ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 904 ล่อค้างคาว
ทว่าหลัวเทียนเฉิงครุ่นคิดซ้ำไปมาก็ยังไม่กล้าอาสาเป็นผู้กล้า แม้เขาครอบครองร่างจิตวิญญาณตูเทียนอันร้ายกาจไม่ธรรมดา แต่จะต้านทานปีศาจอสูรที่รุมเข้ามามากมายเช่นนี้ก็ไม่ไหว ถึงเวลาบาดแผลยังไม่ทันหายก็คงถูกฉีกกระชากจนไม่เหลือเศษซากแล้ว
“ถ้าเช่นนั้นข้าทำเองก็แล้วกัน!”
ขณะที่ทุกคนนิ่งเงียบอยู่นั้น เสียงบุรุษเรียบเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
ทุกคนได้ยินพลันหันไปมอง คนส่วนใหญ่ในดวงตาเต็มไปด้วยแววตาประหลาดใจ
ผู้ที่เอ่ยปากก็คือหลิ่วหมิง!
พวกหลัวเทียนเฉิง เวินเจิงเห็นเช่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ศิษย์น้องหลิ่ว ถ้าเป็นเจ้า…”
ฉิวหลงจื่อเห็นว่าเป็นหลิ่วหมิง คิ้วก็ขมวดนิดๆ คล้ายลังเลอยู่บ้าง
“อืม ศิษย์น้องหลิ่วยินดีรับภาระหนักหนาครั้งนี้ก็เหมาะสม อย่างไรหากไม่นับข้ากับศิษย์น้องฉิวหลงจื่อ ในที่แห่งนี้เจ้าก็มีพลังแข็งแกร่งที่สุดแล้ว” จินเทียนชื่อพยักหน้าเหมือนกับไม่ผิดคาดนักที่หลิ่วหมิงจะก้าวออกมา
ฉิวหลงจื่อเห็นเช่นนี้ก็ไม่สะดวกพูดอะไรอีก ได้แต่พยักหน้าตาม
สายตาของหลิ่วหมิงกวาดผ่านศิลารวมจิตวิญญาณกองนั้นด้วยหัวใจที่นิ่งสงบดุจผืนน้ำ
ศิลารวมจิตวิญญาณเหล่านี้สำคัญกับเขาเหลือเกิน ตอนนี้เพื่อเลื่อนระดับให้เร็วที่สุดและเพิ่มโอกาสน้อยนิดในการผนึกแก่นแท้ ต่อให้ต้องเสี่ยงอันตรายอยู่บ้างก็คุ้มค่า
ส่วนปีศาจค้างคาวเหล่านั้นด้านนอก ด้วยพลังของเขาและสมบัติหลายชิ้นในมือ แม้อยู่ท่ามกลางวงล้อม เขาก็ยังเชื่อมั่นว่าตนเองจะหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย
“ในเมื่อศิษย์น้องหลิ่วอาสาเป็นผู้กล้าแล้ว งานก็ไม่ควรชักช้า รีบลงมือหน่อยเถิด!” จินเทียนชื่อมองฝูงค้างคาวที่เรียงแถวกระจัดกระจายอยู่บนท้องฟ้าแล้วหยิบขวดหยกใบหนึ่งออกมาโยนให้หลิ่วหมิงทันที
“ได้”
หลิ่วหมิงคว้าขวดหยกไว้แล้วโยนแผ่นค่ายกลในมือคืนไป จากนั้นเขาจึงก้มศีรษะกวาดมองของในมือ
สิ่งที่เห็นคือขวดหยกสีเขียวทั้งใบ ตรงปากขวดมีจุกไม้อุดไว้แน่น ด้านบนมียันต์แผ่นหนึ่งปิดไว้ ไม่มีกลิ่นลอยออกมาสักนิด ดวงตาเขาเปล่งประกายเล็กน้อยแล้วสะบัดมือส่งปราณสีดำสายหนึ่งออกมาหอบศิลารวมจิตวิญญาณบนพื้นครึ่งหนึ่งเก็บเข้าไปในแหวนย่อส่วน
“ศิษย์น้องหลิ่ว เจ้าเพียงต้องเปิดปากขวดแล้วใช้พลังเวทกระตุ้นธาราลวงวิญญาณ ปีศาจอสูรค้างคาวเหล่านี้ก็จะถูกกลิ่นที่โชยออกมาของธาราลวงวิญญาณดึงดูด หลังจากศิษย์น้องล่อปีศาจค้างคาวเหล่านี้ไปแล้วให้ไปที่เขาศิลาดำซึ่งระบุไว้ในแผนที่ พวกเราจะไปรวมตัวกันที่นั่น” จินเทียนชื่อเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะที่หลิ่วหมิงอ้าปากเตรียมจะพูดอะไรบางอย่างนั่นเอง ในหูก็ได้ยินเสียงกระแสจิตของจินเทียนชื่อดังขึ้นอีก
“ศิษย์น้องล่อปีศาจค้างคาวค่อนครึ่งออกไปได้ระยะหนึ่งแล้วก็จงคิดวิธีพาตัวเองหนีไป เอาชีวิตตนเป็นสำคัญ”
“ไม่เป็นปัญหา” หลิ่วหมิงดวงตาเป็นประกายแล้วพยักหน้าตอบรับ
“ศิษย์น้องฉิว เจ้าก็ลงมือด้วย ช่วยข้าเปิดทางให้ศิษย์น้องหลิ่วไปจากที่นี่อย่างราบรื่น!” จินเทียนชื่อหันไปสั่งอีกคำหนึ่ง
ฉิวหลงจื่อตอบรับอย่างไม่ลังเลสักนิด มือข้างหนึ่งตบฝักหนังสีเทาดูเก่าคร่ำคร่าใบหนึ่งข้างเอว ทันใดนั้นผิวของฝักหนังก็เปล่งแสงสีเทาก่อนที่กลางฝ่ามือเขาจะมีปราณกระบี่สีทองแสบตาส่องสว่างขึ้นมา
เวลานี้หลิ่วหมิงมองสองพี่น้องโอวหยางเหมือนตั้งใจแต่ก็เหมือนไม่ตั้งใจ
ดวงเนตรงามของโอวหยางเชี่ยนวูบไหว แต่สุดท้ายก็ยังไม่เอ่ยคำใดออกมา
กลับเป็นโอวหยางฉินด้านข้างที่เอ่ยออกมาคำหนึ่ง “รักษาตัวด้วย!”
หลิ่วหมิงยิ้มน้อยๆ ให้สตรีทั้งสอง แต่ไม่เอ่ยอันใดมากเช่นเดียวกัน
“เปิด!”
ในเวลานี้เอง มือของจินเทียนชื่อก็ประหนึ่งวงล้อยิงเคล็ดวิชาออกมาหลายสิบสาย บนผิวม่านแสงสี่ชั้นของค่ายกลเบื้องหน้าส่องแสงจิตวิญญาณเจิดจ้า
จินเทียนชื่ออ้าปากพ่นลูกบอลแสงสีน้ำเงินลูกหนึ่งออกมา พร้อมกันนั้นสองมือพลันประกบกันเบื้องหน้าแล้วแยกออกซ้ายขวาช้าๆ
ลูกบอลแสงสีน้ำเงินสั่นไหวเล็กน้อย ทันใดนั้นก็มีมือใหญ่สีน้ำเงินสองข้างยืดออกมาจากด้านในจับบนค่ายกล
พร้อมกับที่จินเทียนชื่อท่องมนตร์ ผ่านไปครู่หนึ่งเกราะป้องกันของค่ายกลสี่ชั้นก็ถูกมือใหญ่สีน้ำเงินแหวกออกเป็นรอยแยกเส้นหนึ่ง
ค้างคาวกระหายเลือดด้านนอกตะลึงไปชั่วครู่ก็กรีดร้องอย่างตื่นเต้นยินดี แย่งกันโถมเข้ามาในรอยแยกทันที
“ปีศาจร้าย เจ้าบังอาจ!”
เวลานี้เองฉิวหลงจื่อพลันตวาดเสียงดังก้อง แสงสีทองที่ส่องสว่างออกมาจากมือฉับพลันระเบิดซัดไปสี่ด้านแปดทิศประหนึ่งวัตถุที่มีร่างกายในทันใด
เงากระบี่สีทองพร่ามัวสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่ หลังจากสั่นไหวครั้งหนึ่ง ปราณกระบี่น่าขนลุกจำนวนมหาศาลก็โผล่ออกมา เงากระบี่มากมายถี่ยิบพุ่งเร็วรี่ผ่านรอยแยกออกไปพร้อมกับเสียงแหวกอากาศ
ฉิวหลงจื่อประกบห้านิ้วเกิดเป็นสัญลักษณ์รูปกระบี่แล้วยิงเคล็ดกระบี่หลายสายออกไปอย่างเร็วไว เขาคำรามแผ่วเบาครั้งหนึ่ง เงากระบี่ทั้งหมดพลันประสานกลายเป็นเล่มเดียว ลำแสงสีทองขนาดใหญ่เส้นหนึ่งพุ่งดังหวีดหวิว
ชั่วขณะหนึ่งจิตกระบี่เย็นเยียบซัดสาดออกไปกลางอากาศ แสงสีทองแสบตาทำให้ศิษย์สายในที่มองดูอยู่พากันเปลี่ยนสีหน้าแล้วเพ่งมองสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า
ฟุบ!
ค้างคาวสิบกว่าตัวที่โถมเข้ามาในรอยแยกถูกลำแสงสีทองกลืนเข้าไปแล้วฟาดฟันจนกลายเป็นฝนโลหิตในพริบตา จากนั้นเงางูยักษ์สีทองยาวสามสิบกว่าจั้งที่ดูประหนึ่งมีชีวิตตัวหนึ่งก็โผล่ออกมาจากในลำแสง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ดวงตาพลันเปล่งประกาย ฉิวหลงจื่อไม่เสียทีที่เป็นศิษย์ลับ พลังของวิชากระบี่ในเวลานี้บริสุทธิ์น่าตะลึงขึ้นกว่ายามนั้นในวิหารวิญญาณกระบี่อีก
“จิตวิญญาณทองนองเลือด!”
ฉิวหลงจื่อตวาดเสียงดัง ขณะที่มือตั้งท่าเคล็ดกระบี่สะบัดอย่างรุนแรง
เงาของงูยักษ์สีทองเลื้อยวนสูงขึ้นไปบนฟ้ารอบหนึ่งแล้วอ้าปากกว้าง แสงสีทองดวงแล้วดวงเล่าพุ่งพรวดออกมา แสงรัศมีสีทองแสบตาส่องสว่างวูบวาบ ฉับพลันทันใดพวกมันก็กลายเป็นปราณกระบี่น่าขนลุกนับไม่ถ้วนฟาดฟันไปทุกทิศ
ชั่วเวลาเพียงสองสามลมหายใจ ค้างคาวกระหายเลือดร้อยกว่าตัวที่อยู่ใกล้รอยแยกก็ถูกฟันครั้งเดียวหายไปหมดสิ้น กลิ่นคาวโลหิตแสบจมูกอบอวล!
ฝูงค้างคาวดวงตาสีโลหิตด้านนอกหุบเขาที่เดิมทีคิดจะพุ่งผ่านรอยแยกเข้ามาเห็นภาพนี้ก็ทยอยส่งเสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัว หยุดพุ่งเข้ามาทันที
ตอนนี้เองจินเทียนชื่อจึงยกมือข้างหนึ่งขึ้นสะบัด ยันต์สีเงินแผ่นหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกไปก่อนจะกลายเป็นลูกบอลแสงสีเงินลูกหนึ่งพร้อมกับเสียงอสนีบาตคำรน มันพร่าเลือนวูบหนึ่งแล้วหายวับไป
ครู่ต่อมากลางฝูงค้างคาวนอกรอยแยกก็บังเกิดระลอกคลื่น ลูกบอลแสงสีเงินปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าแล้วระเบิดออกพร้อมแสงสว่างวาบ กลายเป็นอสนีบาตเส้นหนาจำนวนมากพุ่งรวดเร็วออกไปสี่ด้านแปดทิศ
เสียงบึ๊มดังสนั่น ศพค้างคาวดำเกรียมนับไม่ถ้วนร่วงหล่นจากท้องฟ้า
ฝูงค้างคาวที่แต่เดิมล้อมอยู่ชั้นแล้วชั้นเล่าถูกอสนีบาตนับไม่ถ้วนที่ถักทอเป็นผืนกำจัดจนกลายเป็นทางเส้นหนึ่ง
หลิ่วหมิงที่เตรียมตัวมานานแล้วขยับร่างเพียงครั้งเดียวก็พลันกลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่ง ทะลวงผ่านรอยแยกบนเกราะป้องกันของค่ายกลเข้าไปในทางเส้นนั้นในพริบตา ทั้งยังฉวยโอกาสที่ปีศาจค้างคาวใกล้ๆ ยังไม่ทันตอบสนองพุ่งหายวับออกไป
“ดี!”
ฉิวหลงจื่อเห็นเช่นนี้ก็โล่งอก มือข้างหนึ่งทำท่าเคล็ดวิชาอีกครั้ง
แสงสีทองเจิดจ้าสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าฉับพลันม้วนตัวกลับเข้ามาตรงกลางประหนึ่งวาฬดูดน้ำ พร้อมกันนั้นเงางูยักษ์สีทองที่แสงจิตวิญญาณบนผิวหม่นแสงอยู่บ้างก็แหงนหน้าขึ้นฟ้ากรีดร้องคำราม ร่างกายหมุนควงครั้งหนึ่งแล้วพุ่งเข้าไปในรอยแยกด้านล่าง ระหว่างทางก็กลับกลายเป็นกระบี่บินสีทองบางประหนึ่งปีกจักจั่นอีกครั้ง จากนั้นพุ่งหายวับเข้าไปในฝักกระบี่สีเทาข้างเอวของฉิวหลงจื่อ
แทบจะในเวลาเดียวกับที่ฉิวหลงจื่อเก็บกระบี่บินกลับไป จินเทียนชื่อก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นสะบัด มือยักษ์สีน้ำเงินสองข้างที่แหวกเปิดค่ายกลอยู่พังทลายเสียงดังกึกก้องกลายเป็นประกายแสงสีน้ำเงินจุดแล้วจุดเล่า
รอยแยกบนเกราะป้องกันของค่ายกลประสานสนิทในชั่วพริบตา
ในที่สุดปีศาจค้างคาวกระหายเลือดด้านนอกหุบเขาที่เดิมทีถูกปราณกระบี่ของฉิวหลงจื่อข่มไว้ก็ได้สติกลับมา พวกมันจำนวนไม่น้อยกรีดร้องเสียงแหลมพากันหมุนตัวไล่ตามหลิ่วหมิงไปทันที
ตัวที่นำหน้ามาย่อมเป็นปีศาจค้างคาวกระหายเลือดระดับผลึกทั้งสองตัว พวกมันกระพือปีกค้างคาวยาวราวสิบจั้งโถมเข้ามาพร้อมกับอ้าปากกว้าง ลำแสงสีเลือดสองสายพุ่งเร็วรี่นำไปก่อน
หลิ่วหมิงแค่นเสียงหยัน ปราณดำพลุ่งพล่านทะลักออกมา ร่างกายพร่าเลือนวูบหนึ่ง ครู่ต่อมาคนก็ปรากฏตัวตรงที่ว่างห่างจากลำแสงสีเลือดที่พุ่งมาสิบกว่าจั้ง
ปีศาจค้างคาวระดับผลึกสองตัวกรีดร้องเกรี้ยวกราด พายุปีศาจสีเลือดบนร่างพัดโหมอีกครั้ง แสงสีเลือดยาวครึ่งฉื่อผุดจากกรงเล็บคมสองข้างพุ่งเร็วรี่ไล่ตามไปยังจุดที่หลิ่วหมิงอยู่
ปราณดำบนร่างหลิ่วหมิงเข้มขึ้น ทั้งร่างกลายเป็นเส้นสีดำเหาะหนีไปอีกด้านหนึ่งของหุบเขา สลัดปีศาจค้างคาวกระหายเลือดระดับผลึกสองตัวด้านหลังทันที
ในเวลาเดียวกันนี้ยันต์บนขวดหยกสีเขียวในแขนเสื้อเขาก็ถูกเขาฉีกออกเงียบๆ ปราณดำสายหนึ่งทะลักออกมาหุ้มปากขวดไว้
ครู่ต่อมาในขวดหยกก็อบอวลไปด้วยกลิ่นประหลาด ดมดูเหมือนกลิ่นไม้จันทร์อยู่บ้าง แต่ก็มีกลิ่นคาวอยู่ด้วยเล็กน้อย
กลิ่นนี้สำหรับหลิ่วหมิงแล้ว นอกจากประหลาดอยู่บ้างก็ไม่ให้ความรู้สึกอื่นใดอีก แต่หลังจากปีศาจค้างคาวทั้งหลายที่ไล่ตามหลังมาสูดเข้าไป ดวงตาสีเลือดกลับโชนแสง ทอประกายแสงสีเลือดอันละโมบออกมาทันทีราวกับมองเห็นของที่ปรารถนาอย่างที่สุด
ค้างคาวกระหายเลือดเหล่านั้นที่ไล่ตามติดหลิ่วหมิงอยู่ฉับพลันเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างมากในทันใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีศาจค้างคาวระดับผลึกสองตัวที่นำอยู่ด้านหน้า แสงสีเลือดในดวงตาส่องสว่าง พายุปีศาจบนร่างเข้มทึบกลายเป็นเมฆสีโลหิตสองแถบ ไล่ตามมาเร็วรี่ประหนึ่งอสนีบาตจวนเจียนจะไล่ตามหลิ่วหมิงทัน
“ได้ผลจริงๆ!”
ดวงตาหลิ่วหมิงทอประกายวูบหนึ่ง เขาไม่พูดพร่ำยกมือข้างหนึ่งตั้งท่าเคล็ดวิชา แสงสีเงินส่องสว่างบนแผ่นหลัง ปีกเนื้อสีเงินกางออกในทันใด เพียงกระพือแรงๆ ครั้งเดียว ทั้งร่างก็พร่าเลือนหายวับไปห่างหลายสิบจั้ง ดึงระยะห่างจากฝูงค้างคาวด้านหลังอีกครั้งแล้วเริ่มวนรอบหุบเขาอย่างห่างๆ หนึ่งรอบใหญ่
ขณะที่เขากระตุ้นพลังเวท ธาราลวงวิญญาณในขวดหยกก็ส่งกลิ่นหอมเข้มขึ้นเรื่อยๆ เขาเหาะไปถึงตรงไหน ค้างคาวกระหายเลือดตรงนั้นก็เหมือนแมลงวันได้กลิ่นคาวเลือด พากันเลิกโจมตีชั้นจำกัดในหุบเขาแล้วหมุนตัวไล่ตามเขามา
หลิ่วหมิงเหาะวนรอบหุบเขาอย่างเร็วไวได้ครึ่งรอบกว่าเท่านั้น ฝูงค้างคาวกระหายเลือดที่ล้อมหุบเขาอย่างแน่นขนัดอยู่แต่เดิมก็ถูกกลิ่นของธาราลวงวิญญาณล่อเข้ามาแปดเก้าในสิบส่วน
เวลานี้ห่างไปร้อยกว่าจั้งหลังร่างเขา ปีศาจค้างคาวสีดำแดงรวมตัวกันประหนึ่งก้อนเมฆขนาดมโหฬารอย่างที่สุด ทำให้คนไม่น้อยในหุบเขาเห็นแล้วตกใจอย่างยิ่ง
พวกเขาเชื่ออย่างสนิทใจว่าหากหลิ่วหมิงพาดพลั้งหรือพลังเวทขาดตอนสักนิดเดียว ไม่ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งลมหายใจก็คงจะสาบสูญไปจากโลกใบนี้อย่างสิ้นเชิง กระทั่งเศษซากสักนิดก็ไม่เหลือไว้
คนที่มีมิตรไมตรีอันดีกับหลิ่วหมิงเช่นพี่น้องโอวหยางเผยสีหน้ากังวลออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“พอประมาณแล้ว…” ทันใดนั้นหลิ่วหมิงที่กำลังกระพือปีกสีเงินโบยบินอยู่ก็เอ่ยพึมพำขึ้น หลังจากแยกทิศทางเล็กน้อย เขาก็แหวกท้องฟ้ามุ่งออกไปไกลทันที
แทบจะในเวลาเดียวกันนี้เองเหนือศีรษะเขาพลันเกิดคลื่นไหวกระเพื่อม พร้อมกับที่แสงสว่างมืดหม่นลง ค้างคาวยักษ์ขนาดยี่สิบกว่าจั้งตัวหนึ่งแหวกท้องฟ้าเข้ามา มันก็คือค้างคาวกระหายเลือดระดับแก่นแท้ตัวนั้น!
ปีศาจอสูรตัวนี้จ้องหลิ่วหมิงอย่างละโมบ แต่ในดวงตากลับยังคงกระจ่างใสอยู่เสี้ยวหนึ่ง พริบตาที่ปรากฏตัวกรงเล็บยักษ์ทั้งสองข้างพลันกลายเป็นเงากรงเล็บนับไม่ถ้วนตะปบลงมาหาหลิ่วหมิงจากทั่วทุกสารทิศ