ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 823 เดินทางกลับ
ตอนที่ 823 เดินทางกลับ
ในตำหนัก สิ่งที่เข้าสู่สายตาก็คือสีขาวโพลนแวววาวทั้งแถบ
โถงตำหนักทั้งโถงเป็นทรงกลม เสากลมมหึมาเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งจั้งกว่าสิบกว่าต้นวนล้อมห้องโถงทั้งหมด ด้านบนมีรูปสลักปีศาจอสูรไม่ทราบนามรูปร่างต่างๆ นานาตัวแล้วตัวเล่า ดูราวกับมีชีวิต หมอกควันสีขาวหนาทึบสายแล้วสายเล่าพ่นออกมาจากปากทำให้ส่วนพื้นทั้งหมดมีหมอกควันวนเวียนประหนึ่งแดนเซียน
บนที่นั่งประธานกลางห้องโถง ผู้เฒ่าเทียนเหออาภรณ์ขาวผมขาวกำลังนั่งสง่าหลับสองตาแน่นอยู่ ด้านข้างยังมีข้ารับใช้ชุดขาวท่าทางอายุสิบหกสิบเจ็ดปีสองคนยืนอยู่แต่ละฝั่ง
หลิ่วหมิงกวาดสายตาทีหนึ่ง ไม่อาจสัมผัสคลื่นพลังจิตวิญญาณบนร่างเขาได้แม้แต่น้อย!
หากไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เขาเห็นอีกฝ่ายใช้พลังอันยิ่งใหญ่ของตัวเองคนเดียวประหัตประหารปีศาจต่างโลกสามตัวอย่างสบายๆ ด้วยตาตนเอง ก็อาจจะคิดว่าผู้อาวุโสตรงหน้าเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งจริงๆ
“สามคนนี้ก็คือสามอันดับแรกของการฝึกฝนครั้งนี้หรือ?” ผู้เฒ่าเทียนเหอลืมตาสองข้างขึ้นช้าๆ กวาดมองพวกหลิ่วหมิงสามคนทีหนึ่งแล้วเอ่ยเรียบๆ
“ตอบผู้อาวุโส สามคนนี้ขอรับ” เสวียนอู่ที่อยู่ด้านข้างพวกหลิ่วหมิงสามคนได้ฟังก็ประสานมือเอ่ยอย่างนอบน้อมทันที
พวกหลิ่วหมิงสามคนย่อมก้มต่ำคำนับผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ผู้นี้ด้วยสีหน้านอบน้อมด้วย
กระทั่งหลี่ว์เหมิงผู้แลดูยโสโอหังคนนั้น อยู่ต่อหน้าผู้เฒ่าเทียนเหอยังทำตัวดีอย่างที่สุด
“พวกเจ้าไม่ต้องมากพิธี ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็คือแขกของวังสวรรค์ คิดว่าพวกเจ้าน่าจะทราบแล้ว สามอันดับแรกของการฝึกฝนประตูสวรรค์ทุกครั้งล้วนเอ่ยขอรางวัลอันสมเหตุสมผลประการหนึ่งจากวังสวรรค์ได้ พูดมาเถอะ พวกเจ้ามีความต้องการอันใดบ้าง” ผู้เฒ่าเทียนเหอยิ้มนิดๆ พลางเอ่ยถามพวกหลิ่วหมิง
“ผู้อาวุโสเทียนเหอ ข้าปรารถนาวิชาลับที่ขาดการสืบทอดไปแล้ววิชาหนึ่งชื่อวิชาหลอมใจ ไม่ทราบความต้องการนี้นับว่าเหมาะสมหรือไม่?” หลี่ว์เหมิงเหมือนจะตัดสินใจมานานแล้ว หลังคำนับอย่างนอบน้อมอีกครั้งก็เอ่ยปากขึ้นก่อน
“วิชาหลอมใจหรือ? ไม่เลว! นี่เป็นวิชาลับที่ขาดการสืบทอดไปแล้ววิชาหนึ่งจริงๆ มีประโยชน์อย่างยิ่งกับการต่อต้านมารในใจและการเลื่อนชั้น ความต้องการนี่สมเหตุผลยิ่ง เจ้าไปหอตำรานำวิชาหลอมใจมา” ผู้เฒ่าเทียนเหอได้ยินก็พยักหน้า พร้อมกันนั้นก็หันไปสั่งข้ารับใช้ของวังสวรรค์คนหนึ่งด้านข้าง
ข้ารับใช้แห่งวังสวรรค์ผู้นี้ค้อมกายเล็กน้อยในทันใด จากนั้นจึงเดินไปยังด้านหลังโถงตำหนัก
ไม่นานนักคนผู้นี้ก็ประคองคัมภีร์ที่ส่องแสงสีฟ้าขมุกขมัวเล่มหนึ่งซึ่งบนปกสลักยันต์สีทองตัวหนึ่งกลับมาในโถงตำหนัก จากนั้นมอบคัมภีร์ไว้ในมือบุรุษผมม่วง
ผลปรากฏว่าเมื่อหลี่ว์เหมิงแตะถูกคัมภีร์ ยันต์สีทองบนปกคัมภีร์ฉับพลันก็ส่องสว่างกลายเป็นแสงสีทองพุ่งเข้าไปกลางหว่างคิ้วของบุรุษผมม่วง
หลี่ว์เหมิงแรกสุดตะลึงเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็เข้าใจ
“วิชาลับนี้เป็นรางวัลของเจ้าเพียงผู้เดียว จงจำไว้อย่าได้ถ่ายทอดต่อ หลังอ่านจบคัมภีร์เล่มนี้จะเผาทำลายตัวเอง หลังจากนั้นไม่อาจบอกสิ่งที่เกี่ยวกับเคล็ดวิชานี้แก่ผู้ใด มิเช่นนั้นจะถูกผลสะท้อนจากชั้นจำกัดบนคัมภีร์ กายและจิตล้วนถูกทำลาย” ผู้เฒ่าเทียนเหอเอ่ยอย่างแลดูสบายๆ
“ผู้เยาว์เข้าใจ”
บุรุษผมม่วงยังคงทำหน้านอบน้อมเก็บคัมภีร์เข้าไปในกำไลเก็บของ จากนั้นประสานมือถอยหลังไปสองสามก้าว
“คนต่อไป”
“ผู้อาวุโสเทียนเหอ ผู้เยาว์ต้องการโอสถซวีหยวนระดับสูงหนึ่งเม็ด” อิ๋นเซ่อเยื้องย่างเคลื่อนมาข้างหน้าหลายก้าว จากนั้นกะพริบตาเอ่ยอย่างไม่รีบไม่ช้า
“โอสถซวีหยวนระดับสูงหรือ? โอสถนี้แม้หายากอย่างที่สุด วิธีการปรุงก็ขาดการสืบทอดบนแผ่นดินจงเทียนมานานแล้ว แต่ข้ากลับบังเอิญมีโอสถจิตวิญญาณนี้อยู่ ระดับก็สอดคล้องกับความต้องการของเจ้าพอดี ทว่าโอสถนี้มีประโยชน์กับคนที่มีคุณสมบัติร่างพิเศษน้อยนิดไม่กี่คนเท่านั้น หรือว่าเจ้า…ดี! ศิษย์ของหอเป๋ยโต่วแต่ละคนพรสวรรค์ไม่ธรรมดาจริงๆ!”
ผู้เฒ่าเทียนเหอได้ฟังก็หัวเราะเบาๆ ขึ้น รับปากเรื่องนี้ทันทีจากนั้นล้วงขวดน้อยสีเขียวหยกใบหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ โยนไปให้สตรีผมเงิน
สตรีผมเงินกวักมือข้างหนึ่งกลางอากาศ ขวดใบน้อยก็ถูกแสงเรืองรองสีเงินสายหนึ่งม้วนรัดปล่อยลงกลางฝ่ามือ
นางเปิดจุดขวด สองตาหรี่มองไปด้านใน บนใบหน้างามเย็นชาเผยรอยยิ้มน้อยๆ
“ขอบคุณผู้อาวุโสเทียนเหอที่ประทานโอสถ!”
สตรีผมเงินเก็บขวดน้อยสีหยกไป หลังคำนับผู้เฒ่าเทียนเหออย่างงดงามก็ถอยหลังไปสองสามก้าวกลับไปข้างกายหลี่ว์เหมิง
“กลับไปเตือนตาเฒ่าเป๋ยโต่ว อย่าลืมสัญญาที่รับปากข้าไว้” ผู้เฒ่าเทียนเหอโบกมือ จากนั้นสายตาก็จับอยู่บนร่างหลิ่วหมิง
“ผู้อาวุโส ผู้เยาว์อยากเรียนถามสักหน่อยว่าวังสวรรค์มีวิชาหลอมฝักกระบี่ธาตุว่างเปล่าหรือไม่?” หลังหลิ่วหมิงลังเลเล็กน้อยก็เอ่ยปากบอก
เดิมเขาคิดจะถามผู้เฒ่าเทียนเหอตรงๆ ว่าวังสวรรค์มีวัตถุดิบจากปีศาจอสูรแห่งความว่างเปล่าหรือไม่ แต่ในเมื่อตนเอาทานตะวันหัวใจอัคคีมาได้แล้ว หลังกลับไปย่อมได้เบาะแสของปีศาจอสูรนี้จากผู้อาวุโสเถียนด้านนั้นอยู่ดี
ในเมื่อตอนนี้มีโอกาสอันหาได้ยากเช่นนี้ ไม่สู้สืบถามวิธีพิเศษในการหลอมฝักกระบี่ธาตุว่างเปล่าสักหน่อย แม้มีวัตถุดิบจากปีศาจอสูรแห่งความว่างเปล่าก็หลอมฝักกระบี่ธาตุว่างเปล่าออกมาได้ แต่ฝักกระบี่ดีเลวย่อมต่างกันราวฟ้ากับดิน หากมีวิธีหลอมพิเศษโดยเฉพาะย่อมทำให้ฝักกระบี่ธาตุสำแดงฤทธิ์ได้มากที่สุด ทำให้การเพิ่มศักยภาพและการบำรุงกระบี่บินยามออกจากฝักบรรลุถึงระดับที่น่าหวาดกลัวที่สุด
บุรุษผมม่วงกับสตรีผมเงินด้านข้างได้ยินคำนี้ล้วนเหล่มองหลิ่วหมิงอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง
“ฝักกระบี่ธาตุว่างเปล่า ข้าพอรู้จักอยู่ แต่วิธีพิเศษในการหลอม ข้าไม่ค่อยรู้ชัดจริงๆ เจ้ารอสักประเดี๋ยว” แววตาประหลาดแล่นผ่านในดวงตาผู้เฒ่าเทียนเหอ ริมฝีปากเขาขมุบขมิบส่งกระแสจิตกับข้ารับใช้ด้านข้างหลายประโยค
หลังข้ารับใช้ค้อมกายนิดหนึ่งก็เดินไปทางด้านหลังโถงตำหนักอีกครั้ง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ในใจก็ยินดียิ่ง
เดิมทีเขาเพียงหวังจะลองดู คิดว่าหากผู้เฒ่าเทียนเหอปฏิเสธก็จะเปลี่ยนเป็นความต้องการอย่างอื่นสักอย่างทันที แต่ดูจากคำพูดของผู้เฒ่าเทียนเหอตอนนี้ เหมือนกับจะมีวิธีหลอมแบบพิเศษเช่นนี้อยู่จริงๆ
รออยู่เป็นเวลาถึงครึ่งเค่อ ข้ารับใช้ของวังสวรรค์คนนั้นถึงเดินเชื่องช้าออกมาจากด้านหลังโถงตำหนัก ในมือถือถาดใบหนึ่ง ด้านในมีคัมภีร์หยกสีขาวขมุกขมัวเล่มหนึ่งอยู่
คัมภีร์หยกนี่แลดูธรรมดา แต่หลิ่วหมิงอยู่ไกลมากก็ยังสัมผัสความไม่ธรรมดาของสิ่งนี้จากแสงจิตวิญญาณจางๆ ที่แผ่ออกมาจากตัวมันได้
“เจ้าลองดู ของสิ่งนี้ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการหรือไม่”
ผู้เฒ่าเทียนเหอกวาดตามองคัมภีร์หยกสีขาวในถาดทีหนึ่งแต่ไม่ได้หยิบมันขึ้นมา เขาสะบัดแขนเสื้อแลดูสบายๆ ทีหนึ่ง แสงเรืองรองสีขาวสายหนึ่งก็ซัดออกมา หอบคัมภีร์หยกขึ้นจากในถาด บินพุ่งไปหาหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงกวักมือข้างหนึ่งรับคัมภีร์หยกไว้ในมือ ไม่พูดพร่ำก็แนบมันกับหน้าผาก ใช้จิตสัมผัสกวาดอ่านจดจำเนื้อหาในนั้นไว้ในใจ
ในนั้นบันทึกเกี่ยวกับวิธีหลอมฝักกระบี่ธาตุว่างเปล่าวิธีหนึ่งไว้จริงๆ เพียงแต่วิธีการนี้กับวิธีธรรมดาไม่เหมือนกันอยู่บ้าง ไม่เพียงกรรมวิธีค่อนข้างซับซ้อน วัตถุดิบที่ต้องการนอกจากปีศาจอสูรแห่งความว่างเปล่า วัตถุดิบอื่นก็ไม่น้อย ด้วยความเร่งรีบเขาจึงไม่มีเวลาไล่ดู เพียงยืนยันว่าคัมภีร์นี้เป็นของจริงหรือของปลอมเท่านั้น
ทว่าด้วยฐานะสูงส่งเช่นนี้ของวังสวรรค์ ย่อมไม่มีทางนำคัมภีร์หยกปลอมเล่มหนึ่งมาหลอกลวงสามอันดับแรกแน่นอน….
หลังหลิ่วหมิงคิดเช่นนี้ก็เก็บคัมภีร์หยกเข้าไปในแหวนย่อส่วนทันที จากนั้นคำนับขอบคุณผู้เฒ่าเทียนเหอ
“ไม่ต้องมากพิธี ในเมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว เสวียนอู่ เจ้าส่งพวกเขาสามคนออกไปเถอะ” หลังผู้เฒ่าเทียนเหอยิ้มเล็กน้อยก็เอ่ยสั่งดังนี้
“ทราบ”
เสวียนอู่ขานรับทันทีจากนั้นสะบัดแขนเสื้อ สายลมแรงหอบหนึ่งซัดมาอีกครั้งพาทั้งสามคนบินออกจากโถงตำหนัก เฮือกเดียวบินออกจากเกาะยักษ์กลับไปทางเดิม มาถึงตีนเขาหิมะขาวโพลน
หลังหลิ่วหมิงร่อนลงพื้น เมื่อเหลียวหลังมองไปอีกหนก็พบว่าเกาะยักษ์ประตูสวรรค์แห่งนั้นที่เดิมลอยอยู่เหนือยอดเขาหิมะ ฉับพลับส่งเสียงดัง “แครก” ดังสนั่นระลอกหนึ่งออกมา
ครู่ต่อมากลางท้องฟ้าก็ปรากฏรอยแยกแคบยาวมหึมาเส้นหนึ่ง ต่อจากนั้นเสียงครืนครางก็ดังสนั่น เกาะประตูสวรรค์หมุนวนพลางเคลื่อนไปยังรอยแยกช้าๆ
ภาพนี้ย่อมชักนำให้คนที่ยังอยู่บนยอดเขาหิมะไม่จากไปเขย่งเท้าชะเง้อมอง
นี่บ่งบอกว่างานประตูสวรรค์ที่จัดขึ้นแปดร้อยปีหนึ่งครั้งกำลังจะปิดม่านลงแล้ว
หลังเวลาชั่วหนึ่งมื้ออาหาร เกาะทั้งหมดก็แทรกเข้าไปในรอยแยกย่างสมบูรณ์ ส่วนรอยแยกแคบยาวเส้นนั้นชั่วพริบตาก็ประสานกันสนิท
เขาหิมะทั้งลูกฟื้นกลับมาสงบอีกครั้งประหนึ่งเกาประตูสวรรค์แห่งนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน
“หลิ่วหมิงแห่งนิกายยอดบริสุทธิ์ ข้าจดจำเจ้าไว้แล้ว น่าเสียดายที่ในแดนลึกลับครั้งนี้ไม่มีโอกาสประลองกับเจ้าดีๆ สักหน แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ไม่นานพวกเราคงจะได้พบหน้ากันอีกครั้ง” หลี่ว์เหมิงฉับพลันหันศีรษะมามองหลิ่วหมิงตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่งแล้วหัวเราะเย็นชา เอ่ยวาจาที่ฟังแล้วไม่มีต้นสายปลายเหตุท่อนหนึ่งออกมา หลังจากนั้นจึงกลายเป็นลำแสงสีม่วงบินเร็วรี่ไปยังยอดเขา
อิ๋นเซ่อก็หันศีรษะกลับมาใช้สายตาสนอกสนใจอยู่บ้างมองสำรวจหลิ่วหมิงตั้งแต่หัวจรดเท้าเช่นเดียวกัน เส้นผมสีเงินถูกสายลมบนเขาโชยพัดบดบังดวงหน้าไปค่อนครึ่ง ทำให้ใบหน้าของนางแลดูเลือนราง
หลังเสียงหัวเราะคิกๆ แผ่วเบาพักหนึ่ง สตรีนางนี้ก็ลอยขึ้นกลางอากาศกลายเป็นแสงสีเงินสายหนึ่งตามแสงสีม่วงไปติดๆ
คิ้วของหลิ่วหมิงขมวดเล็กน้อย แต่ไม่มีกะจิตกะใจคาดเดาความนัยในถ้อยคำของหลี่ว์เหมิง เขาเพียงใช้สายตากวาดรอบด้าน หลังแยกทิศทางชัด มือก็ตั้งท่าเคล็ดวิชากลายเป็นแสงสีทองเส้นหนึ่งแหวกท้องฟ้าพุ่งไปยังที่พำนักของนิกายยอดบริสุทธิ์
ครึ่งเค่อให้หลังหอที่นิกายยอดบริสุทธิ์พำนักชั่วคราวก็ถูกเก็บไปท่ามกลางเสียงครืนคราง ต่อจากนั้นรถเหาะขนาดยักษ์ที่ส่องแสงสีน้ำเงินขมุกขมัวคันหนึ่งก็ลอยขึ้นกลางอากาศ พุ่งเร็วรี่ไปยังขอบฟ้า
ครึ่งวันให้หลัง ในห้องลับห้องหนึ่งในรถเหาะยักษ์
เวลานี้หลิ่วหมิงกำลังนั่งขัดสมาธิ ใช้จิตสัมผัสสำรวจแหวนย่อส่วนที่มือ นับสิ่งที่ได้มาจากงานประตูสวรรค์ครั้งนี้อย่างละเอียด บนใบหน้าเผยสีหน้าพึงพอใจ
แม้งานประตูสวรรค์ครานี้จบลงรวบรัดก่อนเวลาอย่างเหนือความคาดหมาย ทว่าสิ่งที่เขาได้มาก็ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีพิเศษในการหลอมฝักกระบี่ว่างเปล่าที่ได้มาจากมือของคนวังสวรรค์ตอนสุดท้ายยิ่งมีประโยชน์ต่อเขามาก
นอกจากนี้ในแดนลึกลับประตูสวรรค์วัตถุดิบที่เขาได้จากศพปีศาจอสูร แค่ระดับผลึกหรือระดับแก่นเสมือนก็มีไม่น้อย แร่จิตวิญญาณหญ้าจิตวิญญาณชนิดต่างๆ ก็นับไม่ถ้วน เพียงแค่สิ่งเหล่านี้ก็มีค่าไม่ต่ำกว่าหลายสิบล้านหินจิตวิญญาณ….
ส่วนทรายธารดารานั่นยิ่งเป็นวัตถุดิบหลอมอาวุธชั้นยอดที่ยากจะได้เจอสักครั้งและสูญหายไปจากแผ่นดินจงเทียนนานแล้ว หลิ่วหมิงจะเก็บรักษามันไว้ วันหน้ายามหลอมอาวุธจะต้องมีประโยชน์อย่างมากแน่นอน
เวลานี้เองเขาก็เปลี่ยนสีหน้าไปในทันใด มองเห็นหีบไม้ที่ส่องแสงสีเงินอ่อนใบนั้นที่นอนอยู่ก้นแหวนย่อส่วน สิ่งนั้นที่เลือกมาตอนมรดกสุดท้ายนั่นเอง
เดิมหลิ่วหมิงคิดว่าหลังออกจากแดนมรดกจะเปิดดูว่าที่แท้ด้านในคือสิ่งใดกันแน่ แต่คิดไม่ถึงว่าระหว่างทางกลับพบสัตว์ประหลาดต่างโลกสามตัวเข้า จนกระทั่งถึงตอนนี้เพิ่งมีเวลาอีกครั้ง