ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 714 หมาไนทรายล้อมเมือง
หมาไนทรายเห็นเช่นนี้ ดวงตาของมันก็ฉายแววดุร้ายออกมา พอออกแรงที่ขาหลังทั้งสอง มันก็ลุกขึ้นยืนราวกับคนปกติ ภายใต้การโบกสะบัดของขาหน้า เงากรงเล็บสีเหลืองจำนวนมากก็ปรากฏออกมาห่อหุ้มร่างของมันไว้
ภายใต้การหมุนวนของเงาดาบสีดำ มันฟันลงบนเงากรงเล็บอยู่ตลอดเวลา แสงสีเหลืองกับสีดำประสานกันไปมา จนร่างของหมาไนทรายเกือบจะจมอยู่ในนั้น
ขณะที่ซาฉู่เอ๋อร์ต่อสู้กับหมาไนทรายขนาดใหญ่นั้น หมาไนทรายอีกสามตัวที่เหลือก็เคลื่อนตัวมาล้อมรอบหลิ่วหมิงไว้ ขณะเดียวกันก็มีแสงเปล่งประกายบนหน้าผาก จากนั้นแสงสีเขียวแต่ละลำก็พุ่งออกจากดวงตาดวงที่สาม
หลิ่วหมิงมีสีหน้าเยือกเย็นเล็กน้อย ไอดำพวยพุ่งรอบตัว แสงลำหนึ่งกะพริบผ่านด้านข้าง ร่างของเขาพร่ามัวกลายเป็นเงาร่างสามเงาและกระจายกันออกไป สองเงาในนั้นถูกลำแสงโจมตีจนเกินเสียงดัง “ฟู่ๆ!” และแตกสลายไปในพริบตา
เงาร่างที่สามถือโอกาสนี้กระโดดขึ้นกลางอากาศ และกลายเป็นร่างจริงขึ้นมา ภายใต้การควบแน่นของไอดำรอบตัวมันก็กลายเป็นพยัคฆ์หมอกสี่ตัวอยู่ตรงด้านหลัง
พองอแขนทั้งสองแล้วยืดออกไป ก็มีเสียงพยัคฆ์คำรามดังขึ้นจนหูแทบจะหนวก พยัคฆ์หมอกสามตัวกระโจนใส่หมาไนทรายสามตัวในทันที
เกิดฝุ่นควันฟุ้งเต็มฟ้า และคลื่นอากาศพุ่งขึ้นฟ้าอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
“ปัง!” “ปัง!” เกิดเสียงดังขึ้นพร้อมกัน หมาไนทรายทั้งสามไม่ทันได้ระวัง จึงถูกพยัคฆ์หมอกทั้งสามที่พุ่งเข้ามาโจมตีจนกระเด็นขึ้นฟ้า หลังจากกลิ้งไปมาบนอากาศสองสามรอบแล้วถึงทรงตัวไว้ได้
และพอหลิ่วหมิงเห็นหมาไนทรายตกลงพื้น แววตาของเขาก็ค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้นมา และรู้สึกตกใจอย่างอดไม่ได้
หมาไนทรายเหล่านี้ผิวหนังแข็งแกร่งจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถรับการโจมตีของพลังมังกรพยัคฆ์ทมิฬด้วยพลังทั้งหมดได้
แต่ครู่ต่อมาหลิ่วก็ยืนอยู่กลางอากาศ พอทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง แสงสีทองก็หมุนวนรอบตัว ทันใดนั้น เงากระบี่สีทองเป็นวงๆ ก็พุ่งออกมาราวกับสายฝนกระหน่ำ และกวาดไปยังหมาไนทรายสามตัวตรงหน้า
เป็นเพราะสหายของหมาไนทรายเหล่านี้เสียชีวิตในก่อนหน้า พวกมันต่างก็หวาดกลัวกระบี่บินว่างเปล่าตั้งแต่แรกแล้ว พอเห็นแสงกระบี่พุ่งเข้ามาถึง ก็พากันพุ่งถอยออกไป
แม้ว่าพวกมันจะเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก แต่ก็อย่างที่รู้ว่ากระบี่บินกลางอากาศรวดเร็วแค่ไหน หลังจากแสงกระบี่สีทองม้วนตัวผ่านไป มันก็ฟันหมาไนทรายหนึ่งในนั้นออกเป็นเจ็ดแปดส่วน
หลังจากอีกสองตัวที่เหลือหลบแสงกระบี่ไปได้ มันกลับส่งเสียงหอนออกมา และกลายเป็นเงาร่างสีเหลืองพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงยิ้มอย่างเยือกเย็น พอชี้มือข้างหนึ่งออกไป กระบี่บินว่างเปล่าก็สั่นสะท้านกลายเป็นแสงกระบี่สีทองหลายสิบลำ แสงกระบี่ถักทอประสานกันไปมาจนกลายเป็นตาข่ายกระบี่สีทองผืนหนึ่ง และม้วนตัวกลับไปอีกครั้ง
หลังจากหมาในทรายทั้งสองส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา และถูกฟันเป็นสิบกว่าชิ้นก่อนร่วงลงมาจากอากาศ
ขณะนี้หลิ่วหมิงถึงโบกมือเรียกกระบี่บินกลับมา และปราดตามองดูกลุ่มการต่อสู้อีกด้านอย่างไม่ใส่ใจ
พอร่างของซาฉู่เอ๋อร์เปลี่ยนแปลงอย่างแปลกประหลาด และดาบทรายสีดำในมือโบกสะบัดอย่างต่อเนื่อง หมาไนทรายที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ตัวนั้นก็มีบาดแผลเต็มตัว กลิ่นไอก็ลดลงไปไม่น้อย ไม่ได้มีพลังเหมือนก่อนหน้านั้นแล้ว และเห็นได้ชัดว่ามันมีความคิดที่จะถอยแล้ว
แต่ว่าภายใต้การโจมตีอย่างถี่ยิบของซาฉู่เอ๋อร์ ทำให้มันไม่มีโอกาสหนีออกไปได้
เห็นได้ชัดว่าคนเผ่าทรายมีความสามารถพอที่จะจัดการกับหมาไนทรายเหล่านี้ได้
ยังมีหมาไนทรายขนาดใหญ่อีกสองตัวที่วางท่าจะโจมตี แต่พอเห็นพลังของหลิ่วหมิงเช่นนี้ ก็สบตากับด้วยความหวาดกลัว ทันใดนั้น พวกมันก็หมุนตัววิ่งหนีไปไกลๆ
หลิ่วหมิงยิ้มอย่างเยือกเย็น พอร่างของเขาเคลื่อนไหว ก็ไล่ตามไปจนทัน และชกกำปั้นใส่หมาไนทรายตัวหนึ่งทันที
“ตู๊ม!”
หมาไนทรายตัวนี้ถูกเงากำปั้นยักษ์โจมตีผ่านอากาศจนหงายหลัง แต่ก็พลิกตัวกระโดดขึ้นมา และวิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง
แต่ครู่ต่อมา มีเสียงดัง “ฟิ้ว!” แสงกระบี่สีทองพุ่งเข้ามาถึง หลังจากหมุนวนรอบคอของหมาไนทรายตัวนี้ไปหนึ่งรอบแล้ว หัวของมันก็หมุนติ้วๆ ขึ้นด้านบน และร่างไร้หัวก็ยังคงวิ่งต่อไปสิบกว่าจั้ง จากนั้นถึงล้มลงพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
หมาไนทรายตัวสุดท้ายเห็นเช่นนี้ ก็เผยแววตาหวาดกลัวออกมา และมุดลงพื้นทรายอย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นเอง แสงสีดำลำหนึ่งก็พุ่งเข้ามาจากอีกด้านหนึ่ง!
“ฟิ้ว!”
พอแสงสีดำดับลง จะเห็นว่าหมาไนทรายถูกดาบทรายสีดำเล่มหนึ่งแทงทะลุหัวใจไป และร่างของมันก็จมปลักอยู่บนพื้นโดยไม่อาจกระดิกตัวได้เลยแม้แต่น้อย
หลังจากซาฉู่เอ๋อร์สังหารหมาไนทรายขนาดค่อนข้างใหญ่ตัวนั้นแล้ว ถึงหันมาโจมตีจากระยะไกล!
แม้หลิ่วหมิงจะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็หยุดชะงักลงในฉับพลัน และเรียกกระบี่บินว่างเปล่ากลับมา
พอเงาร่างสีขาวเคลื่อนไหว ซาฉู่เอ๋อร์ก็มาปรากฏตัวข้างศพปีศาจอสูรทราย พอนางดึงดาบทรายออก เสาโลหิตสีแดงดำก็พุ่งขึ้นมา และสาดกระจายเต็มพื้นทรายสีดำบริเวณนั้น
นางมองดูศพหมาไนทรายอีกสามตัวที่อยู่ไม่ไกลทีหนึ่ง และมองดูหลิ่วหมิงด้วยความแปลกใจ ขณะที่กำลังจะพูดอะไรออกมานั้น กลับมีเสียงหอนแว่วๆ ดังมาจากส่วนลึกของทะเลทราย คล้ายกับว่ามีหมาไนทรายจำนวนมากกำลังพุ่งมาทางด้านนี้อย่างบ้าคลั่ง
“แย่แล้ว! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว เป็นฝูงหมาไน พวกเราจำต้องรีบกลับเมืองโดยเร็ว!” หลังจากซาฉู่เอ๋อร์ได้ยินเสียงนี้ นางก็กล่าวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
แม้หลิ่วหมิงจะรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แต่ย่อมไม่คัดค้านอย่างแน่นอน ทันใดนั้นก็พุ่งไปทางพื้นที่สีเขียวพร้อมกับนาง
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงประตูเมืองซาม่าน
พอมองจากที่ไกลๆ จะเห็นว่ากำแพงเมืองสูงขึ้นมาหลายจั้ง มีเงาคนเคลื่อนไหวไปมาบนกำแพง คนเผ่านทรายจำนวนมากกำลังเร่งมือกันทำงาน บ้างก็กำลังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กำแพง บ้างก็ดูเหมือนจะเตรียมการป้องกัน ราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ
“ดูท่าคนของเผ่าท่านจะค้นพบความเคลื่อนไหวผิดปกติของหมาไนทรายเหล่านั้นแล้ว” หลิ่วหมิงขมวดคิ้วกล่าวเบาๆ
ซาฉู่เอ๋อร์ได้ยินก็พยักหน้า แต่คิ้วงดงามยังคงขมวดอยู่
“โครมคราม!”
ประตูเมืองที่ปิดสนิทค่อยๆ แง้มออกมาเล็กน้อย รอจนหลิ่วหมิงทั้งสองเข้าไปแล้ว ก็ปิดสนิทอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“พี่หลิ่ว ดูท่าที่นี่จะเลี่ยงการต่อสู้อย่างดุเดือดไม่พ้น ข้าพาท่านไปที่ปลอดภัยก่อนเถอะ” พอทั้งสองเข้าไปในเมือง ซาฉู่เอ๋อร์ก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปกล่าวกับหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ไม่ต้องแล้ว คิดว่าแม่นางซาคงจะรู้ถึงพลังของข้าอยู่บ้าง คงรับมือกับอสูรทรายเหล่านี้ได้ไม่มีปัญหา พวกเราขึ้นไปดูบนกำแพงเมืองกันก่อนเถอะ” หลิ่วหมิงยิ้มบางๆ ก่อนกล่าวออกมา
“พี่หลิ่วมีพลังไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ก็ดีเหมือนกัน ขึ้นไปดูพร้อมกันเถอะ” ซาฉู่เอ๋อร์เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไม่พูดเกลี้ยกล่อมหลิ่วหมิงอีก
จากนั้นนางและหลิ่วหมิงก็ขึ้นกำแพงเมืองพร้อมกัน
ขณะนี้ทุกคนทั้งด้านบนและด้านล่างกำแพงต่างก็มีสีหน้าตึงเครียด แต่กลับทำงานอย่างเป็นระเบียบ มีลำดับขั้นตอนราวกับได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
คนเผ่าทรายที่มีระดับการฝึกฝนค่อนข้างต่ำ กำลังใช้เคล็ดวิชานำทรายมาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กำแพงอยู่ไม่หยุด ทางด้านคนที่มีระดับการฝึกฝนค่อนข้างสูง ก็พากันยืนอยู่บนปีกกากำแพง และทำท่าเตรียมพร้อมรับศึก
ขณะนี้ เสียงหอนก็เข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
หลิ่วหมิงเขม้นตามองดูสถานการณ์ที่อยู่ไกลๆ
จะเห็นว่าสถานที่ที่อยู่ห่างจากหน้าเมืองไปหลายร้อยจั้ง ท่ามกลางทรายสีดำที่ปลิวว่อน กองทรายสีดำหนาแน่นนับไม่ถ้วนกำลังพุ่งเข้าหากำแพงเมืองอย่างรวดเร็ว
กองทรายเหล่านี้มีขนาดสูงต่ำไม่เท่ากัน กองที่มีขนาดเล็กสูงแค่ครึ่งจั้ง กองที่มีขนาดใหญ่หน่อยก็สูงสองสามจั้ง
บริเวณที่กองทรายเคลื่อนตัวผ่านล้วนเต็มไปด้วยเม็ดหินดินทรายที่ปลิวว่อน ฝุ่นคลุ้งเต็มฟ้า และพื้นด้านล่างก็ค่อยๆ สั่นสะเทือนขึ้นมา
พอทอดสายตามองออกไป จะเห็นว่าพวกมันมีราวๆ หนึ่งพันตัว
หมาไนทรายที่ล่วงล้ำเข้ามานี้มีจำนวนมากจนน่าตกใจ แม้แต่หลิ่วหมิงก็รู้สึกสมองตื้อไปหมด!
หากหมาไนทุกตัวต่างก็มีพลังระดับเดียวกับสามสี่ตัวที่เขาพบเจอในก่อนหน้านั้น คนเผ่าทรายจะสามารถโจมตีอสูรฝูงนี้ให้ล่าถอยไปได้หรือไม่นั้น ก็ยังไม่อาจพูดได้
หมาไนทรายสองสามตัวที่อยู่ไกลๆ ไม่ได้มุดลงพื้น แต่กลับส่งเสียงหอนอยู่ไม่หยุด “บรู๊ววว!” ราวกับว่ากำลังนำทางให้พวกพ้องของมันอยู่
จะเห็นว่าอสูรทรายที่อยู่ท่ามกลางกองทรายทางด้านหลัง ได้ทำการก่อตัวเป็นค่ายกลต่างๆ อย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างเป็นระเบียบมาก
ไม่นาน หมาไนทรายกับกองทรายเหล่านี้ ก็มาปรากฏตัวห่างจากกำแพงเมืองไปราวๆ หลายสิบจั้ง
ขณะเดียวกัน ก็เกิดเสียงดัง “ฟู่!” “ฟู่!” ท่ามกลางทรายสีดำ ภายใต้การรวมตัวของกองทรายแต่ละกอง มันก็กลายเป็นหมาไนทรายสามตาจำนวนมาก
หมาไนทรายเหล่านี้มีรูปร่างคล้ายกับกองทราย ซึ่งมีขนาดแตกต่างกันไป ขนาดเล็กสุดสูงแต่ห้าถึงหกฉื่อ และขนาดใหญ่สุดก็สูงสองถึงสามจั้ง
ตัวที่มีขนาดใหญ่มีระดับการฝึกฝนค่อนข้างสูงกว่าหน่อย ส่วนมากอยู่ที่ระดับของเหลวแล้ว และหมาไนทรายที่สูงห้าหกฉื่อก็ดูเหมือนจะมีการฝึกฝนแค่ระดับศิษย์จิตวิญญาณเท่านั้น
“มันคือหมาไนทราย ใช้หอกทรายโจมตี อย่าให้พวกมันเข้ามาใกล้ได้” ไม่รู้ว่ามีเสียงใครตะโกนมาจากด้านหลังหลิ่วหมิง
คนเผ่าทรายที่อยู่บนกำแพงก็ค่อยๆ พากันทำท่ามือทันที ทันใดนั้นหอกทรายสีดำแวววาวก็ปรากฏขึ้นในมือของพวกเขา และหลังจากมีคำสั่งออกมา ก็เกิดเสียงดัง “ฟิ้วๆ!” ก่อนที่หอกทรายแต่ละเล่มจะม้วนตัวพายุตัวขึ้นมา เขวี้ยงเข้าใส่ฝูงอสูรอย่างบ้าคลั่ง
เกิดเสียงดังไปทั่วทิศ พอหอกทรายโจมตีโดนหมาไนทรายแล้ว มันก็ระเบิดตัวออกมาเป็นทรายสีดำ และทรายสีดำเต็มฟ้าก็ปกคลุมฝูงอสูรทรายพันกว่าตัวไว้ จนไม่อาจมองเห็นสถานการณ์ด้านในไปชั่วขณะหนึ่ง
“แม่นางซา แม้จะบอกว่าหมาไนทรายเหล่านี้มีจำนวนมาก แต่ระดับฝึกฝนก็ไม่สูง ในเผ่าของท่านก็มีผู้แข็งแกร่งระดับผลึกอยู่หลายคน คงจะโจมตีให้มันล่าถอยไปไม่ยาก เหตุใดจึงต้องทำราวกับว่ามีศัตรูตัวฉกาจมาเยือนเช่นนี้” พอมองมาจนถึงจุดนี้ หลิ่วหมิงก็หันไปถามซาฉู่เอ๋อร์
“ก่อนหน้านั้นพี่หลิ่วเองก็เคยเห็นมาแล้ว แม้ว่าหมาในทรายเหล่านี้จะมีระดับการฝึกฝนไม่สูง แต่กลับมีพลังมหาศาล และความเร็วก็สูงเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีกายเนื้อที่แข็งแกร่ง พลังการป้องกันก็น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันก็สามารถดูดซับพลังปราณของพื้นทรายมาทำการฟื้นฟูร่างได้ ดังนั้นหากไม่สามารถโจมตีหัวหรือหัวใจได้ ก็จะสังหารพวกมันได้ยากนัก เผ่าทรายของเราก็มีเคล็ดมีวิชาเพียงไม่กี่อย่าง ถึงทำให้พวกมันได้รับบาดเจ็บถึงแก่ชีวิตได้! หลายปีมานี้ เผ่าทรายเราสังหารหมาไนทรายมานับไม่ถ้วน แต่ไม่ว่าจะสังหารไปเท่าไหร่ เมื่อผ่านไปชั่วเวลาหนึ่ง พวกมันก็จะฟื้นฟูพลังขึ้นมาอีกครั้ง และเมื่อรอจนจำนวนเพิ่มทวีขึ้นมาระดับหนึ่ง ก็จะรวมตัวกันมาโจมตีพื้นที่สีเขียว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไหนเลยเผ่าเราจะไม่ให้ความสำคัญกับอสูรทรายเหล่านี้” พอซาฉู่เอ๋อร์กล่าวมาถึงจุดนี้ น้ำเสียงของนางก็หยุดลง
“อ๋อ! ถ้าอย่างนั้นเคยมีครั้งไหนหรือไม่ที่เผ่าของท่านไม่สามารถต้านทานฝูงหมาไนทรายได้?” หลิ่วหมิงฟังมาถึงจุดนี้ก็ขมวดคิ้ว และถามออกมา
………………………………