ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 802 เงาผี
“โฮก โฮก”
เสียงผีร้องโหยหวนแหลมสูงดังเป็นระยะออกมาจากคุกมืดสีเงินไม่ขาด ฟังแล้วชวนให้คนรู้สึกขนลุก
หลังเสียงผีโหยหวนหายไปก็ได้ยินเสียงปึงดังสนั่นหลายหนอีกพักหนึ่ง
พร้อมกับเสียงดังสนั่นนี้ คุกมืดสีเงินยวงก็เริ่มสั่นไหวไม่หยุด แสงสว่างสีดำเหลืองทะลวงออกมามากขึ้นทุกที
หลัวเทียนเฉิงเห็นเช่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี มือทั้งสองข้างรีบร้อนใช้เคล็ดวิชาใส่คุกมืดสีเงินหมายเสริมความแกร่งให้คุกมืด
“เปรี้ยง” เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินเสียงหนึ่งดังลอยมา!
เงาผีร้ายมหึมาตัวหนึ่งฉับพลันพุ่งแหวกกำแพงคุกมืดออกมาปรากฏตัวกลางท้องฟ้า
หลัวเทียนเฉิงถูกแรงสะท้อนจากที่คุกมืดถูกทำลาย ไม่เพียงกระอักเลือดคำหนึ่งดังพรูด สีหน้าฉับพลันก็ซีดขาวขึ้นไม่น้อย
หลิ่วหมิงใจสะท้าน เวลานี้บนลานหินเขียวคนผู้นั้นก็เรียกผีไม่ทราบนามตัวหนึ่งออกมาเช่นกัน เพียงแต่ยามนี้มองจากไกลๆ ถึงเห็นหน้าตาของมันกระจ่างชัดอย่างแท้จริง
บนศีรษะกลมใหญ่โตของเงาผีร้ายตัวนี้ไม่มีขนหรือเส้นผมใดๆ สัดส่วนไม่สมมาตรกับร่างกายอย่างที่สุด สองตาแดงก่ำขนาดเท่าโคมไฟจ้อมเขม็งที่หลัวเทียนเฉิง หลังร่างกายกำยำของมันยังมีหางสั้นหนายาวครึ่งจั้งเส้นหนึ่งติดอยู่ด้วย
ระหว่างที่ผีร้ายตัวนี้แหงนหน้ากู่ร้องเสียงประหลาดหลายครั้ง ปากกว้างสีแดงของมันก็อ้าหุบหลายหนสูดไอหมอกสีเงินที่อบอวลรอบด้านเข้าไปในปากจนหมด ภาพนี้ทำให้หลัวเทียนเฉิงกับหลิ่วหมิงที่อยู่ไกลออกไปล้วนพรั่นพรึง
เมื่อผีตัวนี้ดูดปราณหยินที่กระจายออกมาจากคุกมืดไป ร่างกายกับพละกำลังก็แข็งแกร่งขึ้นตามไม่น้อย ร่างกายฉับพลันยิ่งชัดเจนขึ้น
เงาผียิ้มเหี้ยมส่งเงากรงเล็บสีดำสนิทข้างหนึ่งเข้าใส่หลัวเทียนเฉิงในทันใด
หลังคุกมืดสีเงินถูกทำลาย หลัวเทียนเฉิงรู้สึกว่าเลือดลมปั่นป่วนไปวูบหนึ่ง ยามนี้เห็นเงาหมัดยักษ์สีดำสนิทข้างนี้จู่โจมมาจึงหน้าถอดสีอย่างห้ามไม่ได้ ได้แต่เรียกเกราะแสงสีเงินบางผืนหนึ่งตั้งขึ้นหน้าร่างอย่างฉุกละหุก
เสียงดัง “ปึง”
รอยกรงเล็บดำสนิทห้าสายโจมตีเกราะแสงสีเงินแตกสลายในทันใด จากนั้นโจมตีเข้าใส่กระดูกหน้าอกของเขาทันที
เสียง “แครก” ดังกังวาน!
ร่างกายของหลัวเทียนเฉิงประหนึ่งถุงกระสอบขาดๆ ลอยไปไกลและร่วงหล่นอย่างแรงตรงหน้าอกเห็นชัดว่ามีรอยกรงเล็บสีดำสนิทรอยหนึ่งเพิ่มขึ้นมา กระดูกหน้าอกไม่รู้ว่าแตกไปกี่ชิ้นแล้ว
หลัวเทียนเฉิงกัดฟันดิ้นรนลุกขึ้นมา เขาลูบหน้าอกเบาๆ พลางครางเสียงแผ่ว ปากก็กระอักน้ำลายปนเลือดออกมาคำหนึ่ง จากนั้นจึงเห็นมุมปากของเขาขมุบขมิบไปมา แสงสีเงินส่องสว่างหุ้มหน้าอกของเขาไว้
หลังแสงสว่างกระจายตัวไป บาดแผลบนร่างของเขาก็ฟื้นหายดีหมดสิ้น ทั้งร่างหายดีอีกครั้ง มีเพียงสีหน้าที่ซีดเผือดกว่าเดิมอยู่บ้าง
“เหอะ ต่อให้ร่างคงกระพันแล้วอย่างไร ดูสิว่าเจ้าจะฟื้นได้สักกี่หน!” บุรุษผมม่วงยิ้มเย็นชาจากนั้นยกมือข้างหนึ่งชี้กลางอากาศ เงาผีร้ายพลันคำราม สองเท้าลอยขึ้นพุ่งเข้าไปหาหลัวเทียนเฉิง
แม้มันดูเงอะงะแต่กลับเร็วอย่างน่าประหลาด จุดที่พุ่งผ่านทิ้งเงาเลือนรางสายแล้วสายเล่าไว้พร้อมกับชักพาอากาศให้สั่นสะเทือนบิดเบี้ยว
ยามนี้หลิ่วหมิงมองผ่านม่านแสงจากระยะไกลเช่นนี้ก็ยังสัมผัสได้เลือนรางว่าปราณของเงาผีร้ายมหึมาตัวนี้ไม่เป็นรองปีศาจอสูรระดับแก่นแท้ขั้นกลาง สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ครั้งก่อนยามบุรุษผมม่วงประมือกับเขา เงาผีร้ายที่ปล่อยออกมาไม่มีพลังระดับนี้ ดูท่าก่อนหน้านี้ยามประมือกับเขาอีกฝ่ายจะยังออมมืออยู่!
หลัวเทียนเฉิงพลิกมือเรียกยันต์สีทองกำหนึ่งออกมาขว้างไปกลางอากาศทันทีพร้อมกับที่ปากเริ่มท่องมนตร์
ยันต์สีทองสิบกว่าแผ่นบินวนอยู่กลางอากาศจากนั้นกลายเป็นไอหมอกจางๆ สีเหลืองทองก้อนหนึ่งแล้วผนึกรวมกันกลายเป็นเกราะหมอกปราณจิตวิญญาณสีทองบางๆ ชั้นหนึ่งเบื้องหน้าเขาอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันเขาก็พลิกมืออีกหนเรียกโอสถขวดหนึ่งออกมา ไม่พูดพร่ำแหงนหน้ากระดกอึกๆ เข้าไปในปากจนหมด
เขาเพิ่งทำทุกสิ่งนี้เสร็จ เจ้าผีก็ปรากฏตัวเบื้องหน้าเขาดั่งภูตพราย เงากรงเล็บแหลมคมตะปบเข้าใส่เกราะหมอกสีทอง
เสียง “ฉั้วะ” แสบแก้วหูดังขึ้น!
กรงเล็บแหลมคมทั้งคู่ของเงาผีประหนึ่งดาบคมกริบวาดผ่านเกราะหมอก กรีดผ่าเกราะหมอกปราณจิตวิญญาณสีทองอ่อนชั้นแล้วชั้นเล่าจนเผยร่างของหลัวเทียนเฉิงที่ถูกไอหมอกสีเงินยวงหุ้มอยู่ด้านใน
เสียง “ปึง” ดังสนั่น หลัวเทียนเฉิงหลบไม่ทัน ถูกโจมตีปลิวออกไปอีกครั้ง ทิ้งหมอกเลือดไว้กลางอากาศเป็นสาย เห็นชัดว่าพ่นออกมาจากปากของเขา
หลัวเทียนเฉิงกลางอากาศสีหน้าเปลี่ยนในฉับพลัน ตอนที่หางตาเหลือบเห็นผีตัวนั้นพุ่งเข้ามาใส่ตนต่อก็รีบพลิกมือเรียกวัตถุจิตวิญญาณสีเขียวม่วงก้อนหนึ่งออกมาขว้างไปหลังร่างทันที
แสงรัศมีสีเขียวม่วงฉายวูบหนึ่ง วัตถุจิตวิญญาณสีเขียวม่วงชิ้นนี้ก็พลันกางออก ขวางอยู่หน้าร่างหลัวเทียนเฉิงในทันใด
เสียง “ปึง” ดังขึ้นทีหนึ่ง!
เงาผีร้ายต่อยหนึ่งหมัดลงบนวัตถุจิตวิญญาณที่กางออกชิ้นนี้ชักพาให้อากาศรอบด้านสั่นสะท้านไปชั่ววูบ
ส่วนหลัวเทียนเฉิงอาศัยจังหวะนี้โฉบหนีออกจากขอบเขตการโจมตีของเงาผีร้ายอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งก็กวักเรียกวัตถุจิตวิญญาณสีเขียวม่วงที่ต่อกรกับเงาผีร้ายอยู่กลับมา
วัตถุชิ้นนี้เป็นอาวุธจิตวิญญาณรูปร่มที่ส่องแสงรัศมีสีเขียวม่วงทั้งคัน
ร่มเล็กสีเขียวม่วงคันนี้ยาวเพียงครึ่งฉื่อนิดๆ ด้ามร่มหลอมจากวัตถุดิบพิเศษที่ไม่ใช่ทองไม่ใช่หยกชนิดหนึ่ง ผ้าร่มก็ทำมาจากหนังของอสูรดุร้ายโบราณชนิดหนึ่ง บนผ้าร่มสลักภาพสัญลักษณ์อสูรโบราณดุร้ายตัวหนึ่งไว้
หลิ่วหมิงหรี่สองตาลง ลวดลายจิตวิญญาณละเอียดยิบดวงแล้วดวงเล่าบนร่มคันนี้ดูไปแล้วมีมากถึงสามสิบหกชั้นเห็นชัดว่าเป็นต้นแบบอาวุธเวทชิ้นหนึ่งเช่นกัน
พร้อมกับที่เคล็ดวิชาของหลัวเทียนเฉิงเปลี่ยนไป ปราณจิตวิญญาณสีเขียวม่วงสายหนึ่งก็เริ่มพุ่งพล่านไม่หยุด ปราณจิตวิญญาณถาโถม แสงรัศมีสีม่วงเขียวส่องสว่างระลอกแล้วระลอกเล่าในทันใด ร่มเล็กสีม่วงเขียวบินวนเป็นวงช้าๆ เงาอสูรร้ายบนร่มเล็กสีม่วงเขียวก็บินวนอยู่พักหนึ่งแล้วค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
ครู่ต่อมาเสียง “โฮก” ก็ดังขึ้นทีหนึ่ง เงาอสูรร้ายค่อยๆ กลายเป็นร่างจริงหลุดออกมาจากร่ม กลายเป็นวานรดุร้ายสีดำขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง
ร่างกายของวานรดุร้ายสีดำตัวใหญ่พอๆ กับผีร้าย ดวงตาแดงก่ำเช่นเดียวกัน ร่างกายผนึกรวมกันแน่นกว่าผีอยู่บ้าง ทว่ากลิ่นอายดุร้ายโหดเหี้ยมบนร่างอ่อนกว่าเงาผีร้ายไม่น้อย
ทันใดนั้นวานรยักษ์สีดำก็ยกกำปั้นสีดำสนิททุบหน้าอกแหงนหน้ากู่ร้องยาวแล้วพุ่งเข้าใส่เงาผีร้ายด้านหน้า
บุรุษผมม่วงเห็นร่างวานรดุร้ายสีดำปรากฎตัวขึ้นกะทันหันก็แค่นเสียงหยัน มือข้างหนึ่งเรียกเงาผีร้ายยักษ์ให้บินเร็วรี่โจมตีเข้าใส่วานรยักษ์สีดำทันที
เสียง “ปึง” ดังขึ้นสองหน อากาศไหวเป็นระลอก ร่างกายของวานรยักษ์โซเซวูบหนึ่งแต่ยังฝืนต้านการโจมตีของเงาผีไว้ได้
บุรุษผมม่วงแววตาทอประกายดุร้ายวูบหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็ตบหน้าอก รอยประทับสีดำประหลาดดำสนิทดั่งหมึกดวงหนึ่งพุ่งออกมาจากปาก จมลงไปในร่างของเงาผีร้ายทันที
พร้อมกับที่ตราประทับประหลาดเข้ามาในร่าง พลังของเงาผีร้ายก็เพิ่มมากขึ้น บรรลุถึงระดับแก่นแท้ขั้นปลายอยู่เลือนราง มันแหงนหน้าขึ้นฟ้ากรีดร้องคำราม สองหมัดขยับเหวี่ยง เงาหมัดดำสนิทใหญ่ยักษ์ประหนึ่งภูเขาลูกย่อมๆ ข้างหนึ่งร่วงลงจากกลางอากาศทุบเข้าใส่วานรยักษ์สีดำในทันใด
วานรยักษ์สีดำคำรามอย่างดุร้าย สองหมัดไขว้กันเป็นกากบาท ยกแขนมหึมาต้านรับหมัดหนักหน่วงประหนึ่งภูเขาข้างนั้น
เสียง “ปึง” ดังขึ้นทีหนึ่ง วานรยักษ์สีดำถูกหนึ่งหมัดโจมตีปลิวในทันใด ส่วนเงาผีร้ายร้องโหยหวนลอยเข้ามาข้างหน้า ออกตัวทีหลังแต่กลับไล่ตามมาทันวานรยักษ์กลางท้องฟ้าก่อน กรงเล็บทอประกายวูบหนึ่งก็ฉีกอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆ ในทันที
สีหน้าของหลัวเทียนเฉิงฉับพลันย่ำแย่ ภาพสัญลักษณ์วานรดุร้ายบนร่มเล็กสีม่วงเขียวเหนือศีรษะหม่นแสงลง
เห็นชัดว่าร่มคันนี้สูญเสียพลังจิตวิญญาณไปแล้ว ในเวลาสั้นๆ ไม่อาจใช้ได้อีก
หลังฉีกวานรยักษ์สีดำกระจุย เงาผีร้ายพลันกู่ร้องบ้าคลั่ง แล่นมาหาหลัวเทียนเฉิงอีกหน
หลัวเทียนเฉิงรีบร้อนเก็บร่มเล็กสีม่วงเขียวแล้วทะยานร่างพุ่งถอยหลัง ผลปรากฏว่าเงาผีร้ายนั่นเร็วจนน่าตะลึง ขยับไหววูบเดียวก็จวนเจียนเข้ามาเกือบถึงตรงหน้า กำปั้นสีดำสนิทที่มีหนามงอกอยู่พุ่งตรงมา
หลัวเทียนเฉิงเห็นว่าไม่อาจหลบได้แล้วจึงตวาดเสียงเข้ม สองหมัดเหวี่ยงออกมาในทันใด เงามังกรยักษ์สีเงินกลุ่มหนึ่งทะยานออกมารับการโจมตีของเงาหมัดสีดำยักษ์ที่ร่วงลงมา
เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้น!
พลังที่บรรจุอยู่ในเงาหมัดมหึมาสีดำลึกล้ำหยั่งไม่ถึงอย่างแท้จริง แทบจะโจมตีมังกรพยัคฆ์สีเงินทลายประหนึ่งโค่นไม่เฉาถอนไม้ผุ จากนั้นหมัดก็ร่วงลงมาโดยที่พลังไม่ลดทอนลงสักนิดโจมตีบนปราณแกร่งคุ้มร่างของหลัวเทียนเฉิงทันที
หลัวเทียนเฉิงรู้สึกลำคอร้อนวูบหนึ่ง อ้าปากกระอักเลือดก้อนหนึ่งออกมา คนทั้งร่างปลิวออกไปประหนึ่งถุงกระสอบอีกครั้ง
ไม่ทันรอเขากระตุ้นร่างจิตวิญญาณตูเทียนด้วยความกรุ่นโกรธหรือตั้งหลักมั่นคงได้ ข้างกายก็มีคลื่นไหวสะเทือน บุรุษผมม่วงปรากฏตัวขึ้นประหนึ่งภูตผี
ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยประกายเย็นเยียบ สองแขนขยับวูบหนึ่ง มือก็งอนิ้วกลายเป็นกรงเล็บ ปราณน่าขนลุกสายแล้วสายเล่าแผ่ออกมา ตะปบเข้าใส่หน้าอกของหลัวเทียนเฉิงประหนึ่งสายฟ้าแลบ
หากหลัวเทียนเฉิงถูกกรงเล็บนี้ควักหัวใจออกมาขยี้แหลกจริง เกรงว่าต่อให้มีร่างจิตวิญญาณตูเทียนก็มีแต่ตายสถานเดียว
ถึงแม้เล่าลือกันว่าร่างจิตวิญญาณตูเทียนสามารถอยู่ยงคงกระพัน แต่มันจะมีความสามารถนั้นอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อเจ้าของมันฝึกฝนไปถึงขอบขั้นสูงสุด หลัวเทียนเฉิงในยามนี้แม้พลังการฟื้นฟูกับความทนทานเหนือกว่าจินตนาการเมื่อเทียบกับระดับเดียวกัน แต่หากถูกบั่นศีรษะขยี้หัวใจก็มีจุดจบคือความตายเช่นเดียวกัน
หลัวเทียนเฉิงหน้าถอดสี เมื่อเห็นว่าร่างกายตนไม่อาจหลบพ้นกรงเล็บนี้ได้อย่างสิ้นเชิง ก็ได้แต่ขยับแขนอย่างฉุกละหุกในสถานการณ์วิกฤติ ตบโซ่น้อยสีเงินบนข้อมืออีกข้างจนแหลก
เสียง “ฟึบ” แผ่วเบาดังขึ้น!
กรงเล็บสีดำสนิทข้างหนึ่งตะปบเงาเลือนรางสีน้ำเงินสายหนึ่งแหลกอย่างไม่ต้องใช้แรง ร่างกายของหลัวเทียนเฉิงหลบพ้นกรงเล็บผีไปได้อย่างหวุดหวิด เขาถูกแสงสีเขียวอมฟ้าล้อมรอบ หายไปจากบนแท่นทองแดงสีเขียวทันที
หลิ่วหมิงมองดูฉากระทึกขวัญนี้แล้วถอนหายใจแผ่วเบาในใจ
เมื่อครู่หากไม่ใช่หลัวเทียนเฉิงอาศัยจังหวะที่ยังมีลมหายใจเฮือกหนึ่ง ขยี้โซ่โชคชะตาบนร่างขาดทันเวลา เกรงว่าคงจะถูกบุรุษผมม่วงบดขยี้สังหารอยู่ตรงนั้นจริงๆ แล้ว
“เหอะ ยังนับว่ารู้จักสถานการณ์!”
บุรุษผมม่วงมองเงาร่างที่หายไปของหลัวเทียนเฉิงแล้วแค่นเสียงหยัน เคล็ดวิชาที่สองมือเปลี่ยนไป เงาผีร้ายกู่ร้องหมุนตัวกลับ โฉบแวบหนึ่งก็จมลงไปบนแผ่นหลังของเขา
ลวดลายจิตวิญญาณสีเหลืองดำบนใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ ถอยกลับไป ฟื้นกลับมามีหน้าตาดังเดิมด้วย
แม้คนผู้นี้จมูกสิงห์ปากกว้าง เส้นผมสีม่วงสยายยุ่งเหยิงค่อนข้างไม่น่าดู แต่เทียบกับสภาพเมื่อครู่นี้ก็ดีขึ้นมาก
เวลานี้เองแท่นทองแดงสีเขียวใต้เท้าเขาก็ส่งเสียง “ครืน” ดังสนั่นทั้งสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
แท่นทองแดงสีเขียวที่หลิ่วหมิงกับบุรุษรถเงินอยู่ก็สั่นสะเทือนขึ้นมาเช่นเดียวกัน
ครู่ต่อมาท้องฟ้าเหนือแท่นทองแดงไม่รู้สูงเท่าไรฉับพลันก็มีแสงเรืองรองสีน้ำเงินสามสายพุ่งตรงลงมาอย่างรวดเร็วทั้งสามไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกแสงเรืองรองหอบขึ้นไป พุ่งเร็วรี่ไปยังสถานที่ห่างไกล