ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 907 มนุษย์ปีศาจปรากฏตัว
หลังจากเสียง “ฟู่” ดังขึ้นหลายครั้ง บ้านหลังเล็กทั้งหลังฉับพลันก็กลายเป็นโคลนและทรายสีเหลืองเต็มฟ้า พังทลายไปกลางอากาศ
ศิษย์คนอื่นเห็นก็เลียนแบบการกระทำของเขา พวกเขาแยกย้ายไปรอบด้าน กระตุ้นวิชามารในร่าง ผนึกฝ่ามือมารใหญ่หนึ่งจั้งกว่าข้างแล้วข้างเล่าออกมาทำลายซากบ้านโคลนเตี้ยผุพังที่เหลืออยู่เหล่านั้นอย่างบ้าคลั่ง
ชั่วขณะหนึ่งเสียงโครมครามดังสนั่นกึกก้องไปทั่วบริเวณซากหมู่บ้าน
เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งเค่อ ซากหมู่บ้านทั้งหมดก็ถูกศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับเจ็ดแปดคนร่วมมือกันถอนรากถอนโคนจนกลายเป็นซากดินโคลนสมชื่อ บนตีนเขาอันโล่งเตียนเวลานี้นอกจากรูปสลักที่โดดเดี่ยวตรงกลางซากปรักหักพังก็ไม่มีสิ่งใดบดบังอีกต่อไป
“ยังไม่เจออีก! ตอนนี้เข้ามาในเศษซากโลกบนเจ็ดวันแล้วยังไม่ได้สิ่งใดมาเลย ไม่สู้พวกเราไปรวมตัวกับศิษย์พี่คนอื่น ตามหาสมบัติมารชิ้นอื่นเถิด” ศิษย์รูปร่างเตี้ย ใบหน้าเต็มไปด้วยจุดดำคนหนึ่งในนั้นถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้นมา
“เจ้าพวกไร้ประโยชน์ กระทั่งศิลามารก้อนเล็กๆ นี่ยังหาไม่พบ ยังเพ้อฝันว่าจะได้แตะต้องสมบัติมารอีกหรือ? พวกเราล้วนเป็นผู้ฝึกฝนวิชามาร ไม่ว่าศิลามารหรือสมบัติมารล้วนต้องอาศัยไอปีศาจของตนสัมผัสตำแหน่งของมัน หากค้นหาศิลามารที่นี่ไม่พบ เจ้าโง่อย่างเจ้ายิ่งอย่าได้เพ้อฝันถึงสมบัติมาร” แววตาของหลงเซวียนเย็นเยียบ ตำหนิเขาเสียงดัง
“หลงเซวียน เจ้าพูดอะไร? อย่าคิดว่ายามปกติอาจารย์เอ็นดูเจ้าเป็นพิเศษก็คิดว่าตนเป็นศิษย์พี่ระดับแก่นแท้จริงๆ!” ชายหนุ่มตัวเตี้ยได้ยินก็โกรธจัดทันที
“เหอะ ข้ารู้มานานแล้วว่าเจ้าไม่พอใจยิ่งนักที่ข้าเป็นหัวหน้าของการมาครั้งนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าจะลองลงมือดูก็ได้ อย่างไรพวกเรานิกายปีศาจก็นับถือกันที่ความแข็งแกร่งมาตลอด!” หลงเซวียนตอบกลับด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ชายหนุ่มตัวเตี้ยได้ยิน รูม่านตาพลันหดเล็กลงทันที เขาจ้องหลงเซวียนเขม็งครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะเหี้ยมเกรียมเอ่ยขึ้นว่า
“เจ้าพูดไม่ผิด ข้าสงสัยฉายาอันดับหนึ่งระดับผลึกแห่งสายในของเจ้ามานานแล้วว่าจริงสมชื่อหรือไม่ ในเมื่อเจ้าเอ่ยเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว”
สิ้นเสียง ชายหนุ่มร่างเตี้ยก็ตั้งท่าเคล็ดวิชาด้วยมือหนึ่ง ไอปีศาจสีดำทั่วร่างพลุ่งพล่านทะลักออกมาในทันใด
หลงเซวียนแค่นสียงหยันอย่างดูแคลนจากนั้นพลิกมือข้างหนึ่ง เพลิงมารสีเขียวดวงหนึ่งก่อตัวขึ้นกลางฝ่ามือ พร้อมกับที่ห้านิ้วของเขาขยับต่อเนื่อง เพลิงมารสีเขียวก็กลายเป็นอสรพิษประหลาดสีเขียวขนาดย่อส่วนตัวหนึ่ง
ศิษย์สามคนที่เหลือด้านข้างเห็นสถานการณ์ก็ไม่มีความคิดจะห้ามปรามแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับพากันถอยออกไปหลายก้าว ท่าทางแสดงชัดว่าหมายจะนั่งชมพยัคฆ์สู้กัน
หลังจากอสรพิษน้อยสีเขียวส่งเสียงดังฟ่อก็ขยายขนาดจนตัวหนาเท่าชามข้าวและยาวสองสามจั้ง
“วิชาวิญญาณมารชิงหยางหรือ? เป็นไปไม่ได้! วิชานี้หากไม่ใช่ศิษย์ระดับแก่นแท้ของนิกายเราน่าจะฝึกฝนไม่ได้สิ!” ชายหนุ่มร่างเตี้ยเห็นเช่นนี้พลันหน้าถอดสีโพล่งออกมาทันที กระทือสองเท้าจากนั้นกลายเป็นเงาสีดำร่างหนึ่งพุ่งพรวดถอยไปข้างหลังในทันใด
หลงเซวียนหัวเราะหยัน นิ้วหนึ่งจิ้มแผ่วเบาด้วยท่าทางสบายๆ เพลิงสีเขียวก็ลุกโชนบนร่างอสรพิษประหลาดสีเขียว จากนั้นมันก็โถมออกไปกลางอากาศด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม
ชายหนุ่มร่างเตี้ยไม่กล้าฝืนรับการโจมตีนี้สักนิด เงาร่างของเขาขยับหลบไม่หยุด กลายเป็นสายลมสีดำสายหนึ่งพยายามหลบหลีกสุดชีวิต แต่อสรพิษประหลาดสีเขียวกลับไล่ตามติดไม่ลดละประหนึ่งสิ่งมีชีวิต
แต่ยามนี้ซากหมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นพื้นที่ว่างโล่งผืนหนึ่ง ไม่มีที่ให้หลบได้สักเท่าไร หลังจากชายหนุ่มร่างเตี้ยกลายเป็นเงาดำขยับหลบไม่กี่ครั้งก็ปรากฏตัวขึ้นตรงรูปสลักหินรูปนั้นใจกลางซากปรักหักพัง
“หยุด ข้ายอมแพ้! ในเมื่อเจ้าฝึกฝนวิชามารชิงหยางแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องลงมือต่ออีก!” เสียงวิงวอนแผ่วเบาของชายหนุ่มร่างเตี้ยดังขึ้นด้านหลังรูปสลักหิน
“สายไปแล้ว!”
หลังหนึ่งประโยคอันเย็นชาของหลงเซวียน มือข้างหนึ่งของเขาก็เหยียดงอไปด้านหน้า อสรพิษประหลาดสีเขียวฉับพลันบิดร่างกลางอากาศพุ่งรวดเร็วเข้าไปตรงที่รูปสลักหินตั้งอยู่
“อ้าก!”
เสียงเปรี้ยงดังสนั่น รูปสลักหินทั้งชิ้นระเบิดกลายเป็นก้อนหินยักษ์เต็มฟ้ากระเด็นไปรอบด้าน เสียงกรีดร้องดังขึ้นครั้งหนึ่ง เงาดำที่ทั้งร่างถูกเปลวเพลิงสีเขียวลุกท่วมก็พุ่งพรวดออกมาชนเข้ากับภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งใกล้ๆ กลิ่นอายชีวิตที่แผ่ออกมาจากตัวเขามลายหายไปอย่างรวดเร็ว เห็นชัดว่าคงไม่รอดแล้ว
ขณะที่ศิษย์ที่ยืนดูเงียบๆ เป็นจั๊กจั่นฤดูหนาวอยู่นั้น ผลึกหินที่ทอแสงสีดำเรืองรองทั้งก้อนขนาดเท่ากำปั้นก้อนหนึ่งก็ปลิวกระเด็นออกท่ามกลางเศษหิน คลื่นไอปีศาจบริสุทธิ์อย่างที่สุดสายหนึ่งแผ่ออกมา
“นี่มัน…ศิลามาร!” ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับคนหนึ่งที่ชมการต่อสู้อยู่ด้านข้างตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้นทันที
หลงเซวียนก็เผยสีหน้ายินดีอย่างยิ่งออกมาด้วย แขนข้างหนึ่งขยับทันทีหมายจะคว้าศิลามารก้อนนี้ไป
เวลานี้เองเสียง “ฟึบ” ก็ดังขึ้นครั้งหนึ่ง แถบสีดำสายหนึ่งไม่รู้แหวกอากาศมาจากที่ใด พุ่งเข้ามาม้วนศิลามารสีดำทั้งก้อนจากไป
“รนหาที่ตาย”
“ฮ่าๆ ถึงคราวจะได้ก็ได้มาอย่างไม่เสียแรงจริงๆ!”
เสียงดังสนั่น!
หลงเซวียนต่อยหนึ่งหมัดออกไปอย่างโกรธจัด ทว่าหลังจากพลังมหาศาลพุ่งเข้าชน แถบสีดำนั่นกลับพร่าเลือนหลบหลีกไปได้อย่างง่ายดาย
จากนั้นคลื่นกระเพื่อมก็ก่อตัวขึ้นกลางอากาศ เงาคนสามร่างลอยออกมาจากแถบสีดำในทันใด
“พวกเจ้าเป็นใคร? กล้ากำเริบเสิบสานต่อหน้านิกายเรา!” หลงเซวียนตวาดเสียงดังอย่างเกรี้ยวกราดที่สุด
ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับสามคนที่เหลือก็ไม่พูดพร่ำล้อมเข้ามาด้วย
“ฮ่ะๆ ได้ยินมานานแล้วว่าแผ่นดินจงเทียนมีนิกายใหญ่ที่สืบทอดมานับแต่ยุคโบราณแห่งหนึ่งที่ร่ำเรียนวิชาของพวกเรามนุษย์ปีศาจ วันนี้ได้พบ ช่างมีดีแต่ชื่อโดยแท้ มีแต่เปลือก ไร้จิตวิญญาณ!” บุรุษผู้มีลวดลายจิตวิญญาณสีดำกับน้ำเงินสองสีแผ่ทั่วร่าง มองเห็นใบหน้าไม่ชัดคนหนึ่งในนั้นหัวเราะเสียงประหลาดแล้วเอ่ยขึ้นมา
“พวกเจ้าคือ…คือมนุษย์ปีศาจจากแผ่นดินว่านหมัวหรือ?” เมื่อศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับคนหนึ่งเห็นหน้าตาของบุรุษผู้นี้ชัดก็หลุดปากออกมาทันที
ศิษย์ของนิกายปีศาจลี้ลับคนอื่นรวมถึงหลงเซียนหน้าถอดสีเช่นเดียวกันในทันที
มนุษย์ปีศาจที่ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับผู้นี้พูดถึง ไม่ได้หมายถึงเผ่ามารที่แท้จริงในยุคโบราณ แต่หมายถึงทายาทของเผ่ามนุษย์ผู้ต้องไอปีศาจจนกลายสภาพเป็นมารในยุคโบราณ วันนี้นับได้ว่าเป็นเผ่าหนึ่งในหมู่พวกต่างเผ่า ปัจจุบันน่าจะอาศัยอยู่บนแผ่นดินว่านหมัวที่ห่างจากแผ่นดินจงเทียนไม่รู้กี่ลี้เป็นหลัก ปกติไม่อาจปรากฏตัวที่แผ่นดินจงเทียนได้
มนุษย์ปีศาจเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนครอบครองมรดกวิชาของเผ่ามารที่ใกล้เคียงของแท้ วิชาสายปีศาจทั่วไปที่เผยแพร่บนแผ่นดินจงเทียนเวลานี้ไม่อาจเทียบได้แม้แต่น้อย กระทั่งอาจกล่าวได้ว่าวิชาของพวกเขามีฤทธิ์เดชข่มอยู่หน่อยๆ
การเดินทางมายังเศษซากโลกบนรอบที่แล้วก่อนหน้านี้ มนุษย์ปีศาจของแผ่นดินว่านหมัวทำให้ผู้ฝึกฝนสายปีศาจของแผ่นดินจงเทียนไม่น้อยตกที่นั่งลำบาก นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่หลงเซวียนกับศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับคนอื่นล้วนหน้าถอดสี
“ในเมื่อรู้จักพวกเรา ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ใช่จะไว้ชีวิตพวกเจ้าสักครั้งไม่ได้ ขอเพียงตอนนี้ว่าง่ายสาบานจะทำงานรับใช้พวกเรา หากทำผลงานได้ดี พวกเราจะพาพวกเจ้ากลับแผ่นดินว่านหมัว มอบคัมภีร์ของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ให้ฝึกฝน…” มนุษย์ปีศาจตาเดียวริมฝีปากสีดำที่ดวงตาข้างซ้ายเป็นรูขนาดเท่ากำปั้นหัวเราะชั่วร้ายอย่างน่าขนลุก ดวงตาที่เหลือเพียงข้างเดียวนั่นเหมือนมีปราณดำสายเล็กๆ ไหลวนอยู่ไม่หยุด
คำพูดที่มนุษย์ปีศาจตาเดียวตนนี้เอ่ยออกมาคล้ายจะแฝงเจตนาล่อลวงอยู่เลือนราง ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับสามคนที่เหลือมองหน้ากันอย่างอดไม่ได้ สายตาทุกคนล้วนหวั่นไหว
“น่าขำ! มนุษย์ปีศาจอย่างพวกเจ้ากับเผ่ามนุษย์ของพวกเรายืนอยู่คนละฝั่ง จะให้พวกเรายอมจำนน เพ้อฝันโดยแท้ ไป!”
หลงเซวียนสีหน้ากลับคืนเป็นปกติอย่างรวดเร็วยิ่ง จากนั้นเขาจึงแค่นเสียงหยันตะคอกคำรามออกมาแผ่วเบา ดวงตาทั้งสองข้างฉายแสงสีเขียววูบหนึ่งแล้วกางสองแขนออก
เสียง “ฟู่” สองครั้งดังออกมา อสรพิษประหลาดที่ร่างกายหุ้มด้วยเพลิงสีเขียวยาวสิบกว่าจั้ง หนาดุจถังน้ำสองตัวบินพุ่งออกมาจากสองแขน เป้าหมายก็คือมนุษย์ปีศาจตาเดียว
มนุษย์ปีศาจตาเดียวผู้นั้นหัวเราะอย่างดูแคลนแล้วสะบัดแขนเสื้อด้วยท่าทางสบายๆ สายลมคลั่งสีดำหอบหนึ่งพัดหวีดหวิวออกมา หลังจากหมุนวนกลางท้องฟ้ารอบหนึ่ง มันก็ปั่นอสรพิษประหลาดสีเขียวสองตัวจนระเบิดเป็นละอองแสงสีเขียวกระจายหายไปในพริบตา
“คนรุ่นหลังเผ่ามนุษย์ผู้ไม่รู้จักประมาณตน ในเมื่องมงายไม่รู้สึกตื่น ถ้าเช่นนั้นให้ข้าส่งพวกเจ้าออกเดินทางครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน!”
หลังจากมนุษย์ปีศาจตาเดียวคนนั้นเอ่ยเสียงราบเรียบหนึ่งประโยค เพลิงมารก็ลุกโหมขึ้นทั่วร่าง แขนข้างหนึ่งเหวี่ยงสะบัด ไอปีศาจบนแขนพลันก่อตัวกลายเป็นคมดาบมารสีดำยาวสองสามจั้งเล่มหนึ่งพุ่งออกมา
จุดที่คมดาบมารพาดผ่าน อากาศพลันเกิดคลื่นบิดเบี้ยว ส่งเสียง “ฉึบ” ออกมาดังสนั่น
ศิษย์สามคนของนิกายปีศาจลี้ลับตกตะลึง แต่จากนั้นสองมือก็ทำท่ามือท่าหนึ่งตรงหน้าอกแล้วโจมตีออกไปหนึ่งฝ่ามืออย่างพร้อมเพรียง เกิดเป็นฝ่ามือมารขนาดใหญ่หนึ่งจั้งกว่าหลายข้างประจันเข้าใส่
เสียง “ปัง” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
ฝ่ามือมารสีดำหลายข้างสัมผัสถูกคมดาบมารสีดำก็พังทลายลงอย่างน่าประหลาด พร้อมกันนั้นไอปีศาจสายแล้วสายเล่าก็ม้วนตัวจากบนฝ่ามือยักษ์ที่พังทลายแทรกเข้าไปในคมดาบมาร ทำให้คมดาบมารขยายใหญ่พรวดเดียวเป็นเจ็ดแปดจั้งในพริบตา
ศิษย์ของนิกายปีศาจลี้ลับทั้งสามคนปฏิกิริยาว่องไวอย่างที่สุด พากันถอยพรวดออกไปสองฝั่งในทันใด
เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
คมดาบมารมหึมาฟันลงบนพื้นดินอย่างรุนแรง หลังจากปราณสีดำที่พลุ่งพล่านดับลง บนพื้นดินก็เกิดร่องลึกมหึมายาวสิบกำว่าจั้ง ลึกสามสี่จั้งเส้นหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด ไอปีศาจสีดำเรียวเล็กลอยขึ้นมาจากด้านในไม่ขาด
ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับสามคนนั้นที่แยกกันร่อนลงสองฝั่งของร่องลึกและเพิ่งตั้งหลักได้อย่างหวุดหวิดเห็นสิ่งนี้ก็ตะลึงงันในทันใด ทั้งแผ่นหลังเย็นยะเยือก!
เห็นชัดว่าพลังที่มนุษย์ปีศาจเหล่านี้แสดงออกมาเหนือกว่าจิตนาการของพวกเขาไปไกล!
“เจ้าหนูผมเขียวที่เป็นหัวหน้าคนนั้นยกให้ข้าก็แล้วกัน! คนที่เหลือเจ้าสองคนจัดการ แม้สิ่งที่คนเหล่านี้ฝึกฝนจะไม่ใช่ไอปีศาจอันบริสุทธิ์ที่สุด แต่มากน้อยก็เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยจานหนึ่ง เติมพลังเวทที่พร่องไปหลายวันนี้ได้ดี จำไว้จงสู้เร็วจบเร็ว รีบเอาเวลาไปทำงานหลัก!” ทันใดนั้นมนุษย์ปีศาจที่บนใบหน้าเต็มไปด้วยตุ่มหนองสีดำอัปลักษณ์อย่างยิ่งคนนั้นตรงกลางก็เอ่ยกับมนุษย์ปีศาจตาเดียวรวมถึงมนุษย์ปีศาจที่ใบหน้าพร่ามัวไม่ชัดคนนั้นด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง
หลังจากนั้นเขาก็ไม่รอสองคนที่เหลือตอบ ร่างกายลอยเหาะไปหาหลงเซวียนทันที สองตาเต็มไปด้วยแววตาละโมบราวกับมองเหยื่อตัวหนึ่งที่เอื้อมมือคว้ามาได้ง่ายๆ
ส่วนมนุษย์ปีศาจอีกสองคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะหึๆ จากนั้นเดินไปหาศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับที่แยกกันอยู่สองฝั่งของร่องลึกอย่างรู้ใจกันดี
แววตาของหลงเซวียนหวาดผวาไปวูบหนึ่ง มือข้างหนึ่งตั้งท่าเคล็ดวิชา เพลิงสีเขียวมากมายรอบร่างกลายเป็นอสรพิษประหลาดสีเขียวตัวแล้วตัวเล่าพุ่งเร็วรี่ออกไปต่อเนื่องไม่ขาดสายอีกครั้ง
อสรพิษประหลาดสีเขียวมากมายบิดร่างกลางอากาศแล้วส่งเสียงฟ่อพุ่งเข้าใส่มนุษย์ปีศาจหน้าตุ่มหนองอย่างคลุ้มคลั่ง
ทว่ามนุษย์ปีศาจผู้นี้กลับเพียงกางสองแขนออกอย่างสบายๆ ไอปีศาจสีดำรอบร่างพร่าเลือนวูบหนึ่งก็กลายเป็นเพลิงมารท่วมฟ้าสีดำสนิทแถบใหญ่ประจันหน้าเข้าใส่อสรพิษประหลาดสีเขียวมืดฟ้ามัวดิน
ภาพที่น่าตะลึงปรากฏขึ้น
อสรพิษประหลาดที่เดิมทีมีเพลิงสีเขียวลุกโหมหุ้มรอบร่างดูประหนึ่งมีชีวิต เมื่อแตะถูกเพลิงมารนี่เพียงนิดเดียวก็ส่งเสียงดังเปรี๊ยะไม่หยุดแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอยประหนึ่งตุ๊กตาวัวโคลนจมลงในทะเล กระทั่งคลื่นสักนิดก็ไม่เกิดขึ้น!