ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 795 ศัตรูผู้แข็งแกร่ง
เปลวเพลิงสีดำทอดยาวเป็นรอยทางสายหนึ่งกลางอากาศประหนึ่งปาดรอยแผลสีดำสนิทเส้นหนึ่งไว้กลางอากาศว่างเปล่า
ปีศาจอสูรประหลาดเห็นเช่นนี้ ในดวงตาทั้งสองข้างก็ทอประกายตื่นเต้น มันวิ่งบ้าคลั่งไปด้านหน้าต่อพร้อมกับอ้าปากพ่นลำแสงสีดำแดงสองสีสายแล้วสายเล่าออกมา
วิหคเพลิงสีดำร้องดังกังวาน ขณะที่ลำแสงหวุดหวิดจะโจมตีถูกมัน เสียงเปรี้ยงก็ดังขึ้น ตัวมันกลายเป็นเปลวเพลิงสีดำดวงแล้วดวงเล่าระเบิดออก
นาทีต่อมาเพลิงสีดำลูกแล้วลูกเล่าพลันลอยออกมาจากแผ่นหลังของปีศาจอสูรประหลาด หลังพวกมันหมุนติ้วรวมตัวกันที่จุดหนึ่งก็กลายเป็นวิหคเพลิงสีดำใหม่อีกครั้ง
วิหคเพลิงปรากฏตัวปุบ กรงเล็บแหลมคมสีดำมันปลาบดั่งปลายดาบคู่หนึ่งก็พาสายลมแรงดุดัน ตะปบเข้าใส่จุดสำคัญที่สันหลังของปีศาจอสูร
ปีศาจอสูรรู้สึกถึงเสียงลมด้านหลังพลันเหลียวกลับมาอ้าปากกว้าง พ่นลูกบอลแสงสีดำแดงขนาดเท่าศีรษะสิบกว่าลูกออกมาติดกันเป็นพรวนเข้าใส่วิหคเพลิง
ลูกบอลแสงเห็นชัดว่าเกิดมาจากเพลิงปีศาจ พ่นออกมาปุบ กลิ่นอายร้อนระอุสายหนึ่งก็พัดมาถึงก่อนในทันใด พลังไม่อาจดูแคลนได้
วิหคเพลิงสีดำไม่ยินดีรับตรงๆ กรงเล็บด้านหน้าทั้งคู่พลันถีบอากาศพร้อมกันนั้นปีกสองข้างก็โบกกระพือ ร่างกายพร่าเลือนวูบหนึ่งก็บิดร่างหายวับไป
เสียงพรวดดังขึ้นทีหนึ่ง!
วิหคเพลิงปรากฏตัวเบื้องหน้าปีศาจอสูรอีกครั้งประหนึ่งภูตผี เสียงวิหคแหลมสูงร้องดัง กรงเล็บคมตะปบเข้าที่หน้าอกของปีศาจอสูรอีกครั้ง
ในตอนที่ปีศาจอสูรหันศีรษะกลับมาพ่นเปลวเพลิงดวงหนึ่งอย่างเกรี้ยวกราด วิหคเพลิงสีดำพลันกระพือปีกหายวับไปกับอากาศอีกหน
เซียนหงส์ดำที่แปลงเป็นวิหคเพลิงเห็นชัดว่าไม่ยินดีปะทะตรงๆ กับปีศาจอสูรตัวนี้แต่วางแผนจะสู้ยืดเยื้อไปก่อน!
เป็นเช่นนี้เจ็ดแปดครั้งต่อเนื่อง ปีศาจอสูรตัวนี้ในที่สุดก็ถูกล่อหลอกจนหัวหมุนอยู่บ้าง ท้ายที่สุดมีครั้งหนึ่งหลบไม่ทัน พร้อมกับที่เสียงวิหคดังขึ้น มันก็ถูกวิหคเพลิงสีดำแทงกรงเล็บที่แหลมคมจนตัดโลหะได้คู่หนึ่งเข้ามาลึกในแผ่นหลังของมันแล้วชักออกไปอย่างรวดเร็ว
เลือดดำสายหนึ่งพุ่งกระจายออกมาจากบนแผ่นหลังของปีศาจอสูรในทันใด
ปีศาจอสูรประหลาดส่งเสียงคำรามโหยหวน มันหันร่างกลับมาอ้าปากกว้างพ่นลำแสงสีดำสลับแดงมหึมายิ่งกว่าก่อนหน้านี้มากสายหนึ่งออกมาใส่วิหคเพลิงสีดำที่ถอยไปห่างสิบจั้งกว่าอย่างบ้าคลั่ง
วิหคเพลิงสีดำเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ ครั้งนี้กลับไม่ได้หลบ แต่ประกายแสงในดวงตาไหววูบพักหนึ่งก็ส่งเสียงหงส์ร้องใสกังวานสายหนึ่งออกมา พลังปีศาจสีดำสนิททะลักออกมารอบร่างกลายเป็นเมฆทะมึนขนาดสิบจั้งกว่าเบื้องหน้า จากนั้นโถมกดดันไปด้านหน้าอย่างบ้าคลั่ง ประจันหน้ากับลำแสงสีดำแดงที่พุ่งเร็วรี่มาถึงพอดี
เสียงเปรี้ยงดังขึ้นทีหนึ่ง แสงสว่างสองสีปะทะเข้าหากัน เมฆดำส่งเสียงดังซือๆ จากนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้นหลายครั้ง ชั่วพริบตาถูกลำแสงสีดำแดงฉีกออกไปแถบหนึ่ง
ทว่าเมฆดำกลับโถมมาประหนึ่งน้ำหลาก ค่อยๆ กลบลำแสงสีดำไว้ข้างในจนมิด จากนั้นค่อยๆ เคลื่อนไปทางปีศาจอสูรต่ออย่างรวดเร็ว
ในดวงตาของปีศาจอสูรฉายแววหวาดกลัวจางๆ มันหมุนตัวบ่ายหน้าหนีทันที
ทว่าเวลานี้เองเมฆปีศาจสีดำสนิทพลันถักทอกลางท้องฟ้า ชั่วพริบตารวมตัวกลายเป็นหนวดสีดำสนิทสิบกว่าเส้นวาดข้ามระยะห่างสิบกว่าจั้งพร้อมกับเสียงแหวกอากาศ รัดพันร่างกายของปีศาจอสูรประหลาดอย่างที่มันคิดไม่ถึง หุ้มมันไว้จนกลายเป็นบ๊ะจ่างลูกใหญ่
ปีศาจอสูรประหลาดคำรามเกรี้ยวกราดไม่หยุด มันขยับร่างดิ้นรน ทว่าน่าเสียดายเป็นการกระทำที่เสียแรงเปล่า
นาทีต่อมาเงาดำร่างหนึ่งก็ไหววูบรวดเร็วประหนึ่งอสนีบาต เงาวิหคเพลิงสีดำพลันปรากฏตัวตรงหน้าปีศาจอสูรตัวนี้ อ้าปากพ่นเปลวเพลิงสีทองหนาเท่าชามข้าวสายหนึ่งออกมาใส่มัน
เสียงฟู่ดังขึ้นพร้อมกับที่เปลวเพลิงสีทองรุนแรงร่วงใส่ร่างปีศาจอสูรแล้วลุกไหม้รุนแรงเผากระทั่งหนวดที่อยู่นอกร่างมันไปด้วย จากนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้น
แม้อสูรตัวนี้จะกรีดร้องไม่หยุดและสะบัดร่างกลางอากาศอย่างบ้าคลั่ง ทว่าเนื้อหนังบนร่างก็ยังคงหลุดลอกออกมาเป็นก้อนๆ กลายเป็นขี้เถ้าไหม้เกรียมกองแล้วกองเล่ากลางอากาศ
เวลานี้เซียนหงส์ดำถึงเก็บเมฆดำถาโถมไป จากนั้นพริบตาเดียวคืนกลับมาเป็นร่างมนุษย์ใหม่อีกครั้ง สองมือมีมีดสั้นวาววับคู่หนึ่งเพิ่มขึ้นมา
สายตานางเย็นเยียบ สองมือไขว้อยู่ตรงหน้าอก บนมีดสั้นเปลวเพลิงสีทองสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้นในทันใด จากนั้นนางพลันกระทืบพื้น
เสียงฟึบดังขึ้นทีหนึ่ง!
รุ้งยาวสีทองยาวเจ็ดแปดจั้งพุ่งออกมา ทะลุผ่านร่างกายมหึมาของปีศาจอสูรในพริบตา ทิ้งรูเลือดใหญ่หนึ่งจั้งกว่ารูหนึ่งไว้ตรงท้อง
ปีศาจอสูรตัวนี้ทันเพียงร้องเสียงดังทีหนึ่ง ร่างกายก็ถูกเปลวเพลิงสีทองสายแล้วสายเล่าที่ระเบิดออกมาจากในร่างกะทันหันหุ้มไว้ หลังโซเซไม่กี่ทีก็กลายเป็นลูกบอลเพลิงยักษ์ลูกหนึ่งร่วงกระแทกพื้นหนักหน่วง จากนั้นก็แน่นิ่งไม่ขยับอยู่ตรงนั้น
ในเวลาเดียวกัน ไอหมอกสีเทาที่ค่อนข้างหนาทึบสายหนึ่งก็ลอยออกมาจากเปลวเพลิงสีทองบนพื้น ทยอยมุดเข้ามาในโซ่โชคชะตาของเซียนหงส์ดำ
“ฮ่าฮ่า ไม่เลว! วิชาเฉพาะตัวของน้องเล็กเหมือนจะมีพลังเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ไม่น้อย” บุรุษชุดดำปรบมือแล้วขยับวูบมาถึง จากนั้นแย้มรอยยิ้มนิดๆ เอ่ยชม
“ท่านพี่ชมเกินไปแล้ว พลังของปีศาจตัวนี้พอดีถูกพลังเฉพาะตัวของข้าข่มเท่านั้น พวกเรารีบเก็บสมุนไพรจิตวิญญาณที่นี่กันเถอะ อย่าให้มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น” เซียนหงส์ดำเก็บมีดสั้นทั้งสองไป จากนั้นหัวเราะเบาๆ ตอบกลับ
“น้องเล็กพูดถูกต้องที่สุด พวกเราลงมือกันเถอะ” บุรุษชุดดำได้ยินก็พยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
จากนั้นทั้งสองคนก็หมุนตัวบินไปยังทิศทางที่มาอีกหน ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนรีบร้อนจึงเพียงมองแดนจิตวิญญาณผืนนี้คร่าวๆ ทีหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้สำรวจชนิดของสมุนไพรจิตวิญญาณเหล่านั้นอย่างละเอียดจริงๆ
ไม่นานนักทั้งสองคนก็สำรวจสมุนไพรจิตวิญญาณทั้งหุบเขาคร่าวๆ เสร็จประหนึ่งสายฟ้าแลบ พวกเขาฉับพลันตื่นตะลึงระคนยินดียิ่งนัก
“นี่คือผลอัคนี เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำแล้ว อย่างน้อยก็อายุสองพันปี มอบให้อาจารย์จูในตระกูลต้องหลอมออกมาเป็นโอสถอัคนีระดับพสุธาได้แน่!” เซียนหงส์ดำโฉบทีหนึ่งไปปรากฏตัวหน้าต้นไม้เตี้ยที่ออกผลประหลาดสีแดงก่ำคล้ายเลือดผลหนึ่งที่มุมหุบเขาแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ดูจากระดับความเข้มข้นของปราณจิตวิญญาณธรรมชาติที่สวนแห่งนี้ สมุนไพรทั่วไปเติบโตอยู่ที่นี่หนึ่งร้อยปีเทียบได้กับมากกว่าสองร้อยปีด้านนอก ผนวกกับแดนลึกลับแห่งนี้กว้างขวางไร้ขอบเขต แล้วยังเปิดออกแปดร้อยปีครั้ง มีสวนสมุนไพรธรรมชาติเช่นนี้ก็ไม่น่าแปลก” บุรุษชุดดำดูนิ่งกว่ามาก เขาปรามความยินดีในหัวใจแล้วเอ่ยตอบ
“หญ้าวาตพิรุณอายุพันปี!”
“ดอกอสรพิษสีชาดอายุหนึ่งพันห้าร้อยกว่าปี!”
ทุกครั้งที่เซียนหงส์ดำก้าวมาถึงหน้าหญ้าจิตวิญญาณแถบหนึ่ง เพียงกวาดสายตาเล็กน้อยก็เอ่ยชื่อหญ้าจิตวิญญาณหายากไม่ธรรมดาเหล่านี้ออกมาได้ทันที
พลังจิตวิญญาณของสมุนไพรเหล่านี้ไม่มีต้นไหนไม่เกินหนึ่งพันปี ทำให้สตรีผู้นี้ดวงตาเปล่งประกาย
ขณะที่ทั้งสองคนเตรียมจะลงมือเก็บอย่างระมัดระวังนั่นเอง สีหน้าของเซียนหงส์ดำพลันเปลี่ยนไปในฉับพลัน สองตามองไปด้านนอกหุบเขา
“ท่านพี่ ข้ารู้สึกว่ามีคนมา จากกลิ่นอายน่าจะมีมากถึงหกเจ็ดคน”
“อืม เมื่อครู่ข้าก็สัมผัสได้แล้ว เพียงแต่ไม่ใช่คนพิเศษพวกนั้น คนอื่นก็เป็นแค่คนที่เอาโชคชะตามามอบให้พวกเราเท่านั้น” บุรุษชุดดำยิ้มเล็กน้อย เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจสักนิด
สิ้นเสียงพูด เสียงแหวกอากาศจากที่ไกลก็ดังขึ้น ลำแสงนานาสีสันหลายสายแหวกอากาศมาจากปากหุบเขา วูบไหวไม่กี่หนก็ร่อนลงเบื้องหน้าเซียนหงส์ดำกับพี่ชาย หลังแสงรัศมีดับหายไปก็เผยชายหนุ่มที่สวมชุดสีม่วงเจ็ดคนออกมา
ชายฉกรรจ์ร่างกายประหนึ่งหอคอยเหล็กผู้หนึ่งที่เป็นหัวหน้าก้าวออกมาข้างหน้าหลายก้าว หลังสายตากวาดบนสมุนไพรเหล่านั้นใกล้ๆ ก็เผยสีหน้าตื่นตะลึงระคนยินดีอย่างที่สุดออกมาทันที
“สวนสมุนไพรธรรมชาติแห่งหนึ่ง ฮ่าฮ่า ดูท่าครั้งนี้พวกเรานับว่ามีโชคไม่เลว”
ชายฉกรรจ์รูปร่างดั่งหอคอยเหล็กกลั้นไม่ไหวหัวเราะลั่น คนอื่นที่เหลือบนใบหน้าก็เต็มไปด้วยสีหน้าตื่นเต้นและละโมบเช่นกัน
มูลค่าของสวนสมุนไพรธรรมชาติที่เต็มไปด้วยสมบัติแห่งฟ้าดินแห่งหนึ่ง ขอเพียงไม่ใช่คนโง่ย่อมไม่มีใครไม่รู้
คนเหล่านี้หันไปถกชื่อของสมุนไพรใกล้ๆ ในทันใด พวกเขาแยกสมุนไพรไม่น้อยออกทันที ทันใดนั้นพวกเขาก็ยิ่งยินดีขึ้นอีก ทำเหมือนมองไม่เห็นเซียนหงส์ดำกับพี่ชายที่ยืนอยู่ในหุบเขา
พี่ชายของเซียนหงส์ดำเห็นเช่นนี้ก็ไม่รีบร้อน เพียงคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มมองเจ็ดคนตรงหน้า เซียนหงส์ดำด้านข้างสีหน้าฉับพลันบึ้งตึง แต่เห็นพี่ใหญ่ของตนไม่เอ่ยวาจาจึงฝืนกดโทสะไว้ชั่วคราว
หลังเวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป ชายฉกรรจ์รูปร่างดั่งหอคอยเหล็กที่เป็นหัวหน้าถึงเคลื่อนสายตามองมาหาเซียนหงส์ดำกับพี่ชาย
“อ้อ! นี่ไม่ใช่พี่เซวี่ยเยวี่ยหรือ ท่านนี้คิดว่าคงเป็นเซียนหงส์ดำน้องสาวของท่านสินะ เสียมารยาทแล้วจริงๆ แต่สมุนไพรจิตวิญญาณที่นี่ พวกเราขอรับไว้อย่างไม่เกรงใจ พวกท่านทั้งสองหากไม่มีธุระอื่นใดก็เชิญตามสบายเถิด พวกเราไม่ส่ง!” ชายฉกรรจ์รูปร่างดั่งหอคอยเหล็กคล้ายรู้จักมู่หรงเซวี่ยเยวี่ยพี่ชายของเซียนหงส์ดำ เขาหัวเราะแกนๆ สองสามทีคล้ายไม่เห็นตระกูลมู่หรงหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่นี้อยู่ในสายตาสักนิด
“ท่านพี่ ท่านจะลงมือหรือให้ข้าลงมือ?” เซียนหงส์ดำได้ยิน ชั่วพริบตาสีหน้าก็เย็นชาอย่างที่สุด นางเอ่ยถามบุรุษชุดดำด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“แม้ข้าไม่รู้จักความเป็นมาของคนเหล่านี้ แต่ในเมื่อกล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้ต่อหน้าข้า คิดว่าน่าจะมีเบื้องหลังอยู่บ้าง เจ้าไปพักด้านข้างก่อนสักครู่ ข้าจะได้ลองทดสอบสมบัติชิ้นนั้นที่พกมาจากในตระกูลสักหน่อย”
มู่หรงเซวี่ยเยวี่ยกลับส่ายศีรษะยิ้มลึกลับพร้อมกันนั้นก็ยกมือขึ้น แสงสีดำสายหนึ่งพุ่งรวดเร็วออกมาจากในแขนเสื้อ บินร่อนเป็นวงรอบตัวเขา
“ได้เลยเจ้าหนู สุราคารวะไม่ดื่มจะดื่มสุราลงทัณฑ์! ถ้าเช่นนั้นก็อย่าโทษพวกเราไม่ไว้หน้าตระกูลมู่หรง!” ชายฉกรรจ์ผู้มีรูปร่างดั่งหอคอยเหล็กเห็นเช่นนี้ แววตาฉับพลันทะมึนขึ้นหลายส่วน มือข้างหนึ่งสะบัดไปด้านหน้า ชายหนุ่มชุดม่วงไม่กี่คนหลังร่างพากันทะยานออกมา ในมือเรียกอาวุธจิตวิญญาณออกมานานแล้วเป็นสามง่ามบินที่หน้าตาเหมือนกันเล่มแล้วเล่มเล่า บนตัวสามง่ามวงแหวนแสงสีม่วงสายแล้วสายเล่าส่องสว่าง
ตำแหน่งที่พวกเขายืนอยู่ แสงสีม่วงตอบสนองกัน การเคลื่อนไหวที่เดิมทีดูเหมือนตามใจเมื่อครู่ กลับเรียงตัวเป็นค่ายกลอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เห็นชัดว่าเป็นวิชาโจมตีประสานที่คนกลุ่มนี้ชำนาญ
ชายฉกรรจ์ผู้มีรูปร่างดั่งหอคอยเหล็กเวลานี้พลิกมือเรียกสามง่ามบินสีม่วงเล่มหนึ่งออกมาเช่นกัน ปากก็เริ่มท่องมนตร์
คนอื่นที่เหลือรีบหมุนร่าง พากันเดินโดยมีชายฉกรรจ์ผู้รูปร่างดั่งหอคอยเหล็กเป็นศูนย์กลาง
มู่หรงเซวี่ยเยี่ยหัวเราะหยันขณะที่มือใช้เคล็ดวิชา หลังแสงสีดำหมุนติ้วหยุดนิ่งกลางอากาศก็กลายเป็นพัดขนนกที่ส่องแสงสีดำขมุกขมัวเล่มหนึ่ง
บนพัดขนนกลวดลายจิตวิญญาณสภาพเหมือนเส้นด้ายทองคำเส้นแล้วเส้นเล่าเห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ก็มีมากถึงสามสิบหกเส้น อีกทั้งยังวาดเป็นภาพสัญลักษณ์รูปนกยูงสีทองที่งามประณีตอย่างยิ่งตัวหนึ่ง
“พัดนกยูงดำ ตระกูลถึงกับมอบสิ่งนี้ให้พี่ใช้เชียว” ในดวงตาของเซียนหงส์ดำฉายแววประหลาดใจจางๆ หลุดปากเอ่ยถามออกมา
บุรุษชุดดำกลับไม่คิดจะตอบ มือข้างหนึ่งกวักเรียก หลังพัดขนนกสีดำหมุนรอบหนึ่งก็บินพุ่งกลับมาในมือเขา เขารับไว้พลางใช้สองมือลูบไล้แผ่วเบา
หลังแสงสีดำสว่างวูบหนึ่ง พัดขนนกพริบตาก็กลายเป็นขนาดห้าหกฉื่อ ภาพสัญลักษณ์รูปนกยูงสีทองด้านบนยิ่งขยับวูบไหวเองประหนึ่งมีชีวิต