ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 778 ร่างแปลงอาภรณ์ทอง
อสรพิษยักษ์ตัวนี้ยาวถึงยี่สิบกว่าจั้ง ร่างกายหนาเท่าถังน้ำ บนหนังอสรพิษเกล็ดสีดำกับสีเหลืองเรียงอย่างไร้ระเบียบ สองตาแดงดั่งโลหิต บนหัวมีหงอนมหึมาอันหนึ่ง หน้าตาน่าเกลียดอย่างที่สุด มันกำลังชูหัวอสรพิษขึ้น ลิ้นอสรพิษฉกไม่หยุดจับจ้องหลิ่วหมิงนิ่ง แผ่กลิ่นอายระดับผลึกขั้นกลางออกมาบางๆ
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
สองวันก่อนเพราะเขาวนเวียนอยู่ที่ขอบแดนลึกลับ ดังนั้นปีศาจอสูรที่พบแทบทั้งหมดจึงเป็นระดับของเหลวจิตวิญญาณ โชคชะตาที่ได้มาน้อยยิ่งกว่าน้อย ไม่รู้ว่าอสรพิษยักษ์ระดับผลึกตัวนี้ตรงหน้าจะนำโชคชะตามาให้เขาเท่าไร
ชั่วความคิดอสรพิษยักษ์ตัวนี้ก็ขดตัวบนศิลาดำ อ้าปากกว้างโถมเข้ามาใส่หลิ่วหมิงประหนึ่งสายฟ้าแลบ ปากพ่นเพลิงปราณคลุ้งคาวเลือดสีแดงสายหนึ่งออกมา
อากาศใกล้ๆ ฉับพลันอบอวลด้วยปราณเหม็นคลุ้งร้อนระอุแสบจมูกสายหนึ่ง
หลิ่วหมิงเห็นสิ่งนี้กลับไม่หลบ ทำท่ามือของเคล็ดกระบี่ แสงกระบี่สีทองสายหนึ่งฉับพลันลอยออกมา พริบตาก่อตัวเป็นรุ้งสีทองสิบกว่าจั้งสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่
แสงสีทองพุ่งโฉบ!
รุ้งทองสะบั้นปราณสีโลหิตแหวกออก หลังจากนั้นพุ่งปราดทีเดียวก็เข้าไปในปากที่อ้าอยู่ของอสรพิษยักษ์
เสียงพรวดดังขึ้นทีหนึ่ง
แสงสีทองแสบตาสายหนึ่งทะลุร่างอสรพิษยักษ์แล้วพุ่งออกมาจากส่วนหาง อสรพิษทั้งตัวถูกรุ้งสีทองฟันแยกตั้งแต่หัวจรดหางทันที
เสียงฟ่อดังขึ้นทีหนึ่ง!
ร่างของอสรพิษยักษ์ตัวนี้ก็แข็งทื่อไป หลังจากนั้นเสียงตู๊มทีหนึ่งก็ดังขึ้น มันร่วงกลับไปบนพื้น หลังบิดตัวดิ้นรนอยู่ตรงนั้นสองสามทีแล้วก็หมอบกองอยู่บนพื้นหมดลมหายใจไป
กระทั่งดวงจิตในร่างอสูรอสรพิษตัวนี้ก็ถูกแสงกระบี่ด้านในร่างฟันทำลายไปด้วย
ทุกสิ่งนี้เกิดขึ้นในเวลาชั่วสองลมหายใจเท่านั้น
หลิ่วหมิงกวักมือข้างหนึ่ง รุ้งสีทองพลันวนบนฟ้ารอบหนึ่งจากนั้นกลับคืนเป็นกระบี่บินดังเดิมพุ่งรี่กลับมา หลังพุ่งโฉบทีหนึ่งก็จมลงไปกลางหว่างคิ้วของเขา
หลังจากนั้นหลิ่วหมิงก็เหาะโฉบทีหนึ่งเข้าไป ร่อนลงด้านข้างศพของอสรพิษยักษ์
เวลานี้เองไอหมอกสีเทาสายแล้วสายเล่าพลันลอยออกมาจากบนร่างอสรพิษ ม้วนทีหนึ่งก็แทรกเข้าไปในโซ่แห่งโชคชะตาบนข้อมือของเขา
ผ่านไปสองสามลมหายใจ ไอหมอกสีเทาถึงถูกโซ่แห่งโชคชะตาดูดเข้าไปหมดสิ้น แสงสีเทาที่โซ่แห่งโชคชะตาแผ่ออกมายิ่งสว่างขึ้นอีก
หลิ่วหมิงเห็นสภาพนี้ก็มีสีหน้าพึงพอใจน้อยๆ พลังแห่งโชคชะตาที่ปีศาจอสูรระดับผลึกนำมาให้นี่ไม่ใช่ปีศาจอสูรธรรมดาจะเทียบได้จริงๆ ก็ไม่รู้ว่าในแดนลึกลับแห่งนี้ยังมีปีศาจอสูรระดับแก่นแท้อยู่หรือไม่
ในเวลาเดียวกันห่างไปหลายลี้หลังร่างหลิ่วหมิง เงาดำสองร่างกำลังเหาะลึกเข้ามาในหุบเขาชันอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“โชคดีก่อนเดินทาง อาจารย์มอบยันต์ลับที่สัมผัสตำแหน่งกันได้สองแผ่นนี้ให้ท่านกับข้า ตอนเข้ามาพวกเราก็บังเอิญไม่ได้อยู่ไกลกันเกินไป ท่านกับข้าถึงรวมตัวกันได้เร็วเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นด้วยพลังของพวกเรา หากพบพวกคนร้ายกาจไม่กี่คนนั้นเข้าคงลำบากมากแล้ว” เงาดำร่างหนึ่งในนั้นเหาะไปพลางก็ถอนหายใจเบาๆ ไปพลาง
“ฮ่ะฮ่ะ โชคดีที่ศิษย์พี่ใหญ่เก็บตัวไปก่อนหน้างานประตูสวรรค์ ไม่เช่นนั้นจะถึงตาเจ้ามาเข้าร่วมงานประตูสวรรค์ได้อย่างไร แต่ตอนนี้ก็ไม่เลว เจ้ากับข้าสองคนรวมตัวกันได้ก่อน สังหารศิษย์ธรรมดาของนิกายอื่นย่อมง่ายดั่งพลิกฝ่ามือ เช่นนี้ความเร็วในการเพิ่มโชคชะตาย่อมรวดเร็วกว่าคนพวกนั้นที่พึ่งการสังหารปีศาจอสูร และเก็บสมุนไพรทิพย์มากแน่นอน แล้วยังสามารถเก็บเกี่ยวสมบัติที่ไม่คาดคิดได้บ้างอีกด้วย” เงาดำอีกร่างหนึ่งอดไม่ได้หัวเราะฮ่ะฮ่ะ เอ่ยอย่างได้ใจอยู่บ้าง
“เมื่อครู่ด้านนั้นมีไอปีศาจสายหนึ่งกับคลื่นพลังจิตวิญญาณอีกสายหนึ่ง จะต้องเป็นคนที่พลัดหลงอยู่คนเดียวแน่ คนผู้นี้สังหารปีศาจอสูรตัวนั้นตามลำพังคงผลาญพลังเวทไปไม่น้อย ฉวยโอกาสที่เขายังไม่ทันได้หนี ท่านกับข้าเร่งรีบเข้าไป พอดีได้ฉกฉวยผลประโยชน์”
ทั้งสองคนเปล่งเสียงหัวเราะชั่วร้ายพร้อมกัน จากนั้นเร่งลำแสงเหาะไปยังตำแหน่งที่หลิ่วหมิงอยู่
หลิ่วหมิงตอนนี้กำลังเก็บศพอสรพิษยักษ์เข้าไปในแหวนย่อส่วนอย่างไม่เร็วไม่ช้า แม้อสรพิษตัวนี้เป็นเพียงปีศาจอสูรระดับผลึกเท่านั้น แต่หน้าตาประหลาดอาจเป็นพวกกลายพันธุ์ที่พบเห็นได้น้อย ถึงจะค่อนข้างกินพื้นที่ของแหวน เขาก็ยังคงตัดสินใจนำศพกลับไปก่อนค่อยว่ากันอยู่ดี
เวลานี้เองเขาพลันเลิกคิ้วขึ้น ฉับพลันหมุนตัวทีหนึ่ง เห็นบนท้องฟ้าด้านหลังร่างไม่ไกล มีแสงสีดำสองสายแหวกท้องฟ้ามา เป้าหมายเห็นชัดว่าคือบริเวณที่เขาอยู่
สองตาของหลิ่วหมิงหรี่ลง เขามองแสงสีดำสองสายที่ร่อนลงบนศิลายักษ์สองก้อนไม่ไกลด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
หลังแสงสีดำหายไป บุรุษผู้สวมชุดของนิกายปีศาจลี้ลับสองคนก็เผยร่างออกมา คนหนึ่งปล่อยผมสยาย ศีรษะสวมมงคลทอง ส่วนอีกคนคิ้วเหลือง ใบหน้าดุร้าย
“หืม? คนของนิกายยอดบริสุทธิ์” บุรุษผมสยายเห็นเสื้อผ้าของหลิ่วหมิงปุบ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยในทันใด
“ไม่เป็นไร คนผู้นี้ไม่ใช่หลัวเทียนเฉิงที่อาจารย์เอ่ยถึง นอกจากนี้เขาพึ่งต่อสู้อย่างดุเดือดมาเมื่อครู่ ท่านกับข้าร่วมมือกันจัดการได้อย่างง่ายดาย” ชายหนุ่มคิ้วเหลืองอีกคน กวาดสายตามองพื้นดินเละเทะกับคราบเลือดแอ่งใหญ่ใกล้ๆ ทีหนึ่งก็หัวเราะฮึๆ แล้วเอ่ยเช่นนี้
“อืม ศิษย์น้องพูดมีเหตุผล พอพูดเช่นนี้เหยื่อเช่นเจ้า ข้ายิ่งไม่อาจปล่อยไปได้แล้ว” บุรุษที่ปล่อยผมได้ยินก็มองพื้นดินใกล้ๆ ทีหนึ่ง จากนั้นเมื่อเข้าใจขึ้นมาหน่อยแล้ว สีหน้าก็เผยความเหี้ยมเกรียมออกมา
“ยามนี้ก็สังหารคนปล้นสมบัติทำพฤติกรรมเช่นนี้แล้ว ทั้งสองท่านไม่คิดว่าเร็วเกินไปบ้างหรือ?” หลิ่วหมิงได้ยินทั้งสองคนคนหนึ่งพูดคนหนึ่งตอบ บนใบหน้ากลับเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาจางๆ ฉับพลันถามประโยคหนึ่งขึ้นมา
“เหอะ เจ้าจะไปรู้อะไร สุดท้ายแล้ว แม้แต่ละคนในแดนลึกลับจะมีพลังแห่งโชคชะตามาก แต่เวลานั้นใต้หล้ามีผู้ร้ายกาจอย่างแท้จริงจำนวนหนึ่ง ไหนเลยพวกเราจะหาเรื่องได้ ก็มีแต่ตอนนี้เท่านั้นที่หาเหยื่อที่ลงมือง่ายๆ เช่นนี้อย่างเจ้า รอพวกเราหาเหยื่อได้จำนวนหนึ่ง สั่งสมพลังแห่งโชคชะตาได้ประมาณหนึ่งแล้ว พวกเราย่อมหลบซ่อนไปเสีย ให้บุคคลร้ายกาจเหล่านั้นอย่าได้คิดหาพบ” ชายหนุ่มคิ้วเหลืองจากนิกายปีศาจลี้ลับได้ยิน แรกสุดนิ่งไปเล็กน้อย แต่ก็แค่นเสียงขึ้นจมูกเอ่ยทันที
“ศิษย์น้อง คนของนิกายยอดบริสุทธิ์จะไปเข้าใจอันใด เจ้าหนู ตอนนี้เจ้าจะเป็นฝ่ายทำลายโซ่แห่งโชคชะตาเองหรือจะให้พวกเราสองคนลงมือ” บุรุษสยายผมกลับรำคาญขึ้นมาแล้ว ใบหน้าเหี้ยมเกรียมตวาดเสียงดังใส่หลิ่วหมิง
“ในเมื่อทั้งสองท่านใจร้อนเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ลงมือเถอะ” หลิ่วหมิงเห็นสถานการณ์นี้กลับหัวเราะขึ้นมา
“รนหาที่ตาย ลงมือ”
บุรุษสยายผมโกรธจัด หลังตวาดเสียงดังประโยคหนึ่ง มือข้างหนึ่งก็ทำท่ามือ ไอปีศาจสีดำจางๆ เดือดพล่านออกมาทั่วร่างในทันที
ศิษย์คิ้วเหลืองใกล้ๆ เห็นหลิ่วหมิงท่าทางเช่นนี้สีหน้าก็เคร่งขรึม หลังสะบัดหัวไหล่ทีหนึ่ง ท่ามกลางเสียงหวีดแหลมประหลาด บนร่างไอปีศาจก็พลันเดือดพล่านออกมาเช่นกัน
สายตาของหลิ่วหมิงกลับเย็นเยียบ เขาสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง ยันต์ที่ส่องแสงสีทองระยิบระยับแผ่นหนึ่งพลันลอยออกมา มันลอยลิ่วหยุดนิ่งกลางท้องฟ้าสูงจากนั้นเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า หลังเสียงฟุบดังขึ้นทีหนึ่ง มนุษย์เกราะทองคนหนึ่งก็เดินออกมาจากข้างใน หน้าตารูปร่างความสูงเหมือนกับหลิ่วหมิงไม่มีผิดเพี้ยน
“ร่างแปลง!” ชายหนุ่มสยายผมเห็นสภาพนี้ก็เอ่ยเสียงหลงในทันที
ศิษย์คิ้วเหลืองของนิกายปีศาจลี้ลับ สีหน้าก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน
“สองต่อสอง เช่นนี้ถึงยุติธรรม” หลิ่วหมิงเอ่ยเรียบๆ หนึ่งประโยค
“เหอะ เจ้าพลังแค่ระดับผลึก ต่อให้มีร่างแปลงก็เพิ่มพลังได้ไม่กี่ส่วน อย่างไรก็ยังต้องตายสถานเดียว” หลังชายหนุ่มคิ้วเหลืองขบคิดอย่างรวดเร็วรอบหนึ่งแล้ว ประกายดุร้ายก็ปรากฏขึ้นในแววตาเอ่ยขึ้นมา หลังจากนั้นปากพลันท่องมนตร์ สองมือขยับทำท่ามือเคล็ดกระบี่อย่างรวดเร็ว
บุรุษที่ปล่อยผมเข้าใจในทันที เสียงท่องมนตร์ดังออกมาจากปากเช่นกัน ทำมือเปลี่ยนอย่างรวดเร็วไม่หยุด
เสียงฟึบดังขึ้นสองครั้ง!
เงาฝ่ามือมารสีดำสนิทสองข้างก่อตัวขึ้นเบื้องหน้าศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับทั้งสองคน ฝ่ามือหนึ่งในนั้นที่อยู่หน้าร่างศิษย์ตัวสูงใหญ่ถึงสิบกว่าจั้ง บนฝ่ามือมารไอหมอกสีดำสายแล้วสายเล่าเวียนรอบ อีกฝ่ามือหนึ่งเล็กกว่ากันรอบใหญ่ ใหญ่เพียงเจ็ดแปดจั้งเท่านั้น
ตอนนี้เองเงาร่างของหลิ่วหมิงทั้งสองก็ขยับกลายเป็นเงาร่างสีดำกับสีทองสองสายพุ่งเข้าไปหาศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับทั้งสองอย่างรวดเร็ว
“ไป”
บุรุษสยายผมกับบุรุษคิ้วเหลืองคำรามเสียงดังพร้อมกัน แต่ละคนจี้นิ้วไปด้านหน้า
เงาฝ่ามือมารมหึมาทั้งสองข้างเลือนลางวูบหนึ่งก็พาแรงกดดันน่าหวาดกลัวที่ทำให้คนยากจะเชื่อมา แต่ละฝ่ามือแยกย้ายกันตบเข้าใส่หลิ่วหมิงกับร่างแปลงอาภรณ์ทอง
เงาฝ่ามือมารสิบกว่าจั้งกดทับลงมาหาหลิ่วหมิงตรงๆ อย่างทรงพลัง
ส่วนเงาฝ่ามือมารเจ็ดแปดจั้งข้างนั้นคล้ายจะช้าแต่ความจริงกลับเร็ว ไหววูบหนึ่งก็พาพลังหนักหน่วงประหนึ่งขุนเขาสายหนึ่งกดทับลงมาบนกระหม่อมของร่างแปลงอาภรณ์ทองแล้ว
หลิ่วหมิงเคลื่อนจิต ร่างแยกจอมพลังอาภรณ์ทองก็หยุดร่างนิ่งกลางอากาศ มือข้างหนึ่งกำหมัด เงาหมัดยักษ์สีทองระยิบระยับข้างหนึ่งพริบตาหลุดออกมาจากร่าง
แสงสีทองระยิบระยับบนหมัดมีเงามังกรสีดำจางๆ หลายตัวเลื้อยวนออกมาอ้าปากสะบัดกรงเล็บ ทำให้ทั้งเงาหมัดยักษ์มีพลังที่ยากจะพรรณนา
“ตู๊ม” เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินเสียงหนึ่งดังขึ้น
หลังเงาหมัดสีทองกับฝ่ามือมารสีดำปะทะกันอย่างรุนแรงทีหนึ่ง ต่างฝ่ายก็สั่นไหวเล็กน้อยจากนั้นกลายเป็นลูกบอลแสงมหึมาสองลูกระเบิดออก กลายเป็นหมอกดำเต็มฟ้ากับแสงสีทองเป็นจุดๆ พร้อมกันนั้นคลื่นปราณน่าตะลึงวงแล้ววงเล่าก็ม้วนกวาดออกมาสี่ด้านแปดทิศ
ส่วนร่างต้นของหลิ่วหมิง เผชิญหน้ากับเงาฝ่ามือยักษ์ใกล้เพียงเอื้อมมือ ร่างกายกลับหยุดชะงักพุ่งถอยกลับไปข้างหลัง พร้อมกับที่หัวไหล่ขยับทีหนึ่ง แสงสีน้ำเงินก็ส่องสว่างขึ้นจากด้านในเสื้อ หลังลวดลายจิตวิญญาณสีน้ำเงินนับไม่ถ้วนลอยออกมา เสียงคำรามเบาๆ ก็ดังขึ้น เงาเลือนรางของวัวสีน้ำเงินประหนึ่งมีชีวิตตัวหนึ่งฉับพลันปรากฏออกมาเบื้องหน้าร่างของหลิ่วหมิง
วิชาภาพสัญลักษณ์ที่เขาสังเวยมาเนิ่นนานแล้วนั่นเอง
เงาเลือนรางของเชอฮ่วนปรากฏขึ้นปุบก็อ้าปากใหญ่โตออก พายุสีน้ำเงินลูกหนึ่งพัดออกมาในทันใด
เสียง “ปัง” ดังขึ้นหนึ่งหน!
ฝ่ามือยักษ์ที่ดูเหมือนพลังไร้ที่สิ้นสุดกลับถูกพายุเป่าทีเดียวกลายเป็นไอปีศาจสายแล้วสายเล่าแตกสลายกระจัดกระจายกลางอากาศ
จากนั้นเงาของเชอฮ่วนก็ดูดอย่างแรงทีหนึ่ง ไอปีศาจทั้งหมดฉับพลันประหนึ่งน้ำหลากถูกดูดทีเดียวไหลเข้ามาในร่างหมดสิ้น หายวับไปอย่างรวดเร็ว
หลิ่วหมิงเห็นภาพนี้ มุมปากก็เผยรอยยิ้มบางๆ
พลังนี้ก็คือการกลืนกิน ความสามารถอันแข็งแกร่งอย่างที่สองที่เชอฮ่วนแสดงออกมา แต่ด้วยพลังในตอนนี้ จะสำแดงผลออกมาได้ก็ในยามที่เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่พลังเวทต่ำกว่าตนเองมากเท่านั้น หากระดับพลังและพลังเวทของคู่ต่อสู้เหนือกว่าเขา ตรงกันข้ามกลับยากจะถูกกลืนกินด้วยพลังของเชอฮ่วน
พูดไปแล้วภาพสัญลักษณ์นี้ หลังดูดซับจิตวิญญาณของปีศาจอสูรมากมายจากการสังเวยนานหลายปีนี้ของหลิ่วหมิงไปถึงปลุกความสามารถในการกลืนกินนี้ขึ้นมาได้ ที่วันนี้เขาสู้กับผู้อื่นปุบก็ใช้ร่างแปลงอาภรณ์ทองออกมาทันทีก็เพราะมีความคิดที่จะลองฝีมือกับตัวศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับสองคนนี้
หลังเงาเลือนรางของเชอฮ่วนกลืนกินไอปีศาจไปแล้วก็ยังคงนิ่งอยู่ที่เดิม แต่สองตาจับจ้องบุรุษผมสยายที่อยู่ไม่ไกลนิ่ง ท่าทางยังไม่อิ่มหนำ
‘หลิ่วหมิงกราะทอง’ อีกด้านหนึ่งหลังโจมตีทำลายฝ่ามือยักษ์แล้ว ร่างกายก็บิดนิดหนึ่ง ขยับวูบไหวไม่กี่ทีพลันปรากฏตัวเบื้องหน้าใกล้ๆ ศิษย์คิ้วเหลือง สองแขนพร่าเลือนไปวูบหนึ่ง เงาหมัดสีทองมากมายถี่ยิบก็ก่อตัวขึ้นมากราดพุ่งไปยังฝั่งตรงข้ามในบัดดล