ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 704 ต่อสู้กับดาราพยากรณ์ (2)
“ฟู่!”
เงาดำกะพริบออกมา หญิงผมอสรพิษหลบหลีกไม่ทัน จึงเกิดร่องเลือดลึกๆ บนไหล่ห้าร่อง บนขอบของมันมีเปลวสีดำเปล่งประกายอยู่รำไร
สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที พอบิดเอว ร่างของนางก็พร่ามัวถอยออกไปไกลสิบกว่าจั้ง จนพอที่จะหลบกรงเล็บอีกข้างของหลิ่วหมิงไปได้
พอนางกัดฟันและสะบัดแขนเสื้อ แสงสีดำลำหนึ่งก็เปล่งประกายออกมา มันคือวงแหวนสีดำกลมๆ ที่มีมีขนาดเท่าหัวแม่มือ
พอของสิ่งนี้พุ่งขึ้นฟ้า มันก็ขยายตัวตามแรงลม พริบตาเดียวก็กลายเป็นวงแหวนที่มีขนาดเท่าแผ่นโม่ ทั้งยังสั่นสะท้านเบาๆ และส่งเสียงดังหวึ่งๆ ประจักษ์ชัดว่ามีพลังจิตวิญญาณเป็นอย่างมาก!
หลิ่วหมิงที่กลายร่างเป็นปีศาจเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกตกใจอย่างอดไม่ได้
วงแหวนนี้ค่อนข้างคุ้นตามาก เหมือนกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน หลังจากครุ่นคิดดูแล้ว ถึงนึกขึ้นได้ว่าบนมือของศพปีศาจระดับดาราพยากรณ์ที่เขาค้นพบในซากปีศาจบรรพกาล ก็มีอยู่คู่หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นลักษณะหรือสีล้วนเหมือนกันไม่มีผิด
และที่น่าประหลาดใจก็คือ พอ ‘หลิ่วหมิง’ ที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเห็นวงแหวนนี้ ก็หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ และจ้องมองวงแหวนคู่นี้ตาไม่กะพริบ ราวกับว่ารู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ขณะนั้นเอง นอกจากวงแหวนจะส่งเสียงดังหวึ่งๆ แล้ว แม้จะไม่ปล่อยคลื่นพลังจิตวิญญาณใดๆ ออกมา แต่ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวผิดปกติแต่อย่างใด เพียงแค่ลอยนิ่งๆ อยู่กลางอากาศเท่านั้น
‘หลิ่วหมิง’ ส่งเสียงคำรามทีหนึ่ง จากนั้นก็ละสายตากลับมามองหญิงผมอสรพิษด้วยดวงตาดุร้าย และพร่ามัวพุ่งเข้าไปหา
หญิงอสรพิษมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย พอนางร่ายคาถาออกมา เปลวแสงป้องกันตัวสีเหลืองทองก็เปล่งประกาย และหลบหลีกการโจมตีของ ‘หลิ่วหมิง’ อยู่ไม่หยุด สายตาของนางมักจะจ้องมองวงแหวนสีดำที่ขาดๆ หายๆ กลางอากาศ
เงาฝ่ามือของหลิ่วหมิงที่กลายร่างเป็นปีศาจดุจดังพายุฝนที่โหมกระหน่ำลงมา แม้ว่าจะไม่สามารถเข้าใกล้หญิงผมอสรพิษได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่เปลวแสงป้องกันตัวของนางกลับถูกฝ่ามือพายุพัดจนสั่นไหวราวกับจะพังทลายและหายไปได้ทุกเมื่อ
“ฟู่!” เปลวแสงถูกพายุฝ่ามือโจมตีจนแตกกระจาย ร่างของหญิงผมอสรพิษถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
‘หลิ่วหมิง’ อาศัยช่องโหว่นี้เข้าใกล้นางอย่างรวดเร็ว และคว้าออกไปอย่างโหดเหี้ยม
แต่พอเขาเข้าใกล้หญิงผมอสรพิษในระยะจั้งกว่าๆ นั้น นางก็วาดมือเป็นวงกลมไปด้วยหน้าด้วยรอยยิ้มที่มีเลศนัย
“ฟู่!”
วงแหวนสีดำปรากฏขึ้นมาตรงหน้า และกะพริบไปอยู่บนแขนขวาของ ‘หลิ่วหมิง’ ที่ยื่นออกมา
ฉากแปลกประหลาดได้บังเกิดขึ้นแล้ว!
วงแหวนเปล่งแสงสีดำออกมาทันที ในนั้นมีอักขระปีศาจแปลกประหลาดปรากฏออกมา และกะพริบจมหายไปในร่างของ ‘หลิ่วหมิง’ ทำให้ร่างของเขาหยุดชะงักลง และยื่นสั่นสะท้านอยู่กับที่
จากนั้นไอปีศาจก็พวยพุ่งออกมารอบตัว ‘หลิ่วหมิง’ และพวยพุ่งเข้าไปในวงแหวนสีดำคู่นั้นอย่างบ้าคลั่ง และกลิ่นไอก็ลดลงในฉับพลัน อักขระปีศาจสีม่วงบนหน้าผากก็เปล่งประกายระยิบระยับ
หลิ่วหมิงที่แปลงร่างเป็นปีศาจกวาดจิตมองดูทะเลจิตวิญญาณด้วยความตกใจ เขาค้นพบว่าไอปีศาจแท้กำลังพุ่งออกจากผลึกสีม่วงอย่างบ้าคลั่ง และไหลไปยังวงแหวนอย่างรวดเร็ว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้ผู้อาวุโสจินหมานจะไม่ลงมือ เกรงว่าร่างแปลงปีศาจก็จะพลังเหือดแห้งและตายไปเอง
แม้เขาจะร้อนใจแค่ไหน กลับไม่อาจควบคุมร่างกายได้เลยแม้แต่น้อย
หลังจาก ‘หลิ่วหมิง’ สะบัดแขนอย่างบ้าคลั่ง ก็ไม่อาจสะบัดวงแหวนให้หลุดออกไปได้ ความดุเดือดก็ฉายในดวงตาทันที จากนั้นมือซ้ายของเขาก็งอเป็นกรงเล็บ และคว้าแขนขวาของตนเองไว้
“แคว่ก!”
เขาดึงแขนขวาของจนหลุดจากไหล่ ทันใดนั้นโลหิตก็พุ่งออกมาเป็นสาย
“อ๊ากกกก…”
ใบหน้าของ ‘หลิ่งหมิง’ แสดงให้เห็นถึงความดุร้าย เขาแหงนหน้าส่งเสียงคำรามออกมา และโยนแขนขวาออกไป ส่วนแขนซ้ายก็ตบไปบริเวณที่แขนขาดอย่างรุนแรง
พอไอดำเปล่งประกาย เลือดที่พุ่งออกจากบาดแผลบริเวณไหล่ก็หยุดไหล และบาดแผลก็ปิดลงอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน มีเสียงดัง “ตู๊ม!” มาจากด้านข้าง
พริบตาเดียว แขนข้างที่ขาดก็ระเบิดออกมาเป็นไอดำอันพวยพุ่ง และถูกวงแหวนดูดเข้าไปทั้งหมด จากนั้นวงแหวนก็ร่วงลงพื้น
เห็นได้ชัดว่าหญิงผมอสรพิษก็คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหมิงที่กลายร่างเป็นปีศาจจะดุร้ายเช่นนี้ ทันใดนั้น นางก็พุ่งถอยออกไปด้วยสีหน้าตกใจ และไม่สนใจที่จะเอาวงแหวนกลับคืนมา พอนางทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง และขยับปากเบาๆ โซ่สีเทาเงินเส้นหนึ่งก็เปล่งประกายออกมา
มันพร่ามัวแค่ทีเดียวก็กลายเป็นเงาโซ่หวดผ่านอากาศไปหาหลิ่วหมิงจนดูแน่นขนัด
‘หลิ่วหมิง’ เพียงแค่ยกแขนข้างหนึ่งตบไปบนอากาศ ไอปีศาจก็พวยพุ่งออกมาเป็นกำแพงหมอกอันหนาแน่นที่สูงสิบกว่าจั้งทันที
“ป้าบๆ!”
เงาโซ่ปะทะลงบนไอหมอกสีดำ และค่อยๆ กระเด็นออกไป
ขณะนั้นเอง ดวงตาทั้งคู่ของหญิงผมอสรพิษก็เปล่งประกาย ร่างของนางเคลื่อนไหวมาปรากฏตัวตรงหน้าไอหมอกดำ
จะเห็นว่านางร่ายคาถาลึกลับบางอย่าง พอสะบัดผมอสรพิษสีเขียว ผมอสรพิษก็กลายเป็นอสรพิษหยกที่ปกคลุมเต็มฟ้า และพากันอ้าปากพ่นของเหลวสีเขียวที่ส่งกลิ่นคาวแปลกประหลาดออกมา
ขณะนั้นเอง มีเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งดังมาจากท่ามกลางไอหมอกสีดำ!
จากนั้นกำแพงหมอกก็ระเบิดออกมาเสียงดัง “ตู๊ม!” ทำให้ของเหลวสีเขียวกว่าครึ่งหนึ่งกระเด็นออกไป และเงาร่างมนุษย์ก็เปล่งประกายออกมาจากในนั้น
ของเหลวสีเขียวที่เหลือติดอยู่บนตัว ส่งเสียงดัง “ฟู่ๆ!” แต่เงามนุษย์ทำราวกับไม่รับรู้อะไร เอาแต่ชกกำปั้นใส่หญิงผมอสรพิษอย่างรุนแรง
หญิงผมอสรพิษบิดเอวด้วยความตกใจ จากนั้นร่างของนางก็พร่ามัวพุ่งถอยออกไปด้านหลัง
ขณะนั้นเอง พอแขน ‘หลิ่วหมิง’ ส่งเสียงดัง “แคล่ก!” พริบตาเดียวก็ขยายใหญ่เท่าตัว กำปั้นอัปลักษณ์โจมตีลงบนเปลวแสงสีทองที่คุ้มกันร่างของหญิงผมอสรพิษ
หลังจากมีเสียงดังขึ้น เปลวแสงก็ส่งเสียงระเบิดออกมาคล้ายกับเสียงจุดประทัด ขณะเดียวกัน พลังมหาศาลก็โจมตีลงบนตัวหญิงผมอสรพิษ
แม้ว่าหญิงผมอสรพิษกลับจะบิดตัวหลบพลังส่วนใหญ่ไปได้ แต่ร่างอรชรก็สั่นไหวอย่างรุนแรง และกระอักเลือดออกมา
หญิงผมอสรพิษรู้สึกโมโหจนถึงขีดสุด นางรีบโยนโอสถที่มีไอสีเขียวปกคลุมเข้าไปในปากอย่างรวดเร็ว และคิดที่จะพุ่งเข้าไปรับศึก แต่พลันรู้สึกถึงเปลวไฟแปลกประหลาดที่พุ่งออกจากร่าง ทำให้นางต้องรีบรวบพลังเวทเพื่อหลบหนีด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที
เวลาต่อมา เงาร่างสีทองกับสีม่วงก็ไล่ล่ากันไปมาในใจกลางแดนลึกลับอยู่ไม่หยุด และมีเสียงระเบิดดังออกมาเป็นระยะๆ
พอมองดูอย่างละเอียดกลับค้นพบว่าร่างแปลงปีศาจของหลิ่วหมิงกำลังไล่ล่าหญิงผมอสรพิษอย่างไม่ยอมปล่อย
“บัดซบ ยิ่งยืดเวลานานเข้า ความแข็งแกร่งของร่างแปลงนี้ยิ่งลดลงมากขึ้น เวลาแค่นี้ก็ลดลงถึงระดับแก่นแท้ขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว ตอนนี้เจ้ามนุษย์ปีศาจกลับยิ่งต่อสู้ยิ่งแข็งแกร่ง ความเร็วของท่าร่างยังเหนือกว่าร่างแปลงของข้ามาก อีกอย่างพิษประจำตัวของข้าก็ถูกไอปีศาจควบคุมไว้ได้!” หญิงผมอสรพิษคิดไตร่ตรองอย่างรวดเร็ว สีหน้าของนางอึมครึมเป็นอย่างมาก
ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป ความเร็วของหญิงผมอสรพิษก็ช้าลงเล็กน้อย
แม้ว่าในระหว่างเวลานี้ นางเพิ่งจะแสดงวิธีการบางอย่างออกมาทำร้ายร่าง ‘หลิ่วหมิง’ ไป แต่ร่างแปลงปีศาจกลับไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย ยังคงอาศัยแขนข้างเดียวตามติดไม่ยอมปล่อย
“บัดซบ! มนุษย์ปีศาจแต่ละคนล้วนเป็นคนบ้า เจ้าเด็กนี่เพิ่งถูกดูดไอปีศาจแท้ไปมากขนาดนั้น ทั้งยังได้รับบาดเจ็บไปทั่วตัว แต่ยังบ้าคลั่งเช่นนี้ หรือว่ามนุษย์ปีศาจต่างก็กระหายเลือดเช่นนี้หรือ? ไม่ได้! ร่างแปลงใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว! ดูท่าคงต้องยอมละทิ้งร่างแปลงเพื่อโจมตีอย่างสุดชีวิตแล้ว” หญิงผมอสรพิษที่รู้สึกถึงกลิ่นไอที่ลดลง ก็ระงับอารมณ์ไม่ไหวอีกต่อไป หลังจากกัดฟันแล้วก็ตัดสินใจทันที
ผมอสรพิษเต็มศีรษะของนางพ่นของเหลวพิษออกมาอีกจำนวนมาก หลังจากบีบให้หลิ่วหมิงถอยออกไปได้ชั่วคราวแล้ว นางก็หยุดแสงหลบหลีกลง มือทั้งสองทำท่ามือแปลกประหลาดอยู่บริเวณหน้าอก ไอหมอกสีเหลืองจางๆ ห่อหุ้มไว้ในทันที
ร่างแปลงปีศาจหลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็เคลื่อนตัวหายเข้าไปในไอหมอก มือซ้ายดันออกไปในแนวนอน นิ้วทั้งห้าโค้งงอเป็นกรงเล็บ และคว้าไปทางตำแหน่งหัวใจของหญิงผมอสรพิษ
กรงเล็บนี้รวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ หญิงผมอสรพิษทำราวกับมองไม่เห็น ยังคงทำท่ามือและไม่หลบหลีกแต่อย่างใด ทำให้ร่างแปลงปีศาจรู้สึกดีใจอย่างอดไม่ได้
แต่ขณะนั้นเอง หญิงผมอสรพิษกลับมีสีหน้าเยือกเย็น ผมอสรพิษพร่ามัวไปรัดพันแขนซ้ายหลิ่วหมิงไว้ ขณะเดียวกัน แก่นทองคำอร่ามก็พุ่งออกจากปาก
ร่างแปลงปีศาจมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา ราวกับว่าจะรับรู้อะไรบางอย่างได้ พอดึงแขนซ้ายออกไปด้านหลังอย่างรุนแรง ก็หลุดพ้นจากการรัดพันของอสรพิษ และงอขาฟาดไปด้านหน้าเพื่อจะเตะแก่นทองคำให้กระเด็น
แต่ทว่ามันกลับช้าไปเสียแล้ว
“ตู๊มต๊าม!”
แก่นแท้สีทองอร่ามระเบิดออกมาราวกับเสียงฟ้าผ่า พริบตาเดียวก็กลายเป็นอัคคีสายฟ้าสีทองกลุ่มหนึ่ง ชั่วขณะนั้นแสงสีทองเปล่งประกายไปทั่วทิศ แสงเปลวไฟปกคลุมเต็มฟ้า อากาศสั่นสะเทือนเป็นชั้นๆ
หลังจากอัคคีสายฟ้าผ่านไป หมอกควันสูญสลาย บนพื้นเต็มไปด้วยเศษหิน โลหิตสีดำไหลนองเต็มพื้น มองเห็นเศษกระดูกที่มีเลือดเนื้อติดอยู่สองสามชิ้น บนพื้นที่สะเก็ดอัคคีสายฟ้าร่วงลงมา แม้แต่ก้อนหินก็ถูกหลอมเหลว
นอกจากนี้แล้ว ก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอีก
“ฮ่าๆ!” หญิงผมอสรพิษที่อยู่ไม่ไกลหันหน้ากลับมาเห็นฉากเช่นนี้ ก็ต้องปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ แต่ครู่เดียวก็ต้องหยุดชะงักในฉับพลัน นางเอามือลูบบริเวณหน้าอกเบาๆ และกระเลือดออกมาสองสามครั้ง
หลังจากระเบิดแก่นแท้ภายในร่างของหวงอิ๋งแล้ว นางก็ต้องเสียค่าตอบแทนจำนวนมากเช่นกัน ขณะนี้มีสีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ กลิ่นไอทั่วร่างก็อ่อนลงจนถึงขีดสุด
แต่นางกลับหันตัวเหาะไปทางแหวนเก็บของของผู้อาวุโสขุยมู่โดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเองเลย
“ฟิ้ว!” แสงสีดำที่ดูไม่มั่นคงเล็กน้อยพุ่งขึ้นจากพื้นตรงด้านหลัง และม้วนตัวมาขวางอยู่ตรงหน้าหญิงผมอสรพิษ
พอแสงสีดำดับลง ก็เผยให้เห็นเงามนุษย์ที่มีสภาพไม่สมบูรณ์ ซึ่งก็คือ ‘หลิ่วหมิง’ ที่เหลือเพียงครึ่งตัว
ขณะนี้เขามีสีหน้าโหดร้ายเป็นอย่างมากขาขวาขาดไปข้างหนึ่ง บริเวณเอวมีโพรงขนาดใหญ่สองถึงสามฉื่อ โลหิตสีแดงเข้มหยดลงมา เลือดเนื้อพร่ามัวไปทั้งแถบ ขณะเดียวกัน ยังมีไอหมอกสีเขียวจางๆ กัดกร่อนบาดแผลไม่หยุด แม้ว่าจะมีไอปีศาจแผ่ออกมาปกคลุมผิวไว้ แต่ดูเหมือนว่าจะได้รับผลกระทบจากไอหมอกสีเขียวจนไม่อาจซ่อมแซมบาดแผลขนาดใหญ่บนตัวได้
“เจ้า…เจ้ายังไม่ตาย?” หญิงผมอสรพิษจ้องมองร่างกายเพียงครึ่งเดียวตรงหน้าที่มีเลือดหยดลงมา และกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน
แม้ว่าผู้แข็งแกร่งระดับดาราพยากรณ์ผู้นี้จะมีความรู้กว้างไกล แต่กลับประมาทความแข็งแกร่งของกายเนื้อร่างแปลงปีศาจหลิ่วหมิงไปหน่อย
……………………………