ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 693 วิชาพฤกษาแห้งพบหยาดพิรุณ
แม้ว่าผู้ฝึกฝนปีศาจผมสีฟ้าจะมีพลังไม่อ่อนแอเลย แต่ภายใต้สถานการณ์ที่หลิ่วหมิงทั้งสามรวมตัวกัน กลับถูกสังหารไปอย่างง่ายดาย แม้กระทั่งร่างของมันยังถูกผู้อาวุโสขุยมู่ใช้ไฟศาจเผาจนไหม้เกรียม
หลิ่วหมิงที่อยู่ไม่ไกล กลับใช้มือข้างหนึ่งประคองลูกแสงสีเขียวจางๆ ที่มีไอดำลอยวนอยู่ ในนั้นมีเงาร่างสีฟ้าที่ดูคล้ายกับตะขาบอยู่ในนั้น มันกำลังดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่กลับไม่สามารถพุ่งออกจากหมอกดำได้
มันคือวิญญาณของผู้ฝึกฝนปีศาจผมฟ้านั่นเอง พริบตาที่มันหลบหนีออกจากกายเนื้อที่ถูกทั้งสามสังหาร ก็ถูกหลิ่วหมิงใช้เคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬจับตัวไว้ได้
“บอกมาเถอะ! เจ้าหาพวกข้าเจอได้อย่างไร รีบพูดมาตามตรง ข้าจะให้วิญญาณของเจ้าได้มีโอกาสไปเกิดใหม่ มิเช่นนั้นพวกข้าจะใช้วิธีค้นวิญญาณอย่างไม่ลังเล และทำให้วิญญาณของเจ้าแตกสลายเป็นเถ้าธุลี” หลิ่วหมิงจ้องมองวิญญาณปีศาจในมือแล้วถามอย่างไม่สะทกสะท้าน
“อย่าดีใจเร็วไปหน่อยเลย…สุดท้ายแล้วพวกเจ้าก็เป็นแค่เหยื่อล่าของพวกเราเท่านั้น…พวกเจ้าหนีออกไปไม่ได้หรอก…ฮ่าๆ…” วิญญาณปีศาจผมสีฟ้าพยายามดิ้นรนไปมา ทันใดนั้น มันก็ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“สหายขุยมู่ ข้าไม่เชี่ยวชาญวิชาค้นวิญญาณ เรื่องนี้มอบให้ท่านดีหรือไม่?” หลิ่วหมิงได้ยินก็เลิกคิ้วขึ้น ทันใดนั้นนิ้วทั้งห้าก็ออกแรงบีบจนวิญญาณปีศาจในมือร้องออกมาอย่างน่าเวทนา จากนั้นก็หันไปกล่าวกับผู้อาวุโสขุยมู่ที่อยู่ไม่ไกล
จะว่าไปแล้ว ต่อให้กายเนื้อและพลังของเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ในความเป็นจริงแล้วก็มีการฝึกฝนแค่ระดับผลึกขึ้นกลางเท่านั้น และผู้ฝึกฝนปีศาจคนนี้กลับเป็นระดับแก่นแท้อย่างแท้จริง ดังนั้นเรื่องค้นวิญญาณยังต้องให้คนอื่นมาแสดง ถึงจะเหมาะสมกว่า
“ไม่มีปัญหา ข้าน้อยเชี่ยวชาญวิชาค้นวิญญาณอยู่บ้าง พี่หลิ่วมอบให้ข้าก็พอ” ผู้อาวุโสขุยมู่มองวิญญาณปีศาจในมือหลิ่วหมิงทีหนึ่ง ทันใดนั้นก็หัวเราะก่อนกล่าวออกมา และถือโอกาสเก็บป้ายอาญาสิทธิ์ในมือเข้าไป
วิชาค้นวิญญาณไม่ใช่วิชาล้ำลึกอะไรมากนัก เพียงแต่ก่อนหน้านั้นผู้อาวุโสขุยมู่อาสาวางค่ายกลปิดกั้นจิตรับรู้ด้วยตนเอง แต่ผ่านไปไม่นานก็ถูกคนอื่นค้นพบร่องรอยจนได้ สิ่งนี้ทำให้เขาค่อนข้างรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้พอได้ยินคำพูดของหลิ่วหมิง ก็รีบตกปากรับคำทันที
หลิ่วหมิงได้ยินย่อมพยักหน้าด้วยความพอใจ
ผู้อาวุโสขุยมู่หายวับมาปรากฏตัวด้านข้างหลิ่วหมิง และรับวิญาณปีศาจมาไว้ในมือ จากนั้นไอหมอกสีเขียวก็พวยพุ่งออกมาเต็มตัว แสงสีเขียวเปล่งประกายระหว่างนิ้วทั้งห้าอย่างบ้าคลั่ง ขณะเดียวกันก็มีเสียงร่ายคาถาดังเป็นช่วงๆ
“เจ้า…เจ้าจะทำอะไร หยุดเดี๋ยวนี้นะ อ๊ากกก…”
วิญญาณปีศาจบิดตัวไปมาในมือของผู้อาวุโสขุยมู่ และส่งเสียงคำรามอยู่ไม่หยุด ดูเหมือนว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นอย่างมาก”
แต่ผู้อาวุโสขุยมู่ก็ทำราวกับไม่ได้ยิน เอาแต่กระตุ้นวิชาค้นวิญญาณของตัวเองเท่านั้น
หลังจากวิญญาณปีศาจส่งเสียงร้องอย่าน่าเวทนา มันก็หดตัวลงเป็นก้อนและกระตุกอยู่ไม่หยุด
ผ่านไปไม่นานก็มีเสียงดัง “ปัง!” วิญญาณปีศาจแตกสลายคามือขุยมู่จนกลายเป็นเป็นจุดสีฟ้า และหายไปจากโลกนี้โดยสมบูรณ์
และผู้อาวุโสขุยมู่กลับเคลื่อนไหวมาปรากฏตัวด้านข้างศพในก่อนหน้านั้นด้วยสีหน้าอึมครึม ขณะเดียวกัน พอโบกมือข้างหนึ่ง กำไลเก็บของก็พุ่งออกจากเอวหนึ่งวง และถูกเขาคว้าเอาไว้ในมือ พอกระตุกหนึ่งที ก็มีสิ่งของร่วงออกมาจำนวนมาก
มีโอสถ อาวุธจิตวิญญาณ หินแร่ สมุนไพรจิตวิญญาณเป็นต้น แต่สายตาของผู้อาวุโสขุยมู่กลับตกอยู่บนอาวุธจิตวิญญาณขนาดเท่าฝ่ามือที่มีรูปร่างคล้ายแผ่นคล้ายกล
“ท่านทั้งสอง ดูท่าพวกเราจะมีปัญหาแล้ว” พอผู้อาวุโสขุยมู่เห็นแผ่นค่ายกลนี้ กลับเงยหน้ากล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
“สหายขุยมู่ คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร?” ดวงตาหลิ่วหมิงเป็นประกายสองสามที แต่กลับถามด้วยสีหน้าปกติ จากนั้นก็โบกมือไปทางแผ่นค่ายกลที่ถูกผู้อาวุโสขุยมู่จ้องมองในก่อนหน้านั้น “ฟิ้ว!” แผ่นค่ายกลพุ่งเข้ามา และร่วงลงบนมือเขาอย่างมั่นคง
“เมื่อครู่ที่เขาหาที่นี่พบ ข้าก็เกิดคำถามในใจแล้ว สถานที่ที่พวกเราซ่อนตัวเร้นลับเช่นนี้ ทั้งยังวางค่ายกลซ่อนกลิ่นไอที่เป็นค่ายกลเฉพาะของหุบเขาปีศาจสวรรค์เราไว้ ตามหลักแล้วระดับดาราพยากรณ์ลงมา จะไม่สามารถค้นพบร่องรอยของพวกเราได้ ต่อให้จะมีพลังสะท้อนของป้ายอาญาสิทธิ์ ก็ไม่ควรจะพบเจอได้ง่ายขนาดนี้” ผู้อาวุโสขุยมู่มองดูแผ่นค่ายกลในมือหลิ่วหมิงแล้วค่อยๆ กล่าวออกมา
“อ๋อ! หรือว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับแผ่นค่ายกลนี้?” หวงอิ๋งได้ยินก็มองดูแผ่นค่ายกลในมือหลิ่วหมิงทีหนึ่งแล้วถามออกมาอย่างอดไม่ได้
“ดูท่าคงจะไม่ผิด แผ่นค่ายกลที่คล้ายกันนี้ ข้าก็ค้นพบบนตัวผู้ฝึกฝนปีศาจอีกสองคนที่ข้าสังหารเช่นกัน” หลิ่วหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พอพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง แผ่นค่ายกลที่มีลักษณะเหมือนกันไม่มีผิดก็ปรากฏออกมา
“ที่ท่านทั้งสองคาดเดานั้นไม่ผิด จากข้อมูลที่ข้าค้นวิญญาณในเมื่อครู่ ผู้ฝึกฝนปีศาจที่เข้ามาในแดนลึกลับแห่งนี้ ล้วนเป็นศิษย์ของปีศาจสายฟ้ากับปีศาจเหล็ก ดูเหมือนว่าจะมีทั้งหมดสิบกว่าคน แต่ละคนต่างก็มีแผ่นค่ายกลนี้ และบนตัวของพวกเราที่ถูกนำมาทิ้งไว้ในแดนลึกลับ ต่างก็ถูกเขาแอบทำสัญลักษณ์บางอย่างไว้ ศิษย์ที่ทดสอบปีศาจสวรรค์เหล่านี้ ไม่เพียงแต่จะมีการโต้ตอบกันผ่านป้ายอาญาสิทธิ์ ทั้งยังฝสามารถใช้แผ่นค่ายกลเหล่านี้ค้นหาที่ซ่อนตัวของพวกเราได้ ดังนั้นไม่ว่าพวกเราจะหลบซ่อนอย่างไร วางค่ายกลปิดกั้นจิตรับรู้ไว้ระดับไหน ก็ไม่อาจหลบพ้นศิษย์ที่สมัครรับคัดเลือกเหล่านี้ไปได้” ผู้อาวุโสขุยมู่ถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าวออกมา
“พูดเช่นนี้ก็สมเหตุสมผลมาก หรือว่าพวกเราจะกลายเป็นเหยื่อล่าของคนเหล่านี้?” หวงอิ๋งได้ยินก็มีสีหน้าดูไม่ได้ในฉับพลัน
ทั้งสามเงียบไปในทันที ประจักษ์ชัดว่าสถานการณ์ในตอนนี้ ไม่เป็นผลดีต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก เกรงว่าแผนการที่เดิมทีจะให้ผู้อาวุโสขุยมู่ฟื้นฟูพลังก่อน คงจะต้องคว้าน้ำเหลวแล้ว
มีแผ่นค่ายกลเหล่านี้คอยบ่งชี้ เกรงว่าคงจะมีศิษย์ทดสอบปีศาจสวรรค์ตามหาที่นี่มากขึ้น
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราไม่ลองใช้แผนซ้อนแผน รอให้พวกเขามาที่นี่แล้วค่อยๆ สังหารทีละคนเถอะ! เพียงแต่ไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บของสหายขุยมู่เป็นอย่างไรบ้าง?” หลิ่วหมิงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามขึ้นมาทำลายความเงียบ
“ไม่เป็นไร ข้ามีวิธีทำให้ฟื้นฟูโดยไวที่สุด ต้องขอให้สหายทั้งสองคุ้มครองสักครู่ ให้เวลาข้าอีกเล็กน้อย” ผู้อาวุโสขุยมู่ฟังคำพูดหลิ่วหมิงจบ ก็กล่าวด้วยแววตาเฉียบขาด
“ไม่มีปัญหา หากสหายมีวิธีฟื้นฟูโดยเร็ว ย่อมเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างยิ่ง” หลิ่วหมิงพยักหน้ากล่าวอย่างไม่ลังเล
จากนั้นผู้อาวุโสขุยมู่ก็พลิกฝ่ามือหยิบโอสถสีเขียวมรกตออกมา หลังจากอ้าปากกลืนลงไปแล้ว ก็นั่งขัดสมาธิลงที่เดิม
หวงอิ๋งรอคอยอยู่บริเวณนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ผ่านไปสักพัก จุดแสงสีเขียวก็เปล่งออกจากตัวผู้อาวุโสขุยมู่ หลังจากอักขระสีเขียวเปล่งประกาย เถาวัลย์จำนวนมากที่เต็มไปด้วยพลังชีวิต ก็งอกออกมาอย่างรวดเร็ว ภายใต้การพันสลับกันไปมา พริบตาเดียวก็ปกคลุมร่างของเขาไว้ในนั้น
พอเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ หลิ่วหมิงก็ค่อยๆ หรี่ตาทั้งคู่ลงด้วยสีหน้าประหลาดใจ
หวงอิ๋งก็เบิกตาทั้งคู่ขึ้นมา นางดูเหมือนไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
ขณะที่การร่ายคาถายิ่งกระชั้นชิดขึ้น เถาวัลย์ที่ปกคลุมผู้อาวุโสขุยมู่ก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ และประสานกันไปมาอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นต้นไม้ยักษ์เขียวชอุ่ม ทำให้ร่างของขุยมู่จมอยู่ในนั้นอย่างสมบูรณ์
ต้นไม้ยักษ์นี้สูงสามสิบกว่าจั้ง ไม่เพียงแต่ปกคลุมไปด้วยกิ่งก้าน เต็มไปด้วยใบไม้สีเขียวขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ทั้งยังมีกลิ่นไอพลังชีวิตที่ยากจะพรรณนาออกมา
ผ่านไปหนึ่งชั่วยามเต็มๆ เมื่อขุยมู่คำรามเสียงต่ำๆ ออกมาด้วยความเจ็บปวดนั้น ต้นไม้ยักษ์ก็แห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็กลายเป็นจุดแสงสีเขียวก่อนสลายไป และเผยให้เห็นร่างของผู้อาวุโสขุยมู่อีกครั้ง
ตอนนี้เขาถูกไอหมอกสีเขียวอันเข้มข้นห่อหุ้มร่างไว้ กลิ่นไอบนตัวก็พุ่งขึ้นมาอย่างน่าตกใจ
“สหายขุยมู่ ท่านไม่เป็นอะไรแล้ว!” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็ถามด้วยตาที่เป็นประกาย
“ไม่ปิดบังสหายทั้งสอง เมื่อครู่คือเคล็ดวิชาพฤกษาแห้งพบหยาดพิรุณของหุบเขาปีศาจสวรรค์เรา สามารถใช้อายุขัยของตนเองมาเป็นค่าตอบแทนได้ ทำให้ร่างกายฟื้นคืนสู่สภาพที่สมบูรณ์ที่สุดอย่างรวดเร็ว ในเมื่อวันนี้พวกเราอาจจะเผชิญกับกับศัตรูตัวกาจได้ตลอดเวลา ข้าก็ได้แต่แสดงวิชานี้แล้ว” ผู้อาวุโสขุยมู่สูดหมอกเขียวบนตัวเข้าไปในปาก จากนั้นถึงกล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
“อาศัยโอกาสที่คนอื่นยังไม่มาหา พวกเราลงมือวางกับดักค่ายกลจำนวนหนึ่งไว้ก่อนเถอะ!” หวงอิ๋งถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าวออกมา
หลิ่วหมิงกับขุยมู่สบตากันทีหนึ่ง พวกเขาย่อมไม่มีข้อคัดค้านแต่อย่างใด
เวลาต่อมา หลิ่วหมิงขุดถ้ำในหน้าผาบริเวณนี้มาหนึ่งแห่ง หลังจากวางค่ายกลลี้ลับและกับดักอื่นๆ แล้ว ก็นั่งขัดสมาธิรอคอยอยู่ด้านในอย่างเงียบๆ
สถานการณ์ในตอนนี้ แม้ว่าการนั่งรอกระต่ายให้มาหาเช่นนี้ จะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่จะต้องเป็นวิธีการที่เชื่อถือได้ที่สุดอย่างแน่นอน
……
ท่ามกลางป่าที่เขียวชอุ่มเป็นดงแห่งหนึ่งในแดนลึกลับ ขณะนี้กำลังเกิดฉากการต่อสู้อย่างดุเดือด
จะเห็นว่ามีผู้ฝึกฝนรูปร่างผอมกะหร่องก่องสองคน ใบหน้าคล้ายคลึงกัน ดูคล้ายกับเป็นผู้ฝึกฝนสายปีศาจที่เป็นฝาแฝดกัน ขณะนี้ทั้งสองต่างก็กำลังถือดาบปีศาจสีดำคนละเล่ม และทำการต่อสู้กับผู้ฝึกฝนปีศาจที่สวมชุดคลุมสีม่วงอยู่ไม่หยุด
ผู้ฝึกฝนปีศาจชุดม่วงถือขวานสองคมสีแดงเพลิงด้ามหนึ่ง และโบกสะบัดจนพอที่จะต้านทานการโจมตีจากทั้งสองไว้ได้แต่ขณะนั้นเอง ร่างของผู้ฝึกฝนสายปีศาจสองคนก็พร่ามัวหายไปร่างไร้ร่องรอย
ขณะที่ผู้ฝึกฝนปีศาจชุดม่วงกำลังอึ้งอยู่นั้น ผู้ฝึกฝนสายปีศาจสองคนก็กะพริบออกมา ดาบปีศาจในมือเปล่งประกายออกไปประสานกันตรงหน้าทันที แสงดาบที่แผ่ไอดำออกมาถูกวางตัดสลับกัน และกดลงด้านล่างด้วยอานุภาพอันน่าตกใจ
และผู้ฝึกฝนปีศาจชุดม่วงก็เป็นผู้ที่ผ่านศึกมานับร้อย ไม่ใช่ผู้ที่สามารถรับมือได้โดยง่าย ดูเหมือนว่าพริบตาที่ทั้งสองปรากฏตัวออกมา ขวานสองคมสีเพลิงในมือก็หลุดออกไปรับแสงดาบสีดำแล้ว ขณะเดียวกันร่างของเขาก็เคลื่อนไหวกลายเป็นแสงสีม่วงพุ่งถอยออกไปด้านหลัง
แต่ทว่าผู้ฝึกฝนสายปีศาจสองคนกลับยิ้ม อย่างโหดเหี้ยมพร้อมกัน ขณะที่แสงดาบสีดำปะทะกับขวานสองคมสีเพลิงนั้น ร่างของพวกเขาก็พร่ามัวหายไปจากที่เดิม ครู่ต่อมาก็ไม่รู้ว่ามาปรากฏอยู่ตรงหน้าแสงหลบหลีกสีม่วงได้อย่างไร ดาบปีศาจในมือตัดสลับกันอีกครั้ง
“ฟิ้ว!”
ผู้ฝึกฝนปีศาจชุดม่วงหยุดแสงหลบหลีกไม่ทัน จึงถูกฟันออกเป็นหลายส่วน เกราะในที่เขาใช้ป้องกันตัวก็ถูกฟันเป็นชิ้นๆ โดยที่ไม่อาจต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย
พริบตาเดียว โลหิตบริสุทธิ์พร้อมกับชิ้นส่วนของศพก็ร่วงลงมาเต็มพื้น
“เฮ่อๆ! บังอาจลงมือกับปีศาจคู่แห่งกลองสวรรค์อย่างพวกเรา ช่างไม่รู้จักประมาณพลังของตนเองเลยจริงๆ” ผู้ฝึกฝนสายปีศาจที่อยู่ทางด้านซ้ายหัวเราะ แบบและกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น
“ฮึ! ผู้ฝึกปีศาจในที่นี่ก็แค่นี้ ในเมื่อไม่ยอมให้พวกเราออกไป พวกเราก็จะเปิดฉากสังหารที่นี่ ดูสิว่าปีศาจเหล็กจะทำอะไรพวกเราได้!” ผู้ฝึกฝนสายปีศาจทางด้านขวาก็หัวเราะก่อนกล่าวออกมา
แต่ทว่าทั้งสองดีใจได้ไม่นาน ก็พลันมีเสียงดัง “สวบสาบ!” มาจากป่าทางด้านหลัง พอมีเงาสีม่วงเคลื่อนไหว ชายหนุ่มชุดม่วงสองคนก็ปรากฏตัวตรงด้านหลังของทั้งสอง
………………………………