ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 811 จู๋เสินกับเผ่าหนอนผีเสื้อ
ตอนที่ 811 จู๋เสินกับเผ่าหนอนผีเสื้อ
เห็นภาพประหลาดเช่นนี้ ชายหนุ่มรถเงินก็หน้าถอดสี ไม่พูดพร่ำมือหนึ่งทำท่าเคล็ดวิชา กระบี่บินจักรกลหนึ่งร้อยแปดเล่มที่ยังไม่ทันบินกลับมานั่นก็ส่องแสงสว่างทันที เงากระบี่มากมายพุ่งเร็วรี่เข้าใส่เลือดเนื้อที่ขยับยุกยิกเหล่านั้นบนพื้น
หลิ่วหมิงรูม่านตาหดเล็ก กระบี่ว่างเปล่าในมือขว้างออกมา รุ้งทองสายหนึ่งม้วนตลบออกมา เป้าหมายคือหัวขาดแหว่งของตะขาบท่ามกลางเนื้อแหลกเละ
เปรี้ยง
หัวตะขาบถูกรุ้งทองที่ออกมาทีหลังแต่ถึงก่อนพุ่งทะลุทำลายกระจุยในพริบตา
ทว่าก่อนที่เงากระบี่ด้านหลังจะมาถึง เลือดเนื้อหลายร้อยก้อนบนพื้นกลับเปล่งแสงสีเทาสว่างจ้า ทั้งยังส่งเสียง “ชือๆ” ออกมาแล้วทยอยพุ่งขึ้นฟ้ากลายเป็นหนอนประหลาดสีเทายาวหนึ่งฉื่อกว่าตัวแล้วตัวเล่า มากถึงสองร้อยสามร้อยตัว
หนอนประหลาดเหล่านี้รูปร่างหน้าตาเหมือนตะขาบยักษ์อย่างยิ่ง ทั้งร่างส่องแสงสีเทาขมุกขมัว บนหัวก็ประทับหน้ามนุษย์ไว้เช่นเดียวกัน เหมือนเป็นสัตว์ประหลาดตะขาบหลังย่อส่วน
แสงรัศมีสว่างขึ้น เงากระบี่มากมายซัดหนอนประหลาดเหล่านั้นเข้ามาข้างในประหนึ่งพายุคลั่ง เสียงเปรี๊ยะๆ ดังลั่นออกมาต่อเนื่องทันที
อีกด้านหนึ่งสิบนิ้วของหลิ่วหมิงก็ดีดรัวออกมาเช่นกัน เคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมาแล้วหายไปกลางอากาศ พร้อมกันนั้นรุ้งน่าตะลึงสีทองไกลออกไปก็วนรอบกลายเป็นกระบี่บินยาวสองฉื่อกว่าใหม่อีกครั้ง ชั่วพริบตาจากหนึ่งกลายเป็นสอง จากสองกลายเป็นสี่…กลายเป็นเงากระบี่สีทองเหมือนกันทุกประการแปดเล่มในทันใด
“ไป”
เงากระบี่แปดเล่มสั่นไหวน้อยๆ อยู่กลางอากาศแล้วกลายเป็นแสงกระบี่โถมเข้าฟันหนอนประหลาดที่หลุดรอดตาข่ายมาเหล่านั้น
จุดที่แสงสีทองผ่านไป หนอนประหลาดที่หลุดรอดจากตาข่ายเหล่านั้นทยอยระเบิดกลายเป็นฝนโลหิต หมอกโลหิตผืนใหญ่แผ่กระจายไปทั่ว
แต่เมื่อเงากระบี่สีทองทั้งหมดสลายหายไปอีกครั้ง หลิ่วหมิงกับชายหนุ่มรถเงินที่เพ่งมองอีกหนก็ล้วนสูดลมหายใจดังเฮือก
แม้เห็นว่าหนอนประหลาดยาวหนึ่งฉื่อกว่านับร้อยตัวแต่เดิมหายไปหมดแล้ว แต่สิ่งซึ่งมาแทนที่คือหนอนประหลาดยาวหนึ่งนิ้วมือหน้าตาเหมือนเดิมเกือบพันตัว รูปร่างภายนอกเหมือนกับหนอนประหลาดก่อนหน้านี้ทุกประการ เพียงแต่ขนาดหดเล็กลงมาอีกหลายเท่า
การโจมตีรุนแรงครั้งหนึ่งของทั้งสองคนถึงกับทำให้หนอนประหลาดก่อนหน้านี้แยกตัวออกอีกหนจนมากยิ่งกว่าเดิม
ขณะที่พวกหลิ่วหมิงตกตะลึงอย่างมาก หนอนประหลาดนับพันตัวนี้ก็อ้าปากพร้อมกันแล้วพ่นน้ำกรดก้อนแล้วก้อนเล่ามากมายถี่ยิบออกมาใส่กระบี่บินจักรกลและหุ่นอัศวินใกล้ๆ
แม้ชายหนุ่มรถเงินจะตกตะลึงรีบร้อนใช้เคล็ดวิชาควบคุมกระบี่บินกับหุ่นให้หลบอย่างว่องไว แต่ก็ยังมีเสียง “ฟู่ๆ” ดังขึ้นต่อเนื่อง!
กระบี่บินจักรกลหนึ่งร้อยแปดเล่มกว่าครึ่งหนึ่งล้วนถูกน้ำกรดสีเขียวโจมตี พริบตาเดียวแสงจิตวิญญาณก็หม่นแสง พลังลดลงอย่างมาก
หุ่นอัศวินสีฟ้าเหล่านั้นยิ่งอนาถ พวกมันถูกหนอนประหลาดมากมายรุมล้อม แม้กวัดแกว่งดาบคมในมือไม่หยุด ดิ้นรนปล่อยแสงดาบสายแล้วสายเล่าขัดขวาง แต่ร่างกายรวมถึงหุ่นหมาป่ายักษ์ใต้ร่างก็ถูกน้ำกรดโจมตีเป็นจำนวนมาก ชั่วพริบตาทั้งหมดกลายเป็นรูนับร้อยนับพัน ทยอยล้มลงพื้นดังเปรี้ยงไม่หยุด
ส่วนเงากระบี่แปดสายที่เกิดมาจากระบี่ว่างเปล่ากลับหมุนติ้วท่ามกลางน้ำกรดมากมายจนกลายเป็นวงล้อแสงสีทองขนาดหนึ่งจั้งกว่าแปดวง ฟันน้ำกรดส่วนใหญ่ที่เข้าใกล้กระจายออกไปในพริบตา
ต่อจากนั้นวงล้อสีทองแปดวงก็พุ่งเร็วรี่ถอยหลังกลับมา ระหว่างทางก็รวมตัวกันเป็นร่างเดียวในชั่วพริบตา กลายเป็นกระบี่บินสีทองอร่ามเล่มหนึ่งบินมาถึงตรงหน้าหลิ่วหมิง
หลังสายตาของหลิ่วหมิงกวาดผ่านรอยขนาดเท่ารูเข็มหลายแห่งบนกระบี่ว่างเปล่า ในใจก็กังวล
พลังของน้ำกรดที่หนอนประหลาดขนาดจิ๋วเหล่านี้พ่นออกมาเหมือนจะเหนือกว่าที่ตะขาบยักษ์พ่นออกมาก่อนหน้านี้เสียอีก
ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะได้ปวดใจกับอาวุธจิตวิญญาณและหุ่นของตนเอง หนอนประหลาดเต็มฟ้าก็พลันทิ้งหุ่นกับกระบี่บินจักรกลเหล่านั้นแล้วบินรุมเข้ามาหาทั้งสองคน
“สหายหลิ่ว ยังมีวิชาอันใดเก็บไว้ก็รีบใช้ออกมา มิเช่นนั้นผ่านไปอีกพักหนึ่งเกรงว่าโอกาสสู้แลกชีวิตก็คงไม่มีแล้ว” ชายหนุ่มรถเงินเห็นเช่นนี้ก็ตะโกนเสียงดัง เคล็ดวิชาในมือเปลี่ยนไปในทันใด
เสียง “บึ๊ม” ดังสนั่นพลันดังออกมาจากในฝูงหนอน กระบี่บินจักรกลหนึ่งร้อยแปดเล่มพุ่งเข้าไปตรงใจกลางอีกครั้งแล้วกลายเป็นลูกบอลแสงสีน้ำเงินลูกแล้วลูกเล่าระเบิดออก
ฝูงหนอนกว่าครึ่งทยอยฉีกกระจุยท่ามกลางคลื่นอากาศที่พัดหอบบ้าคลั่งระลอกแล้วระลอก ทว่าหายไปวูบเดียวพวกมันก็ก่อตัวขึ้นใหม่ท่ามกลางหมอกโลหิต ยังคงส่งเสียงดังอื้ออึงโถมเข้ามาใส่ทั้งสองคน
บนหน้าหลิ่วหมิงยังคงตะลึง แต่ในใจกลับเข้าใจแล้ว
ครั้งนี้หนอนประหลาดที่ถูกกำจัดเหล่านั้นไม่ได้แยกตัวเป็นจำนวนที่มากขึ้นกว่าเดิมต่อ เห็นชัดว่าจำนวนนับพันตรงหน้าเป็นขีดจำกัดที่สัตว์ประหลาดตะขาบจะแยกร่างได้แล้ว
หากเป็นเช่นนี้ขอเพียงบดขยี้สังหารไม่หยุดก็ไม่ใช่จะเอาชนะไม่ได้
อย่างไรต่อให้เป็นกายาคงกระพันที่แท้จริง หากถูกคนสังหารนับพันรอบก็มีจุดจบคือสิ้นใจจริงๆ เช่นกัน
ในดวงตาชายหนุ่มรถเงินฉายแววยินดีจางๆ ด้วย เห็นชัดว่าเขามีความคิดเดียวกัน หัวไหล่สองข้างสะบัดทีหนึ่ง กระบี่บินจักรกลสีน้ำเงินเรืองรองกลุ่มหนึ่งก็พุ่งออกไปบนฟ้า หลังบินวนรอบหนึ่งก็พุ่งเข้าฟาดฟันสังหารกลางฝูงหนอนประหนึ่งพายุฝนอีกครั้ง
รถเงินอาชาทองคันนั้นเบื้องหน้าร่างเขาก็ส่องแสงสว่างจ้าเช่นกัน วงแหวนแสงสีเงินแถบหนึ่งซัดโถมออกมาดังหวีดหวิว
หลังหลิ่วหมิงสูดหายใจลึกก็ตบข้างเอวทันที ไอหมอกสีเขียวสายหนึ่งกับสีดำสายหนึ่งม้วนตัวออกมากลายเป็นเด็กน้อยชุดเขียวกับสตรีชุดตาข่ายสีดำนางหนึ่ง
“ไป พยายามสังหารหนอนประหลาดเหล่านี้ในคราวเดียวให้มากที่สุด ระวังของที่พวกมันพ่นออกมา!” หลิ่วหมิงสั่งอย่างเร็วไว
“รับทราบ นายท่าน!” เด็กน้อยชุดเขียวกับสตรีชุดผ้าตาข่ายดำพยักหน้าอย่างจริงจัง ต่างคนพุ่งเข้าใส่ฝูงหนอนฝั่งตรงข้ามจนเกิดเป็นสายลมประหลาด
เมื่อเข้าใกล้ฝูงหนอน ในมือเซียเอ๋อร์ก็ใช้เคล็ดวิชาต่อเนื่อง ลมหมุนสีเหลืองประหนึ่งฝุ่นทรายหอบพัดขึ้นมา มันหมุนวนด้วยความเร็วสูงหอบหนอนประหลาดใกล้ๆ เข้าไปในวูบเดียว
เสียง “ซ่าๆ” ดังออกมาจากลางลมหมุน มีดทรายยาวหนึ่งชุ่นกว่าเล่มแล้วเล่มเล่าก่อตัวออกมา ฉีกหนอนประหลาดด้านในกระจุยในพริบตา
ส่วนเฟยเอ๋อร์แปลงกลายเป็นเด็กน้อยชุดเขียวเก้าคนอย่างเงียบๆ แต่ละคนอ้าปากพ่นเปลวเพลิงสีเทาออกมา หลังหนอนประหลาดติดไฟชั่วพริบตาก็กลายเป็นเถ้าธุลี
ทว่ายังคงมีหนอนประหลาดส่วนหนึ่งแยกออกพุ่งผ่านข้างกายทั้งสองตัวแล่นตรงรี่มาหาหลิ่วหมิงด้านหลังอย่างไม่สนใจสิ่งอื่นใด
หลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อ ยันต์ที่ส่องแสงสีทองขมุกขมัวแผ่นหนึ่งบินออกมาจากในแขนเสื้อ หลังหมุนติ้วรอบหนึ่งก็พร่าเลือนหายไปกลายเป็นชายหนุ่มเกราะทองคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนหลิ่วหมิงทุกประการ
ร่างแปลงอาภรณ์ทองปรากฏตัวขึ้นปุบ ไม่ต้องให้หลิ่วหมิงพูดมากก็คำรามเบาๆ คำหนึ่ง สองแขนพร่าเลือนวูบหนึ่ง หมัดยักษ์สีทองหมัดแล้วหมัดเล่าก็พุ่งออกมาดังหวีดหวิวอัดหนอนประหลาดที่เข้ามาใกล้ตรงหน้าแหลกกระจุยทั้งหมด
ชั่วพริบตาหนอนประหลาดเหล่านี้ก็ก่อตัวใหม่อีกหนท่ามกลางหมอกโลหิต
หลิ่วหมิงแค่นเสียงหยัน เขาตบหัวไหล่ทีหนึ่ง ในเสื้อพลันเปล่งแสงสีน้ำเงินสว่างจ้า หลังเสียงคำรามแผ่วเบาสายหนึ่ง เงาโคสีน้ำเงินราวกับมีชีวิตร่างหนึ่งก็ลอยออกมาจากลวดลายจิตวิญญาณสีน้ำเงินนับไม่ถ้วน
วิชาลับภาพสัญลักษณ์ที่เขาฝึกฝนอยู่นั่นเอง
เงาโคสีน้ำเงินปรากฏตัวขึ้นปุบก็อ้าปากพ่นแสงสีเหลืองสายหนึ่งออกมากวาดหนอนประหลาดสิบกว่าตัวที่โถมมาถึงตรงหน้าเข้าไปทันที จากนั้นกระชากลงท้องหายไปไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมาหนอนประหลาดเหล่านี้ก็พ่นน้ำสีเขียวก้อนแล้วก้อนเล่าอยู่ในเงาโคสีน้ำเงินอย่างบ้าคลั่ง แต่สิ่งที่ทำให้หลิ่วหมิงคาดไม่ถึงอย่างยิ่งคือลวดลายสีน้ำเงินอ่อนในร่างเงากะพริบวูบเดียว การโจมตีเหล่านี้ก็กลายเป็นควันสีน้ำเงินถูกกำจัดหายไป
หลิ่วหมิงตะลึงไปชั่ววูบ ยังคิดไม่ทันว่าทำไมเงาภาพสัญลักษณ์ไม่กลัวพลังกัดกร่อนอันน่าตะลึงของน้ำกรดเหล่านี้ กลางฝูงหนอนประหลาดฝั่งตรงข้ามก็มีเสียงโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุดของตะขาบยักษ์ดังออกมา
“ร่างแปลงจู๋เสิน? เป็นไปไม่ได้ คนรุ่นหลังระดับผลึกจากโลกมนุษย์ตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะครอบครองวิชาลับเช่นนี้ได้อย่างไร ใช่ จะต้องมีที่ใดผิดพลาดไปแน่ นี่ไม่มีทางเป็นร่างแปลงของจู๋เสิน นี่คงเป็นของที่คล้ายกันอีกอย่างหนึ่ง คิดว่าใช้ของพรรค์นี้จะทำให้นักรบผู้กล้าแห่งเผ่าหนอนผีเสื้อเช่นข้าหวาดกลัวจนถอยหนีได้หรือ!”
สิ้นเสียง หนอนประหลาดตัวอื่นที่เดิมทีโรมรันอยู่กับกระบี่บินจักรกล เซียเอ๋อร์และหัวบินก็เลี้ยวเปลี่ยนทาง รุมโถมบ้าคลั่งเข้าใส่หลิ่วหมิงในทันใด
หนอนประหลาดสิบกว่าตัวนั้นที่เดิมถูกเงาโคสีน้ำเงินกลืนลงไปในท้องฉับพลันมีไอสีเทาลอยออกมานอกร่าง ร่างกายขยายพรวดพราดจนกระทั่งระเบิดอยู่ด้านในเงาโคสีน้ำเงิน
แรกสุดที่หลิ่วหมิงได้ฟังคำพูดประหลาดของตะขาบก็ตกตะลึง เมื่อเห็นภาพนี้ก็ตกตะลึงอีกรอบ แต่ไม่มีเวลาให้คิดมากมาย มือข้างหนึ่งยกขึ้นจี้ดัชนีใส่เงาโคสีน้ำเงินต่อเนื่องตามเคล็ดวิชาที่บันทึกไว้ของวิชาลับภาพสัญลักษณ์ไร้นามที่ได้มา
ฟู่
เงาโคสีน้ำเงินแหงนหน้าร้องคำรามทีหนึ่ง ลวดลายจิตวิญญาณทั่วร่างก็ไหลเคลื่อน ในร่างฉับพลันมีแสงสีน้ำเงินขมุกขมัวฉายออกมา
หนอนประหลาดที่ขยายจนใหญ่ยักษ์เหล่านั้นแตะถูกแสงสีน้ำเงินเหลานี้ปุบก็ส่งเสียงดังฟู่ๆ ละลายกลายเป็นเลือดซึมลงไปในแสงสีน้ำเงินในพริบตา ไม่ก่อตัวใหม่อีกต่อไป
ภาพสัญลักษณ์นี่หยุดการเกิดใหม่ของหนอนประหลาดเหล่านี้ได้จริงหรือ? แต่ทำไมสัตว์ประหลาดตัวนั้นเรียกภาพสัญลักษณ์นี้ว่าร่างแปลงจู๋เสิน…
หลิ่วหมิงเห็นภาพนี้ ในใจยินดียิ่งกว่าที่หวัง พร้อมกันนั้นข้อสงสัยมากมายก็ทะลักออกมาในใจ
เวลานี้หนอนประหลาดไกลออกไปก็พุ่งเร็วรี่มาถึงไม่ไกลแล้ว พวกมันอ้าปาก น้ำกรดสีเขียวแถบใหญ่พุ่งเร็วรี่มาถึงก่อน
หลิ่วหมิงหน้าถอดสีมือข้างหนึ่งยกขึ้น โล่น้อยสีเหลืองแผ่นหนึ่งหายวับไปขวางอยู่หน้าร่างเขากับร่างแปลงอาภรณ์ทอง ทั้งยังโต้ลมขยายจนใหญ่ยักษ์หลายจั้ง หลังผิวหน้าส่องแสงสว่างวูบหนึ่ง เงาภูเขาขนาดย่อมสีเหลืองลูกหนึ่งก็ลอยออกมา
ครู่ต่อมาบนโล่ดินสีเหลืองก็สั่นไหว เสียงฝนกระทบรั้วไม้ไผ่ดังออกมา
น้ำกรดสีเขียวมากมายโจมตีลงบนเงาภูเขาน้อย แสงรัศมีที่ถูกมันโจมตีสั่นไหวเหมือนจะคงสภาพปัจจุบันไว้ไม่อยู่ในทันที
“สหาย ช่วยข้าขวางไว้ก่อนสักครู่ ข้าหาวิธีปราบหนอนประหลาดเหล่านี้พบแล้ว” หลังหลิ่วหมิงครุ่นคิดในใจอย่างเร็วไวรอบหนึ่งก็ส่งกระแสจิตบอกชายหนุ่มรถเงินที่อยู่ไม่ไกลหนึ่งประโยค
ชายหนุ่มรถเงินเดิมทีกำลังกระตุ้นกระบี่บินจักรกลไล่ตามฟาดฟันฝูงหนอนอย่างบ้าคลั่งอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดของหลิ่วหมิง สายตาก็เปล่งประกายวูบหนึ่ง เขาพลันกัดฟัน สองมือตั้งท่ามือประหลาดท่าหนึ่งกลางอก ยันต์สีทองแผ่นหนึ่งลอยออกมาเบื้องหน้าประทับลงบนร่างอาชาทองรถเงินด้านหน้าร่างในทันใด
“รถเลี่ยหยาง ระเบิด!”
พร้อมกับเสียงท่องมนตร์ที่ดังขึ้น คลื่นความร้อนสายหนึ่งก็จู่โจมออกมา รถเงินอาชาทองเปล่งแสงสีทองสว่างจ้า อาชาทองคำแปดตัวที่ลากรถสีเงินสี่เท้าประหนึ่งบินพุ่งเข้าใส่กองทัพหนอนประหลาดที่อยู่ใกล้ตรงหน้าแล้วระเบิดตัวเองในทันใด กลายเป็นเข็มสีทองแสบตานับไม่ถ้วนพุ่งเร็วรี่ออกมาสี่ด้านแปดทิศ
เข็มทองหนาเท่านิ้วมือเหล่านี้ แต่ละเล่มล้วนยาวหลายชุ่น ปราณร้อนระอุบนเข็มชักพาให้อากาศบิดเบี้ยว เมื่อสัมผัสถูกหนอนประหลาดปุบก็หลอมละลายเปลือกของมัน พุ่งทะลวงทะลุร่างมันไปในทันที
หลังแสงสีทองแถบหนึ่งผ่านไป ทันใดนั้นหนอนประหลาดค่อนครึ่งก็หายไปไร้ร่องรอย ทำให้กลางอากาศเหลือเพียงหนอนประหลาดหน้าตาเหมือนตะขาบร้อยกว่าตัวกับหมอกโลหิตกลุ่มใหญ่เท่านั้น
เวลานี้เองชายหนุ่มรถเงินก็อ้าปากพ่นเลือดคำหนึ่งออกมา เขาเรียกขวดใบน้อยสีน้ำเงินขวดหนึ่งออกมาอย่างว่องไวแล้วกลืนโอสถสองเม็ดลงไป ต่อจากนั้นจึงฉีกยันต์สีขาวน้ำนมจนแหลกแล้วแปะลงบนร่าง
เสียง “ฟู่” ดังขึ้นหนึ่งหน ม่านแสงสีขาวจางๆ ชั้นหนึ่งล้อมตัวเขาไว้ตรงกลาง