ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 688 ป้ายอาญาสิทธิ์สีเทา
ภายใต้เสียงคำรามของเมฆสายฟ้าสีม่วง มันก็กลายเป็นสายฟ้าสีม่วงจำนวนมากฟาดฟันลงมา และกะพริบหายไปในแขนของหลิ่วหมิงทั้งหมด
หลิ่วหมิงเอามือทั้งสองมาถูกันอีกครั้ง พอแยกออกจากกันก็เกิดเสียงดัง “ตู๊ม!” สายฟ้าขนาดเท่าปากถ้วยที่มีสีเงินปะปนกับสีม่วงพุ่งยิงออกมา มันกะพริบแค่ทีเดียวก็ทะลุร่างหมาป่ายักษ์ไป
หมาป่ายักษ์ส่งเสียงร้องโหยหวนแล้วสลายไป จากนั้นก็กลายเป็นดาบบินหนึ่งคู่กับมุกกลมๆ ร่วงลงจากฟ้า
ผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวมีสีหน้าดูไม่ได้เป็นอย่างมาก พอโบกสะบัดแขนเสื้อ ต้นแบบอาวุธเวททั้งสองชิ้นก็ถูกเก็บกลับมา แต่หลังจากหายใจเข้าลึกๆ แล้ว ก็แหงนหน้าแผดเสียงร้อง ร่างของเขาขยายใหญ่อย่างบ้าคลั่งจนเสื้อผ้าบนตัวขาด จากนั้นก็กลายเป็นตัวประหลาดที่มีหัวเป็นอาชา ร่างเป็นหมาป่า และมีปีกทั้งคู่อยู่บนหลัง
ปีศาจอสูรตัวนี้เพียงแค่กระพือปีกบนหลัง มันก็พร่ามัวหายไปจากที่เดิม
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ปล่อยกำปั้นออกไปด้านหลังโดยไม่ต้องคิด
“ตู๊ม!”
ปีศาจอสูรหัวอาชาที่เพิ่งปรากฎตัวด้านหลังหลิ่วหมิง ถูกกำปั้นโจมตีจนกระเด็นออกไป
ขณะนั้นเอง ร่างของหลิ่วหมิงกลับเคลื่อนไหวกลายเป็นเงาร่างสามเงาก่อนพุ่งออกไป
ตัวประหลาดหัวอาชาเห็นเช่นนี้ ก็อ้าปากโดยไม่รอให้ตนเองทรงตัวได้ก่อน จากนั้นแสงสีม่วงกลุ่มหนึ่งก็พุ่งใส่เงาทั้งสาม
“ปัง!” “ปัง!” เงาร่างสองเงาถูกแสงสีม่วงโจมตีสลายไปในพริบตา เหลือแค่เงาร่างที่สามเท่านั้น พอบิดเอวก็หลบแสงสีม่วงไปได้อย่างเหลือเชื่อ และหลังจากพร่ามัวอีกครั้ง ก็มาปรากฏตัวตรงหน้าตัวประหลาดหัวอาชาราวกับปีศาจ และชกกำปั้นออกมาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
กำปั้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีม่วงดำชกเข้ามายังไม่ทันถึง ก็เกิดเสียงดัง “ฟู่!” จากนั้นมังกรหมอกดำตัวหนึ่งก็พุ่งออกมาพร้อมพลังมหาศาล
ตัวประหลาดหัวอาชามีสีหน้าดุร้ายขึ้นมา พอมันอ้าปากอีกครั้ง มุกสีเหลืองก็ถูกพ่นออกมา ขณะเดียวกันกรงเล็บคู่หน้าก็เคลื่อนไหวจนกลายเป็นเงาแน่นขนัด และตะกุยใส่ฝ่ายตรงข้าม
เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นอีกครั้ง!
มังกรหมอกดำปะทะกับมุกสีเหลืองก่อนที่จะสลายตัว ส่วนมุกสีเหลืองก็กระเด็นออกไป
แต่หลังจากกำปั้นสีม่วงพร่ามัวไปโจมตีเงากรงเล็บโดยตรง ก็ถูกกรงเล็บขาหน้าทั้งสองต้านทานไว้
ครั้งนี้เป็นเพราะปีศาจอสูรตัวนี้ได้เตรียมการไว้ก่อน นอกจากร่างของมันจะสั่นไหวเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่ถูกกำปั้นโจมตีจนกระเด็นแต่อย่างใด
อสูรประหลาดเผยแววตาโหดร้ายออกมา พอกระพือปีกทั้งคู่เล็กน้อย มันก็คิดจะใช้วิธีการโจมตีกลับที่รุนแรงกว่าเดิม
ขณะนั้นเอง กำปั้นสีม่วงที่ถูกมันต้านทานไว้กลับส่งเสียงดังเบาๆ “ฟู่!” ไอดำกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมา หลังจากหมุนติ้วๆ รวมตัวกันแล้ว ก็กลายเป็นศีรษะชายผู้หนึ่ง มันสะบัดหัวแค่ทีเดียว ผมสีเขียวเต็มศีรษะก็พุ่งออกไปราวกับสายฟ้าแลบ และกลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ปกคลุมลงมา
มันคือหัวบินนั่นเอง
ไม่รู้ว่าหลิ่วหมิงแอบปล่อยหัวปีศาจออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งยังแอบอยู่ในแขนเสื้อตั้งแต่แรกแล้ว และเพิ่งถูกปล่อยออกมาในตอนนี้
วิธีการแปลกประหลาดเช่นนี้ อสูรหัวอาชาย่อมนึกไม่ถึงอย่างแน่นอน และภายในระยะใกล้เช่นนี้ คิดจะหลบหลีกก็ไม่ทันแล้ว มันจึงถูกตาข่ายปกคลุมในทันที และถูกรัดอย่างแน่นหนา
อสูรประหลาดส่งเสียงคำรามด้วยความตกใจ พออ้าปาก ไอสีม่วงก็พวยพุ่งรอบตัว และคิดจะแหวกตาข่ายหลบหนี
แต่หลิ่วหมิงที่อยู่ห่างเพียงแค่ลัดมือเดียว ไหนเลยจะเปิดโอกาสให้มัน หลังจากส่งเสียงหัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้ว กำปั้นข้างหนึ่งก็ส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ สายฟ้าสีเงินปรากฏบนพื้นผิวเป็นชั้นๆ พอสะบัดข้อมือ ก็พร่ามัวมาปรากฏตรงด้านหลังของอสูรหัวอาชา และโจมตีไอสีม่วงบนหลังของมันอย่างโหดเหี้ยม
“ปัง!” ไอสีม่วงหนาแน่นสลายไปในพริบตา และมีเสียงกระดูดแตกหักดังออกมา
หลิ่วหมิงในขณะนี้มีพลังจำนวนมาก ต่อให้จะเป็นเขาลูกเล็กๆ ก็สามารถชกให้ระเบิดในกำปั้นเดียวได้ นับประสาอะไรกับกายเนื้อเล่า
แม้ว่าตัวประหลาดหัวอาชาจะมีกายเนื้อแข็งแกร่ง แต่ก็กระอักเลือดออกมาในทันที ในเลือดยังเต็มไปด้วยเศษเครื่องในจำนวนไม่น้อย ร่างของเขาร่วงลงมากระแทกพื้นอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่
อสูรประหลาดส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา หลังจากไอสีม่วงบนพื้นผิวสลายไปแล้ว ก็กลับมาเป็นร่างของผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวอีกครั้ง
ผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวในขณะนี้ ไม่เพียงแต่เสื้อผ้าบนตัวขาดรุ่งริ่งเท่านั้น ใบหน้าก็ซีดขาวไร้ซึ่งโลหิต แม้ว่าจะพลิกตัวลุกขึ้นมายืนได้ แต่กระดูกสันหลังหักไปแล้ว ซี่โครงก็หักไปหลายซี่ เขาจึงมีสภาพจะล้มมิล้มแหล่
เกิดเสียงดังขึ้นบริเวณหลุม ไหมสีดำสิบกว่าเส้นพุ่งออกมาโดยไม่มีลางบอกเหตุมาก่อน
ผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวคิดจะหลบหลีกด้วยความตกใจ แต่กลับรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่าง การเคลื่อนไหวก็ช้าลงกว่าครึ่งหนึ่ง
หลังจากไหมดำเหล่านั้นกะพริบผ่านไปแล้ว ก็จมเข้าไปในขาของเขา
ผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวตบพื้นบริเวณนั้นหนึ่งทีด้วยความโมโห
“ตู๊ม!”
เศษดินกระเด็นไปทั่วทิศ แมงป่องกระดูกสีเงินที่มีขนาดเท่าฝ่ามือพุ่งออกมาจากในนั้น หลังจากพร่ามัวหนีออกไปสิบกว่าจั้งแล้ว ถึงหันมาจ้องมองผู้ฝึกฝนปีศาจ
ผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวกลับไม่ได้สนใจแมงป่องกระดูกเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ก้มหน้าลงก็มองเห็นรูเลือดสีดำสิบกว่ารูบนขา เลือดพิษสีดำไหลออกมา ขณะเดียวกันความรู้สึกชาก็ขยายออกจากปากแผล และกระจายไปทั่วร่าง
ผู้ฝึกฝนปีศาจผู้นี้ทั้งตกใจและโมโห เขารวบรวมพลังเวทในร่างให้ระงับพิษไว้ชั่วคราว
แต่ขณะนั้นเอง เงาดำก็เปล่งประกายด้านหลัง หลิ่วหมิงปรากฏตัวออกมาราวกับปีศาจ เพียงแค่สะบัดแขนเสื้อ แสงสีดำกลุ่มใหญ่ก็ม้วนตัวออกจากหลัง และปกคลุมผู้ฝึกฝนปีศาจไว้ในนั้น
ผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวรู้สึกแค่ว่าภาพตรงหน้าพร่ามัว จากนั้นก็มาปรากฏตัวในพื้นที่สีดำแห่งหนึ่ง ขณะที่กำลังจะมีท่าทีตอบสนองด้วยความตกใจนั้น หนวดสัมผัสสีดำสิบกว่าเส้นก็พุ่งเข้ามาจากทั่วทิศ มันโบกสะบัดแค่ทีเดียวก็รัดพันเขาไว้อย่างแน่นหนา
“ฟิ้ว!”
หลิ่วหมิงมาปรากฏตัวด้านข้างอย่างไร้สุ้มเสียง ขณะเดียวกันเงากระบี่สีทองขาดๆ หายๆ ก็ทะลุผ่านหน้าผากเขาไป
“เจ้า…” ผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวเผยสีหน้าที่ดูเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก ครู่ต่อมาก็มีรูขนาดเท่าหัวแม่มือปรากฏบนหน้าผากของเขา โลหิตไหลทะลักออกมา วิญญาณของเขายังไม่ทันจะหนีไป ก็ถูกปราณกระบี่ปั่นจนดับไป
ผู้ฝึกฝนปีศาจผู้นี้จ้องมองหลิ่วหมิง และแววตาที่มีชีวิตก็ดับมืดลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นล้มโครมลงพื้น
หลิ่วหมิงมองดูผู้ฝึกฝนปีศาจตรงหน้า และส่ายหน้าไปมา พอสะบัดแขนเสื้อ แสงสีดำที่ปกคลุมเต็มฟ้าก็สลายไป และเผยให้เห็นหลุมขนาดใหญ่อีกครั้ง
จะว่าไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าพลังของผู้ฝึกฝนปีศาจผู้นี้ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ทั้งสองที่เขาต่อสู้ในก่อนหน้านั้นจะสามารถเปรียบเทียบได้ ไม่แน่อาจจะแข็งแกร่งกว่าชายวัยกลางคนที่ใช้แส้ขั้นหนึ่ง
แต่ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามอาจจะมีความสัมพันธ์กับปีศาจสายฟ้า ทั้งยังลงมือรุนแรงกับเขาในทันทีที่พบเห็น เขาย่อมไม่รักษาพลังไว้แต่อย่างใด
หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองอยู่ในใจ พอโบกมือข้างหนึ่ง ดาบบินสีม่วงสองเล่มกับมุกอู้ชวีเม็ดนั้น ก็ถูกดูดเข้ามาในมือ เขาโยนมันเข้าไปในแหวนย่อส่วนโดยไม่ทันได้มองอย่างละเอียด จากนั้นก็หยิบกำไลเก็บของจากเอวของผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวมาวงหนึ่ง หลังจากมองดูแบบผ่านๆ แล้วก็ควักป้ายอาญาสิทธิ์สีเทาสลัวๆ ออกมาหนึ่งอัน
เขาหรี่ตาทั้งคู่สังเกตดูของสิ่งนี้อย่างละเอียด
ป้ายอาญาสิทธิ์นี้มีขนาดเท่ากำปั้น มีไอศาจแผ่คลุมอยู่ ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งของของเผ่าปีศาจ ด้านหน้ามีภาพปีศาจ ‘สี่ไม่คล้าย’ สลักอยู่ และด้านหลังก็เป็นภาพร่างคร่าวๆ
หลิ่วหมิงมองดูอยู่ครึ่งค่อนวัน ถึงมองออกว่านี่คือแผนที่คร่าวๆ ของแดนลึกลับแห่งนี้ แต่ว่ามีเครื่องหมายบนนั้นน้อยมาก วาดขึ้นมาจากลายเส้นเพียงไม่กี่เส้น ไม่อาจดูเข้าใจในระยะเวลาสั้นๆ ได้
หลังจากเขาขมวดคิ้วขึ้นมาแล้ว ก็ลองใช้พลังจิตเข้าไปตรวจสอบในนั้น ทันใดนั้น แสงสีเทาก็เปล่งประกาย และกีดกั้นจิตรับรู้ของเขาไว้ ทำให้ไม่อาจสำรวจดูความลี้ลับภายในได้เลยแม้แต่น้อย
หลิ่วหมิงถือป้ายอาญาสิทธิ์นี้เล่นอยู่ในมือ และจมดิ่งลงไปในความเงียบทันที
ของสิ่งนี้คงเป็นสิ่งของยืนยันบางอย่างอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังอาจจะเกี่ยวข้องกับปีศาจสายฟ้าด้วย ส่วนจะใช้ทำอะไรนั้น ไม่อาจพูดได้
อาจจะเป็นป้ายประจำตัว หรืออาจจะเป็นกุญแจชั้นจำกัดบางอย่าง…
หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็ส่ายหน้า และเก็บป้ายอาญาสิทธิ์เข้าไป หลังจากเก็บอสูรเลี้ยงทั้งสองเข้าไปแล้ว ก็เข้าไปในถ้ำอีกครั้ง เขานั่งขัดสมาธิลงไป และนำโอสถจินหยวนออกมาทานหนึ่งเม็ด ในมือก็ถือหินจิตวิญญาณไว้เพื่อทำการฟื้นฟูพลังเวทโดยเร็ว
การรับมือกับผู้ฝึกฝนปีศาจที่ร้ายกาจในก่อนหน้า ทำให้เขาสูญเสียพลังเวทไปไม่น้อย
ครึ่งวันต่อมา พลังเวทในร่างหลิ่วหมิงก็ฟื้นฟูมาพอประมาณแล้ว เขารีบจัดเสื้อผ้าในทันที จากนั้นก็เดินออกจากถ้ำ และทะยานฟ้าพุ่งไปยังทิศทางบางแห่ง
ขณะนี้อยู่ห่างจากเวลาที่เขาวาดภาพสัญลักษณ์ราวๆ ยี่สิบวัน เพียงแค่มีพลังของภาพเชอฮ่วนบนไหล่ซ้าย ระดับการฝึกฝนของเขาก็สามารถเก็บซ่อนไว้ได้ กลิ่นไอบนตัวก็ถูกเก็บจนยากจะค้นพบ เพียงแค่ระวังให้มากหน่อย ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ต่างเผ่าลอบโจมตีแต่อย่างใด
สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้ก็คือ รีบหาทางออกของแดนลึกลับให้ไวที่สุด มิเช่นนั้นหากถึงเวลาที่ปีศาจวายุต้องการกำจัดพวกเขาที่ถูกขังอยู่ในแดนลึกลับล่ะก็ ทุกอย่างคงจะสายไปเสียแล้ว
หนึ่งวันต่อมา ขณะที่ผ่านเทือกเขาสีดำแห่งหนึ่งนั้น แสงหลบหลีกสีเหลืองลำหนึ่งก็พุ่งทางเขา
ด้านหลังแสงหลบหลีกสีเหลือง คือเงาร่างสีเขียวที่ตามไล่ล่าอยู่ไม่หยุด และพ่นเปลวไฟสีเขียวออกมาเป็นระยะๆ
พอแสงหลบหลีกสีเหลืองหยุดชะงักลง ก็เผยให้เห็นร่างของผู้ฝึกฝนหญิงที่สวมชุดสีเหลือง พอนางยกมือข้างหนึ่ง เปลวไฟสีทองกลุ่มหนึ่งก็พุ่งยิงออกไป
“ตู๊ม!” หลังจากเปลวไฟสีทองปะทะกับเปลวไฟสีเขียวกลางอากาศ พวกมันก็ระเบิดออกมา และสั่นสะเทือนจนเงาร่างสีเขียวต้องร่นถอยออกไป
พอหญิงสาวละสายตากลับมา ก็ดูเหมือนจะค้นพบหลิ่วหมิงเข้า นางจึงรีบกระตุ้นแสงหลบหลีกให้พุ่งเข้ามาทันที
หลิ่วหมิงขมวดคิ้วขึ้นมา เขาย่อมไม่อยากยุ่งเรื่องของคนอื่น จึงหมุนตัวเพื่อหลบออกไปทันที
แต่ขณะนั้นเอง เงาร่างสีเขียวด้านหลังก็หยุดชะงัก จากนั้นก็กลายเป็นหมาป่ายักษ์สีเขียว และแหงนคอแผดเสียงดุร้ายออกมา
“ตู๊ม!”
หัวหมาป่ายักษ์สีเขียวปรากฏขึ้นกลางอากาศในทันที มันมีขนาดหนึ่งหมู่กว่าๆ พออ้าปากขนาดใหญ่ ก็เผยให้เห็นคมเขี้ยวอันแหลมคม และงับออกไปเพื่อจะกลืนกินหญิงชุดเหลืองกับหลิ่วหมิงลงไปพร้อมกัน
………………………………