ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 777 การต่อสู้ในแดนลึกลับ
เสียงฉึบดังขึ้นเบาๆ บัวหิมะสีฟ้าดอกนั้นถูกตัดในพริบตา แสงสีเหลืองรับดอกบัวหิมะสีฟ้าไว้แล้วม้วนตัวถอยกลับมาอย่างรวดเร็ว
ศิษย์นิกายเทียนกงคว้าได้ปุบ คิดก็ไม่คิดฉับพลันจะเหาะขึ้นฟ้ากลายเป็นแสงสีเหลืองกลุ่มหนึ่งหมุนตัวหนีจากไปไกลทันที
ทว่าเขาเพิ่งเหาะออกไป ในสระคลื่นน้ำท่วมฟ้าพริบตาก็ซัดขึ้นมา หนวดสีเลือดยาวหลายจั้งแหวกสายน้ำหวดประหนึ่งแส้ลงมาบริเวณที่ศิษย์นิกายเทียนกงเคยยืนอยู่
เสียงเปรี้ยงดังสนั่นทีหนึ่ง!
พื้นดินที่ถูกโจมตีแตกเป็นลาย เศษหินฝุ่นดินนับไม่ถ้วนปลิวกระจายว่อนไปทั่ว
ลึกลงไปในสระน้ำ เสียงคำรามเกรี้ยวกราดของอสูรโลหิตแปดขาดังลอยมา
ศิษย์สำนักเทียนกงที่เหาะอยู่กลางอากาศหันศีรษะกลับมานิดหนึ่ง เห็นภาพนี้ตามหลังพลันรู้สึกหวาดกลัว
พลังนี้ของอสูรโลหิตแปดขา ต่อให้เป็นผู้ฝึกฝนระดับผลึกขั้นปลาย ถูกรัดเข้าทีหนึ่งคาดว่าก็คงโชคร้ายมากว่าโชคดี
“ยังดีที่อสูรโลหิตแปดขาเป็นปีศาจอสูรในน้ำ จะไม่จากน้ำโดยง่าย…”
ศิษย์นิกายเทียนกงพรูลมหายใจยาวจากนั้นหมุนตัวจากไป เขาเหาะออกไปหลายสิบลี้ถึงร่อนกลับลงมาบนพื้นดิน
เขาถือบัวหิมะสีฟ้าดอกนี้ไว้เบื้องหน้า หลังพิจารณาอย่างละเอียดรอบหนึ่งก็หัวเราะเสียงดัง เก็บของสิ่งนี้เข้าไปในยันต์เก็บของ
ตอนนี้เองเงาร่างหนึ่งพลันโฉบผ่านมาด้านหลังร่าง ศิษย์สำนักเทียนกงหมุนตัวกลับมาในทันใด แต่หลังร่างกลับว่างเปล่า
“หรือข้ามองผิด?”
ศิษย์นิกายเทียนกงย่นหัวคิ้ว เมื่อเขาหันศีรษะไปอีกครั้ง บุรุษหน้าตาหล่อเหลาแต่งกายเยี่ยงบัณฑิตท่าทางสุภาพเรียบร้อยคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างลึกลับตรงงหน้าเขาห่างไปไม่กี่จั้ง กำลังแย้มยิ้มมองเขาอยู่
“ที่แท้สหายจากสำนักเฮ่าหรานนี่เอง ข้าอู๋เชานิกายเทียนกง ยินดีที่ได้พบ!” ดวงตาของศิษย์นิกายเทียนกงฉายแววหวาดหวั่นเล็กน้อย ทว่าฉากหน้ากลับเสแสร้งประสานมืออย่างสงบนิ่ง พร้อมกันนั้นภายในแขนเสื้อพริบตาก็กุมมีดสั้นเอาไว้
“คำพูดตามมารยาทไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว ทิ้งยันต์เก็บของที่ตัวเจ้าไว้ มอบโชคชะตาครึ่งหนึ่งมาบางทีข้าอาจปล่อยเจ้าไปสักหน” บัณฑิตชุดขาวเอ่ยอย่างเย็นชาด้วยเสียงทุ้มต่ำและใบหน้าเรียบเฉย
“เหอะ ขออภัยเรื่องนี้ข้ายากจะทำตาม…” อู๋เชาไม่ลังเลสักนิดตอบปฏิเสธทันที มีดสั้นในมือกำแน่นขึ้น
บัณฑิตชุดขาวได้ยิน สายตาพลันเย็นเยียบ หมอกควันสีขาวชั้นหนึ่งลอยออกมานอกร่าง ร่างกายค่อยๆ พร่าเลือนหายไป
ชั่วครู่ต่อมาเงาคนสีขาวสายหนึ่งพลันโฉบวูบมาปรากฏตัวเบื้องหน้าอู๋เชาว่องไวดุจสายฟ้าแลบ ฝ่ามือยื่นออกมายิงปราณสีขาวน้ำนมสายหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว คว้าโซ่แห่งโชคชะตาบนข้อมืออู๋เชา
ปราณสีขาวดุจเมฆแสงเรืองรองเกิดขึ้นต่อเนื่อง ความเร็วกลับทำให้คนตะลึง ขยับม้วนทีหนึ่งฉับพลันมาถึงตรงข้อมือ
ทว่าอู๋เชาก็ปฏิกิริยาเร็วอย่างที่สุด มีดสั้นในมือสะบัดทีหนึ่ง แสงมีดสีเหลืองรูปพระจันทร์เสี้ยวพลันพุ่งรี่ออกมา ทิ้งรอยเส้นหนึ่งไว้กลางอากาศ ประจันหน้าเข้าใส่ปราณสีขาว
เสียง “ปึง” หนักๆ ดังขึ้น!
แสงของมีดสีเหลืองและปราณสีขาวโจมตี ปะทะยื้อกันอยู่กลางอากาศ
“ลูกไม้กระจอก!”
ชายหนุ่มชุดขาวแค่นหัวเราะทีหนึ่ง จากนั้นร่างกายหมุนอย่างรวดเร็วยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นตบออกมาข้างหน้าอีกหนึ่งฝ่ามือ
ปราณสีขาวอีกสายหนึ่งโฉบมาวูบหนึ่งจากนั้นจมหายไปในปราณเส้นก่อนหน้า ปราณสองสายผสานรวมกัน กลายเป็นฝ่ามือยักษ์สีขาวขนาดหนึ่งจั้งกว่า กำเบาๆ หนหนึ่งก็บีบแสงมีดจันทร์เสี้ยวเป็นผุยผง และตบเข้าใส่อู๋เชาทันที
สีหน้าของอู๋เซาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ระยะใกล้เช่นนี้เขาไม่อาจหลบหลีกได้สักนิด ทำได้เพียงอ้าปากพ่นลูกกลมสีเขียวลูกหนึ่งออกมา หลังมันหมุนติ้วแล้ว ก็ส่งเสียงแกรกๆ กลายเป็นเต่าไม้สีเขียวตัวหนึ่ง ลวดลายจิตวิญญาณด้านบนกะพริบทีหนึ่ง ม่านแสงสีเขียวชั้นหนึ่งพลันขวางอยู่หน้าร่าง
เสียงเปรี้ยงดังขึ้นทีหนึ่ง!
ม่านแสงสีเขียวถูกฝ่ามือยักษ์โจมตีเข้าพลันแหวกออก เต่าไม้สีเขียวอ่อนสั่นไหวหนหนึ่ง บนตัวปรากฏรอยร้าวหลายเส้น
อู๋เชารู้สึกว่ามีพลังมหาศาลสายหนึ่งโถมกระหน่ำข้ามอากาศมา เงาร่างพุ่งถอยออกไปโดยไม่ทันรู้ตัว ทั้งคนทั้งสมบัติชนบนต้นไม้ใหญ่ห่างร้อยกว่าจั้งอย่างหนักหน่วง
ต้นไม้ใหญ่ขนาดหลายคนโอบต้นนี้ส่งเสียงดังเปรี๊ยะทีหนึ่งก็หักโค่นลงทั้งอย่างนั้น
อู๋เชาอ้าปากพ่นเลือดออกมาคำหนึ่ง โซ่หยกใสบนข้อมือก็ส่งเสียงกังวานแตกกระจาย ไอหมอกสีเทาสายแล้วสายเล่าม้วนตัวออกมาผสานเข้าไปในโซ่หยกในมือชายหนุ่มชุดขาว
ชายหนุ่มชุดขาวหัวเราะฮ่าฮ่า พร้อมกันนั้นเงาร่างก็วูบไหวทีหนึ่ง ปรากฏตัวเบื้องหน้าอู๋เชาอีกครั้ง
“โชคชะตาของข้าถูกเจ้าชิงไปครึ่งหนึ่งแล้ว เจ้ายังคิดจะเอาอย่างไรอีก” อู๋เชาสีหน้าซีดเผือด ไอเบาๆ สองสามทีก็ลุกขึ้นเอ่ยอย่างคาดไม่ถึงปนโกรธเกรี้ยว
“เมื่อครู่ไม่ได้บอกแล้วหรือว่าให้มอบยันต์เก็บของที่ตัวเจ้ามา” ชายหนุ่มชุดขาวยกมือขึ้นปุบ ฝ่ามือยักษ์สีขาวข้างหนึ่งก็รวมตัวขึ้นมาอีกครั้ง กดทับศิษย์นิกายเทียนกงผู้นี้ไว้ข้างล่าง แล้วเอ่ยอย่างถมึงทึง
อู๋เชาสีหน้าเปลี่ยนไปมา เขาได้แต่กัดฟันทีหนึ่ง พลิกมือเอาถุงเก็บของข้างเอวออกมาโยนไป
ฝ่ามือยักษ์สีขาวส่งแรงดูดสายหนึ่งออกมาดูดยันต์เก็บของเข้าไป
“เอาล่ะ เรื่องที่เจ้าพูดข้าทำให้หมดแล้ว ตอนนี้ไปได้แล้วกระมัง” อู๋เชาจ้องชายหนุ่มชุดขาวพลางเอ่ยถามประโยคหนึ่งด้วยเสียงเย็นชา
“ไป?”
ชายหนุ่มชุดขาวได้ยิน ในดวงตาก็เผยแววตาเย้ยหยันจางๆ ไม่ทันรออู๋เชาเอ่ยปากอีกหน เงาฝ่ามือยักษ์ประหนึ่งภูเขาลูกย่อมๆ ก็ทับลงมา
หลังเสียงเปรี้ยงดังสนั่นทีหนึ่งกับเสียงกรีดร้องโหยหวนครั้งหนึ่งก็ไม่มีเสียงใดๆ ดังขึ้นมาอีก
ครู่หนึ่งให้หลังชายหนุ่มชุดขาวก็กวาดของทุกอย่างบนศพไปจนเกลี้ยง หลังเก็บของหมดแล้วถึงมองศพอีกหนแล้วพูดกับตัวเองสองสามประโยค
“นิกายเทียนกงเป็นนิกายอันดับหนึ่งของการจัดอันดับงานประตูสวรรค์ครั้งก่อน ศิษย์ที่ส่งมากลับมีความสามารถเท่านี้ ดูท่าก่อนหน้านี้ข้าจะคิดมากเกินไป แต่ดีที่บัวหิมะวารีพิสุทธิ์ดอกนี้ในที่สุดก็มาอยู่ในมือ ไม่เสียเปล่าแล้ว…”
หลังพูดจบชายหนุ่มชุดขาวขยับมือข้างหนึ่งทำท่าคว้า แสงสีน้ำตาลทองสายหนึ่งพลันพุ่งออกมาและร่วงลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว
เสียงครืนดังสนั่นขึ้นพักหนึ่ง พื้นดินใกล้ๆ ฉับพลันแหวกเปิดเป็นช่องยาวสองจั้งกว่าเส้นหนึ่ง เลนทรายเลื่อนไหล พริบตาเดียวก็กลืนศพลงไป
“ได้ยินว่าในสี่ยอดนิกายใหญ่ สำนักเฮ่าหรานถือความถูกต้องยุติธรรมเป็นที่ตั้ง ศิษย์ในสำนักแต่ละคนต้องควบคุมตนเองฝึกฝนจิตใจ คิดไม่ถึงวันนี้กลับได้เห็นคนของสำนักเฮ่าหรานเป็นวิญญูชนจอมปลอมเช่นนี้!”
เวลานี้เองเสียงเย็นเยียบเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหูชายหนุ่มชุดขาว พร้อมกันนั้นอากาศรอบตัวเขาก็ห้อมล้อมไปด้วยไอปีศาจอันแข็งแกร่งสายหนึ่ง
“ใครกันทำตัวลับๆ ล่อๆ!” ชายหนุ่มชุดขาวสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขารีบร้อนปล่อยจิตสัมผัสหมายจะสำรวจสภาพโดยรอบ
ตอนนี้เองในหูเขาพลันได้ยินเสียงแหลมสูงดังขึ้น จากนั้นแผ่นหลังก็พลัน หัวใจที่เต้นอยู่ในอกถูกบางสิ่งควักออกมา
ชายหนุ่มชุดขาวร้องเสียงดังทีหนึ่ง จากนั้นเบื้องหน้าพลันดำมืด ร่างกายฉับพลันร่วงจากกลางท้องฟ้าหล่นลงบนพื้นดินในชั่วพริบตา เสียงตุบดังขึ้นทีหนึ่ง ทั้งร่างก็ถูกเปลวเพลิงแดงฉานห่อหุ้มเผากลายเป็นขี้เถ้า กระทั่งวิญญาณด้านในก็สลายเป็นควันสายหนึ่งในเวลาเพียงชั่วครู่ เหลือเพียงโซ่แห่งโชคชะตาใสแวววาวกับแหวนเก็บของวงหนึ่งอยู่ที่เดิม
เวลานี้เองเหนือร่างที่ถูกเผาเป็นจุลของชายหนุ่มชุดขาวพลันสั่นไหว หลังไอปีศาจสีเทาขมุกขมัวม้วนตัวทีหนึ่งแล้ว เงาคนร่างหนึ่งซึ่งมือข้างหนึ่งถือหัวใจที่เต้นอยู่ดวงหนึ่งเอาไว้ก็ปรากฏตัวออกมา
คนผู้นี้สวมชุดผ้าไหม อายุดูแล้วไม่มาก ใบหน้าหล่อเหลา สองหูแคบยาว เขาคือเซวียผานชายหนุ่มเผ่าปีศาจผู้นั้นที่หนีตายออกมาจากวังมายานภาหยกกับหลิ่วหมิง และโอวหยางเชี่ยนเมื่อหลายสิบปีก่อนนั่นเอง
ชายหนุ่มเผ่าปีศาจขยี้หัวใจในมือแหลกอย่างง่ายดาย เขายกมือขึ้นทีหนึ่ง วายุดัชนี[U1] สีดำก็โจมตีโซ่แห่งโชคชะตาบนพื้นดังเปรี้ยงจนแหลกเป็นจุล
พลังแห่งโชคชะตาก้อนน้อยก้อนหนึ่งฉับพลันม้วนตัวออกมาแล้วทยอยจมหายเข้าไปในโซ่สีขาวบนข้อมือของเซวียผาน
หลังเซวียผานมองดูโซ่แห่งโชคชะตาของตนส่องแสงจางๆ ออกมา บนหน้าก็เผยสีหน้ายิ้มแย้มบางๆ หลังจากที่เก็บแหวนเก็บของบนพื้นแล้ว เขาก็กระตุ้นเคล็ดวิชาแหวกฟ้าและจากไปไกลในทันที
……
ในหุบเขาชันลึกหลายสิบจั้งแห่งหนึ่ง เมฆสีดำก้อนหนึ่งเคลื่อนเลียบไปกับพื้นอย่างเชื่องช้า บนเมฆสีดำชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินคนหนึ่งยืนต้านลม เขาคือหลิ่วหมิงนั่นเอง
วันแรกๆ ที่เข้ามาในแดนลึกลับ หลิ่วหมิงไม่ได้ไปไหนไกล แค่โจมตีสังหารปีศาจอสูรระดับต่ำมากมายเอาโชคะตามาได้จำนวนหนึ่งเท่านั้น
ระหว่างนี้เขาไม่ได้พบกับศิษย์นิกายอื่น แม้สังเกตเห็นคลื่นพลังจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งอยู่ไกลๆ ก็ไม่ได้สนใจ
อย่างไรเวลาที่จะอยู่ในแดนลึกลับประตูสวรรค์แห่งนี้ก็ยังอีกนาน ตอนนี้ยังไม่ใช่จังหวะที่ดีในการต่อสู้กันเอง รอผู้อื่นสะสมโชคชะตาได้มากแล้วค่อยไปแย่งชิงถึงจะเป็นวิธีการที่ประหยัดแรงไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย
นอกจากนี้เขายังฉวยโอกาสนี้ตามหาและเก็บหญ้าจิตวิญญาณ สมุนไพรจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งมา อย่างไรสมุนไพรจิตวิญญาณที่งอกอยู่ที่นี่ล้วนเป็นของหายาก มีพลังแห่งโชคชะตาไม่น้อยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาพบหญ้าจิตวิญญาณหน้าตาเหมือนเห็ดซึ่งแผ่ปราณจิตวิญญาณเข้มข้นอย่างที่สุดระลอกแล้วระลอกเล่าต้นหนึ่งตรงทางเข้าหุบเขาอันห่างไกลแถบนี้ พอนึกย้อนกลับไปถึงคัมภีร์วัสดุจิตวิญญาณนานาที่เคยอ่านแต่ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นของสิ่งใด จึงเก็บเอาไว้ในแหวนย่อส่วนก่อนวันหน้าค่อยศึกษา
ตอนนี้เองใต้ศิลายักษ์สีดำก้อนหนึ่งห่างไปร้อยกว่าจั้ง หญ้าจิตวิญญาณที่ส่องแสงเรืองรองจางๆต้นหนึ่งก็ดึงดูดความสนใจของขา
หลังเขาขยับเข้าใกล้จนห่างไม่กี่ก้าวถึงค้นพบว่าหญ้าจิตวิญญาณสูงชุ่นกว่าต้นนี้แผ่แสงสีสันงดงามพร้อมกับกลิ่นหอมสะอาดจางๆ ออกมา
“ถึงกับเป็นหญ้าฟั่นหลีอายุพันปีต้นหนึ่ง” หลิ่วหมิงเห็นสิ่งนี้รู้สึกยินดีจนอดไม่ได้พูดกับตัวเองหนึ่งประโยค
ถึงหญ้าฟั่นหลีจะไม่ได้เป็นหญ้าจิตวิญญาณที่หายาก แต่หญ้าต้นนี้มีความพิเศษคือเติบโตยาก
หญ้าฟั่นหลีที่อายุน้อยกว่าห้าร้อยปีอาจพบได้เป็นบางครั้งตามขุนเขาลำน้ำในแดนจิตวิญญาณที่มีปราณจิตวิญญาณเข้มข้น มันไม่ได้มีสิ่งใดพิเศษ แต่เมื่ออายุเกินห้าร้อยปี ทุกหนึ่งร้อยปีผ่านไป แสงที่พวกมันส่วนหนึ่งแผ่ออกมาก็จะยิ่งเข้มขึ้น แต่กลับมีโอกาสสองในสิบส่วนที่มันจะแห้งเหี่ยวตายไปอย่างไร้สาเหตุ เมื่ออายุถึงพันปีก็จะกลายเป็นวัตถุดิบหลักของโอสถฟั่นหลีที่เพิ่มพลังเวทระดับดาราพยากรณ์ได้ ด้วยเหตุนี้หญ้าฟั่นหลีอายุพันปีเมื่ออยู่ข้างนอกจึงเติบโตได้ยากยิ่ง
แผ่นดินจงเทียนนับแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน หญ้าฟั่นหลีอายุต่างกันราคาต่างกันมากอย่างที่สุด หญ้าฟั่นหลีอายุหนึ่งร้อยปีราคาเพียงสามถึงห้าหมื่นหินจิตวิญญาณเท่านั้น เมื่ออายุเกินห้าร้อยปี ราคาก็จะเพิ่มพรวดจนเกือบถึงหนึ่งล้านหินจิตวิญญาณ หากเป็นหญ้าฟั่นหลีที่มีอายุมากกว่าพันปี ในงานประมูลยิ่งขายได้ถึงราคายี่สิบสามสิบล้าน แล้วยังมักราคาสูงจนไม่มีคนซื้อ ซึ่งปรากฏให้เห็นยากนัก
ก่อนหน้านี้หลิ่วหมิงเพียงได้ยินมาว่าแดนลึกลับประตูสวรรค์ทรัพยากรมากมาย แต่คิดไม่ถึงว่าจะพบหญ้าจิตวิญญาณระดับนี้ ในใจเขายินดีปรีดาอย่างยิ่ง
ขณะที่มือหนึ่งของเขาล้วงกระบี่สั้นสีเงินเล่มหนึ่งออกมาหมายจะตัดหญ้าฟั่นหลีต้นนี้ ศิลายักษ์สีดำกลับสั่นเบาๆ คลื่นพลังจิตวิญญาณแข็งแกร่งระลอกหนึ่งส่งออกมา
ปฏิกิริยาของหลิ่วหมิงเร็วอย่างมาก เขาคิดก็ไม่คิดสองขาพลันกระทืบเท้าทีหนึ่ง พุ่งถอยออกไปไกลสิบกว่าจั้ง ดวงตาเป็นประกายจับจ้องด้านหลังของศิลายักษ์สีดำ
ทว่ากลับเห็นเพียงดินใต้ศิลาสีดำที่เริ่มทรุดตัวลงไป เสียงตึงตังดังขึ้น พื้นดินแหวกเป็นรอยแยกเส้นหนึ่ง ปีศาจอสรพิษขนาดมหึมาสีดำสลับเหลืองตัวหนึ่งร้องขู่ฟ่อเลื้อยออกมาจากดินโคลนอย่างรวดเร็ว
[U1]指风 ทั้งเรื่องมีแค่ 3 ตำแหน่ง ตอนที่ 231 มี 2 ที่, ตอนที่ 777 มี 1 ตำแหน่ง ไม่สามารถดูคำเก่าได้