ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 728 ศพปีศาจปรากฏตัว
เมื่อเผชิญหน้ากับการจู่โจมของหลิ่วหมิง หญิงชุดชาววังก็ดูเหมือนจะไม่มีวิธีการรับมือใดๆ สีหน้าของนางอึมครึมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แสงจางๆ ถูกปล่อยออกจากร่างอยู่ไม่หยุด ทำให้ค่ายกลใต้ร่างสั่นสะท้านติดต่อกันเบาๆ ดูเหมือนนางคิดจะสลัดตัวให้หลุดพ้นจากชั้นจำกัดใต้เท้า
แต่ทว่าในขณะที่เงาร่างสีดำของหลิ่วหมิงที่อยู่ตรงหน้า กะพริบมาถึงด้านข้างของหุ่นเลือดเนื้อทั้งสองตัวนั้น หญิงชุดชาววังก็เผยสีหน้าโหดเหี้ยมออกมา ดวงตาทั้งคู่กลายเป็นสีแดงเลือดทันที
“ไม่ดี!”
หลิ่วหมิงค้นพบความผิดปกติของหญิงนางนี้ในทันที ทันใดนั้น เขาก็บิดเอวเพื่อจะพุ่งเฉียงออกไปในพริบตา แต่กลับช้าไปเสียแล้ว
“ระเบิด!”
หญิงชุดชาววังตะโกนออกมาอย่างเยือกเย็น ร่างหุ่นเลือดเนื้อทั้งสองที่อยู่บนพื้นขยายใหญ่ขึ้นมาหลายเท่า ผิวหนังของมันปริออกมาทันที จากนั้นแสงสีขาวก็พุ่งออกมา
ก่อนหน้านั้นหุ่นเลือดเนื้อเพียงแค่ระเบิดแขนก็จะเกือบจะทำร้ายหลิ่วหมิงได้ ด้วยระยะอันใกล้เช่นนี้ และหุ่นเลือดเนื้อทั้งสองยังระเบิดทั้งร่างออกมาพร้อมกัน อานุภาพของมันจึงยากจะคาดเดาได้
หลิ่วหมิงไม่ทันได้คิดอะไรมาก ทำได้แค่ฝืนกระตุ้นพลังเวทที่เหลือ เพื่อกระตุ้นเคล็ดเกราะอสูรให้มีอานุภาพถึงขีดสุด และปกป้องร่างกายส่วนบนของเขาไว้ ขณะเดียวกัน เกล็ดสีแดงก็พุ่งออกมาปกคลุมจุดสำคัญไว้เช่นกัน
ครู่ต่อมา เกิดเสียงดังตู๊ม! พระอาทิตย์สีขาวร้อนแรงสองดวงปรากฏออกมากลางห้องโถง หลังจากหมุนติ้วๆ แล้ว ก็กลายเป็นหนามสีขาวพุ่งออกไปทั่วทิศ
“ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!” หลิ่วหมิงจมอยู่ท่ามกลางหนามสีขาว เขารู้สึกเจ็บปวดผิวมาก จากนั้นก็ถูกพลังมหาศาลโจมตีจนกระเด็นออกไป
“ฟู่!”
เงาร่างมนุษย์ผู้หนึ่งร่วงลงมาในขณะที่แสงสีขาวดับลง และกระแทกลงพื้นที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าจั้ง
ขณะเดียวกัน แสงสีม่วงลำหนึ่งก็พุ่งออกจากมือของเงาร่างมนุษย์ หลังจากเกิดเสียงดัง “เช้ง!” มันก็ปักเฉียงๆ อยู่บนพื้นตรงหน้า
มันคือกริชทำลายวิญญาณเล่มนั้น!
ไม่รู้ว่าอาวุธชิ้นนี้สร้างขึ้นมาจากวัสดุอันใด ภายใต้การระเบิดตัวของหุ่นเลือดเนื้อทั้งสอง มันกลับไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เลย
หลิ่วหมิงที่หันหน้ากลับมาในตอนนี้ เสื้อผ้าบนตัวขาดรุ่งริ่ง เกราะอสูรสีเงินบนตัวก็เต็มไปด้วยรูและรอยแตกร้าว เผยให้เห็นเกล็ดสีแดงกับเลือดเนื้อสีแดงพร่ามัวที่อยู่ด้านใน
“เพล้ง!”
แสงสีเงินเปล่งประกายตรงหน้าหลิ่วหมิง เกราะหนังสีเงินสลายไปทันที และกลายเป็นหมึกน้อยสีชมพูที่มีสภาพไม่สมบูรณ์เล็กน้อย มันตัวอ่อนปวกเปียกติดอยู่ที่นั่น และกำลังหายใจรวยริน
หากไม่ใช่ว่าหลิ่วหมิงใช้กริชทำลายวิญญาณต้านทานไว้ได้เล็กน้อยในช่วงเวลาสำคัญล่ะก็ เกรงว่าครั้งนี้เขาคงต้องเสียชีวิตจริงๆ แล้ว
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตอนนี้หลิ่วหมิงกลับต้องนอนแผ่อยู่บนพื้นโดยไม่อาจกระดิกตัวได้เลยแม้แต่น้อย
“เอ๊ะ! คิดไม่ถึงว่าจะไม่ตาย? แต่ก็ดีเหมือนกัน ให้ข้าเป็นคนจัดการเจ้าด้วยตัวเองเถอะ! ข้าไม่ได้ขยับเอ็นมานานแล้ว” หญิงชุดชาววังเผยรอยยิ้มอัปลักษณ์ออกมา นางค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และก้าวมาหาหลิ่วหมิงอย่างช้าๆ
“เจ้า……” หลิ่วหมิงอาศัยพลังเฮือกสุดท้ายเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาของเขาจ้องมองหญิงชุดชาววังตรงหน้าด้วยความตกใจ
“ไม่ต้องตกใจเช่นนี้ แม้ข้าจะได้รับผลกระทบจากชั้นจำกัด แต่แค่ใช้พลังเล็กน้อย ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เพียงแต่มันจะช้าไปหน่อยก็เท่านั้น เดิมทีคิดว่าผู้น้อยระดับผลึกอย่างเจ้าคงไม่ใช่เรื่องหนักหนาสาหัสแต่อย่างใด คิดไม่ถึงว่าจะบีบข้ามาจนถึงขั้นนี้ ข้าเลยจำเป็นต้องลงมือจัดการเจ้าเองแล้ว” หญิงชุดชาววังกล่าวออกมาช้าๆ และยังคงค่อยๆ ก้าวเข้ามา
หลิ่วหมิงได้ยินก็หรี่ตาทั้งคู่ลง และตอบกลับด้วยน้ำเสียงเงียบสงบ
“อ๋อ! ดูจากสภาพของเจ้า หรือว่าจะยังมีวิธีการที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บไปพร้อมกัน?” หญิงชุดขาววังสีเขียวค่อยๆ หยุดชะงักฝีเท้าลง และส่งเสียงหัวเราะอิๆ
หลิ่วหมิงทำเสียงฮึดฮัด ภายใต้แววตาที่เป็นประกาย เขายังไม่ทันได้ตอบอะไรกลับไป ก็มีเสียงดัง “ตู๊ม!” ตรงปากทางเข้าตำหนัก
ดูเหมือนว่าประตูสองบานที่สูงหลายจั้งจะถูกพลังมหาศาลโจมตีจนกลายเป็นผุยผง เศษชิ้นส่วนของมันกระเด็นไปทั่วทิศ จากนั้นแรงกดดันจิตวิญญาณอันแข็งแกร่ง และเงาดำก็กะพริบเข้ามาจากนอกห้องโถง หลังจากพร่ามัวหนึ่งที ก็พุ่งผ่านด้านข้างของหลิ่วหมิงราวกับพายุ
และหญิงชุดชาววังที่กำลังเข้าใกล้เห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป และคิดจะหมุนตัววิ่งหนีทันที
หลิ่วหมิงพยายามเงยหน้าขึ้นมอง แม้จะเห็นแค่เงาแผ่นหลังสีดำ แต่เขากลับรู้สึกอึ้งไปทันที
หากเขาดูไม่ผิดล่ะก็ เงาแผ่นหลังสีดำนี้คือศพปีศาจระดับดาราพยากรณ์ที่ขุยตี้แห่งหนานฮวงเอาไปจากเขา จากนั้นก็มีเสียงเด็กผู้หญิงดังขึ้นข้างหูเบาๆ
“เจ้าเด็กน้อย เจ้าทำได้ไม่เลว ช่วยข้ายื้อเวลาไว้ได้ไม่น้อย ต่อไปเจ้าดูข้าก็แล้วกัน”
ไม่รู้ว่าเด็กหญิงใช้วิธีการอะไรถึงย้ายวิญญาณของตนเองมาอยู่ในร่างของศพปีศาจนี้ได้!
จะเห็นว่าศพปีศาจไม่ได้หันหน้ามา พอโบกมือข้างหนึ่งไปด้านหลังเบาๆ กริชสีม่วงที่ปักอยู่บนพื้นก็พุ่งเข้ามาในมือของเขา
“เจ้าเป็นหุ่นจิตวิญญาณที่ข้าสร้างขึ้นมากับมือ เดิมทีได้ฝากความหวังที่สูงไว้กับเจ้า คิดไม่ถึงว่าจะหักหลังข้า วันนี้ข้าคงต้องทำลายเจ้าด้วยตัวเองแล้ว” ใบหน้าแห้งเหี่ยวของศพปีศาจยิ้มอย่างน่ากลัว จากนั้นก็พร่ามัวพุ่งออกไปด้านหน้า
“ไม่! ข้ามีสติปัญญา พลังก็ไม่ด้อยไปกว่าเจ้า ทำไมต้องให้เจ้าควบคุมด้วย!” พอได้ยินคำพูดของศพปีศาจ หญิงชุดชาววังก็พุ่งถอยไปด้านหลังด้วยตัวที่สั่นสะท้าน พริบตาที่นางพูดออกมานั้น นางก็หมุนศีรษะและอ้าปากพ่นลำแสงสีเขียวหยกขนาดเท่าปากถ้วยใส่ศพปีศาจ
พอศพปีศาจยกแขนขึ้น แสงสีม่วงก็ฟันลำแสงสีเขียวออกเป็นสองท่อนอย่างง่ายดาย และกระเด็นออกไปทั้งสองด้าน ขณะเดียวกันหลังจากพายุบ้าระห่ำม้วนตัวผ่านไป เขาก็มาถึงด้านหลังของหญิงสวมชุดชาววัง
“ไม่!”
หญิงชุดชาววังส่งเสียงออกมาด้วยความหวาดกลัว ร่างของนางหันมาจนหมด แขนทั้งสองโบกสะบัดไปมาราวกับต้องการต้านทานอะไรบางอย่าง แต่พอแสงเย็นสะท้านเปล่งประกาย กริชทำลายวิญญาณก็พุ่งไปปักอยู่บนหน้าอก “ฉึก!”
“เพล้ง!” เกิดเสียงแตกหักดังขึ้นมา ดูเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างที่อยู่ภายในร่างของหญิงผู้นี้แตกกระจุยออกมา
ใบหน้าของหญิงชุดชาววังบิดเบี้ยวอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาเบิกโพลงทั้งคู่จ้องมองศพปีศาจ แต่ว่าแสงสีเลือดในดวงตาทั้งสองกลับกลายเป็นสีหม่นๆ อย่างรวดเร็ว และล้มหงายหลังลงพื้นเสียงดัง “โครม!”
ศพปีศาจกลับสะบัดกริชในมืออย่างไม่ปราณี ทันใดนั้น แสงเย็นสะท้านจำนวนมากก็ม้วนตัวออกมาตัดแขนขาทั้งสี่ของหญิงชุดชาววังลงมาทั้งหมด และบริเวณที่ถูกตัดขาดกลับไม่มีเลือดไหลออกมาเลยแม้แต่น้อย ที่แท้ก็เป็นหุ่นจิตวิญญาณตัวหนึ่งจริงๆ
ขณะนี้ ศพปีศาจโบกมือดูดศีรษะของหญิงชุดชาววังเข้ามา จากนั้นถึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก และหันมามองหลิ่วหมิง
“ข้ามองคนไม่ผิดจริงๆ เด็กอย่างเจ้าสามารถก่อกวนหุ่นเลือดเนื้อทั้งสองได้นานถึงเพียงนี้ ระหว่างที่มันระเบิดตัว เจ้าก็ยังเอาชีวิตรอดมาได้ มิเช่นนั้นข้าคงไม่สามารถลงมือสำเร็จได้ง่ายดายถึงเพียงนี้” ศพปีศาจกล่าวกับหลิ่วหมิงด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ ก็เผยรอยยิ้มอันขมขื่น เขาอยากจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับรู้สึกหวานที่คอ และกระอักเลือดออกมาสองสามที
ศพปีศาจทำราวกับไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาหมุนตัวไปมองร่างของหญิงสวมชุดชาววังบนพื้น ไม่รู้ว่าในใจเขาคิดเรื่องอะไรอยู่
ตอนนี้หลิ่วหมิงมองเห็นแค่หลังของศพปีศาจ ซึ่งมองไม่เห็นสีหน้าของเขา ดูเหมือนว่าร่างของเขาจะสั่นสะท้านเล็กน้อย
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงหัวเราะต่ำๆ ก็ดังออกจากปากของศพปีศาจ น้ำเสียงค่อยๆ ดังขึ้นมา จนกลายเป็นเสียงหัวเราะที่คมชัดในตอนท้าย
เสียงหัวเราะดังก้องกังวานในห้องโถงใหญ่ แลดูแปลกประหลาดยิ่งนัก
ขณะนี้ศพปีศาจก็หัวเราะจนท้องงอ สีหน้าดูบ้างคลั่งอย่างถึงขีดสุด
หลิ่วหมิงมองเห็นทุกสิ่งนี้ทั้งหมด ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงพยายามลุกขึ้นมานั่งด้วยความรู้สึกเย็นสะท้าน และแอบนำโอสถจินหยวนออกมาทานหนึ่งเม็ด หลังจากโคจรพลังเวทที่เหลือให้กลั่นเอาพลังจากโอสถแล้ว ใบหน้าที่ซีดขาวถึงมีเลือดฝาดขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ๆ เสียงหัวเราะของศพปีศาจก็หยุดชะงักลง กรงเล็บปีศาจสีเหลืองและแห้งเฉาแทงเข้าไปในศีรษะของหญิงชุดชาววังโดยตรง เขาควักเอากลุ่มแสงสีทองออกมา จากนั้นก็อ้าปากกลืนลงไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
จะเห็นว่ามีร่องรอยความเจ็บปวดกะพริบผ่านแววตาเขาไป จากนั้นแสงสีทองก็กระเพื่อมบนใบหน้าอยู่ครู่หนึ่ง พริบตาเดียวก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ
หลังจากทำทุกอย่างนี้เสร็จ ศพปีศาจก็ค่อยๆ หมุนตัวกลับมามองไปที่หลิ่วหมิง
ขณะนี้การเคลื่อนไหวของหลิ่วหมิงได้ฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อย พอเขาเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็รู้สึกใจเย็นสะท้าน และพยายามลุกขึ้นกุมมือกล่าวอย่างนอบน้อม
“ขอแสดงความยินดีกับผู้อาวุโสที่สำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา ได้กำจัดหอกข้างแคร่ได้สำเร็จ”
“ที่ข้าสามารถขจัดหายนะในครั้งนี้ และควบคุมพระราชวังได้อีกครั้ง เจ้าเองก็นับว่ามีความดีความชอบไม่น้อย” น้ำเสียงของศพปีศาจกลับมาสงบดังเดิม และจ้องมองหลิ่วหมิงด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนกับยิ้ม
“ได้รับใช้ผู้อาวุโส นับว่าเป็นความโชคดีของผู้น้อยอย่างข้า” พอหลิ่วหมิงสบตากับเขาเล็กน้อย ก็ต้องก้มหน้าลงกล่าวอย่างนอบน้อมด้วยใจที่สั่นสะท้าน
“ฮึ! ผู้น้อยอย่างเจ้าก็พอนับว่ามีความสามารถอยู่บ้าง เหตุใดถึงใจเสาะเช่นนี้ ช่างน่าเบื่อเสียจริง!” ศพปีศาจมองเห็นสีหน้าหวาดกลัวของหลิ่วหมิง ก็ทำเสียงฮึดฮัดออกมา น้ำเสียงดูไม่ค่อยจะชอบใจมากนัก
หลิ่วหมิงได้ยินกลับรู้สึกโล่งใจขึ้นมา เขายิ้มด้วยสีหน้าเหยเก และไม่พูดอะไรออกมา
พอศพปีศาจยกมือข้างหนึ่ง แสงสีทองก็พุ่งขึ้นจากมือ และหล่นอยู่ตรงหน้า พอแสงสีทองดับลงก็เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน มันคือหุ่นเด็กผู้หญิงที่มีรูปร่างขนาดเล็กตัวนั้น
ครู่ต่อมา ลูกแสงสีทองก็พุ่งออกจากร่างของศพปีศาจ ภายใต้การเปล่งประกายของแสงสีทอง มันก็จมหายไประหว่างคิ้วของหุ่นเด็กผู้หญิง
พอแสงสีทองจมเข้าไปในร่าง หุ่นเด็กผู้หญิงก็ลืมตาขึ้นมาทันที และพ่นแสงขนาดหนึ่งจั้งกว่าๆ ออกมาสองลำ
จากนั้นเด็กหญิงก็เปลี่ยนท่ามือทันที นิ้วมือที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าอกดีดออกไปติดต่อกันราวกับล้อรถ เกิดเสียงฟ้าร้องดังโครมครามออกจากร่างของนาง ขณะเดียวกัน อักขระสีทองจำนวนมากก็เปล่งประกายบนผิว และเคลื่อนไหวไปมาราวกับอสรพิษ ทั้งยังเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า
แสงสีทองบนตัวเด็กหญิงเปล่งแสงเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนทั่วทั้งห้องโถงสว่างไสวเป็นพิเศษ และร่างผอมเล็กของนางก็ค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้น ผ่านไปสักพักก็ลอยอยู่กลางอากาศในห้องโถง
ขณะที่หลิ่วหมิงเผยสีหน้าประหลาดใจออกมานั้น ร่างเด็กผู้หญิงที่ลอยอยู่กลางอากาศก็กะพริบหายไปอย่างไร้ร่องรอย
และก็มีแสงสีทองเปล่งประกายตรงหน้าหลิ่วหมิงด้วยเช่นกัน ทิวทัศน์รอบด้านดูพร่ามัวขึ้นมา เมื่อเขามองเห็นทุกอย่างชัดเจนอีกครั้งนั้น พระราชวังที่เดิมทีเป็นสีดำก็กลายเป็นซากกำแพงที่หักพัง
หลิ่วหมิงรู้สึกตกใจมาก พอกวาดสายตามองออกไป ถึงค้นพบว่าตัวเองมาปรากฏตัวบนอากาศเหนือพระราชวังขนาดใหญ่ บนศีรษะยังคงมีร่างของเด็กผู้หญิงลอยอยู่ อักขระลอยวนรอบตัว แสงสีทองเป็นประกาย
………………………………