ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 879 ปีศาจพันมายา
ในหอความเป็นความตายยังคงมืดสลัววังเวงดังเช่นวันวาน
“โอ๊ะ ศิษย์หลานหลิ่วนี่เอง ครั้งนี้ผ่านไปนานครึ่งค่อนปีเชียวนะถึงกลับมา” บุรุษวัยกลางคนสวมชุดสีเทาคนหนึ่งในห้องโถงใหญ่เห็นหลิ่วหมิงเดินเข้าประตูใหญ่มาก็หัวเราะฮ่าๆ เข้ามาต้อนรับทันที
แมวดาวสีขมิ้นบนหัวไหล่เขาเหลือบมองหลิ่วหมิงอย่างเกียจคร้านแล้วอ้าปากหาว
“ผู้อาวุโสเจียงมากพิธีไปแล้ว” หลิ่วหมิงยิ้มแล้วเอ่ยประโยคหนึ่ง หลังจากนั้นก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้น แสงสีดำสว่างกลางฝ่ามือ ห่อผ้าเปื้อนเลือดห่อหนึ่งปรากฏขึ้นมา
เมื่อสายตาของชายวัยกลางคนชุดเทากวาดผ่านห่อผ้าในมือ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งกว้าง เขายกมือข้างหนึ่งขึ้น แสงเรืองรองสีเทาพลันม้วนออกไปรับห่อผ้ามา
ท่าทีของคนผู้นี้เปลี่ยนไปจากครั้งแรกที่หลิ่วหมิงมาราวฟ้ากับดิน
แต่นี่ก็เป็นเรื่องสมควร ภายในสองปีหลิ่วหมิงสังหารผู้ฝึกฝนชั่วร้ายที่ถูกตั้งค่าหัวมาหลายปีไปถึงห้าหกคน จนชายวัยกลางคนชุดเทาในฐานะผู้อาวุโสที่ดูแลหอความเป็นความตายของสายในได้รับคำชื่นชมจากนิกายมาครั้งหนึ่งแล้ว
ในเวลานี้เองชายวัยกลางคนชุดเทาก็เปิดห่อผ้าในมือออก จึงเห็นว่าด้านในคือศีรษะโชกเลือดที่บนศีรษะล้านเลี่ยน มีรอยธูปจี้สองแถวคล้ายกับเป็นพระรูปหนึ่ง
“นี่…นี่มันหลวงจีนฉางจี้ภิกษุลามกแห่งเกาะเสี้ยนคงเขตหนานไห่! คนผู้นี้พลังบรรลุจุดสูงสุดของระดับแก่นแท้ขั้นกลางแล้ว เขาอาศัยอยู่ในเขตหนานไห่มานาน ไม่มีความชั่วใดไม่กระทำ เพราะมีนิสัยรอบคอบขี้ระแวง นิกายยอดบริสุทธิ์กับนิกายเทียนกงร่วมกันประกาศล่าตัวมาเกือบร้อยปีก็ไม่มีใครสังหารเขาได้มาตลอด ศิษย์หลานหลิ่วฝีมือดีจริงๆ!” ชายวัยกลางคนชุดเทาดวงตาเป็นประกายจากนั้นก็เอ่ยอย่างยินดียิ่ง
“คนผู้นี้เจ้าเล่ห์อย่างแท้จริง ข้าเสียเวลามากนักถึงบีบให้เขาจนมุมได้” หลิ่วหมิงเอ่ยนิ่งๆ
จะว่าไปแล้วที่สังหารหลวงจีนฉางจี้ผู้นี้สำเร็จได้เพราะวิชาอนธการค้นวิญญาณมีส่วนช่วยอย่างมาก เขาไล่สังหารคนผู้นี้มานานหลายเดือนเต็มๆ ถึงตามหาจนพบว่าคนผู้นี้ซ่อนตัวอยู่ในนิกายแห่งหนึ่งที่เขตหนานไห่
หนึ่งปีมานี้ผู้ฝึกฝนชั่วร้ายในรายชื่อความเป็นความตายแต่ละคนเหมือนจะรู้ข่าวจึงพากันเก็บซ่อนร่องรอย อยากจะหาพบสักคนลำบากยิ่งกว่าเดิม ส่วนข้อมูลที่นิกายมีให้ก็น้อยนิด หลายครั้งเมื่อเขาไล่ตามร่องรอยในข้อมูลไป ผู้ฝึกฝนชั่วร้ายเหล่านั้นก็หนีไปไกลโพ้นไม่เหลือร่องรอยแล้ว
นี่ก็ไม่แปลก แผ่นดินจงเทียนกว้างใหญ่ไพศาล แค่สองเขตเล็กๆ ก็ห่างกันหลายหมื่นลี้ แม้โดยสารเรือหยกจันทราและใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายก็ยังเสียเวลาไม่น้อย
นับแต่นี้ต่อไปจะเก็บแต้มคุณูปการจากรายชื่อความเป็นความตายคงยากเย็นยิ่งกว่าเดิม
“ภิกษุลามกคนนี้ลำดับในรายชื่อความเป็นความตายค่อนไปทางต้นๆ นิกายมีรางวัลให้สามแสนแต้มคุณูปการ” ชายวัยกลางคนชุดเทาสำรวจศีรษะอย่างละเอียดรอบหนึ่ง เมื่อยืนยันว่าเป็นตัวหลวงจีนฉางจี้แน่นอนแล้วถึงเก็บไป
หลิ่วหมิงพยักหน้า มือข้างหนึ่งหยิบป้ายแสดงตัวตนที่เอวส่งไปให้ ชายวัยกลางคนหยิบกระบองน้อยสีเงินแท่งหนึ่งออกมา มือซ้ายตั้งท่าเคล็ดวิชา ทันใดนั้นแสงสีเงินสายหนึ่งก็พุ่งเข้าไปในป้ายแสดงตัวตน
หลิ่วหมิงรับป้ายมาสำรวจมองแต้มคุณูปการด้านในเล็กน้อย เขาสะสมมาได้เก้าแสนหลายหมื่นแต้มแล้ว แต่ยังห่างจากหนึ่งล้านห้าแสนแต้มอยู่อีกไม่น้อยจึงอดไม่ได้ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
แม้แต้มคุณูปการของรายชื่อความเป็นความตายสายในจะสูงกว่าสายนอกอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับพลังของเป้าหมายที่เพิ่มขึ้นพรวดพราด แต้มเหล่านี้ก็แลดูน้อยไปอยู่บ้าง
แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ รายชื่อความเป็นความตายของสายในเดิมทีก็มีไว้ให้ศิษย์สายในระดับผลึกขึ้นไป แม้ศิษย์สายนอกอยากรับก็ไม่มีคุณสมบัติ
“ดูจากสีหน้าของศิษย์หลานหลิ่ว เหมือนจะต้องการแต้มคุณูปการของนิกายจำนวนไม่น้อยอย่างเร่งด่วนสินะ?” ชายวัยกลางคนชุดเทาเห็นสีหน้าของหลิ่วหมิงก็พลันยิ้มแล้วถามขึ้นมา
“ผู้อาวุโสเจียงพูดไม่ผิด ข้าต้องการแต้มคุณูปการของนิกายไม่น้อยเพื่อธุระเรื่องหนึ่งจริงๆ” หลิ่วหมิงตอบอย่างตรงไปตรงมาไม่ปิดบังเช่นกัน
“ถ้าเช่นนั้นก็พอดี ข้ามีคนที่ถูกตั้งค่าหัวคนหนึ่ง รางวัลสามแสนห้าหมื่นแต้มคุณูปการ คนผู้นี้เคยสังหารโหลนของผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณ์คนหนึ่งของนิกายเราเมื่อหลายสิบปีก่อน ผู้อาวุโสท่านนั้นจนปัญญาด้วยกฎของรายชื่อความเป็นความตายทำให้ไม่อาจลงมือเองได้ จึงเคยสัญญาไว้ว่าหากศิษย์นิกายเราสังหารผู้ฝึกฝนชั่วร้ายคนนั้นได้ เขาจะให้แต้มคุณูปการสมทบอีกหนึ่งแสนแต้ม” ชายวัยกลางคนชุดเทาเอ่ยช้าๆ
“สี่แสนห้าหมื่นแต้มคุณูปการ! ผู้อาวุโสเจียงโปรดบอกรายละเอียดด้วย!” หลิ่วหมิงสูดลมหายใจดังเฮือก หัวใจเต้นแรงทันที
“คนผู้นั้นนามว่าเฟ่ยอี๋ เป็นผู้ฝึกฝนสายปีศาจที่อยู่เพียงลำพังผู้หนึ่ง สองร้อยกว่าปีก่อนฝึกฝนจนบรรลุระดับแก่นแท้ ชำนาญวิชามายา เล่าลือกันว่าคนผู้นี้ครอบครองร่างจิตวิญญาณพันมายาที่หายากอย่างที่สุด แปลงกายได้ดั่งใจ มีฉายาในหมู่ผู้ฝึกฝนชั่วร้ายว่า ‘ปีศาจพันมายา’” ชายวัยกลางคนชุดเทาเห็นหลิ่วหมิงเหมือนจะสนใจอย่างยิ่งก็ล้วงคัมภีร์หยกเล่มหนึ่งออกมาจากตัว
“แต่นิกายไม่อาจสืบหาร่องรอยที่แน่ชัดของคนผู้นี้ได้ ในนี้คือข่าวเกี่ยวกับ ‘ปีศาจพันมายา’ ที่ผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณ์ผู้นั้นส่งคนไปเก็บรวบรวมจากทั่วทุกสารทิศในช่วงหลายสิบปีมานี้ ฉบับคัดลอกชุดหนึ่งเก็บไว้ที่ตัวข้ามาตลอด หากศิษย์หลานสนใจรับภารกิจนี้น่าจะช่วยเจ้าได้บ้าง” ชายวัยกลางคนชุดเทาเอ่ยเรียบๆ แล้วโยนคัมภีร์หยกมาให้
“เช่นนั้นก็ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่ง ภารกิจนี้ข้ารับไว้แล้ว” หลิ่วหมิงยื่นมือรับคัมภีร์หยกไปแล้วประสานมือเอ่ยอย่างแน่วแน่
สี่แสนห้าหมื่นแต้มคุณูปการช่างยั่วยวนใจยิ่งนักอย่างแท้จริง ขอเพียงมีร่องรอยแม้สักนิด เขาอาศัยวิชาอนธการค้นวิญญาณอย่างมากก็คงใช้เวลาไม่กี่เดือนถึงครึ่งปี เขาไม่เชื่อว่าจะตามหาที่อยู่ของปีศาจพันมายาคนนั้นไม่ได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้หลิ่วหมิงก็ขอตัวออกจากหอความเป็นความตายอย่างรวดเร็ว จากนั้นขี่เมฆตรงกลับไปถ้ำที่พักในยอดเขาลั่วโยวอย่างไม่หยุดพัก
“นายท่าน ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว!”
เมื่อเขาเดินเข้ามาในถ้ำที่พัก หญิงสาวผู้สวมชุดตาข่ายสีดำคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาต้อนรับอย่างเร็วไว เซียเอ๋อร์นั่นเอง
สองปีนี้ขณะไล่ล่าสังหารผู้ฝึกฝนชั่วร้ายในรายชื่อความเป็นความตายอยู่ข้างนอก เขาไม่ได้พาอสูรเลี้ยงสองตัวไปไว้ข้างกาย เหตุผลประการหนึ่งเพราะหลังเข้าสู่ระดับแก่นเสมือน เขาเชื่อมั่นว่าจะทำภารกิจรายชื่อความเป็นความตายสำเร็จได้โดยไม่ต้องอาศัยคนอื่นช่วย อีกประการหนึ่งก็เพราะครั้งก่อนหลังจากหัวบินกลืนกินภูตระดับแก่นแท้ตนนั้นลงไปก็อยู่ในสภาวะหลับลึกมาตลอด เขาจึงต้องทิ้งเซียเอ๋อร์ไว้ดูแลมัน
“ระหว่างที่ข้าไม่อยู่ช่วงนี้มีคนมาเยี่ยมเยียนไหม?” หลิ่วหมิงเอ่ยปากถามขึ้น
“ตอนนี้นายท่านเป็นคนดังของนิกายสายใน ช่วงนี้ย่อมมีคนมาเยี่ยมเยียนไม่น้อย แต่เพราะนายท่านไม่อยู่ ส่วนใหญ่จึงทิ้งข้อความไว้เท่านั้น” เซียเอ๋อร์เอ่ยพลางแบมือส่งยันต์ถ่ายทอดเสียงสิบกว่าแผ่นให้หลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงขานรับเบาๆ แล้วรับมาสำรวจทีละแผ่น
ศิษย์สายในจำนวนหนึ่งเป็นผู้ฝากยันต์ถ่ายทอดเสียงเหล่านี้ไว้ เนื้อหาส่วนใหญ่คล้ายคลึงกันคือแสดงความต้องการจะผูกมิตร ในนั้นยังมีศิษย์หญิงหลายคนใช้ถ้อยคำลอบสื่อความหมายชื่นชมหลิ่วหมิงอีกด้วย
หลิ่วหมิงส่ายศีรษะ เขาหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกอยู่บ้าง สัญญาหมั้นระหว่างเขากับเจียหลานในนิกายสายในน่าจะไม่มีผู้ใดไม่รับรู้ ศิษย์หญิงเหล่านี้ใจกล้ามากทีเดียว
เขาขยี้ยันต์ถ่ายทอดเสียงเหล่านี้ไปจากนั้นหยิบยันต์ถ่ายทอดเสียงสีฟ้าอ่อนแผ่นหนึ่งที่อยู่ด้านล่างสุดขึ้นมา หลังอ่านผ่านๆ บนใบหน้าก็ปรากฏสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย แผ่นนี้เจียหลานเป็นคนฝากไว้
จะว่าไปแล้วเขากับสตรีนางนี้ก็ไม่ได้พบหน้ากันมาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว
หลิ่วหมิงแทรกจิตสัมผัสเข้าไปในยันต์ถ่ายทอดเสียง หลังผ่านไปครู่หนึ่งก็มีสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย
เจียหลานฝากข้อความไว้ในยันต์ถ่ายทอดเสียงเพียงไม่กี่คำ เนื้อหาส่วนใหญ่บอกว่ากำลังจะเก็บตัวฝึกฝนเพื่อเริ่มทะลวงคอขวดระดับผลึกขั้นปลาย
สำหรับพรสวรรค์ของเจียหลาน ความเร็วระดับนี้ก็นับว่าปกติ สุดท้ายสตรีนางนี้กำชับทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่งให้หลิ่วหมิงระวังให้มากยามออกไปฝึกวิชาข้างนอก
หลิ่วหมิงวางยันต์ถ่ายทอดเสียงลง บนใบหน้าปรากฏสีหน้าหลากหลายอารมณ์ปนเปกัน ชั่วครู่ให้หลังก็อดไม่ได้หัวเราะจืดเจื่อน
เจียหลานใช้คำเช่นนี้ ก็คือถือว่าตนเป็นคู่รักฝึกฝนของเขาประมาณหนึ่งแล้ว
เขาใช่ว่าจะไม่มีความรู้สึกใดๆ กับสตรีผู้นี้อย่างสิ้นเชิง อย่างไรสตรีนางนี้ก็นับว่าเข้ามาอยู่ในโลกของเขาตั้งแต่วันนั้นที่เขาก้าวเข้าสู่พิธีเปิดจิตวิญญาณแห่งนิกายปีศาจ แล้วยังติดตามเขาจากอวิ๋นชวนมาจนถึงจงเทียน
เพียงแต่ทุกครั้งที่คิดถึงคำว่าฝึกฝนคู่ ในใจเขาก็มักจะปรากฏเงาร่างชุดขาวที่งามสง่าแต่เย็นชาประหนึ่งน้ำแข็งร่างหนึ่งขึ้นมาเสมอ
“เยี่ย…”
ท้ายที่สุดหลิ่วหมิงก็ถอนหายใจแล้วสะบัดแขนเสื้อ ยันต์ในมือฉับพลันสลายกลายเป็นละอองแสงสีฟ้า
เซียเอ๋อร์เห็นเช่นนี้ก็ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเรียบร้อยไม่รบกวนเขา
หลิ่วหมิงสูดลมหายใจลึกหลายครั้ง ในที่สุดก็กดอารมณ์ประหลาดในใจลงไปได้ สีหน้ากลับมานิ่งสงบแล้วหมุนตัวเดินไปยังห้องลับด้านข้าง เขาสำรวจสภาพของเฟยเอ๋อร์ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยชุดเขียวยังหลับใหลไม่มีสิ่งใดผิดปกติแม้แต่น้อยก็สั่งเซียเอ๋อร์หลายประโยคก่อนจะจากไป
หลิ่วหมิงกลับมาถึงในห้องลับก็หยิบคัมภีร์หยกที่ชายวัยกลางคนชุดเทาแห่งหอความเป็นความตายมอบให้เขาออกมา จากนั้นแนบมันลงบนหน้าผากแล้วศึกษาอย่างละเอียด
ในคัมภีร์หยกมีเนื้อหาไม่มาก ส่วนใหญ่ล้วนเป็นข่าวต่างๆ นานาเกี่ยวกับ ‘ปีศาจพันมายา’ ผู้นี้ ตัวอย่างเช่นชาติกำเนิดของคนผู้นี้ เขาเป็นศิษย์ของผู้ใด เคยปรากฏตัวที่ไหนบ้างเป็นต้น แต่สิ่งที่บันทึกไว้ล้วนกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
หลังหลิ่วหมิงอ่านอย่างละเอียดรอบหนึ่งก็หาสิ่งที่มีประโยชน์อยู่บ้างในนั้นพบ
เขาครุ่นคิดอยู่ในห้องลับอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ดวงตาค่อยๆ เปล่งประกาย มีแผนการคร่าวๆ แผนการหนึ่งสำหรับตามหาปีศาจพันมายาแล้ว
“เซียเอ๋อร์ ออกไปครั้งนี้ เจ้าตามไปด้วยกันกับข้าเถิด” หลิ่วหมิงเดินออกจากห้องลับแล้วบอกกับเซียเอ๋อร์ที่ยืนอยู่หน้าประตู
แมงป่องกระดูกมีสัมผัสและพลังควบคุมธาตุดินยอดเยี่ยม ในแดนลึกลึบประตูสวรรค์เคยช่วยเขาเอาไว้ ครั้งนี้ตามหาปีศาจพันมายาบางทีอาจใช้ประโยชน์ได้เช่นเดียวกัน
“รับคำสั่ง นายท่าน!” เซียเอ๋อร์ได้ยินก็เอ่ยขึ้นอย่างทั้งตกใจทั้งยินดี เพราะพันธะวิญญาณ เซียเอ๋อร์กับเฟยเอ๋อร์จึงไม่ค่อยอยากแยกจากหลิ่วหมิงนัก
ทว่าจากนั้นดวงหน้างามของเซียเอ๋อร์ก็เงยขึ้นแล้วเอ่ยอย่างลังเลอยู่บ้าง “แต่นายท่าน ทิ้งเฟยเอ๋อร์ไว้ที่ถ้ำคนเดียว…จะเหมาะหรือ?”
“ไม่เป็นไร ก่อนไปข้าจะเปิดชั้นจำกัดที่ปกป้องถ้ำทั้งหมดไว้ จะได้ไม่มีคนเข้ามากวนการฝึกฝนของเฟยเอ๋อร์ อย่างไรที่นี่ก็คือนิกายยอดบริสุทธิ์!” หลิ่วหมิงส่ายศีรษะแล้วเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ
เซียเอ๋อร์ฟังแล้วก็วางใจ ร่างกายบิดทีหนึ่งพลันกลายเป็นเงาสีดำสายหนึ่งเหาะเข้าไปในถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณ
ต่อจากนั้นหลิ่วหมิงก็ไม่ได้รั้งอยู่ที่ถ้ำนาน เขาเดินออกไปอย่างรวดเร็วแล้วท่องมนตร์ยิงเคล็ดวิชาหลายสายลงบนป้ายของถ้ำที่พัก
ประตูใหญ่ของถ้ำที่พักมีแสงสีน้ำเงินอ่อนชั้นแล้วชั้นเล่าครอบทับด้านบน ชั้นจำกัดป้องกันด้านในทำงานทั้งหมด
หลังทำทุกสิ่งนี้เสร็จสิ้น เขาถึงขยับร่างกาย เท้าเหยียบเมฆสีดำกลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่งมุ่งหน้าไปยังวิหารส่งตัวของนิกาย