ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 800 วิชาเนตร
สตรีชุดเขียวตะลึงเล็กน้อยจากนั้นก็ยิ้มเย็นชา ดวงเนตรทั้งคู่ที่เดิมทีมีสีแดงฉานฉับพลันเปลี่ยนสี เป็นแสงสีเขียวสว่างเจิดจ้า
หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วประหนึ่งเห็นแมงป่องพิษ เขารีบรั้งหมัดกลับ ร่างกายพร่าเลือนวูบหนึ่งพุ่งถอยหลังกลับไป
ทว่าแสงสีเขียวในดวงตาหญิงสาวเพียงเจิดจ้าขึ้นหนึ่งเท่ากว่า จ้องหลิ่วหมิงที่อยู่ไกลออกไปเขม็ง
ในเวลาเดียวกันหลิ่วหมิงก็รู้สึกว่าเบื้องหน้าดับมืด ทุกสิ่งรอบด้านกลายเป็นเลือนราง
เสียงไหลเร็วรี่ดังขึ้น สายธารสีดำมโหฬารสายหนึ่งฉับพลันปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าสูง กลิ่นอายห้วงอเวจีถาโถมเข้ามาหาหลิ่วหมิง
“ธารายมโลก!”
หลิ่วหมิงมองสายน้ำสีดำที่ไหลถาโถมอยู่ในแม่น้ำ สองตาพร่ามัวเล็กน้อยชั่วขณะ หลุดเสียงออกมาประโยคหนึ่งโดยไม่ทันคิด
ทว่านาทีต่อมาเขาได้สติแล้วส่ายศีรษะ จากนั้นกัดลิ้นทีหนึ่งในทันใด ตอนนี้ถึงมองเห็นภาพตรงหน้าชัด
กลางปราณสีเขียวที่ล้อมวนอยู่มีธารน้ำสีดำอันใดที่ไหน นั่นเป็นประกายแสงสีดำมากมายถี่ยิบก้อนหนึ่งพุ่งเร็วจี๋บินตรงมาที่หัวใจของเขาต่างหาก
ความเร็วของประกายแสงสีดำทำให้หลิ่วหมิงคิดจะหลบหรือใช้วิชาลับอื่นใดต่อต้านก็ไม่ทันกาล
แม้เขาไม่รู้ว่าประกายแสงสีดำนี่คือสิ่งใด แต่เขาตระหนักดีว่าไม่อาจให้มันแตะถูกร่างกายได้เด็ดขาด เขาคิดก็ไม่คิดอ้าปากพ่นลมพายุรุนแรงสายหนึ่งออกมาทำให้ประกายแสงสีดำที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือชะงักไปชั่วขณะ
เสียงฟู่ดังขึ้นทีหนึ่ง
หลิ่วหมิงอาศัยจังหวะหน่วงช้าชั่วครู่นี้ ร่างกายเปล่งแสงสีเงินสว่างจ้า เกราะหนังสีเงินชิ้นหนึ่งฉับพลันปรากฏออกมา
เสียงชือๆ พักหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับที่ประกายแสงสีดำพุ่งโจมตีลงบนเกราะชิ้นนี้ ทันใดนั้นหมอกสีดำสายหนึ่งก็ลอยขึ้นมา กลิ่นเปรี้ยวสายหนึ่งกระจายออกมา
เสียงแหวกอากาศดังขึ้นไม่ไกล มีประกายแสงสีดำอีกก้อนหนึ่งโจมตีมาประหนึ่งสายฟ้าแลบอีกหน
ครั้งนี้ร่างกายของหลิ่วหมิงพร่าเลือนวูบหนึ่งกลายเป็นเงาเลือนสีน้ำเงินสามร่างแยกย้ายพุ่งถอยหลังไปทันที
เสียงฟู่ๆ ดังขึ้น!
เงาเลือนร่างสีน้ำเงินสองร่างถูกประกายแสงสีดำโจมตีทีเดียวสลายไป!
ร่างต้นของหลิ่วหมิงอาศัยจังหวะนี้สะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง กระบี่น้อยสีทองเล่มหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกมา หลังพร่าเลือนวูบหนึ่ง เงากระบี่สีทองมากมายถี่ยิบก็ซัดออกมา ชั่วพริบตากลายเป็นม่านกระบี่ปกป้องทั้งร่างไว้
ประกายแสงด้านหลังโจมตีลงบนม่านกระบี่ เสียงแผ่วเบาระลอกแล้วระลอกเล่าดังขึ้นต่อเนื่อง แต่ทันใดก็กลายเป็นปราณดำสายแล้วสายเล่าหายไปท่ามกลางแสงกระบี่เย็นเยียบ ไม่อาจทำอันใดม่านกระบี่ได้สักนิด
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้พลันกู่ร้องยาว มือข้างหนึ่งทำท่าเคล็ดวิชา จิตกระบี่มโหฬารที่ยากจะบรรยายสายหนึ่งฉับพลันพุ่งจากบนร่างขึ้นสู่ท้องฟ้า พร้อมกันนั้นม่านกระบี่พลันส่องสว่างเจิดจ้ากลายเป็นแสงเย็นเยียบผืนใหญ่ซัดบ้าคลั่งสี่ด้านแปดทิศ
เสียงสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น!
แสงสีทองหมื่นจั้งพุ่งขึ้นฟ้า ระเบิดพลังงานบางอย่างที่ล้อมอยู่ชั้นแล้วชั้นเล่ากระจายออกไป
หลังปราณกระบี่ดับหายไป เงาร่างที่ถือกระบี่ของหลิ่วหมิงก็ปรากฏขึ้นที่เดิมอีกหน เขามองสตรีฝั่งตรงข้ามด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ในมือสตรีคนนี้เห็นชัดว่ามีพู่กันสีดำสนิทประหนึ่งหยกด้ามหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ด้ามพู่กันมีลวดลายจิตวิญญาณสีทองบางละเอียดประหนึ่งเส้นผมอยู่เลือนราง ตรงปลายพู่กันมีแสงสีดำวิบวับไม่หยุด ประกายแสงสีดำก้อนแล้วก้อนเล่านั่นพุ่งเร็วรี่ออกมาจากตรงนี้เอง!
พลังประกายเนตรสีเขียวของหญิงสาวหลอกลวงจิตใจได้ ส่วนประกายแสงสีดำพลังไร้ขอบเขต สองอย่างประสานกันเรียกได้ว่าไร้ช่องโหว่!
หลิ่วหมิงก้มศีรษะมองรอยบาดสีเขียวแถบใหญ่ที่หวุดหวิดจะทะลวงทะลุเสื้อเกราะตรงหน้าอก ในใจหวาดกลัวตามหลังพักหนึ่ง
หากไม่ใช่พลังจิตของเขาเหนือกว่าผู้ฝึกฝนระดับเดียวกันอยู่ไกล ผนวกกับเขากระตุ้นวิชาขี่กระบี่ทำลายภาพลวงตาของวิชาเนตรทันเวลา เกรงว่าคงประสบเคราะห์จากมืออีกฝ่ายจริงๆ
สตรีชุดเขียวไม่เพียงครอบครองเนตรจิตวิญญาณประหลาดบางอย่าง อาวุธจิตวิญญาณในมือก็เป็นระดับต้นแบบอาวุธเวท พลังโดยรวมอยู่ในสิบอันดับแรกของงานประตูสวรรค์ครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน ดูท่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นศิษย์ตัวเก็งในงานประตูสวรรค์ครั้งนี้ของสำนักเฮ่าหราน
เวลานี้สตรีชุดเขียว มือข้างหนึ่งถือพู่กัน หน้าอกพองยุบเล็กน้อย เห็นชัดว่าเมื่อครู่ใช้อาวุธจิตวิญญาณรวมถึงวิชาลับเนตรจิตวิญญาณต่อเนื่องคงกินพลังจิตและพลังเวทของนางไปมาก
นางเห็นหลิ่วหมิงทำลายวิชาเนตรจิตวิญญาณของตนได้รวดเร็วเช่นนี้ บนหน้าก็อดไม่ได้เต็มไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ
หลิ่วหมิงคิดเร็วดั่งสายฟ้าแล้วตัดสินใจ เขาเก็บกระบี่บินสีทองในมือไป สองมือทำท่าเคล็ดวิชาปากเอ่ยท่องมนตร์ ไอหมอกสีดำพลุ่งพล่านปรากฏออกมาจากบนร่างไม่หยุด
นาทีต่อมามังกรหมอกสีดำห้าตัวกับพยัคฆ์ร้ายสีดำห้าตัวก็พาปราณดำพลุ่งพล่านออกจากแผ่นหลังเขาพุ่งขึ้นฟ้า พวกมันแยกเขี้ยวกางกรงเล็บ คำรามใส่สตรีชุดเขียวอย่างพร้อมเพรียง
ทว่าโดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น กลางปราณดำพลุ่งพล่านนี้ยังมีแสงสีเขียวจางๆ จุดหนึ่งแทรกอยู่ด้วย
ในดวงตาสตรีชุดเขียวฉายประกายเย็นเยียบจางๆ มือหนึ่งทำเคล็ดวิชา ส่วนพู่กันหยกสีดำในมืออีกข้างหนึ่งสะบัดกลางอากาศอย่างไม่รีบไม่ช้า ขณะที่วาดพู่กันป้ายหมึกจนทำให้คนตาลายพักหนึ่งนั้น ประกายแสงสีดำหลายก้อนก็ทยอยรวมตัวกันปรากฏออกมาตรงที่ปลายพู่กันของนางลากผ่าน จากนั้นประจันเข้าใส่มังกรหมอกพยัคฆ์หมอกที่พุ่งเข้ามา
เสียงปังๆ ดังขึ้นต่อเนื่อง!
มังกรหมอกสีดำหลายตัวกับพยัคฆ์ร้ายสีดำหลายตัวที่นำอยู่ข้างหน้าแตะถูกประกายแสงสีดำปุบก็เกิดเสียงดังซู่ๆ ถูกกัดกร่อนพังทลายอย่างรวดเร็ว กลายเป็นปราณดำเข้มสายแล้วสายเล่าวนรอบร่างกายสตรีนางนี้
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ เคล็ดวิชาในมือพลันเปลี่ยนไปทันใด ปากเอ่ยคำว่า “ระเบิด” ออกมาเบาๆ
หลังเสียงเปรี้ยงหลายครั้ง มังกรหมอกพยัคฆ์หมอกหลายตัวก็ระเบิดไปพร้อมกับปราณดำสายแล้วสายเล่าเหล่านั้นกลายเป็นแสงสีดำผืนใหญ่มืดฟ้ามัวดิน พริบตาเดียวกลืนสตรีนางนี้เข้าไปข้างใน
สตรีชุดเขียวรู้สึกว่าเบื้องหน้าดำมืด ร่างกายตกอยู่ในมิติสีดำประหลาดแห่งหนึ่ง รอบด้านดำขมุกขมัวไปหมด ยื่นมือออกไปยังแทบไม่เห็นนิ้วทั้งห้า
นี่คือพลังคุกมืดของเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ!
สตรีชุดเขียวเห็นสถานการณ์เช่นนี้ แม้สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่แท้จริงไม่ได้ตระหนกเกินไปนัก นางถือพู่กันหยกในมือปกป้องไว้หน้าร่างแล้วกระตุ้นพลังจิตกวาดไปสี่ด้านแปดทิศอย่างรวดเร็ว
ผลปรากฏว่าหลังพลังจิตของนางจมหายไปรอบด้านก็ประหนึ่งเข้าไปในหลุมไร้ก้น ไม่มีการเคลื่อนไหวให้หาพบสักนิด
นางอดไม่ได้ในใจเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย
เวลานี้เองแสงสีเขียวก้อนหนึ่งฉับพลันปรากฏขึ้นด้านข้าง เด็กน้อยชุดเขียวตัวขาวจ้ำม่ำคนหนึ่งตบมือน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มขยับเข้ามาใกล้ เด็กน้อยนี่เป็นร่างแปลงของหัวบินนั่นเอง
แม้สตรีชุดเขียวไม่รู้ว่าเด็กน้อยตรงหน้ามีที่มาอย่างไร แต่ในเมื่อปรากฏตัวที่นี่ย่อมเป็นศัตรูหาใช่มิตร นางคิดก็ไม่ต้องคิดข้อมือสะบัดทีหนึ่ง ประกายแสงเจิดจ้าก้อนหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกไปทันที
เด็กน้อยชุดเขียวหัวเราะร่า ร่างกายเหาะถอยเร็วไว แล้วยังไม่ลืมหันกลับมาพ่นเปลวไฟสีเทาซึ่งส่งกลิ่นเหม็นคำโตออกมาใส่ประกายแสงสีดำที่จู่โจมเข้ามาอีกด้วย
ซือๆ เสียงดังสนั่น!
ประกายแสงสีดำกับเปลวเพลิงสีเทาแตะถูกกันเล็กน้อยต่างฝ่ายก็กัดกร่อนยื้อกันอยู่กลางอากาศ แสงสีเทาดำไหลเคลื่อน ท้ายที่สุดก็ยังเป็นประกายสีดำชนะอยู่เล็กน้อย หลังเปลวเพลิงสีเทาถูกกัดกร่อนจนหมดสิ้น มันก็พุ่งเร็วรี่เข้ามาหาเด็กน้อยชุดเขียวต่อ
เด็กน้อยชุดเขียวหัวเราะ ร่างกายไหววูบหนึ่งก็เร้นกายหายไปท่ามกลางปราณดำรอบด้าน ประกายแสงสีดำส่องสว่างวูบหนึ่งก็พุ่งทะลุแสงสีดำใกล้ๆ ทิ้งรูใหญ่เท่ากำปั้นรูหนึ่งไว้ แต่ทันใดนั้นหมอกสีดำรอบด้านก็เข้ามาถมคืน
หญิงสาวเห็นเปลวเพลิงสีเทาถึงกับต้านทานประกายแสงสีดำได้ เริ่มแรกในใจคาดไม่ถึง แต่จากนั้นเมื่อการโจมตีของตนโจมตีชั้นจำกัดที่ขังตนเองไว้ได้ผลในใจกลับยินดี นางกำลังจะเร่งขยับพู่กันหยกในมือทำลายคุกมืดทั้งหมดนี้ในเฮือกเดียว
ทว่าในเวลานี้เองแสงสีดำด้านข้างก็ไหวกระเพื่อม เด็กน้อยชุดเขียวโผล่ร่างออกมากะทันหันแล้วขว้างมุกกลมที่มีปราณเขียวขมุกขมัวออกมากลางอากาศเหนือศีรษะหญิงสาวชุดเขียว
มุกกลมปราณเขียวบินวนอยู่กลางอากาศส่องแสงรัศมีสีเขียวไม่หมดสิ้นออกมา หลังเสียงแผ่วเบาไม่กี่หนดังขึ้น พวกมันก็กลายเป็นเด็กน้อยชุดเขียวที่แต่งกายเหมือนกันแปดคน ทั้งแปดคนกับร่างต้นของเด็กน้อยร่างกายพร่าเลือนไปครู่หนึ่งก็พลันปรากฏตัวรอบด้านหญิงสาว ล้อมนางไว้แน่นหนาจนน้ำไม่อาจลอดผ่าน
หญิงสาวสีหน้าเคร่งขรึม พลิกมือเรียกโอสถสีเหลืองเม็ดหนึ่งมากลืนลงไป พร้อมกับนั้นสายตาก็กวาดผ่านเด็กน้อยชุดเขียวที่หน้าตาเหมือนกันทุกอย่างเก้าคนรอบกายอย่างเร็วไว
ทว่าแสงสีดำพร่าเลือนรอบด้านกะพริบวูบวาบ ชั่วขณะนั้นนางไม่อาจแยกออกว่าคนไหนเป็นร่างจริง
เด็กน้อยชุดเขียวเก้าคนส่งเสียงหัวเราะประหลาด เริ่มวิ่งวนหน้าร่างหญิงสาวอย่างเร็วไว แล้วยังอ้าปากพ่นเปลวเพลิงสีเทาแถบแล้วแถบเล่าออกจากปากโถมเข้าใส่หน้าของหญิงสาวเป็นระยะ
แววตาของหญิงสาววูบไหวพักหนึ่ง มือที่ถือพู่กันหยกสีดำพลันขยับไวว่อง ทันใดนั้นประกายแสงสีดำที่เล็กกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อยมากมายก็พุ่งเร็วรี่ออกมา ขวางการโจมตีของเปลวเพลิวสีเทาไว้ได้ทั้งหมด
ทว่าระหว่างที่ประมือกันครานี้ เด็กน้อยชุดเขียวเก้าคนกลับล้อมเป็นวงหดเข้ามาใกล้ขึ้นเกือบครึ่งอย่างเงียบเชียบ
“แกว๊ก! แกว๊ก! ลงมือ!” เด็กน้อยชุดเขียวที่อยู่ใกล้สตรีชุดเขียวมากที่สุดฉับพลันตวาดเสียงดังคำหนึ่ง
เด็กน้อยชุดเขียวเก้าคนใช้เคล็ดวิชาพร้อมกัน พวกเขาพ่นเปลวเพลิงสีเทาสายแล้วสายเล่าออกมาใส่สตรีชุดเขียวที่ถูกล้อมอยู่ตรงกลางอย่างพร้อมเพรียง…
พร้อมกับที่เด็กทั้งหลายพ่นอย่างบ้าคลั่ง เปลวเพลิงสีเทาลุกโหมก็ผนึกเชื่อมต่อกันเป็นกำแพงไฟสีเทาสูงใหญ่ผืนหนึ่งในพริบตา หลังจากนั้นโถมทับเข้าไปหาหญิงสาวตรงกลาง พลังน่าตะลึงยิ่งนัก!
สตรีชุดเขียวเปลี่ยนสีหน้าโดยพลัน นางถ่ายเทพลังเวททั้งร่างเข้าไปในพู่กันหยกสีดำสนิทในมือจากนั้นกวาดออกมาทันที บนกำแพงไฟสีเทาฉับพลันเกิดรอยประทับเห็นชัดเจนเส้นหนึ่งปรากฏขึ้น
เสียงฟู่ดังขึ้นทีหนึ่ง รอยประทับจางๆ ยังไม่ทันขยายกว้างก็ถูกเปลวเพลิงสีเทาที่เด็กน้อยชุดเขียวพ่นออกมาถมจนเต็ม
สตรีชุดเขียวเห็นภาพนี้ รูม่านตาพลันหดเล็กลง นางไม่กล้าออมมืออีกเสียงหวานตวาดออกจากปาก หลังพู่กันหยกในมือหมุนติ้วรอบหนึ่ง เส้นด้ายสีดำเส้นแล้วเส้นเล่าก็พรูออกมาจากความว่างเปล่าใกล้ๆ หลังถักทอส่องประกายพักหนึ่งก็กลายเป็นลูกบอลด้ายสีดำชั้นหนึ่งปกป้องนางไว้ด้านในอย่างแน่นหนา
เสียงเปรี้ยงดังขึ้นหนึ่งหน
กำแพงไฟสีเทาชนลูกบอลด้ายจากสี่ด้านแปดทิศ แสงสีดำด้านในกะพริบวูบวาบ แรงสะท้อนมหาศาลดีดออกมาในทันใด
กำแพงไฟสั่นไหววูบหนึ่งแล้วดีดสะท้อนกลับไปเร็วยิ่งกว่าพลังตอนที่โถมเข้ามาก่อนหน้านี้
แม้เด็กน้อยทั้งเก้าจะไม่กลัวเปลวเพลิงที่ตนปล่อยออกมาแม้แต่นิด ทว่าภาพที่เหนือความคาดคิดเช่นนี้ก็ทำให้พวกเขาใช้เคล็ดวิชามือไม้เป็นพัลวัน
หญิงสาวอาศัยโอกาสนี้ ดวงเนตรทั้งสองฉายแสงสีแดงฉาน เปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงอีกครั้ง เปลวเพลิงพลุ่งพล่านฉายออกมาเลือนราง
เปรี้ยงๆ เสียงดังสนั่นหลายหนดังขึ้นต่อกัน
บนร่างเด็กน้อยทั้งเก้าคนเกิดแสงเปลวเพลิงขึ้นพร้อมกัน ถูกกลบอยู่กลางเปลวเพลิงร้อนแรงที่ลุกโหมจนมิด
พู่กันหยกในมือสตรีชุดเขียวสะบัดอีกหน ประกายแสงสีดำมากมายถี่ยิบปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทั้งยังพุ่งเร็วรี่ออกไปสี่ด้านแปดทิศพร้อมกัน