ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 677 ราชินีผึ้งห้าแสง
“ดี! ในเมื่อสหายทุกท่านไม่มีข้อคัดค้านใดๆ ถ้าอย่างนั้นแผนการที่เป็นรูปธรรม พวกเราก็เดินทางไปด้วยพูดไปด้วยเถอะ เพราะที่นี่ยังอยู่ห่างจากจุดที่พบรังผึ้งห้าแสงอีกมาก อีกอย่างในเทือกเขาจูหลงก็มีปีศาจอสูรต่างๆ อยู่ไม่น้อย หากช้าไปสองสามวันแล้วพลาดช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุดหลังจากวางไข่ของราชินีผึ้งไปล่ะก็ ย่อมไม่ดีอย่างแน่นอน” ฮวาชิงอิ่งเห็นเช่นนี้ก็กลายเป็นพายุสีดำแล้วพุ่งขึ้นฟ้าทันที
“คิดไม่ถึงว่าไม่เจอกันแค่ราวๆ ร้อยปี วิชาพายุหลบหลีกของพี่ฮวาจะล้ำลึกถึงเพียงนี้แล้ว” หญิงที่สวมหมวกคลุมหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็เหยียบเมฆขาวพุ่งออกไปจนมองเห็นเป็นแสงแวววาว
อู๋ขุยก็หัวเราะออกมา จากนั้นแสงหลากสีก็เปล่งประกายรอบตัว และพุ่งตามไป
ชายฉกรรจ์ผู้นั้นก็ปล่อยอินทรียักษ์ขนาดใหญ่สองสามจั้งออกมา และขึ้นไปนั่งอยู่บนนั้น ส่วนชายชุดเขียวก็กลายเป็นหมอกดำพวยพุ่งตามไป
หลิ่วหมิงก็สะบัดแขนเสื้อปล่อยกระบี่เล็กสีทองออกมา หลังจากทำท่าเคล็ดกระบี่แล้ว ก็กลายเป็นแสงสีทองพุ่งขึ้นฟ้า
ครึ่งวันต่อมา พวกเขาก็เข้าสู่ส่วนลึกของเทือกเขาจูหลง ระหว่างทางที่ผ่านมาก็ราบรื่นมาโดยตลอด แต่กลับมีบึงขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
พอมองออกไป จะเห็นว่ามีหมอกพิษสีเทาปกคลุมอยู่เหนือบึงอย่างหนาแน่น ขณะเดียวกัน ยังมีกลิ่นของวัชพืชเน่าเปื่อยโชยออกมาด้วย และยังมีความชื้นเหนียวเหนอะหนะที่น่าสะอิดสะเอียนลอยอยู่ในอากาศ
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้กลับค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา ดูเหมือนว่าหากจะผ่านบึงแห่งนี้ไปให้ได้ คงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน
คนอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของกลิ่นไอที่ลอยตลบอบอวลอยู่ จึงชะลอแสงหลบหลีกลง และหยุดอยู่ตรงหน้าบึง
“หากข้าคาดเดาไม่ผิดล่ะก็ สถานที่แห่งนี้คงจะเป็นบึงพิษมืดที่มีชื่อเสียงแล้ว อากาศพิษในสถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่จะสกัดกั้นจิตรับรู้ได้เท่านั้น แม้แต่สายตาก็ไม่สามารถมองออกไปในระยะสองจั้งได้ ทั้งยังมีปีศาจแมลงขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งผลุบๆ โผล่ๆ อยู่เป็นประจำ แม้ว่ามันจะมีพลังน้อย แต่กลับมีจำนวนมาก ทั้งยังมีพิษแปลกประหลาดบางอย่าง ซึ่งรับมือได้ค่อนข้างยาก” หญิงสวมหมวกคลุมยาวเอ่ยปากออกมา
“แต่หากเดินทางอ้อมเขาไปอีกสองลูก เกรงว่าคงใช้เวลาไม่น้อย อีกอย่างไม่แน่ว่ามันอาจจะอันตรายกว่าก็ได้” ชายชุดคลุมสีเขียวขมวดคิ้วกล่าว
“เฮ่อๆ! หมอกพิษในบึงแห่งนี้มอบให้ข้าจัดการเถอะ!” ขณะนั้นเอง ชายฉกรรจ์ที่สวมหน้ากากหัวโคก็หัวเราะก่อนกล่าวออกมา จากนั้นก็กระตุ้นเคล็ดวิชาขี่อินทรียักษ์ไปยังด้านหน้าสุด
พอเขาอ้าปากก็เกิดเสียงดัง “ฟู่ๆ!” จากนั้นโลหิตก็ถูกพ่นออกมาอย่างบ้าคลั่ง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
บริเวณลำคอของชายฉกรรจ์ผู้นี้ มีแสงโลหิตเปล่งประกายจางๆ อยู่ไม่หยุด พอมองดูอย่างละเอียด จะเห็นว่ามีภาพเต่ายักษ์สีแดงปรากฏออกมา
ประจักษ์ชัดว่าวิชาที่คนผู้นี้แสดงออกมาก็เป็นเคล็ดวิชาภาพสัญลักษณ์ชนิดหนึ่ง ทั้งยังดูเหมือนจะมีระดับไม่น้อยด้วย
พอพายุโลหิตถูกเป่าออกไป มันก็กลายเป็นแกนพายุโลหิต และพุ่งเข้าไปยังหมอกพิษตรงหน้า
ไอหมอกสลัวๆ เหนือบึงถูกพายุบ้าระห่ำลูกนี้พัดออกไปชั่วคราว และห่างออกไปหลายร้อยจั้ง จะเห็นว่ามีแมลงปอยักษ์หลายสิบตัวปรากฏอยู่รำไร
แมลงปอเหล่านี้มีขนาดหนึ่งจั้งกว่า ปีกโปร่งใสทั้งคู่โบกสะบัดอยู่ไม่หยุด และส่งเสียงดังหวึ่งๆ ดวงตาสีแดงทั้งคู่มีขนาดเท่ากำปั้น คมเขี้ยวที่โผล่ออกมาจากปาก ก็เสียดสีกันไปมาไม่หยุด พริบตาที่ไอหมอกโดนพัดสลายออกไปนั้น มันก็บินหวึ่งๆ มาทางนี้ทันที
อู๋ขุยเห็นเช่นนี้ก็พุ่งออกไปรับมือโดยตรง พอพลิกฝ่ามือก็มีสิ่งของบางอย่างปรากฏในมือ และโบกสะบัดไปด้านหน้าอย่างไม่ลังเล
แสงสีทองม้วนตัวออกไป!
พอแมลงปอยักษ์เหล่านั้นสัมผัสกับมัน ก็ถูกฟันจนร่วงลงไปเป็นชิ้นๆ ราวกับเผชิญหน้ากับมฤตยูโดยที่ไม่มีแรงต้านทานเลยแม้แต่น้อย
พอหลิ่วหมิงหดรูม่านตาลง ถึงมองเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของอู๋ขุยอย่างชัดเจน มันคือพัดขนนกสีทองเล่มหนึ่งนั่นเอง
“รบกวนสหายทั้งสองที่ลงมือแล้ว พวกเราไปกันเถอะ!” ฮวาชิงอิ่งเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก จากนั้นก็เรียกคนอื่นๆ ให้เหาะไปตามทางที่พายุบ้าระห่ำเปิดออกมา
ชายฉกรรจ์ผู้นั้นเหาะอยู่ตรงหน้าสุด เขากระตุ้นพายุบ้าระห่ำให้พัดไอหมอกตรงหน้าอยู่ไม่หยุด พอมีปีศาจแมลงบินออกมา ก็จะถูกอู๋ขุยและคนอื่นๆ สังหารจนหมดสิ้น
หลังจากเดินทางเช่นนี้จนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งวัน พวกเขาถึงออกจากบึงพิษมืดแห่งนี้มาได้
ตลอดการเดินทางหลังจากนั้น พวกเขาก็พบเจอกับปีศาจอสูรระดับต่างๆ ไม่น้อย มีตั้งแต่ระดับของเหลวขั้นต้นไปจนถึงระดับผลึกขั้นปลาย แต่ต่อหน้าผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้แล้ว พวกมันล้วนถูกสังหารอย่างง่ายดาย
หลังจากผ่านไปอีกสองวัน ฮวาชิงอิ่งก็พาทุกคนมาถึงบริเวณยอดเขาบางแห่งในส่วนลึกของเทือกเขาจูหลง
“สหายทุกท่าน หากข่าวกรองในก่อนหน้าไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็ เดินหน้าเข้าไปอีกร้อยกว่าลี้ ก็จะถึงรังของผึ้งห้าแสงแล้ว” พอแสงหลบหลีกบนตัวฮวาชิงอิ่งดับลง นางก็หันมากล่าวกับทุกคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ถ้าอย่างนั้นจะรออะไรอีกล่ะ! พวกเรารีบไปทำตามแผนที่วางไว้กันเถอะ!” อู๋ขุยเอามือถูกันแล้วกล่าวออกมา
“ย่อมเป็นเช่นนั้น แต่เพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิด พวกข้าจะซ่อนตัวเข้าไปสำรวจดูบริเวณรัง หากระวังตัวกันสักหน่อยย่อมไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน” ฮวาชิงอิ่งกล่าวอย่างรอบคอบ
ชายชุดเขียวและคนอื่นๆ ได้ยินเช่นนี้ ก็เห็นด้วยเป็นอย่างมาก
แม้อู๋ขุยจะเบะปากเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ดังนั้นพวกเขาต่างก็แสดงเคล็ดวิชาซ่อนตัวแล้วเหาะไปด้านหน้าต่อ
หลังจากหลิ่วหมิงขยี้ยันต์ซ่อนตัวผืนหนึ่งจนแหลกละเอียดแล้ว ร่างของเขาก็กลายเป็นเงาจางๆ ตามติดไป
สำหรับพวกเขาแล้วระยะทางร้อยกว่าลี้นั้น ใช้เวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้น
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ มีเสียงระเบิดดังมาจากสถานที่ที่อยู่ไม่ไกล
ภายใต้ความความตกใจ หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ ต่างก็พากันไปหลบซ่อนอยู่ในหมอกบริเวณนั้นโดยมิได้นัดหมาย
“ฮึ! คิดไม่ถึงว่าจะถูกคนอื่นคว้าไปก่อน แต่ก็แค่แก่นแท้ระดับล่างสองคนกับแก่นเสมือนหนึ่งคน ก็กล้ามาต่อกรกับราชินีผึ้งห้าแสงแล้ว ช่างไม่รู้จักประมาณพลังของตัวเองจริงๆ” น้ำเสียงของอู๋ขุยดังมาจากเมฆสีขาวก้อนหนึ่ง
“ก็ดีเหมือนกัน ให้พวกเขาทดสอบพลังของราชินีผึ้งให้พวกเราก่อน หากผู้ฝึกฝนปีศาจเหล่านี้โชคดีเอาชนะได้ พวกเราก็สังหารคนและแย่งของมา” เสียงหัวเราะอิๆ ของฮวาชิงอิ่งดังขึ้นข้างหูของพวกหลิ่วหมิง
ดวงตาหลิ่วหมิงเป็นประกายสองสามที เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่กลับมองไปยังบริเวณปากถ้ำขนาดใหญ่ที่ผู้ฝึกฝนปีศาจสามคนกำลังต่อสู้กับผึ้งยักษ์อยู่
ดูท่าด้านในคงจะเป็นรังของผึ้งห้าแสงจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าผู้ฝึกฝนปีศาจเหล่านี้จะรู้ไหมว่า ด้านในยังมีราชินีผึ้งอันน่ากลัวอยู่ตัวหนึ่งด้วย
ขณะนั้นเอง ในบรรดาผู้ฝึกฝนปีศาจทั้งสามนั้น คนหนึ่งพ่นไฟอันร้อนแรงออกมา อีกคนก็ปล่อยคมวายุสังหารผึ้งห้าแสงบริเวณนั้นจนหมดสิ้น
ส่วนผู้ฝึกฝนปีศาจระดับแก่นเสมือนคนที่สามกลับนำยันต์เก็บของออกมาผืนหนึ่ง และขยี้จนแตกละเอียด
พอแสงสีขาวเปล่งประกาย สิ่งของสีแดงเลือดก็ร่วงลงพื้น และส่งกลิ่นคาวเลือดออกมา ขณะเดียวกัน ผู้ฝึกฝนปีศาจทั้งสามก็หลบไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลังภูเขาหินบริเวณนั้น
“เอ๊ะ! ผู้ฝึกฝนปีศาจเหล่านี้ได้เตรียมพร้อมมาก่อนแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะเตรียมเลือดเนื้อของหนูชิงเย่มา เพื่อล่อฝูงผึ้งให้ออกจากรังและค่อย ๆ สังหารมัน” หญิงที่สวมหมวกคลุมยาวกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
ฮวาชิงอิ่งทำเสียงฮึดฮัดแล้วเตือนให้ทุกคนระวังตัวกันไว้ อย่าได้ส่งเสียงเด็ดขาด เพื่อป้องกันการถูกค้นพบ
ผลลัพธ์คือพอปล่อยเลือดเนื้อสีแดงลงไปได้ไม่นาน ก็มีเสียง “หวึ่งๆ!” ดังออกมาจากถ้ำ
ผึ้งห้าแสงตัวโตเต็มวัยที่มีรูปร่างค่อนข้างใหญ่ กระพือปีกบินออกมาจากถ้ำ ไม่ว่าจะเป็นขนาดรูปร่างหรือว่ากลิ่นไอ ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สิ่งที่ผึ้งยักษ์ธรรมดาในก่อนหน้านั้นจะเทียบได้
ครู่ต่อมา โซ่สีน้ำตาลปรากฏออกมา และรัดพันร่างผึ้งยักษ์ไว้แน่น ขณะเดียวกัน แสงสีเทาขนาดใหญ่ก็กะพริบผ่านไป ทันใดนั้นมันก็ตัดร่างของผึ้งยักษ์ออกเป็นสองท่อน ซึ่งเป็นการลงมือพร้อมกันของผู้ฝึกฝนปีศาจระดับแก่นแท้สองคนที่อยู่บริเวณนั้น
แต่ขณะที่ผู้ฝึกฝนปีศาจทั้งสามคิดที่จะเก็บซากศพเหล่านี้เข้าไปในถุงนั้น พลันมีแรงกดดันจิตวิญญาณกระเพื่อมออกมาจากรังผึ้งด้านใน!
ตามติดด้วยเสียงที่ดัง “ฟู่ๆ!” ผึ้งยักษ์สองตัวที่มีลวดลายจิตวิญญาณหลากสีปรากฏอยู่บนปีกทั้งสองอย่างชัดเจนบินออกมา พริบตาเดียวก็มาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจทั้งสาม และปิดกั้นทางหลบหนีไว้
ทั้งสามต่างก็นำอาวุธจิตวิญญาณออกมาด้วยความตกใจ แต่ผึ้งยักษ์ทั้งสองกลับดูเหมือนไม่คิดจะโจมตี เพียงแค่กระพือปีกลอยอยู่กลางอากาศเท่านั้น
“เดิมทีนึกว่านอกจากราชินีผึ้งแล้ว ที่เหลือล้วนเป็นปีศาจผึ้งธรรมดา คิดไม่ถึงว่าจะมีระดับแก่นแท้อยู่ด้วยสองตัว!” ฮวาชิงอิ่งกลับสูดหายใจเข้าด้วยความเยือกเย็น และส่งเสียงให้ทุกคนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ฮึ! มีข้าผู้แซ่อู๋อยู่ที่นี่ด้วย ต่อให้มีปีศาจผึ้งระดับแก่นแท้เพิ่มมาอีกสองตัวจะเป็นไรไป อย่างมากก็แค่ลงไม้ลงมือให้มากหน่อยก็เท่านั้น” อู๋ขุยกลับทำเสียงฮึดฮัดแล้วกล่าวออกมา
ขณะที่ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจรีบถอยออกไปด้วยความตกใจนั้น ผึ้งยักษ์ที่มีไอหมอกสีม่วงลอยวนเวียนก็ค่อยๆ บินออกมาจากถ้ำ
หลังจากไอหมอกสีม่วงหายไป ผึ้งยักษ์สีม่วงขนาดสามสี่จั้งที่มีลวดลายจิตวิญญาณหลากสีปกคลุมเต็มตัวก็ปรากฏออกมา
ผึ้งตัวนี้ไม่เพียงแต่น่าเกลียดน่ากลัวเป็นอย่างมาก ร่างกายส่วนล่างมีขนาดใหญ่กว่าส่วนบนหลายเท่า แลดูบวมและอืดอาดเชื่องช้าเป็นอย่างมาก พริบตาที่มันปรากฏตัว คลื่นอากาศก็ม้วนตัวออกมาอย่างบ้าคลั่ง จนทำให้อากาศบริเวณนั้นเกิดเสียงดังหวึ่งๆ และบิดเบี้ยวอยู่ครู่หนึ่ง
ผู้ฝึกฝนปีศาจทั้งสามถูกกลิ่นไอของผึ้งยักษ์กดดันจนระดับแก่นแท้ทั้งสองต้องร่นถอยออกไปหลายก้าวด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด
ส่วนระดับแก่นเสมือนผู้นั้น ก็คุกเข่าลงพื้นโดยไม่อาจเคลื่อนไหวได้เลยแม้แต่น้อย
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ หางตาก็กระตุกอยู่สองสามครั้ง!
ดูท่าผึ้งยักษ์สีม่วงตัวนี้คงจะเป็นราชินีผึ้งห้าแสงตัวนั้นแล้ว แต่ว่าเหตุใดกลิ่นไอของมันถึงได้น่ากลัวเช่นนี้
………………………………