ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 646 โอสถแฝงจิตวิญญาณ
เขาโยนเตาหลอมขนาดเล็กไปด้านหน้า และปล่อยพลังออกไปติดต่อกันสองสาย เตาหลอมขนาดชุ่นกว่าๆ เปล่งแสงสีเขียวออกมาทันที จากนั้นก็กลายเป็นเตาหลอมยักษ์ที่สูงสามจั้ง และร่วงลงพื้นเสียงดังโครม!
ขณะที่ปรุงโอสถในก่อนหน้านั้น เขาเข้าใจวิธีการใช้เตาหลอมนี้อย่างชัดแจ้งแล้ว
พอเขาปล่อยพลังใส่ค่ายกลขนาดเล็กตรงก้นของเตาหลอม แสงสีเขียวก็เปล่งประกายออกมา และแสงสีเขียวแก่ก็พุ่งออกจากด้านล่างไปยังพื้นผิวของเตาหลอม
ทันใดนั้น เตาหลอมยักษ์สีเขียวก็เปล่งประกายแสงทรงกลดหลากสีออกมา เปลวไฟสีแดงคุโชนตรงก้นเตาหลอม
หลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อนำยันต์เก็บของที่เตรียมไว้ในก่อนหน้านั้นออกมาขยี้จนแตกกระจาย วัตถุดิบกองหนึ่งกระจายเต็มพื้น
พอเขาตบลงบนพื้นหนึ่งที ไอดำก็ม้วนเอาวัตถุดิบเหล่านี้ไว้ หลังจากมีเสียงดัง “ฟิ้ว!” พวกมันก็จมหายไปในเตาหลอมที่เปิดฝาอยู่
เขาก็รีบนำของเหลวห้าแสงออกจากแหวนย่อส่วนมาขวดหนึ่ง และเทลงเบาๆ ของเหลวโปร่งแสงสีเหลืองส้มอันเข้มข้นกลายเป็นเส้นแวววาว และค่อยๆ ไหลลงไปในเตาหลอมยักษ์
ขณะที่เทลงไปประมาณหนึ่งในสองส่วนแล้ว เขาถึงพลิกมือขึ้นมา และขวดเล็กสีเงินก็กระพริบหายไปทันที
ขณะนี้ ฝาเตาหลอมถึงค่อยๆ ปิดลง
หลิ่วหมิงทำท่ามือด้วยมือข้างเดียวอยู่ไม่หยุด เพื่อปล่อยพลังเวทใส่เปลวไฟด้านล่างเตาหลอมอย่างต่อเนื่อง
“ฟู่!”
เปลวไฟห่อหุ้มเตาหลอมลิ่วเสินไว้ทั้งหมด
เมื่อเทียบโอสถระดับผลึกกับโอสถระดับของเหลวแล้ว ประจักษ์ชัดว่าใช้เวลาในการกลายรูปเป็นโอสถยาวนานกว่ามาก
เดิมทีหลิ่วหมิงคิดว่าโอสถแฝงจิตวิญญาณเตาแรกใช้เวลานานสุดก็แค่สามวันเท่านั้น แต่หลังจากผ่านไปเจ็ดวันแล้ว ภายใต้การกระตุ้นพลังเวทอยู่ไม่หยุดของเขา เตาหลอมลิ่วเสินถึงส่งเสียงดังออกมา และกลิ่นไหม้ก็โชยเข้ามา
ประจักษ์ชัดว่าการปรุงโอสถในครั้งแรกประสบความล้มเหลวไปแล้ว
เวลาต่อมา หลิ่วหมิงใช้ของเหลวห้าแสงคุณภาพสูงลองดูอีกครั้ง ผลลัพธ์ยังคงล้มเหลวเช่นเดิม อีกอย่างโอสถที่ปรุงด้วยของเหลวห้าแสงคุณภาพสูงนี้ ต้องใช้เวลานานถึงสิบวันด้วย
ทำซ้ำๆ เช่นนี้จนผ่านไปครึ่งปี ในที่สุดหลิ่วหมิงก็ใช้ของเหลวห้าแสงคุณภาพสูงปรุงโอสถแฝงจิตวิญญาณออกมาได้สำเร็จเป็นครั้งแรก
หลิ่วหมิงมองดูโอสถสีขาวในมือที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นและเต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณ และในใจของเขาก็อดรู้สึกสับสนไม่ได้
แม้เขาจะมีเตาหลอมลิ่วเสินคอยช่วย แต่ก็ปรุงโอสถไปเกือบยี่สิบเตาถึงปรุงสำเร็จหนึ่งครั้ง นี่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว
มิน่าล่ะ! โอสถระดับผลึกที่อยู่ด้านนอกถึงมีจำนวนน้อยกว่าระดับของเหลว
หลิ่วหมิงคิดใคร่ครวญอยู่ในใจ เมื่อเก็บโอสถเม็ดนี้เข้าไปแล้ว ก็หยิบขวดเล็กสีเงินออกมาหนึ่งขวด และเริ่มปรุงโอสถเตาต่อไป
ห้าปีต่อมา หลิ่วหมิงกำลังชื่นชมโอสถสีขาวที่เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณเม็ดหนึ่ง โอสถเม็ดนี้มีไอหมอกสีขาวล้อมรอบ พอมองทะลุไอหมอกไป จะเห็นลายโอสถเส้นหนึ่งปรากฏอย่างชัดเจน ซึ่งมันเป็นแค่โอสถแฝงจิตวิญญาณคุณภาพธรรมดาเม็ดหนึ่งเท่านั้น
มาจนถึงวันนี้ เขาปรุงโอสถติดต่อกันทั้งวันทั้งคืน และภายใต้การช่วยเสริมของเตาหลอมลิ่วเสิน ในที่สุดก็ยกระดับอัตราการปรุงโอสถแฝงจิตวิญญาณสำเร็จขึ้นมาห้าส่วน แต่อัตราการปรุงโอสถระดับสูงออกมาได้นั้น ช่างต่ำจนน่าสงสาร อีกอย่างโอสถที่ใช้ของเหลวจิตวิญญาณคุณภาพสูงปรุงออกมาได้หนึ่งเม็ดเป็นครั้งคราวนั้น ก็เป็นแค่โอสถคุณภาพธรรมดาเท่านั้น
ส่วนโอสถระดับพสุธา เขาไม่เคยปรุงออกมาได้เลย
และทักษะการปรุงโอสถแฝงจิตวิญญาณของเขาก็ไม่อาจยกระดับได้เลยแม้แต่น้อย
ดูท่าหากจะปรุงโอสถพสุธาออกมา ไม่ใช่แค่ว่าทักษะการปรุงโอสถจะสามารถเสริมได้ สิ่งสำคัญคือวัตถุดิบหลักแล้ว
พอหลิ่วหมิงนึกมาถึงจุดนี้ ก็ยกแขนเสื้อปล่อยพลังออกมาทันที เตาหลอมยักษ์สีเขียวหยกตรงหน้าลอยขึ้นมา มันหมุนวนกลางอากาศหนึ่งรอบ และลดขนาดเหลือหนึ่งชุ่นกว่าๆ เท่าเดิม จากนั้นก็พุ่งเข้าไปในแขนเสื้อ
อัตราความสำเร็จในตอนนี้ เขาค่อนข้างพอใจมากแล้ว จากประสบการณ์ในก่อนหน้า หากปรุงโอสถนี้ต่อไปล่ะก็ เกรงว่าคงจะได้ไม่คุ้มกับเสีย
หลิ่วหมิงลุกขึ้นมายืดแข้งยืดขา และเดินไปดูการฝึกฝนของแมงป่องกระดูกกับหัวบิน
ทั้งสองยังคงฝึกฝนอยู่ตรงหน้ากำแพงอากาศอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พลังการเคลื่อนไหวต่างๆ สูงกว่าแต่ก่อนมาก แต่ระดับการฝึกฝนของทั้งสองกลับหยุดชะงักอยู่ที่ระดับของเหลวขั้นสมบูรณ์แบบ ยังคงไม่มีวี่แววว่าจะทะลวงระดับผลึกได้
หลิ่วหมิงกลับไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด หลังจากพูดให้กำลังใจทั้งสองไปสองสามประโยคแล้ว ก็เดินไปทางศิลาหุนเทียน
หลัวโหวที่นั่งขัดสมาธิราวกับเป็นท่อนไม้แกะสลัก ลืมตามองด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
หลิ่วหมิงรู้สึกใจเย็นสะท้าน แต่กลับโค้งตัวกล่าวอย่างนอบน้อม
“รบกวนผู้อาวุโสหลัวโหวแล้ว”
“ในเมื่อจะเริ่มฝึกฝนวิชาสายฟ้าสวรรค์แล้ว ข้าจะส่งเจ้าเข้าไป”
พอน้ำเสียงสิ้นสุดลง หลัวโหวก็ยกมือข้างหนึ่งปล่อยแสงแวววาวใส่ดวงตามายาปีศาจบนศิลาหุนเทียน
ครู่ต่อมา หลิ่วหมิงรู้สึกว่ามีเสียงฟ้าแลบฟ้าร้องดังอยู่ข้างหู พอเห็นภาพตรงหน้าอย่างชัดเจน ร่างของเขาก็มาอยู่ในแดนมายาที่มีเสียงฟ้าร้องแล้ว
“โครมคราม!”
ดูเหมือนว่าในขณะที่เขามาปรากฏตัว สายฟ้าสีเงินขนาดเท่าปากถ้วยเส้นหนึ่ง ก็ส่งเสียงดังจนหูแทบจะหนวก และยังฟันลงมาทางเขา
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็กางแขนทั้งสองข้างพร้อมส่งเสียงคำรามออกมา ไอดำพวยพุ่งออกจากตัว และหมุนวนรอบตัวเขาอยู่ไม่หยุด ซึ่งเขาไม่หลบสายฟ้าเลยแม้แต่น้อย
ครู่ต่อมา จะเห็นว่ามีสายฟ้าสีเงินที่ดูราวกับอสรพิษเปล่งประกายอยู่บนตัวเขา และเคลื่อนไหวไปมาท่ามกลางไอดำอยู่ไม่หยุด
พลังสายฟ้าสวรรค์นี้ เป็นหนึ่งในพลังที่มีบ่อกำเนิดตามธรรมชาติระหว่างฟ้าดิน อานุภาพแข็งแกร่งมาก ไม่ใช่สิ่งที่กายเนื้อทั่วไปจะสามารถแบกรับได้ หากผู้ฝึกฝนโดยทั่วไปถูกสายฟ้าโจมตีโดยไม่ทันได้ระวัง อย่างเบาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนระดับการฝึกฝนลดลง อย่างหนักก็ผิวหนังไหม้เกรียม กล้ามเนื้อเปื่อยยุ่ย และเสียชีวิตไป
แม้ว่าหลิ่วหมิงจะมีกายเนื้อแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกฝนระดับเดียวกันมาก ทั้งยังมีเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬคอยช่วยเสริม แต่การรับพลังสายฟ้าสวรรค์โดยตรงเช่นนี้ ยังคงรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างราวกับถูกทิ่มแทงหัวใจ และพลังเวทก็ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แต่การอดทนต่อความเจ็บปวดและความทรหดของเขา ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถเทียบได้ ไม่นานเขาก็ค่อยๆ ปรับตัวได้ และค่อยๆ รวบรวมพลังสายฟ้าสวรรค์ตามตามที่บันทึกไว้ในคัมภีร์
เขาทำสายฟ้าสวรรค์บนตัวให้กลายเป็นสายฟ้าขนาดเล็ก และปล่อยให้ไหลจมไปในกระดูก
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ขณะที่หลิ่วหมิงรู้สึกว่าไม่อาจรับพลังสายฟ้าเข้าไปในร่างได้อีกแล้วนั้น ถึงหลับตาทั้งคู่ลงและออกไปจากแดนมายา
ครู่ต่อมา หลิ่วหมิงกลับเข้ามาในห้องว่างเปล่าลึกลับสีเทาสลัวๆ อีกครั้ง
และหลัวโหวก็หลับตานั่งขัดสมาธิอยู่ที่เดิม ราวกับว่าไม่อยากจะพูดคุยอะไรกับหลิ่วหมิงมาก
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด หลังจากทำใจให้สงบแล้ว ก็กระตุ้นสายฟ้าสีเงินที่รวบรวมมาเมื่อครู่ ให้มารวมตัวกันบนฝ่ามือเขาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เขาเปลี่ยนท่ามือ กลุ่มสายฟ้าขนาดเล็กก็ปรากฏบนฝ่ามือ
พอมองดูพลังสายฟ้าสวรรค์กระจุกเล็กๆ ในมือแล้ว เขาก็ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ เขาชี้นิ้วข้างหนึ่งไปทางผนังอากาศตรงหน้า ทันใดนั้น สายฟ้าสีเงินเส้นหนึ่งก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“ฟิ้ว!”
ผนังอากาศสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เกิดรูขนาดจั้งกว่าๆ อยู่บนนั้น ขอบรูมีสายฟ้าเปล่งประกายอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้ผนังไม่อาจฟื้นฟูกลับมาได้ดังเดิม
“อานุภาพพลังสายฟ้าสวรรค์นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ดูดรับมาจำนวนน้อยแค่นี้ และปล่อยมันออกไป ก็มีผลลัพธ์เช่นนี้แล้ว” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็พูดพึมพำออกมาอย่างอดไม่ได้
ตามที่บันทึกในคัมภีร์วิชาสายฟ้าสวรรค์ วิชานี้ค่อนข้างพิเศษมาก แม้ในตอนแรกจำเป็นต้องอาศัยการใส่พลังสายฟ้าที่มีจุดกำเนิดมาจากฟ้าดินเข้าไปในร่างเพื่อทำการฝึกฝน แต่พอสำเร็จขั้นเบื้องต้น ก็สามารถทำพลังเวทของตนเองให้กลายเป็นพลังสายฟ้าในการโจมตีศัตรูได้ และอานุภาพก็เหนือกว่าวิชาสายฟ้าทั่วไปหลายเท่า
แต่พอสำเร็จขั้นแรกของวิชานี้ ก็สามารถดูดซับพลังสายฟ้าล่วงหน้าได้จำนวนหนึ่ง จากนั้นก็แยกปล่อยเป็นชุดหรือโจมตีศัตรูในทีเดียวก็ได้
และพอถึงขั้นลึกซึ้ง ก็สามารถรวมพลังเวทภายในร่างกับพลังสายฟ้าสวรรค์เข้าด้วยกัน และโจมตีศัตรูพร้อมกันได้
ส่วนขั้นสมบูรณ์แบบนั้น สามารถดูดรับพลังสายฟ้าสวรค์ที่แท้จริงของเก้าสววรค์ชั้นฟ้าได้ ทำให้มีอานุภาพไม่จำกัด
ตอนนี้หลิ่วหมิงเพียงแค่นำพลังสายฟ้าสวรรค์เข้าไปในร่างชั่วคราวเท่านั้น ด้านหนึ่งทำให้กายเนื้อของตนเองค่อยๆ ปรับสภาพกับพลังชนิดนี้ อีกด้านหนึ่งก็อาศัยวิธีการนี้กระตุ้นพลังภายในร่าง เพื่อที่จะควบคุมวิธีการรวมพลังเวทของตนเองให้เป็นสายฟ้า
หลังจากหลิ่วหมิงดูดซับพลังสายฟ้าสวรรค์แล้ว ก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ
หลังจากพักผ่อนแบบง่ายๆ ไปครึ่งวันแล้ว ก็อาศัยพลังของหนอนพลังจิตเข้าไปในแดนมายาอีกครั้ง
สองเดือนต่อมา
พอหลิ่วหมิงยกแขนข้างหนึ่งขึ้น สายฟ้าสีเงินเส้นหนึ่งก็ก่อตัวขึ้นบนฝ่ามือเบาๆ จากนั้นพลังเวทอันแข็งแกร่งก็ค่อยๆ จมเข้าไปในนั้น และสายฟ้าสีเงินก็ขยายใหญ่จนมีขนาดเท่าปากถ้วยก่อนพุ่งยิงออกไป
“โครม!”
หลังจากมีเศษหินดินทรายปลิวว่อน ภูเขาลูกเล็กๆ ที่สูงสี่ห้าจั้งตรงหน้าก็ระเบิดออกมา
หลังจากเข้าไปฝึกฝนในแดนมายาอย่างต่อเนื่อง วิชาสายฟ้าสวรรค์ของหลิ่วหมิงก็เข้าสู่ขั้นเบื้องต้นในที่สุด อานุภาพของมันเหนือกว่าวิชาสายฟ้าทั่วไปไม่น้อย ความเร็วของมันก็ยากจะหาที่เปรียบได้
หลิ่วหมิงรู้สึกพอใจมาก ทำให้เขาตั้งใจฝึกฝนวิชาบรรพกาลนี้มากขึ้นกว่าเดิม
……
ผ่านไปอีกหนึ่งปี หลิ่วหมิงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องว่างเปล่าสีเทาสลัวๆ และรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในโครงกระดูก
ก่อนหน้านั้นไม่นาน เขาฝึกฝนวิชาสายฟ้าสวรรค์สำเร็จขั้นแรกแล้ว ร่างของเขาสามารถเก็บพลังสายฟ้าสวรรค์ได้ในระดับที่แน่นอน และผสมผสานกับพลังเวทของตัวเองได้อย่างไม่ขัดข้อง
เวลาแค่ปีเดียวก็พัฒนาไปได้ถึงเพียงนี้ ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกดีใจอย่างอดไม่ได้ พอนึกถึงผู้ฝึกฝนที่ต้องรอให้ฝนตกฟ้าร้องถึงจะฝึกฝนวิชานี้ได้เหล่านั้น ต่อให้จะโชคดีแค่ไหน เดือนหนึ่งก็ฝึกฝนได้แค่ไม่กี่ครั้ง แต่หลิ่วหมิงกลับฝึกฝนแค่หนึ่งปี ก็เทียบเท่ากับคนทั่วไปที่ฝึกฝนสิบปีแล้ว
……
ห้าปีต่อมา หลิ่วหมิงหลับตาสนิท และลอยตัวอยู่บนอากาศภายในแดนมายา สายฟ้าแต่ละเส้นที่ฟาดลงมา กลับจมหายเข้าไปในร่างอย่างไร้สุ้มเสียง
ทันใดนั้น เขาก็ลืมตาทั้งคู่ขึ้นมา หลังจากยกแขนทั้งสองขึ้น ก็มีเสียงดังโครมครามออกจากร่างเป็นระยะๆ จากนั้นสายฟ้าสีเงินจำนวนมากก็พวยพุ่งอยู่บนตัว และทอสลับกันไปมา สุดท้ายก็กลายเป็นสายฟ้าสีเงินขนาดใหญ่
ขณะเดียวกัน สายฟ้าจำนวนมากก็ฟาดลงมาจากอากาศ และรวมเป็นหนึ่งกับสายฟ้าบนตัวหลิ่วหมิงจนกลายเป็นสีขาวเงินไปทั้งแถบ
หลิ่วหมิงส่งเสียงคำรามออกมา นิ้วมือนิ้วหนึ่งชี้ไปทางเนินเขาสีดำที่อยู่ไม่ไกล
เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น
สายฟ้าบนตัวของเขาผสานกันจนกลายเป็นสายฟ้าขนาดใหญ่ภายในพริบตา และฟาดฟันตามแขนของเขาอย่างบ้าคลั่ง
………………………………