้ฝึกฝนระดับของเหลวสองคนเดินเข้ามาในห้องโถง และหาเก้าอี้ที่ว่างนั่งลงไปอย่างคุ้นเคย
และผู้คนทั้งหมดก็ไม่คิดที่จะพูดคุยกันเลยแม้แต่น้อย บ้างก็หลับตาพักผ่อน บ้างก็นั่งสบายๆ รอคอยงานแลกเปลี่ยนเริ่มอย่างเงียบๆ
หลังจากรอคอยไปครึ่งชั่วยาม ถึงมีผู้ฝึกฝนวัยกลางคนสวมชุดสีแดงเดินออกจากด้านในของห้องโถง และเดินไปนั่งบนเก้าอี้อย่างไม่ใส่ใจ
ผู้ฝึกฝนที่อยู่ ณ ที่นั้นพากันกวาดสายตามองดูชายวัยกลางคน
“คิดว่าคนผู้นี้คงเป็นฝูอวิ๋นจื่อแห้งร้านค้าหรูอี้แล้ว ร้านค้าหรูอี้เป็นสาขาย่อยของหอการค้าเชียนเหมิง มีคนผู้นี้ออกหน้าดำเนินการล่ะก็ ดูท่างานในครั้งนี้คงมีสิ่งของดีๆ จำนวนไม่น้อย” ผู้ฝึกฝนสองคนที่นั่งติดกันกระซิบเบาๆ
หลิ่วหมิงหูผึ่งในทันที พอได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา ขณะนั้นเองผู้ฝึกฝนวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลัก ก็ประกาศเสียงดังออกมา
“ยินดีต้อนรับสหายทุกท่านที่เข้าร่วมงานแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ ข้าฝูอวิ๋นจื่อเป็นผู้ดำเนินรายการที่นี่ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบเจอกับสหายทุกท่าน ตอนนี้ก็ได้เวลาพอประมาณแล้ว พวกเรามาเริ่มกันเถอะ ตอนนี้สหายทุกท่านนำสิ่งของของตนเองออกมาแนะนำสักเล็กน้อย และแจ้งสิ่งของหรือหินจิตวิญญาณที่ต้องการแลก ผู้ที่สนใจก็สามารถทำการแลกเปลี่ยนได้ทันที”
ผู้คนที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนไม่ได้มางานแลกเปลี่ยนเป็นครั้งแรก ย่อมคุ้นเคยกับกระบวนการนี้แล้ว
ขณะที่ผู้ฝึกฝนวัยกลางคนพูดจบได้ไม่นาน ชายฉกรรจ์ชุดฟ้าผู้หนึ่งก็ลุกขึ้นยืนก่อน คนผู้นี้ก็คือหนึ่งในผู้ฝึกฝนระดับผลึก
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เริ่มที่ข้าเลยก็แล้วกัน” ชายฉกรรจ์ชุดฟ้าเดินไปที่โต๊ะตรงหน้า และพลิกฝ่ามือหยิบยันต์เก็บของออกมา พอสะบัดลงด้านหน้า ก็มีแสงเปล่งประกาย และสิ่งของสองสามอย่างก็ร่วงลงบนโต๊ะ
มีหินแร่ พืชจิตวิญญาณ อาวุธจิตวิญญาณ เป็นต้น ดูเหมือนว่าจะมีพลังจิตวิญญาณลอยวนเวียนอยู่ แลดูไม่ธรรมดา
“หินเหล็กวิญญาณอัคคีหนึ่งก้อน พืชจิตวิญญาณสวรรค์หนึ่งต้น อาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดสามสิบสามชั้นจำกัด…”
ชายฉกรรจ์ชุดฟ้าแนะนำสิ่งของบนโต๊ะ ขณะเดียวกันก็ค่อยๆ กวาดสายตามองดูผู้คนที่อยู่ในนี้ไปด้วย จากนั้นก็กระแอมไอก่อนกล่าวออกมา
“ข้าน้อยไม่ละโมบ หินเหล็กวิญญาณอัคคีกับพืชจิตวิญญาณสวรรค์ ต้องการแลกโอสถสองขวดสำหรับยกระดับการฝึกฝนระดับของเหลวเท่านั้น แต่ต้องเป็นโอสถระดับสูง อาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดชิ้นนี้ ต้องการแลกไม้พิษอายุห้าร้อยปีต้นหนึ่ง…”
พอชายฉกรรจ์ชุดฟ้ากล่าวจบ ก็หมุนตัวกลับไปนั่งที่เดิม
สิ่งของเหล่านี้ล้วนเป็นของล้ำค่า หินเหล็กวิญญาณอัคคีเป็นวัสดุชั้นยอดในการหลอมอาวุธจิตวิญญาณธาตุไฟระดับสุดยอด และพืชจิตวิญญาณสวรรค์ เป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงโอสถเสวียนซิน ส่วนอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอด มูลค่าของมันไม่ต้องพูดถึงเลย
ผู้คนในนั้นมีคนไม่น้อยที่ตาเป็นประกายขึ้นมา แม้กระทั่งมีคนกระซิบกระซาบอย่างไม่ปิดบัง
แต่ว่าในขณะนั้น ยังไม่มีการเสนอสิ่งของทำการแลกเปลี่ยนแต่อย่างใด ส่วนเหตุผลนั้นทุกคนต่างก็เข้าใจดี ย่อมเป็นเพราะว่าต้องดูสิ่งของทั้งหมดหนึ่งรอบก่อน ถึงจะสามารถแลกเปลี่ยนได้ มิเช่นนั้นหากพลาดของที่ดีกว่าไป จะต้องเสียใจในภายหลังอย่างแน่นอน
“ข้าน้อยไม่ร่ำรวยเท่าสหายท่านนี้ ครั้งนี้นำมาแค่สุราคุณภาพเยี่ยมขวดเล็กๆ เท่านั้น อยากจะแลกแก่นของคางคกเพลิงหนึ่งเม็ด หรือว่าจะใช้หินจิตวิญญาณแลกเปลี่ยนก็ได้” ด้านข้างของชายฉกรรจ์ชุดฟ้าเป็นผู้ฝึกฝนหญิงผู้หนึ่งที่ปิดหน้าไว้ ขณะนี้นางยืนขึ้นมากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ขณะที่กล่าว นางก็สะบัดมือ จากนั้นก็มีแสงเปล่งประกาย มีขวดเล็กใสๆ ปรากฏอยู่บนโต๊ะตรงกลางห้อง จะเห็นว่าด้านในบรรจุของเหลวสีขาวน้ำนมอยู่ครึ่งขวด
ครั้งนี้คนอื่นๆ กลับมีปฏิกิริยาเรียบเฉยมาก มีแค่คนสองคนที่มองดูทีหนึ่ง
หญิงสาวที่ปิดหน้าเผยแววตาผิดหวังเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งลงอย่างเงียบๆ
ดวงตาของหลิ่วหมิงเคลื่อนไหว ตั้งแต่ไข่เทพอสูรใบนั้นฟักออกมาจนถึงตอนนี้ ยังคงอ่อนปวกเปียกไร้ซึ่งความรู้สึก
สุราคุณภาพเยี่ยมนี้ให้ผลลัพธ์คล้ายกับโลหิตบริสุทธิ์ตะพาบน้ำจิตวิญญาณหมื่นปี ซึ่งต่างก็เป็นสิ่งของที่เสริมพลังชีวิต แม้ว่าผลลัพธ์จะสู้โลหิตบริสุทธิ์ของตะพาบน้ำหมื่นปีไม่ได้ แต่สามารถซื้อมาบำรุงเจ้าหมึกแปดขานั้นได้
เวลาต่อมา ขณะที่ผู้ฝึกฝนแต่ละคนลุกขึ้นมานำสิ่งของต่างๆ วางไว้บนโต๊ะนั้น บรรยากาศภายในนั้นก็ค่อยๆ คุกรุ่นขึ้นมา
ตั้งแต่หลิ่วหมิงดูมาทั้งหมด แม้ว่าสิ่งของเหล่านี้จะไม่เลว แต่น่าเสียดายที่ยังไม่เจอสิ่งที่เขาต้องการ จนอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้
ไม่นานก็ถึงตาเขา เขาลุกขึ้นมาทันที จากนั้นก็เดินไปวางขวดไว้โต๊ะทรงกลม และกล่าวอย่างราบเรียบ
“โอสถผลึกเย็นระดับพสุธาห้าเม็ด ข้าน้อยอยากจะแลกวัสดุจิตวิญญาณหรือพืชจิตวิญญาณที่มีส่วนช่วยในการเข้าสู่ระดับผลึก”
พอเห็นโอสถผลึกเย็น ผู้ฝึกฝนระดับของเหลวต่างก็มีสีหน้าตกใจระคนดีใจ แม้แต่ฝูอวิ๋นจื่อที่เป็นผู้ดำเนินรายการงานแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ ก็มองมาอย่างอดไม่ได้ แต่ว่าหลังจากฟังข้อเสนอแล้ว ก็เผยสีหน้าซับซ้อนออกมา
แม้ว่าโอสถผลึกเย็นระดับพสุธาก็เป็นโอสถชั้นยอดในการทะลวงคอขวด แต่ว่าสิ่งของจิตวิญญาณฟ้าดินที่สามารถช่วยให้เข้าถึงระดับผลึกนั้น ต่อให้จะมี ก็ใช่ว่าจะนำออกมาแลกเปลี่ยนได้โดยง่าย
หลิ่วหมิงเห็นบรรยากาศเช่นนี้ ก็รู้สึกหนักใจเล็กน้อย
“ในมือข้าน้อยไม่มีสิ่งของที่สหายต้องการ ไม่ทราบว่าสามารถใช้หินจิตวิญญาณแลกได้หรือไม่? ส่วนในเรื่องของราคานั้นจะต้องทำให้สหายพอใจอย่างแน่นอน” มีคนถามออกมาอย่างอดไม่ได้
“ข้าน้อยแลกแค่วัสดุจิตวิญญาณเท่านั้น หากทุกท่านสามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ ข้าน้อยจะต้องตอบแทนด้วยหินจิตวิญญาณจำนวนมากอย่างแน่นอน” หลิ่วหมิงส่ายหน้ากล่าว
ผู้คนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างก็มองหน้ากัน และไม่มีคนพูดอะไรออกมาอีก
หลิ่วหมิงยิ้มในใจอย่างขมขื่น จากนั้นก็หมุนตัวกลับไปนั่ง
“ข้าน้อยมี ‘หลินจือแฝงตะวัน’ อยู่ต้นหนึ่ง ไม่ทราบว่าสอดคล้องกับข้อเสนอของสหายหรือไม่?” ขณะนั้นเอง มีเสียงคนผู้หนึ่งดังขึ้นมา
หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกตกใจระคนดีใจเป็นอย่างมาก พอเงยหน้าขึ้นมอง ก็ค้นพบว่าคนที่พูดเป็นผู้อาวุโสผอมสูงผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ฝึกฝนระดับผลึก เป็นเพราะว่าค่อนข้างนั่งอยู่ตรงท้าย จึงยังไม่ได้เผยสิ่งของแลกเปลี่ยนออกมา
ขณะที่พูด ผู้อาวุโสผอมสูงก็หยิบกล่องไม้สีแดงเพลิงออกมาใบหนึ่ง พอเปิดฝาออก หมอกสีแดงก็แผ่ออกมา ในนั้นมีต้นหลินจือประหลาดๆ ขนาดครึ่งฉื่อวางอยู่ และยังมีหมอกสีแดงรายล้อมบนพื้นผิว
หลิ่วหมิงจ้องมองตาไม่กระพริบ และพยักหน้าเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ สิ่งนี้เหมือนกับหลินจือแฝงตะวันที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ไม่มีผิด
ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรออกมานั้น ผู้อาวุโสผอมสูงกลับโบกมือเบาๆ และกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ
“แต่หากสหายจะใช้โอสถผลึกเย็นห้าเม็ดแลก ย่อมเป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด ต้องบวกเพิ่มอีกเท่าตัวเป็นสิบเม็ด”
พอคำพูดนี้เปล่งออกมา คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ต่างก็ทำตามองบนอย่างอดไม่ได้ อย่างที่รู้กันว่ามูลค่าของโอสถผลึกเย็นสิบเม็ด พอที่จะแลกอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดสี่ห้าชิ้นที่มีคุณสมบัติไม่เลวได้แล้ว ซึ่งมูลค่าของมันสูงกว่าหลินจือแฝงตะวันมาก
หลิ่วหมิงมีสีหน้าอึมครึมลง จากนั้นก็กล่าวอย่างเยือกเย็นโดยไม่คำนึงถึงสถานะระดับผลึกของฝ่ายตรงข้าม
“ผู้อาวุโสอย่าได้ละโมบจนเกินไป โอสถผลึกเย็นระดับพสุธานี้ แต่ละเม็ดมีมูลค่าห้าแสนหินจิตวิญญาณขึ้นไป แม้ว่าหลินจือแฝงตะวันจะพบเจอได้น้อยมาก แต่ดูจากราคาตามท้องตลาดแล้ว จะต้องไม่เกินสองล้านหินจิตวิญญาณอย่างแน่นอน”
แม้เขาจะต้องการหลินจือแฝงตะวันนี้ แต่จะไม่ยอมให้ใครขู่เข็ญอย่างแน่นอน
“อย่างต่ำก็โอสถผลึกเย็นระดับพสุธาเจ็ดเม็ด หลินจือแฝงตะวันนี้จะเป็นของท่าน มิเช่นนั้นก็ยกเลิกไป” ผู้อาวุโสผอมสูงคิดไตร่ตรองเล็กน้อย และลดมูลค่าลงมาเล็กน้อย
หลิ่วหมิงมีสีหน้าอึมครึมลง เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสผอมสูงผู้นี้ กำลังเล่นลูกไม้กับเขาอยู่ แต่หากจะให้เขาละทิ้งหลินจือแฝงตะวันนี้ ก็เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
“บนตัวข้ามีโอสถผลึกเย็นแค่หกเม็ด บวกกับห้าแสนหินจิตวิญญาณ” ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ หลิ่วหมิงก็พลิกฝ่ามือนำโอสถผลึกเย็นหนึ่งเม็ดกับถุงหนังใส่หินจิตวิญญาณออกมาหนึ่งใบ
………………………………