ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 673 กดดันระดับแก่นแท้
ของเหลวพิษสีน้ำตาลเหลืองร่วงลงบนม่านทรายสีทองในทันที และเกิดเสียงดัง “ซู่ๆ!” จากนั้นกลิ่นเน่าเปื่อยก็โชยออกมา
สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปทันที ม่านทรายที่เปลี่ยนแปลงมาจากทรายทองคำร่วงถูกของเหลวพิษกัดกร่อนจนเกิดเป็นรูขนาดใหญ่ อาวุธจิตวิญญาณที่ติดตัวเขามาตั้งแต่ระดับของเหลวจนถึงตอนนี้ ไม่เคยมีสิ่งใดทำลายได้มาก่อน วันนี้กลับได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก
เขาครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็กัดฟันตะโกนออกมาอย่างเยือกเย็น
“ระเบิด!”
จะเห็นว่าแสงสีทองไหลวนอยู่บนผิวม่านทรายสีทอง พริบตาเดียวก็กลายเป็นก้อนทรายกลมๆ ขนาดเท่ากำปั้น และระเบิดออกมาเสียงดัง “ตู๊ม!”
แสงสีทองเจิดจ้าเปล่งประกายออกมาในทันที และพุ่งออกไปรอบทิศ
อสรพิษปีศาจถูกแสงสีทองนับไม่ถ้วนยิงเข้าใส่จนเกิดเสียงดังเต๊งๆ! อยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่าจะถูกแทงจนทะลุ แต่แรงระเบิดของอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดยังคงทำให้มันกระเด็นออกไปไกลๆ
ผู้อาวุโสร่างอ้วนเห็นเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหมิงจะใช้วิธีการเช่นนี้ พริบตาเดียวอานุภาพของแสงกระบี่เล็กๆ ที่เหลือก็พุ่งมาตรงหน้า
แต่ว่าผู้อาวุโสร่างอ้วนเป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ เมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายเช่นนี้ ย่อมไม่รู้สึกลนลานแต่อย่างใด เพียงแค่ลูบฝ่ามือข้างหนึ่งไปด้านหน้า เปลวไฟสีเขียวก็ลุกพรึ่บขึ้นมา พริบตาเดียวก็ก่อตัวเป็นกำแพงอัคคีสีเขียวขวางอยู่ตรงหน้า
“ฟู่ๆ!” “ฟู่ๆ!” เกิดเสียงดังขึ้นติดต่อกัน แต่แสงสีทองกลับกระตุ้นให้กำแพงอัคคีพวยพุ่งรุนแรงกว่าเดิม ซึ่งไม่อาจทำอะไรมันได้เลยแม้แต่น้อย
แต่ขณะนั้นเอง มีคลื่นก่อตัวขึ้นบนอากาศเหนือตัวผู้อาวุโส กระบี่บินสีทองอร่ามปรากฏออกมา หลังจากหมุนตัวติ้วๆ แล้ว แสงกระบี่สีทองก็ม้วนตัวลงมาอย่างบ้าคลั่ง
ผู้อาวุโสร่างอ้วนเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา พออ้าปาก ธงสามเหลี่ยมเล็กๆ ก็พุ่งออกมา จากนั้นก็ทำท่ามือปล่อยหมอกสีเขียวขุ่นมัวขนาดใหญ่ออกไปรับมือกับกระบี่บินสีทอง
ไอหมอกเหล่านี้ดูเหมือนจะเบาบาง แต่พอปราณกระบี่ตกลงในนั้น หมอกเขียวก็พันกันเป็นชั้นๆ ราวกับหนอนแมลงวันในกระดูกข้อเท้า พริบตาเดียวก็รับปราณกระบี่ทั้งหมดไว้ได้
แม้ว่าธงสามเหลี่ยมเล็กๆ นี้จะไม่ใช่ต้นแบบอาวุธเวท แต่ก็เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดที่มีสามสิบห้าชั้นจำกัด หลังจากผ่านการปรับแต่งมาหลายปี มันก็ร่วมมือกับเขาได้อย่างไร้ที่ติ อานุภาพก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าต้นแบบอาวุธเวทเลย
หลิ่วหมิงที่อยู่ไม่ไกลเห็นฉากเช่นนี้ ก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย จากนั้นก็ชี้มือข้างหนึ่งไปทางผู้อาวุโสร่างอ้วน
“ฟู่!” เกิดเสียงดังขึ้นเบาๆ จนแทบจะไม่ได้ยิน กระบี่บินสีทองพร่ามัวหายไป
ครู่ต่อมา ภายใต้การเปล่งประกายของเงากระบี่จางๆ มันก็มาปรากฏตัวด้านหลังผู้อาวุโสร่างอ้วนอย่างไร้สุ้มเสียง และกลายเป็นกระบี่บินสีทองทิ่มแทงออกไป
กระบี่บินกลางอากาศแปลกประหลาดเช่นนี้ ทำให้ผู้อาวุโสร่างอ้วนรู้สึกตกใจจนไม่ทันได้นำอาวุธจิตวิญญาณอื่นๆ ออกมาป้องกัน ทำได้แค่ส่งเสียงฮึดฮัดออกมาทีหนึ่ง จากนั้นแสงสีเขียวก็เปล่งประกายด้านหลัง และก่อตัวเป็นโล่แสงสีเขียวอันหนึ่ง
“ฟิ้ว!” กระบี่บินกลางอากาศแทงลงบนโล่แสง
ขณะนี้ กระบี่บินพลังจิตวิญญาณได้แสดงอานุภาพออกมาจนหมดแล้ว
โล่แสงที่ดูหนาแน่นเป็นอย่างมาก ถูกทิ่มแทงจนแตกกระจาย อานุภาพที่เหลืออยู่ยังกรีดปราณแกร่งคุ้มร่างของผู้อาวุโสร่างอ้วนจนขาด ทิ้งบาดแผลจางๆ ไว้บนหลัง
เกือบจะในเวลาเดียวกัน หลิ่วหมิงก็บิดตัวพุ่งเข้าหาผู้อาวุโสด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ ขณะที่เข้ามายังไม่ถึง เขาก็เอามือทั้งสองถูกัน จากนั้นสายฟ้าสีเงินสองสายก็พุ่งยิงออกมา
ผู้อาวุโสร่างอ้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ เมื่อครู่ไม่ทันระมัดระวังจึงถูกผู้ฝึกฝนระดับผลึกขั้นกลางโจมตี ทันใดนั้นเขาก็เผยสีหน้าโมโหอย่างสุดขีด และกัดปลายลิ้นอย่างรุนแรง จากนั้นก็พ่นโลหิตบริสุทธิ์ใส่ธงสามเหลี่ยมตรงหน้า
แสงสีเขียวเปล่งประกายบนธงสามเหลี่ยมทันที ใบหน้าปีศาจขนาดใหญ่ลอยออกจากผิวธงภายในพริบตา พอมันอ้าปาก ปราณหยินสีเขียวเข้มก็พุ่งออกมารับแสงสายฟ้าไว้
แต่ทว่าพอไอหมอกสีเขียวสัมผัสกับแสงสายฟ้า มันก็สลายไปอย่างไรร้องรอยราวกับพบเจอกับดาวมฤตยู
หลิ่วหมิงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็รู้สึกดีใจมาก เขารีบส่งพลังเวทไปที่มือทั้งสองอย่างบ้าคลั่ง ลูกสายฟ้าสีเงินปรากฏขึ้นบนมือพร้อมกับเสียงที่ดังเปรี๊ยะๆ!
มือทั้งสองของเขาแยกออกจากกันอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางการรายล้อมของสายฟ้าสีเงิน มันก็ขยายใหญ่เป็นตาข่ายสายฟ้าก่อนพุ่งใส่ธงสามเหลี่ยม
พอหน้าปีศาจยักษ์ปะทะกับตาข่ายสายฟ้าสีเงิน ก็ส่งเสียงแหลมเศร้ากำสรดออกมา และหดตัวเป็นก้อนท่ามกลางควันดำอันพวยพุ่ง
เมื่อหลิ่วหมิงตะโกนคำว่า “ระเบิด!” ตาข่ายสายฟ้าสีเงินก็ระเบิดออกมา และกลายเป็นไหมสายฟ้าสีเงินจำนวนมาก
ใบหน้าปีศาจส่งเสียงร้องโหยหวน และระเบิดตัวท่ามกลางแสงสายฟ้าก่อนสลายไปอย่างไร้ร่องรอย
ธงเล็กสามเหลี่ยมก็ส่งเสียงดังฟู่! และมีรอยแตกร้าวปรากฏบนพื้นผิว แสงสายฟ้าโจมตีทะลุออกมาในพริบตา และพุ่งเข้าใส่ผู้อาวุโสร่างอ้วน
ผู้อาวุโสทำเสียงฮึดฮัด จากนั้นร่างของเขาก็พร่ามัวพุ่งออกไปด้านหลังจนหลบสายฟ้าตรงหน้าไปได้
ขณะนั้นเอง เกิดเสียงดังสนั่นเหนือศีรษะของเขา แสงกระบี่สีทองสายหนึ่งที่ยาวหลายจั้งม้วนตัวเข้ามาอีกครั้ง
ผู้อาวุโสสะบัดแขนโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง กรงเล็บแสงสีเขียวแวววาวพุ่งออกไป
“เกร๊ง!” หลังเกิดเสียงโลหะกระทบกันแล้ว แสงกระบี่ก็หยุดชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ฟันกรงเล็บแสงทั้งห้าจนแตกสลาย
แต่ขณะนั้นเอง พอผู้อาวุโสโบกมือข้างหนึ่ง แสงสีเหลืองก็กะพริบมาถึง หลังจากนั้นก็พร่ามัวกลายเป็นไม้เท้าอันนั้น
“ตู๊ม!”
แสงกระบี่สีทองปะทะกับไม้เท้าอย่างรุนแรง แสงกระบี่กลางอากาศ และแสงสีเหลืองกระเด็นไปทั่วทิศ ชั่วขณะนั้นต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กัน
ขณะเดียวกัน พอมีเงาร่างสีดำเคลื่อนไหว หลิ่วหมิงก็มาปรากฏตัวด้านหลังผู้อาวุโสร่างอ้วนราวกับปีศาจ ไอดำพวยพุ่งออกจากตัว และรวมตัวเป็นมังกรดำสี่ตัวกับพยัคฆ์ดำสี่ตัว จากนั้นพอแขนทั้งสองพร่ามัว เงากำปั้นสีดำจำนวนมากก็โจมตีออกไปจนกลายเป็นสายฝนกระหน่ำ และปกคลุมร่างของผู้อาวุโสร่างอ้วนไว้
ครั้งนี้ผู้อาวุโสร่างอ้วนมีสีหน้าเปลี่ยนไปจริงๆ แล้ว เขานำโล่กับดาบที่เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดออกมาอย่างรีบร้อน จากนั้นทั้งสองก็กลายเป็นแสงสีดำและสีเขียวพยายามต้านทานไว้อย่างสุดชีวิต แต่ก็ถูกเงากำปั้นอันหนาแน่นปกคลุมไว้โดยสมบูรณ์ จึงได้แต่ต้านทานด้วยความยากลำบาก และไม่มีแรงโจมตีกลับเลยแม้แต่น้อย
และกำปั้นหนาแน่นที่พุ่งมาจากรอบด้านก็หนักขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้อาวุโสร่างอ้วนรู้สึกปวดเมื่อยแขนทั้งสองเป็นอย่างมาก
ภายใต้ความตกใจระคนโมโห พอกัดฟัน แสงสีเขียวก็เปล่งประกายรอบตัว ร่างของเขาพร่ามัวกลายเป็นเงาร่างเจ็ดแปดเงา และพุ่งออกไปรอบทิศทาง
เงาร่างส่วนใหญ่ถูกเงากำปั้นโจมตีจนแตกสลายไปในพริบตา มีเพียงเงาร่างเดียวที่พุ่งออกมาได้
พอแสงสีเขียวเปล่งประกาย เงาร่างนี้ก็พุ่งออกไปสิบกว่าจั้งก่อนกลายเป็นผู้อาวุโสร่างอ้วน
แต่ขณะนี้ เขาไม่มีราศีของยอดฝีมือระดับแก่นแท้แล้ว ไม่เพียงแต่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง และเต็มไปด้วยคราบเลือด บนตัวยังมีรอยดำรอยแดงเป็นจ้ำๆ ได้แต่อาศัยอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดในมือป้องกันตัวไว้เท่านั้น
“เป็นไปไม่ได้ ก็แค่ผู้ฝึกฝนระดับผลึกขั้นกลางคนหนึ่ง ทำไมถึงมีพลังร้ายกาจเช่นนี้?” ผู้อาวุโสร่างอ้วนทั้งตกใจและหวาดกลัว สีหน้าของเขาดูเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก
แต่พอกำปั้นที่อยู่ไม่ไกลสลายไป หลิ่วหมิงก็ปรากฏตัวท่ามกลางไอดำ หลังจากจ้องมองผู้อาวุโสด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกแล้ว ก็อ้าแขนทั้งสองออก ทันใดนั้น ไอดำก็พวยพุ่งเข้ามาอีกครั้ง
แสงสีเขียวเปล่งประกายบนตัวผู้อาวุโสร่างอ้วน คิ้วทั้งคู่ตรงดิ่งขึ้นมา หลังจากเก็บดาบกับโล่ในมือเข้าไปแล้ว ก็ฉีกเสื้อผ้าส่วนบนจนเกิดเสียงดัง “แคว๊ก!” เผยให้เห็นรอยสักสีสันสวยงามที่ปกคลุมผิวหนังเกือบทุกชุ่น
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ค่อยๆ หดรูม่านตาลง แต่กลับกระตุ้นพลังเวทในร่างทันที หลังจากไอดำที่พุ่งออกมาม้วนตัวหนึ่งรอบแล้ว ก็กลายเป็นมังกรหมอกสี่ตัวพุ่งออกไป
ผู้อาวุโสร่างอ้วนหัวเราะอย่างน่าเกลียด พอทำท่ามือด้วยมือทั้งสอง รอยสักบนผิวก็เปล่งแสงออกมา เงาพร่ามัวของอสูรประหลาดสี่ตัวพุ่งออกจากตัว และพุ่งไปต่อสู้กับมังกรหมอกทั้งสี่ตัวอย่างเอาเป็นเอาตาย
ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง และตะโกนคำว่า “ระเบิด!” ออกมา
“ตู๊ม!” “ตู๊ม!”
ดาบ ค้อน ธง และอาวุธจิตวิญญาณอื่นๆจำนวนสิบกว่าชิ้นพุ่งออกจากร่างมังกรหมอกทั้งสี่ และระเบิดออกมาพร้อมกัน
อาวุธจิตวิญญาณจำนวนมากระเบิดตัวเป็นกลุ่มแสงขนาดใหญ่ พริบตาเดียวก็ม้วนเอามังกรหมอกทั้งสี่กับอสูรประหลาดไว้ในนั้น และฉีกเป็นชิ้นๆ
“ไม่!”
หลังจากผู้อาวุโสร่างอ้วนตะโกนออกมาแล้ว ก็กระอักเลือดด้วยใบหน้าซีดขาว
ประจักษ์ชัดว่าเงาอสูรประหลาดทั้งสี่เชื่อมโยงกับจิตของเขา พริบตาที่มันถูกทำลายจึงทำให้เขาได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
ไม้เท้ากลางอากาศก็มีการเชื่อมโยงกัน จึงร่วงลงจากฟ้าทันที
อาวุธจิตวิญญาณสิบกว่าชิ้นที่ระเบิดตนเองออกมานั้น ได้มาจากการสังหารคู่ต่อสู้ในระหว่างช่วงเวลานี้ ต่อให้จะทำลายมันไป เขาก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดใจแต่อย่างใด
หลังจากเขาโจมตีสำเร็จแล้ว ก็ไม่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ได้พักหอบหายใจเลยแม้แต่น้อย พอโบกมือข้างหนึ่งไปบนอากาศ กระบี่บินสีทองก็หมุนวนหนึ่งรอบก่อนพุ่งเข้าหาผู้อาวุโสร่างอ้วน
หลิ่วหมิงเองก็กระทืบเท้าพุ่งเข้าใส่ผู้อาวุโสร่างอ้วนราวกับลูกธนู และพร่ามัวกลายเป็นเงาร่างสามเงาในระหว่างทาง
ผู้อาวุโสเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกทั้งตกใจและโมโห พอชี้มือข้างหนึ่งไปบนอากาศ ก็มีคลื่นสั่นสะเทือนขึ้นมา ธงสามเหลี่ยมที่มีสภาพเสียหายเล็กน้อยปรากฏขึ้นบนอากาศ และต้านทานกระบี่บินสีทองไว้
ขณะเดียวกัน พอเขาทำท่ามือ ลวดลายจิตวิญญาณบนตัวก็เปล่งประกาย จากนั้นแสงงดงามตระการตาก็พุ่งออกจากตัว มีเสียงดัง “ฟิ้วๆ!” ข้างในนั้น และแสงแวววาวจำนวนมากก็พุ่งออกมาราวกับสายฝน
เงาร่างสามเงาที่พุ่งเข้ามาตรงหน้าถูกแสงเหล่านี้โจมตีจนเงาร่างสองเงาสลายไป มีเพียงแค่เงาเดียวที่เปล่งประกายแสงสีทองแล้วกลายเป็นยันต์ผืนหนึ่งก่อนร่วงลงมา
ผู้อาวุโสร่างอ้วนเห็นเช่นนี้ ก็อึ้งไปในทันที ขณะที่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น ก็มีเงาร่างเคลื่อนไหวด้านหลัง จากนั้นหลิ่วหมิงก็มาปรากฏตัวอยู่ห่างจากเขาเพียงแค่ลัดมือเดียว ทั้งยังชกกำปั้นอัปลักษณ์ที่มีเกล็ดสีม่วงปกคลุมอยู่ใส่ผู้อาวุโสร่างอ้วนอย่างโหดเหี้ยม
“ตู๊ม!”
ขณะที่ผู้อาวุโสรู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้องอยู่ตรงด้านหลังเขานั้น ย่อมไม่อาจหลบได้ทันแล้ว ทำได้แค่ควบแน่นโล่แสงสีเขียวไว้ด้านหลังอีกครั้ง
แต่โล่นี้ก็ถูกกำปั้นสีม่วงโจมตีจนแตกกระจายภายในพริบตา ผู้อาวุโสร่างอ้วนถูกโจมตีจนกระอักเลือด และกระเด็นออกไป
ขณะนั้นเอง มีเสียงดังกังวานบนอากาศ หลังจากกระบี่บินสีทองฟันยันต์สามเหลี่ยมจนแจกกระจุยแล้ว มันก็พร่ามัวกลายเป็นสายรุ้งสีทองม้วนตัวเข้าหาผู้อาวุโสร่างอ้วน
“เจ้าเด็กน้อย เจ้าจะรังแกคนมากเกินไปแล้ว!”
ผู้อาวุโสร่างอ้วนโซซัดโซเซทีหนึ่ง ในที่สุดก็ทรงตัวเอาไว้ได้ พอเห็นสายรุ้งสีทองพุ่งเข้ามา ดวงตาของเขาก็ดูบ้าคลั่งเป็นอย่างมาก ทันทีที่อ้าปาก ไอสีเขียวอันเข้มข้นก็ถูกพ่นออกมา มองเห็นมุกกลมๆ ขนาดเท่าไข่ไก่ปรากฏอยู่ในนั้นอย่างรำไร และแผ่คลื่นพลังเวทอันน่าตกใจ
………………………………