ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 830 ค่ายกลห้วงนที
ตอนที่ 830 ค่ายกลห้วงนที
แสงสีฟ้าสายแล้วสายเล่าส่งเสียงดัง “ฟึบๆ” พุ่งรวดเร็วออกมา ทยอยบินจมลงไปบริเวณใกล้ๆ กับกวางชะมด
เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้นทีหนึ่ง
ธงน้อยสีฟ้าอ่อนหกผืนที่ล้อมเป็นวงในค่ายกลฉับพลันปรากฏออกมา แสงสีฟ้าสว่างจ้าเกิดเป็นม่านแสงสีฟ้าชั้นหนึ่ง บนผิวหน้าปรากฏยันต์รูปหยดน้ำขนาดเท่ากำปั้นดวงแล้วดวงเล่า แผ่ปราณวารีสีฟ้าอ่อนสายแล้วสายเล่าออกมา
ชั่วพริบตาปราณวารีสายแล้วสายเล่าก็ผนึกรวมกันกลายเป็นทะเลสาบสีฟ้าผืนหนึ่งในค่ายกล คลื่นสีหยกกระเพื่อม ใสกระจ่างดั่งกระจก
อสูรกวางชะมดรู้สึกว่าแรงดันน้ำมหาศาลสายหนึ่งโถมเข้ามาจากสี่ด้านแปดทิศ ในดวงตาฉายแววประหลาดใจน้อยๆ ลายสีเทารอบร่างสว่างวูบ ร่างกายฉับพลันหายไปจากที่เดิม
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้นทีหนึ่ง
แสงสีเทาดวงหนึ่งฉับพลันส่องสว่างด้านในทะเลสาบสูงหลายจั้ง อสูรกวางชะมดปรากฏร่างอีกครั้ง
ด้วยการกักขังของค่ายกลปิดกั้นมิติธาตุน้ำนี้ พลังในการเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาของอสูรตัวนี้จึงลดลงมาก ทำได้เพียงเคลื่อนย้ายออกไปเพียงไม่ถึงสิบจั้งเท่านั้น!
เฟิงชิงโม่เห็นสถานการณ์ก็ยินดียิ่ง โฉบร่างปรากฏตัวออกมาเช่นกัน สองมือตั้งท่าเคล็ดวิชาพร้อมกัน
เสียง “ฟึบๆ” ดังขึ้นสองหน
เคล็ดวิชาสีขาวสองสายพุ่งออกจากกลางฝ่ามือเขา กะพริบวูบเดียวก็มาถึงท้องฟ้าเหนืออสูรกวางชะมด ทันใดนั้นสองก็แบ่งเป็นสี่ สี่แบ่งเป็นแปด กลายเป็นหลายสิบสาย ทยอยจมลงไปรอบด้านค่ายกล
เสียงเปรี๊ยะๆ ดังออกมา!
ยันต์ที่ส่องแสงสีขาวขมุกขมัวแผ่นแล้วแผ่นเล่าใต้ดินระเบิดตามต่อกัน กลายเป็นพายุหมุนขนาดเล็กลูกแล้วลูกเล่าหมุนวนไม่หยุดทยอยพุ่งขึ้นฟ้า
เสียง “ฟู่ๆ” ดังลอยมา!
น้ำทะเลสาบสีฟ้าที่เดิมทีหยุดนิ่งไม่ขยับ ทันใดนั้นก็ปรากฏวังน้ำวนขนาดเล็กสิบกว่าลูก
ในเวลาเดียวกันรอบด้านค่ายกลแสงรัศมีสีฟ้าวงหนึ่งก็สว่างขึ้นอีกครั้ง ม่านแสงสีฟ้าอ่อนอีกชั้นหนึ่งก่อตัวขึ้นในพริบตา สีของน้ำทะเลสาบในค่ายกลเป็นสีฟ้าเข้มขึ้นกว่าก่อนหน้านี้หลายส่วน
อสูรกวางชะมดที่ถูกขังอยู่ในค่ายกลห้วงนทียังคงกระตุ้นพลังเคลื่อนชั่วพริบตา หายวับหนีไปริมค่ายกล คิดอยากหนีออกไปจากข้างใน
แต่หลังค่ายกลห้วงนทีชั้นที่สองถูกกระตุ้น ระยะทางที่อสูรตัวนี้เคลื่อนย้ายชั่วพริบตาได้ก็ลดลงอีกหนึ่งในสาม เหลือเพียงสี่ห้าจั้งเท่านั้นแล้ว
ขณะที่อสูรกวางชะมดว่างเปล่าปรากฏตัวขึ้นหลังหายตัวไปอีกครั้ง มีดสายลมนับไม่ถ้วนก็พุ่งมากมายถี่ยิบออกมาจากในน้ำวนโจมตีบนร่างที่ล้อมด้วยหมอกสีเทาของอสูรตัวนี้
“บึ๊มมม” เสียงระเบิดดังออกมา รัศมีสีขาวกับแสงสีเทาเกี่ยวกระหวัดอยู่ด้วยกัน
วิชาวายุสะบั้นในฐานะยันต์โจมตีระดับกลาง พลังย่อมไม่อาจดูแคลน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยี่สิบกว่าแผ่นทำงานพร้อมกัน แม้ไอหมอกสีเทาที่ล้อมรอบอสูรกวางชะมดจะขวางมีดสายลมส่วนใหญ่ไว้ได้ แต่ภายใต้การโจมตีที่ต่อเนื่องไม่ขาดสาย ร่างกายก็ยังคงถูกมีดสายลมส่วนหนึ่งฟัน เลือดสายแล้วสายเล่าพุ่งกระฉูดออกมาทันที ร่างกายโงนเงนจะล้มอยู่บ้าง
อสูรกวางชะมดได้รับความเจ็บปวด สองตาสีเขียวหยกก็พลันเปลี่ยนเป็นสีเลือด ขนบนร่างแต่ละเส้นๆ ตั้งชัน หลังร้องเสียงแหลมทีหนึ่งก็อ้าปากพ่นปราณสีเทาผืนใหญ่ทะลักออกมาซ่อมแซมเกราะปราณสีเทารอบร่าง
“อสูรตัวนี้เคลื่อนย้ายชั่วพริบตาต่อเนื่องหลายหนผลาญพลังเวทไปไม่น้อย! นายน้อย ค่ายกลห้วงนทีชั้นอื่นยังต้องการเวลาอีกครู่หนึ่งถึงจะทำงานอย่างสมบูรณ์ ดีที่สุดถ่วงเวลาไว้อีกสักหน่อย” ผู้เฒ่าอ้วนตะโกนเสียงดังบอกผู้ฝึกฝนชุดขาว สองมือขยับทำท่าเคล็ดวิชารัวอีกครั้ง เคล็ดวิชาสีฟ้าสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมาต่อเนื่องไม่ขาด
ธงค่ายกลสีฟ้าอ่อนผืนแล้วผืนเล่าในค่ายกลถูกกระตุ้นหลังเคล็ดวิชาจมลงไป ขอบค่ายกลส่องแสง ม่านแสงสีฟ้าอ่อนอีกสองชั้นเริ่มทำงาน ทำให้สีของน้ำทะเลสาบด้านในค่ายกลเข้มขึ้นไม่น้อยอีกครั้ง
เฟิงชิงโม่ไม่เอ่ยตอบ แต่เคล็ดวิชาในสองมือเปลี่ยนแปลงไม่หยุด ควบคุมน้ำวนมีดสายลมขนาดเล็กสิบกว่าลูกในค่ายกลให้มารวมกันตรงกลางในทันใด จากนั้นมีดสายลมแวววาวมากกว่าเดิมก็พุ่งเร็วรี่ออกมาทันที
กวางชะมดว่างเปล่าเผชิญหน้ากับการกักขังของค่ายกลใหญ่หลายชั้น ผนวกกับต้องอ้าปากพ่นปราณสีเทาต้านการโจมตีของมีดสายลมไม่หยุด ชั่วขณะหนึ่งจึงไม่อาจใช้วิชาลับเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาได้อีก
ทว่าเมื่อมีดสายลมมากมายโจมตีปราณสีเทาคุ้มร่างของอสูรกวางชะมดทลายอีกหน ทิ้งรอยเลือดเส้นแล้วเส้นเล่าไว้ อสูรตัวนี้ก็คำรามเสียงดัง เขาคู่หนึ่งเหนือหัวสั่นระริก ทันใดนั้นลวดลายจิตวิญญาณสีเทาสลับดำก็ส่องแสงสว่างจ้า
เสียง “เปรี๊ยะ” ดังขึ้นทีหนึ่ง!
แสงสายฟ้าสีเทาสายหนึ่งปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าตรงกลางระหว่างเขา ชั่วพริบตาผนึกรวมเป็นลูกบอลสายฟ้าสีเทาลูกหนึ่ง มันหมุนติ้วรอบหนึ่ง จากนั้นแสงสายฟ้าเจิดจ้าก็ส่งเสียงอสนีบาตคำรนดังสนั่นในทันที!
หลังเสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้น ลูกบอลสายฟ้าพลันกลายเป็นตาข่ายสายฟ้าผืนหนึ่งบินเข้าไปวังน้ำวนหลายลูก
มีดสายลมแวววาวสัมผัสถูกตาข่ายอสนีบาตสีเทาปุบก็กระจุยทันทีอย่างประหลาด ทยอยกลายเป็นแสงจิตวิญญาณจุดแล้วจุดเล่าพังทลาย
พร้อมกับที่ตาข่ายสายฟ้าก่อตัวขึ้นกะทันหัน เส้นสายฟ้าหนาหลายเส้นก็แลบแปลบปลาบ
หลังเสียงอสนีบาตดังขึ้นสองสามครั้ง น้ำวนมีดสายลมหลายลูกก็สลายไปพร้อมกับเสียง
ในเวลาเดียวกันนั้นระหว่างกลางเขาของอสูรตัวนี้ก็ผนึกลูกบอลอสนีบาตสีเทาลูกหนึ่งออกมาอีกหน มันกระพริบวูบหนึ่งแล้วกลายเป็นตาข่ายสายฟ้ายักษ์ครอบลงไป
เสียงอสนีบาตดังขึ้นไม่ขาด สองลมหายใจผ่านไปน้ำวนมีดสายลมด้านล่างก็หายไปไร้ร่องรอยจากน้ำในทะเลสาบ
ค่ายกลห้วงนทีเวลานี้เพิ่งทำงานไปถึงชั้นที่ห้าด้วยการกระตุ้นของผู้เฒ่าอ้วน
อสูรกวางชะมดว่างเปล่าหลุดจากการโจมตีของมีดสายลมปุบ รัศมีสีเทารอบร่างก็สว่างวูบ หายตัวไปจากที่เดิมทันที แต่เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งกลับเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาห่างจากที่เดิมมาได้เพียงสองสามจั้ง
ทว่าอสูรตัวนี้อยู่ห่างจากขอบค่ายกลแค่เพียงสิบกว่าจั้งเท่านั้น
“น่าชัง! ผู้อาวุโสหวง อีกนานเท่าไรค่ายกลถึงจะกระตุ้นเสร็จสมบูรณ์?” เฟิงชิงโม่เห็นยันต์วายุสะบั้นที่ตนเองฝังไว้ถูกอสูรกวางชะมดว่างเปล่าทำลายในชั่วพริบตาก็สีหน้าร้อนรนอยู่บ้างในทันใด
“สหายหลิ่ว เจ้าก็ลงมือถ่วงเวลาสักหน่อยเถิด รอค่ายกลเจ็ดชั้นของข้าทำงานอย่างสมบูรณ์กวางตัวนี้ก็ไม่อาจหนีไปได้แล้ว!” ผู้เฒ่าอ้วนเห็นเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว เอี้ยวศีรษะมามองหลิ่วหมิงด้านข้างด้วยสายตาเย็นชาพร้อมเอ่ยบอกในทันใด
“ได้ ข้าก็รู้สึกว่าสมควรลงมือแล้วเช่นกัน” หลิ่วหมิงพยักหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ สองแขนสะบัดทีหนึ่ง ไอหมอกสีดำก็โถมออกมารอบร่าง
เสียงมังกรคำรามดังขึ้น!
มังกรหมอกสีดำยาวสิบเจ็ดสิบแปดจั้งสองตัวพุ่งออกมาจากปราณดำ หลังแยกเขี้ยวกางกรงเล็บบินวนรอบหนึ่งก็โจนออกไป มันขยับไม่กี่ทีก็มาถึงด้านบนอสูรกวางชะมด
“คุกมืด!”
ในดวงตาของหลิ่วหมิงฉายประกายกล้า มือข้างหนึ่งชี้กลางอากาศเบื้องหน้า
เสียง “ฟู่ๆ” ดังขึ้นสองหน ตอนนี้เองมังกรหมอกสีดำสองตัวก็กลายเป็นแสงสีดำเต็มฟ้าม้วนลงมากลืนอสูรกวางชะมดเข้าไปจนมิด
เฟิงชิงโม่เห็นเช่นนี้กลับแค่นเสียงหยันคำหนึ่ง เขาไม่ยินดียอมแพ้มือข้างหนึ่งพลิกเรียกระฆังน้อยที่ส่องแสงสีเขียวขมุกขมัวใบนั้นออกมาอีกหนแล้วโยนออกไปกลางอากาศเบาๆ
ระฆังน้อยสีเขียวหมุนติ้วกลางอากาศรอบหนึ่งก็ขยายจนใหญ่สิบกว่าจั้ง ผิวของระฆังยักษ์ปรากฏยันต์สีเขียวมหึมาตัวหนึ่งเห็นได้ชัด อีกด้านหนึ่งเป็นภาพอักขระสันสกฤตนับไม่ถ้วน
ปากเฟิงชิงโม่ท่องมนตร์ ระฆังน้อยสีเขียวส่ายไหวเล็กน้อยกลางอากาศ ยันต์สีเขียวฉับพลันส่องแสงเขียวแถบหนึ่ง เสียงสวดมนตร์ภาษาสันสกฤตดังออกมาเป็นระลอกๆ ในทันใด
เสียงนี้ลอยละล่อง ทำให้คนได้ยินเสียงมันแล้วรู้สึกว่าดังกังวานอยู่ในใจ
หลิ่วหมิงได้ยินเสียงระฆังใบนี้ พลังเวทในร่างฉับพลันชะงักไปเล็กน้อย รู้สึกคล้ายจะลอยขึ้นกลายเป็นเซียนในทันที หลังจิตสัมผัสของเขาพร่าเลือนไปวูบหนึ่ง อากาศรอบด้านก็บิดเบี้ยวพร่าเลือน ยืนไม่มั่นคงอยู่บ้าง
ในใจเขาพรั่นพรึง ไม่ครุ่นคิดกัดปลายลิ้นในทันใด ความเจ็บแปลบเรียกสติแจ่มชัดขึ้นมาแวบหนึ่ง จากนั้นมือข้างหนึ่งจึงพลิกหมุนเร็วรี่อีกหน กำโซ่ตรวนสะกดวิญญาณไว้
ความเย็นสบายสายหนึ่งแผ่ออกมาจากในโซ่น้อยถ่ายเทไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ถึงทำให้หลิ่วหมิงฟื้นกลับเป็นปกติอย่างแท้จริง หลังเขาพรูลมหายใจเบาๆ ก็มองระฆังน้อยสีเขียวที่ลอยอยู่เบื้องหน้าร่างเฟิงชิงโม่ สายตาทอประกายเล็กน้อย
เฟิงชิงโม่เวลานี้ก็เหล่มองจุดที่หลิ่วหมิงอยู่คล้ายตั้งใจแต่ไม่ตั้งใจเช่นกัน เมื่อเห็นเขาได้สติตื่นกลับมาในเพียงพริบตา บนหน้าก็เหมือนจะปรากฏสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นจึงฟื้นกลับเป็นปกติ หันกลับไปใช้วิชาต่อ…
อีกด้านหนึ่งเคล็ดวิชาในมือของผู้เฒ่าอ้วนก็ไม่หยุดแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขาไม่สังเกตเห็นสถานการณ์ของหลิ่วหมิงด้านนี้แม้แต่นิด
เห็นชัดว่าอสูรกวางชะมดที่ถูกขังอยู่ในคุกมืดได้รับผลกระทบจากเสียงสันสกฤตมากกว่า หลังฟังอีกสองสามหนมันก็ค่อยๆ หยุดดิ้นรนอยู่กลางแสงสีดำ แสงสีเลือดในดวงตาถดถอยไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่มาแทนที่คือแววตานิ่งงันและเชื่องช้า
ทว่าสถานการณ์เช่นนี้คงอยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้น!
ทันใดนั้นอสูรกวางชะมดก็สะบัดหัวทีหนึ่ง ในดวงตาฉายแววแจ่มใสนิดๆ มันคำรามโกรธเกรี้ยวในทันที เขาทั้งคู่เหนือศีรษะส่องแสงสายฟ้าสีเทารุนแรงออกมาอีกครั้ง ลูกบอลสายฟ้าสีเทาลูกแล้วลูกเล่าก่อตัวขึ้นอย่างเร็วไว หลังหมุนติ้วแล้วหยุดลงก็พุ่งชนไปสี่ด้านแปดทิศ เริ่มชนโจมตีขอบคุกมืดสีดำอย่างบ้าคลั่ง
แสงอสนีบาตระเบิดดังเปรี้ยงปร้าง แสงสีดำถูกแสงอสนีบาตระเบิดกระจายเป็นชิ้นๆ
เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้นทีหนึ่ง!
ในที่สุดคุกมืดก็ทนการระเบิดต่อเนื่องจากลูกบอลสายฟ้าสีเทาไม่ไหว พังทลายกลายเป็นแสงสีดำเต็มฟ้าอีกครั้ง
“สำเร็จแล้ว”
ในเวลานี้เอง ผู้เฒ่าอ้วนก็หัวเราะฮ่าๆ ออกมา
เสียง “ฟู่ๆ” ดังขึ้น ม่านแสงสีฟ้าที่เหมือนกับก่อนหน้านี้ทุกประการอีกสองชั้นปรากฏขึ้นในค่ายกล
เมื่อถูกม่านแสงสีฟ้าเจ็ดชั้นล้อม น้ำในทะเลสาบตรงกลางก็กลายเป็นสีฟ้าเข้ม ปราณวารีสายแล้วสายเล่าก่อตัวขึ้นกลายเป็นลูกแก้ววารีสีฟ้าขนาดหนึ่งชุ่นกว่าลูกแล้วลูกเล่าในชั่วพริบตา มีมากถึงร้อยกว่าลูก บนผิวหน้าล้วนเป็นยันต์ตัวเล็กขนาดเท่าเม็ดข้าว
ลูกแก้ววารีเหล่านี้หมุนติ้วเพียงรอบเดียว พลังมหาศาลก็กดเข้าใส่อสูรกวางชะมดตรงกลางต่อเนื่องไม่ขาดสาย
แม้เวลานี้อสูรแห่งความว่างเปล่ายังคงกระตุ้นวิชาลับเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาสุดชีวิต แต่นอกจากร่างกายหายวับไปแล้วปรากฏขึ้นใหม่ไม่หยุดก็ยังอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนไปแต่อย่างใดสักนิด
“ค่ายกลห้วงนทีเจ็ดชั้น เปลี่ยน!”
ผู้เฒ่าด้วนเห็นเช่นนี้ก็ตวาดเบาๆ เคล็ดวิชาในมือเปลี่ยนไปอีกครั้ง
แสงรัศมีบนม่านแสงสีฟ้าส่องสว่าง ยันต์รูปหยดน้ำมากมายหลุดออกมาจากบนผิวในพริบตา หลังพวกมันพร่าเลือนหายไปวูบหนึ่งก็รวมตัวกันกลายเป็นลูกบอลวารีสีฟ้าขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งจั้งกว่าเหนือค่ายกล
ในเวลาเดียวกันเฟิงชิงโม่ก็เก็บระฆังน้อยสีเขียวในมือไปอย่างเร็วไวด้วย นิ้วมือดีดยิงแสงสีทองสายหนึ่งไปยังลูกบอลน้ำมหึมา
เสียง “ปัง” ดังขึ้น!
ลูกบอลวารีระเบิดกลางท้องฟ้ากลายเป็นคลื่นซัดสาดลงมา จากนั้นในพริบตาก็กลายเป็นเชือกสีฟ้าหนาเส้นหนึ่ง หลังพร่าเลือนวูบหนึ่งก็รัดอสูรกวางชะมดไว้แน่นหนา
อสูรแห่งความว่างเปล่ากลัวน้ำโดยสัญชาติญาณ วันนี้ถูกค่ายกลห้วงนทีเจ็ดค่ายกลปิดกั้นจากมิติรอบด้าน แม้ดิ้นรนสุดชีวิต ร่างกายพร่าเลือนไม่หยุด แต่เชือกสีฟ้ารอบร่างเดี๋ยวแน่นเดี๋ยวคลาย มัดร่างกายของมันไว้แน่นสนิท ทำให้มันขยับได้ในอาณาเขตหนึ่งจั้งกว่าเท่านั้น
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้สองตาพลันหรี่ลง แขนเสื้อสะบัด กระบี่ว่างเปล่าบินออกมาจากด้านใน หลังวนหน้าร่างรอบหนึ่งก็สั่นแล้วส่งเสียงครวญครางแผ่วเบา