ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 644 เทพสรรพชีวิตที่ตกลงไปในผนึก
“ดวงตา…”
เด็กหนุ่มบนเรือเหาะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งอย่างแรง พวกเขาพยายามที่จะมองลงไปในห้วงอวกาศอันลึกล้ำเพื่อให้เห็นภาพอันชัดเจนของดวงตาเทพสรรพชีวิต แต่พวกเขาก็เห็นเพียงแสงสว่าง
หลิงอวี้จิวพึมพำ “หากว่าเรือนี้ต้องแล่นไปถึงสองวัน ถึงจะมองเห็นดวงตาเทพสรรพชีวิตได้ทั้งดวง แล้วร่างที่แท้จริงของเทพสรรพชีวิตนั้นจะใหญ่ขนาดไหน”
“เขาน่าจะใหญ่โตพอกับภูติบดี”
ฉินมู่กล่าว “ข้าเคยเห็นร่างที่แท้จริงของภูติบดีมาก่อน เขาของเขาประกอบขึ้นมาจากโลกที่ถูกทำลายล้าง และพวกมันก็กว้างใหญ่ไพศาลไร้ปานเปรียบ เทพที่กำเนิดขึ้นมาโดยธรรมชาติอย่างเขามีกำลังฝีมืออันเหนือธรรมดา ซึ่งมนุษย์ไม่มีวันคิดฝันไปถึง”
ชื่อซีกล่าว “หากว่าเจ้าสามารถมองเห็นร่างทั้งหมดของเทพสรรพชีวิตได้ เจ้าก็จะสามารถเห็นได้ว่ามีดวงอาทิตย์กี่ดวงที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเขา”
เรือเหาะแล่นข้างในสายตาของเทพสรรพชีวิตอันส่องแสงเจิดจ้า แม้ว่าความเร็วของเรือจะเร็วยิ่ง แต่ดวงตาของเทพสรรพชีวิตมหึมาเกินไป หลังจากแล่นไปสองวันสองคืน ฉินมู่และคนอื่นๆ ก็หันกลับไป และในที่สุดพวกเขาก็มองเห็นเค้าโครงของดวงตา
ดวงตานี้ที่ส่องแสงอันไร้ประมาณออกมา อย่าว่าแต่จะบดบังสายตาของพวกเขาเลย แม้แต่เรือเหาะที่พวกเขานั่งอยู่ก็กลายเป็นเล็กจิ๋วไม่สลักสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ยังไม่สามารถมองเห็นร่างทั้งหมดของเทพสรรพชีวิตได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเห็นดวงตาของเขาแล้วก็ตาม
ขณะที่ฉินมู่จ้องไปนั้น ใบหลิวทองคำบนดวงตาของเขาก็ดูเหมือนจะถูกเป่าจากลมกระแสหนึ่ง และมันพลันร่วงตกลงจากหว่างคิ้ว
เขาแตกตื่นทันที และรีบคว้าจับใบหลิวทองคำเอาไว้ ในตอนนั้นเอง เขาก็พลันรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมุดเข้าไปในดวงตาที่สาม
สิ่งที่มุดเข้าไปนั้นเป็นสายแสงเส้นหนึ่ง อันหายวับไปทันทีที่เข้าดวงตา
ฉินมู่ฉงนฉงาย เขาขยับจิตวิญญาณดั้งเดิมไปรอบๆ เพื่อค้นหา แต่ไม่อาจพบความผิดปกติใดๆ ในดวงตาที่สามของตน
“หรือว่าข้าจะคิดไปเอง” เขาอุทานในใจพลางหยิบใบหลิวทองคำขึ้นมาและแปะมันกลับไปที่หว่างคิ้วใหม่อีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันนั้น ข้างในห้วงลึกของดวงตาที่สามของเขา และท่ามกลางชั้นของเวทปิดผนึกต่างๆ ในความมืดอันลึกล้ำ มีแผ่นปฐพีกว้างใหญ่ไพศาลลอยอยู่ลำพัง แผ่นปฐพีนี้คือจี้หยกของเขา มันมียอดเขามากมายที่ร้อยเชื่อมต่อกันเป็นคำว่า ‘ฉิน’ อยู่
เหนือแผ่นปฐพีนี้ เสียงของมหาพุทธเจ้ากำลังกึกก้องไปบนท้องฟ้า เสียงพุทธอันลอยล่องกำลังพยายามสะกดข่มตัวตนอันดุร้ายที่ถูกปิดผนึกเอาไว้ในแผ่นปฐพีนี้
ในตอนนั้นเอง ลำแสงรัศมีหนึ่งก็สาดส่องเข้ามา และจุดแสงสว่างแก่แผ่นปฐพีในความมืด ลำแสงนี้เคลื่อนไปมาในท้องฟ้าอย่างไม่หยุดนิ่ง วนเวียนไปรอบๆ ผนึกคำว่าฉินอย่างต่อเนื่อง
ในใจกลางของผนึกคำว่าฉิน เด็กทารกตัวมหึมากำลังนอนอยู่ที่นั่นด้วยความเบื่อหน่าย เสียงอ้อแอ้ขี้เล่นของเขาดังมาขณะที่เขาพูดไม่ได้ศัพท์พลางอมหัวแม่มือเอาไว้ในปาก
ทารกนี้คือฉินเฟิงชิง เขาดึงหัวแม่มือออกจากปากเมื่อสังเกตเห็นแสง สีหน้าของเขาพลันดุร้ายทันที เผยปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวคมกริบ “เจ้าตัวใหญ่ เจ้ามองหาอะไร หากยังจ้องอยู่อย่างนี้ ข้าจะกินเจ้า!”
“ข้าก็ย่อมจ้องมองเจ้าน่ะสิ”
แสงนั้นย่อหดกลับเข้ามาเป็นลูกแก้ว และเสียงอันโบร่ำโบราณก็ดังออกมาจากในนั้น “สิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจ…แดนใต้พิภพถึงกับสามารถให้กำเนิดจิตวิญญาณอันดุดันและโหดร้ายอย่างเจ้าได้ นี่แสดงว่าการควบคุมของภูติบดีเหนือแดนใต้พิภพกำลังอ่อนแอลง”
ฉินเฟิงชิงลุกขึ้นยืน เขากระโดดและปรบมือขึ้นไปข้างบน พยายามคว้าจับลูกแก้วแสงนั้น
ลูกแก้วแสงหลบหลีกเขาและกล่าว “ข้าคือเทพสรรพชีวิตแห่งแดนใต้พิภพ เทพเจ้าระดับชั้นเดียวกันกับภูตบดี เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก ข้ามาที่นี่เพื่อดูเจ้าสักหน่อย เจ้าตัวเล็กที่น่าสนใจ…”
ฉินเฟิงชิงเลียริมฝีปากด้วยความตื่นเต้น “ตัวใหญ่พอๆ กับตาแก่ภูติบดีงั้นหรือ ข้าต้องแทะกินเจ้านานเท่าไรนะถึงจะกินได้หมด” ขณะที่กล่าวคำยั่วยุนี้ เขาก็กระโดดไปรอบๆ และคว้าจับลูกแก้วแสง เขากระโดดสูงขึ้นและสูงขึ้น จนกระทั่งเขาถูกเวทปิดผนึกฟาดตกลงมา
“ที่แท้ เจ้าก็เป็นไอ้เด็กน้อยหัวรั้น มิน่าล่ะเจ้าถึงถูกปิดผนึกเอาไว้ ข้ามาที่นี่เพื่อดูเจ้าเฉยๆ ดังนั้นตอนนี้ข้าไปล่ะ”
ฉินเฟิงชิงยังคงกระโดดไปมารอบๆ ไล่ตามเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เขาอยากที่จะกินเทพสรรพชีวิต ลูกแก้วแสงลอยออกไป และในจังหวะนั้นเอง เส้นลายใบหลิวก็พลันปรากฏที่เหนือฟ้าข้างนอก และขัดขวางเส้นทางของเขาเอาไว้ ในเวลาเดียวกันนั้น รอยแสงมารและปราณมารก็ออกมาจากแผ่นปฐพีนี้และปิดผนึกท้องฟ้า!
“บัดซบ! ข้าตกลงไปในผนึก!”
เสียงโบราณดังออกมาจากลูกแก้วแสงกล่าว “ภูติบดีทุ่มสุดตัวกับผนึกนี้จริงๆ เขาถึงกับใช้เขาของเขาเพื่อปิดผนึก เมื่อใบหลิวนี้ปิดดวงตา มันก็จะกระตุ้นพลานุภาพในเขาของภูติบดี! ข้านั้นเป็นเพียงแค่ร่างแยก ข้าไม่มีพลังวัตรมากพอที่จะฝ่าออกไป!”
เมื่อเขากล่าวจบ แสงพุทธธรรมก็สาดส่องเรืองรองกลางอากาศ และเชื่อมโยงใบหลิวทองคำเข้ากับเขาของภูติบดี
ร่างแยกของเทพสรรพชีวิตนี้ถูกสะกดข่มทันที เขาร่วงลงไปในผนึกคำว่าฉิน แปรเปลี่ยนเป็นผู้เฒ่าในชุดขาว คิ้วและหนวดของเขาขาวโพลน ผมขาวของเขาแกว่งไกวไปในอากาศ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังฉินเฟิงชิงและพึมพำ “ยังมีเวทปิดผนึกของพุทธเจ้าพรหมอีก…ที่แท้ พุทธเจ้าพรหมก็ได้เชื่อมต่อใบหลิวทองคำเข้ากับเขาของภูติบดี ทำให้ใบหลิวทองคำมีคุณสมบัติในการกระตุ้นเวทปิดผนึกของภูติบดี กักตัวข้าเอาไว้ที่นี่…”
ฉินเฟิงชิงตื่นเต้นอย่างหยุดไม่อยู่ และกระโจนเข้าใส่ผู้เฒ่าในชุดขาว
…
บนเรือเหาะ ฉินมู่พลันรู้สึกว่าหว่างคิ้วของเขาบวมพองขึ้นมา มันค่อนข้างเจ็บ ดังนั้นเขาจึงรีบกุมมัน
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า” บรรพชนแรกถามด้วยความกังวล
“จู่ๆ ที่หว่างคิ้วข้าก็เจ็บขึ้นมา”
ฉินมู่รู้สึกว่าความเจ็บปวดนั้นรุนแรงมากขึ้นทุกที ฝ่ามือของเขาสั่นระริกจากแรงสั่นสะเทือน กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกกล่าวอย่างรีบร้อน “วางมือของเจ้าลงแล้วให้ข้าดูหน่อย!”
ทันทีที่ฉินมู่เอามือออก กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกก็พลันเห็นว่าเหมือนกับมีบางสิ่งที่กลิ้งไปรอบๆ ข้างใต้ใบหลิวทองคำ มันทำให้ใบหลิวนูนขึ้นมาเป็นระยะๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
“มุทราฟ้าและดิน พลิกฟ้าดิน!”
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกกู่ร้องออกไป และมุทราของเขาก็ทาบลงไปที่หว่างคิ้วของฉินมู่อย่างนุ่มนวล มุทราของเขาพุ่งผ่านใบหลิวและฟาดลงไปในดวงตาที่สามของฉินมู่ แปรเปลี่ยนเป็นรอยฝ่ามือของใหญ่ที่พลิกสวรรค์และพิภพ มุทรานี้ฟาดลงไปยังร่างแยกของเทพสรรพชีวิตที่กำลังพยายามฝ่าเวทปิดผนึกออกมา
เมื่อมุทราร่วงตกลงไป ฟ้าก็มิใช่ฟ้า และดินก็มิใช่ดิน แผ่นปฐพีคำส่าฉินถูกพลิกคว่ำ และร่างแยกของเทพสรรพชีวิตก็ครางกระอักเมื่อเขาถูกบดขยี้
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกรั้งฝ่ามือกลับมา และถามด้วยความห่วงใย “ตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรแล้ว”
ฉินมู่กล่าวด้วยความตกตะลึง “มันไม่เจ็บแล้วล่ะ นี่มันไม่เจ็บอีกต่อไปแล้ว!”
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกแย้มยิ้ม “นี่คือความอัศจรรย์ของมุทราฟ้าและดิน ฝึกปรือมันมากขึ้นอีกสิ ให้สมกับความคาดหวังที่ข้าสอน”
ฉินมู่รับคำก่อนที่จะวิ่งออกไปเพื่อฝึกประสานคู่จิตวิญญาณดั้งเดิมกับหลิงอวี้จิว กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกถอนหายใจด้วยความโล่งอก ผ่านไปพักหนึ่ง สีหน้าของเขาก็กลายเป็นเคร่งเครียด
ข้างในดวงตาที่สามของฉินมู่ ฉินเฟิงชิงวิ่งไปยังร่างแยกเทพสรรพชีวิตด้วยความคึก หลังจากคว้าขาของเขาได้ เขาก็จับฟาดไปซ้ายขวาอย่างสุ่มๆ เขาฟาดผู้เฒ่าชุดขวานี้จนตัวอ่อนปวกเปียกและงุนงงไปหมด จากนั้นเขาก็จับผู้เฒ่ายืดขึ้นมาและอ้าปากงับ
“เอ๋ ไม่มีรสชาติ?”
ฉินเฟิงชิงงุนงง เขาเห็นว่าส่วนที่เขากัดออกไปนั้นเป็นลูกแก้วแสง ในเมื่อเขาไม่ได้รสชาติอะไรเลย เขาก็โยนผู้เฒ่าชุดขาวไว้ข้างๆ ไม่สนใจอีกต่อไป
ผู้เฒ่าชุดขาวลุกขึ้นและลูบสีข้างของตนเองไปมา เขารู้สึกเจ็บและชาแขนขาไปหมด แต่ในเมื่อเขาเป็นเพียงลูกแก้วแสง เขาจึงสามารถฟื้นคืนกลับมาได้อย่างรวดเร็วหลังจากที่ถูกกัดไป!
“ทำไมพวกเราไม่เล่นซ่อนหากันล่ะ”
จู่ๆ ฉินเฟิงชิงก็สนใจเขาขึ้นมาอีกครั้ง เขาปรบมือร่าและวิ่งโร่เข้ามาด้วยขาสั้นม่อต้อ เขากล่าวด้วยเสียงอ้อแอ้ของทารก “เจ้าเป็นคนซ่อน และหากว่าข้าจับเจ้าได้ ข้าจะเด็ดแขนของเจ้าออกมา! ในเมื่อเจ้างอกมันขึ้นมาใหม่ได้ งั้นพวกเราก็เล่นเกมนี้ไปได้อีกนาน!”
…
“แสงเข้มข้นของเทพสรรพชีวิตจะปิดบังร่องรอยแสงที่ออกมาจากเรือของพวกเรา แบบนั้นแล้ว พวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกสภาสวรรค์ตรวจจับได้”
ชื่อซีมองไปข้างหลังเขา และระบายลมหายใจโล่งอกออกมา “ตอนนี้ผู้ไล่ล่าก็จะไม่สามารถสะกดรอยพวกเราได้”
ผานกงสั่วไม่ค่อยเชื่อถือ “มีผู้ไล่ล่ามาจริงๆ น่ะหรือ”
บรรพชนแรกผงกศีรษะ “นี่เป็นโอกาสอันดีที่พวกเขาจะค้นเจอซากทัพที่เหลือของรัชสมัยเทวะแสงฉาน ดังนั้นสภาสวรรค์จะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดรอดไปเป็นแน่ เมื่อพวกเราออกไปจากสวรรค์หลัวฝู พวกเราก็ถูกจับตามองแล้ว วรยุทธของเจ้ายังค่อนข้างอ่อนแอไปหน่อย ดังนั้นพวกเจ้าจึงสัมผัสอะไรไม่ได้แต่ข้ารู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องพวกเรามา เมื่อพวกเราเข้าไปในแดนปริศนาของเทพสรรพชีวิต พวกเราก็สลัดหลุดจากคนผู้นั้นได้สำเร็จ”
ชื่อซีกล่าว “คนที่ไล่ตามพวกเรามาน่าจะเป็นเทพครองดาวมหาตะวัน”
บรรพชนแรกตัวชะงัก “นี่เขาน่ะหรือ ข้าไม่รู้เกี่ยวกับเขามากนัก แต่ข้าได้ยินข่าวเกี่ยวกับเทพครองดาวมหาตะวันแห่งสภาสวรรค์ ความเร็วของเขารวดเร็วอย่างยิ่งยวด ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเทพเจ้าใต้บัญชาอีกมากมาย หากว่าเขาเป็นคนที่ไล่ล่าพวกเรา พวกเราก็คงยากที่จะสลัดเขาหลุดไป”
ชื่อซีขับเคลื่อนแผนที่หมู่ดาวอีกครั้ง หลังจากมองดูมัน เขาก็กล่าว “หากว่าพวกเราหลบเลี่ยงดวงอาทิตย์ในระหว่างทาง เราก็น่าจะสามารถสลัดเทพครองดาวผู้นี้หลุดไปได้”
ในเวลาเดียวกันนั้น จิตวิญญาณดั้งเดิมของฉินมู่และหลิงอวี้จิวก็ร่ายรำไปด้วยกันในอากาศ จิตวิญญาณดั้งเดิมของฉินมู่ถามด้วยความใคร่รู้ “ข้าเคยเห็นเทพครองดาวตะวันมาก่อน กำลังฝีมือเขาไม่สูงเท่าไร เขาถูกท่านปู่คนแล่เนื้อของข้าฟันตายในดาบเดียว แล้วเทพครองดาวมหาตะวันนี่มาจากที่ไหนหรือ”
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกอธิบายอย่างใจเย็น “เทพครองดาวมหาตะวันนั้นแตกต่างจากเทพครองดาวตะวัน เทพครองดาวตะวันนั้นเป็นเพียงปลาซิวปลาสร้อย เขานั้นเป็นเทพเจ้าธรรมดาจากสภาสวรรค์จักรพรรดิก่อตั้ง และเขาก็เป็นเทพเจ้าที่มาจากเผ่านักต้อนตะวัน ในภายหลัง เขาทรยศสภาสวรรค์จักรพรรดิก่อตั้งและกลายเป็นสุนัขรับใช้ของสภาสวรรค์จากนอกโลก แต่อีกด้านหนึ่งนั้น เทพครองดาวมหาตะวันถูกร่ำลือกันว่าเป็นเทพเจ้าที่ถือกำเนิดโดยธรรมชาติขึ้นมาจากดวงตะวัน ในบรรดากายาวิญญาณทั้งหลาย มีกายาวิญญาณอีกาทองคำ กายาวิญญาณมังกรอัคคี และกายาวิญญาณอีกาอัคคี ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นการฝึกปรือที่เลียนแบบจากรูปร่างของเทพครองดาวมหาตะวันทั้งสิ้น หลังจากที่ฝึกปรือจนเป็นเทพเจ้า ร่างต่อสู้ของพวกเขาอันแสดงขึ้นมาหลังจากหลอมรวมจิตวิญญาณดั้งเดิมและกายเนื้อเข้าด้วยกัน ก็จะเป็นรูปร่างของเทพครองดาวมหาตะวัน รูปร่างของเทพครองดาวตะวันก็น่าจะมาจากรูปร่างของเทพครองดาวมหาตะวันด้วย”
จิตวิญญาณดั้งเดิมของฉินมู่และหลิงอวี้จิวกลับเข้าไปในร่างของพวกเขาอีกครั้ง หัวใจของฉินมู่สะท้านเล็กน้อยและร้องออกมา “เทพบรรพกาลเหมือนกับเทพครองดาวเสาร์งั้นหรือ”
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกกล่าว “เจ้ารู้จักเทพครองดาวเสาร์ด้วยหรือ เทพครองดาวเสาร์นั้นมีระดับชั้นที่ต่ำลงมาจากเทพครองดาวมหาตะวันหนึ่งถึงสองระดับ แต่ทว่า นางนั้นยังคงไม่ถึงกับระดับชั้นของเทพบรรพกาล นางไม่แข็งแกร่งและไม่โบราณเท่ากับเทพครองดาวมหาตะวัน เทพครองดาวมหาตะวันนั้นเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลในสภาสวรรค์นอกโลก ขณะที่เทพครองดาวเสาร์นั้นนับได้เพียงเป็นผู้มีอิทธิพลในเขตแคว้นหนึ่งๆ เท่านั้น”
ฉินมู่และคนอื่นๆ ดูคล้ายกับจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ
…
หลังจากเรือเหาะออกไปจากดวงตาของของเทพสรรพชีวิต เส้นแสงหนึ่งก็ติดตามร่องรอยแสงที่เรือทิ้งไว้ข้างหลัง เส้นแสงนั้นพุ่งเข้าไปในแดนปริศนา แต่ข้างในนั้นไม่มีร่องรอยที่เรือทิ้งเอาไว้ พวกมันหายวับไปโดยสิ้นเชิง
“พวกปลาหลุดแหพวกนี้ กลอกกลิ้งเสียเหลือเกิน”
แสงสว่างนั้นชะงักและแปรเปลี่ยนเป็นเทพเจ้าที่มีปีกนก ร่างมนุษย์ และขาสามขา หัวนกของเขามีดวงตาสามดวง ที่หน้าผากของเขา มีดวงตาตั้งอันบรรจุไว้ด้วยเพลิงไฟอันไร้ประมาณ ราวกับว่ามีดวงอาทิตย์ซ่อนอยู่ในตา
ขาของเขามีเกล็ดมังกร ขณะที่ปีกของเขามีขนนกหงส์เพลิงสีดำ เมื่อปีกของเขาปิดคลุมร่างกาย มันก็ดูราวกับเขาสวมใส่ชุดดำที่ลากยาวกรอมเท้า
เทพเจ้านี้ใหญ่โตเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อเทียบกับเทพสรรพชีวิต เขาก็ดูไม่สลักสำคัญ เขาเงยศีรษะขึ้นมองไปยังดวงตาของเทพสรรพชีวิตและถามด้วยเสียงอันดัง “เทพสรรพชีวิตผู้อยู่เบื้องบน ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเห็นเรือเหาะผ่านมาในสถานที่นี้หรือเปล่า”
เทพสรรพชีวิตผู้อยู่ในแดนปริศนา กำลังมีงานล้นมือ เขากำลังขับเคลื่อนโคจรดวงดาวในโลกมิติต่างๆ ผ่านไปครู่หนึ่ง ลูกแก้วแสงดาวก็ปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าเทพครองดาวมหาตะวัน และแปลงร่างเป็นมนุษย์แสงที่ใบหน้าไม่อาจมองเห็นได้ชัด เสียงของเขากึกก้องราวฟ้าผ่า “ข้าไม่เห็นเรือที่ไหนเลย เพราะว่ากำลังง่วนกับการโคจรดวงดาวแห่งสรวงสวรรค์ทั้งหลาย ในแดนปริศนาของข้ามีไพร่พลและแม่ทัพสวรรค์บนดวงดาวมากมาย เจ้าสามารถถามพวกเขาได้”
“ขออภัยที่รบกวนเทพสวรรค์ชีวิต โปรดอภัยให้ข้าด้วย” หลังจากกล่าวคำขอโทษ เทพครองดาวมหาตะวันก็กระพือปีกบินจากไป
มนุษย์แสงนั้นก็สลายหายวับ
ไม่นานนัก แสงก็สาดส่องจากดวงดาวต่างๆ บนร่างของเทพสรรพชีวิต เมื่อเทพนับหมื่นเหาะออกมาจากดวงตะวันมากมาย ดวงตะวันเหล่านั้นดูเหมือนจะเชื่อมต่อเข้าด้วยกันเป็นเส้นด้วยแสงรัศมีที่ส่องออกมาจากเทพเจ้าเหล่านั้น พวกเขาเหาะไปรอบๆ เพื่อเสาะหาเรือเหาะไปทั่วสารทิศ
“กา กา กา–”
เทพเจ้าเหินหาวเหล่านั้น ผู้ซึ่งโบยบินว่อนฟ้า ล้วนแต่เป็นเทพเจ้าอีกาอัคคี พวกเขามีศีรษะของอีกาและร่างมนุษย์ บนหลังของเทพแต่ละตน มีปีกและซองธนูสีแดงเพลิง ขณะที่กรงเล็บนกทั้งสามกรงเล็บของพวกเขาคว้าจับธนูใหญ่เอาไว้อยู่ ความเร็วของพวกเขาเร็วเป็นอย่างยิ่ง