ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 701 รับโทษทุกข์แทน
ผู้เฒ่านำทางความตายมองไปยังฉินมู่และกล่าว “ภูติบดี ข้าได้เพิ่มเข้าไปแล้ว มันอยู่บนหน้าที่หนึ่งพันแปดบนสมุดเล่มที่แปด ทุกๆ หนี้ที่เขาก่อข้าบันทึกเอาไว้อย่างละเอียดและไม่ขาดตกบกพร่อง”
ภูติบดีวางสมุดในมือของเขาลง และหยิบสมุดเล่มที่แปด เขาพลิกดูมันและกล่าว “เจ้าได้บันทึกไว้ทุกครั้งที่เขาเปิดประตูน้อมสวรรค์ไหม”
“ข้าได้บันทึก”
ผู้เฒ่านำทางความตายกล่าว “เขาเอาแต่ทำให้ข้าขวัญหนีดีฝ่อ ดังนั้นข้าก็ย่อมต้องบันทึกเอาไว้ อีกอย่าง ทุกคนที่ตายไปในมือของเขาก็บันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนโดยไม่มีข้อผิดพลาด พวกเราสามารถสะสางรายการพวกนั้นหลังจากที่เขาตายลงไป แต่ทว่า เรื่องพวกนั้นทั้งหมดล้วนแต่เป็นเรื่องเล็กน้อย และข้าได้บันทึกเอาไว้ในสมุดเบ็ดเตล็ด”
ภูติบดีวางสมุดเล่มที่แปดลงและถาม “สมุดเบ็ดเตล็ดพวกนั้นอยู่ที่ไหน”
ผู้เฒ่านำทางความตายกล่าว “สมุดเบ็ดเตล็ดมีมากมายเกินไป ดังนั้นข้าจึงได้สร้างห้องเอาไว้เพื่อเก็บพวกมันโดยเฉพาะ ตอนนี้มันก็เกือบจะเต็มไปแล้ว หรือว่าข้าควรจะนำสมุดเบ็ดเตล็ดเหล่านั้นมาให้ภูติบดีชมดู”
“ไม่จำเป็น”
ภูติบดีรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมาและส่ายหัว “ตราบเท่าที่บันทึกไว้อย่างชัดแจ้ง ก็ใช้ได้”
ตึง
เถียนฉู่ล้มคว่ำลงกับพื้น เขาแพะของเขากระแทกลงไปอย่างหนักหน่วง จนเมื่อเขากระเด้งกระดอนสองที ฉีเจี่ยวอี๋จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าว “พี่ใหญ่เถียน ภูติบดีน่าจะไม่ได้พูดถึงท่าน เขากำลังพูดถึงพี่ฉินเฟิงชิง”
เถียนฉู่กล่าวอย่างอ่อนระโหย “ข้ารู้ว่าเขาพูดถึงเขา แต่ข้าคิดว่าเขามีสัมพันธภาพที่ดีกับภูติบดีเสียอีก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าที่เขารู้จักมักจี่กับภูติบดี ก็เพราะเรื่องเลวร้ายทั้งหลายที่เขาก่อเอาไว้ ก่อนหน้าข้ายังหวังให้ภูติบดีเห็นแก่หน้าเขาอยู่ แต่ตอนนี้ข้าเกรงว่าการที่ภูติบดีเห็นแก่หน้าเขาจะยิ่งเพิ่มโทษทัณฑ์ให้กับข้า! ปล่อยให้ข้านอนตรงนี้ไปสักพักเถอะ จู่ๆ ข้าก็รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง…”
ภูติบดีมองไปที่ฉินมู่ซึ่งกำลังยืนก้มหน้าคอตกอยู่ เด็กหนุ่มพยายามลอบมองเป็นระยะๆ และก็รั้งสายตากลับมาราวกับว่าตกใจ
ภูติบดีกล่าว “ปกปิดให้การช่วยเหลืออาชญากรเถียนฉู่ และปล่อยเขาออกมาทำเรื่องชั่วร้ายในโลกหล้า ความผิดนี้จะกาไว้บนหัวของเจ้า เจ้ายอมรับหรือไม่”
ฉินมู่รีบกล่าว “ข้าไม่…”
“กาไว้บนหัวของเขา” ภูติบดีกล่าวแก่ผู้เฒ่านำทางความตาย
ผู้เฒ่านำทางความตายรับคำอย่างยินดี และบันทึกมันลงไปด้วยพู่กันของเขา เขากล่าวกับฉินมู่ “ภูติบดีไร้ความลำเอียง และเขาไม่ได้ถามความคิดเห็นของเจ้า เขาเพียงแต่บอกให้เจ้ารับรู้เพื่อที่หลังจากเจ้าตายลงมาในอนาคตก็จะไม่มีความขุ่นข้องติดใจ”
ฉินมู่หายใจคล่องทันที เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในอนาคต? ถ้าอย่างนั้น ภูติบดีก็ยังคงไม่ประหารข้าในตอนนี้”
ภูติบดีปรายตามองเขาและกล่าว “อายุขัยของเจ้าในโลกแห่งคนเป็นยังคงไม่สิ้นสุด ดังนั้นพวกเราจะยังไม่แตะต้องเจ้า แต่ทว่า ยิ่งเจ้าอยู่ในแดนใต้พิภพนานเท่าไร กายเนื้อของเจ้าก็จะยิ่งอ่อนแอลงไปเท่านั้น เจ้าก็จะตาย เจ้าไม่ใช่เป้าหมายหลักที่ข้าเรียกตัวมาพบในวันนี้ แต่เป็นเขา”
เขายกมือขึ้นชี้ไปที่เถียนฉู่ และแส้เส้นหนึ่งก็สะบัดออกมาเข้าไปรัดพันตัวเถียนฉู่เอาไว้ เถียนฉู่ดิ้นหลุดออกมาไม่ได้ และสีหน้าเขาก็ซีดเผือด
ฉินมู่สืบเท้าไปหนึ่งก้าวและยืนขวางอยู่ระหว่างพวกเขา เขาถามด้วยเสียงอันดัง “เรียนถามภูติบดี อาชญากรรมใดที่เถียนฉู่ได้กระทำลงไป”
“ตัดเขาของข้า ขโมยแดนใต้พิภพของข้า และแบ่งแยกดินแดนไปก่อขึ้นมาเป็นยมโลก นี่คืออาชญากรรมร้ายแรง”
ภูติบดีถามอย่างจริงจัง “นี่เจ้าจะยืนหยัดเพื่อเขางั้นหรือ เจ้าจะรับโทษแทนเขาหรือ”
ฉินมู่กล่าวอย่างเคร่งขรึม “จักรพรรดิก่อตั้งออกแบบดาบเทวะประตูจักรพรรดิ และคำสั่งที่เขาได้รับก็มาจากจักรพรรดิก่อตั้ง เถียนฉู่นั้นเพียงแต่ทำตามคำสั่งเท่านั้น การที่ข้าราชบริพารทำตามคำสั่งเจ้าเหนือหัวนั้นเป็นเรื่องผิดหรือ”
ภูติบดีกล่าว “ผู้ที่ถือครองมีดได้กระทำความผิดไปตั้งแต่แรก”
“งั้นภูติบดีก็กำลังจะรังแกผู้อ่อนแอและกริ่งเกรงผู้แข็งแกร่งอย่างนั้นหรือ” ฉินมู่ถาม
เถียนฉู่เลือดในกายเย็นเฉียบ และฉีเจี่ยวอี๋ก็ใจไม่ค่อยดี ทำไมพี่ฉินถึงกล้าพูดทุกเรื่องและทุกอย่างแบบนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพ ก็อาจจะคุ้มครองตัวเขาไม่ได้!
ภูติบดีขมวดคิ้วเล็กน้อย และเพลิงไฟก็ไหลวนไปมาระหว่างเขาคู่ของเขา
ฉินมู่กล่าวต่อ “หากภูติบดีไร้ความลำเอียงจริงๆ ท่านก็น่าจะไปทวงถามความรับผิดชอบจากจักรพรรดิก่อตั้ง ภูติบดีไม่ไปไล่ตามผู้ชักใยบงการแต่กลับนำตัวเถียนฉู่มาลงโทษเท่านั้น ทำให้ข้าสงสัยว่าท่านรังแกผู้อ่อนแอและกริ่งเกรงผู้แข็งแกร่ง ข้านั้นเป็นผู้เยาว์ และผู้เยาว์ก็มีหัวใจแห่งความเที่ยงธรรม หากว่าภูติบดีไม่ลำเอียง ผู้เยาว์ก็ไม่อาจยอมรับการตัดสินใจของท่านได้และก้าวออกมาเพื่อแสดงความคิดเห็น หากว่าภูติบดีไม่กริ่งเกรงผู้แข็งแกร่ง แบบนั้นแล้ว ความตายของสรรพชีวิตจำนวนมากมายไร้ประมาณในสวรรค์ไท่หวงและสวรรค์หลัวฝู ไฉนภูติบดีไม่ไปเสาะหาตัวต้นเรื่อง”
ผู้เฒ่านำทางความตายขมวดคิ้วและกล่าว “โอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพ เจ้าไม่รู้เหตุผลกลใน อย่าพูดคุยเรื่องนี้เลยดีกว่า…”
“ให้เขาพูด” ภูติบดียกมือขึ้นมาห้าม
ผู้เฒ่านำทางความตายจึงได้แต่ระงับตนเองเอาไว้ และกระวนกระวายแทนฉินมู่
ฉินมู่กล่าวต่อไป “แล้วใครกันที่เป็นตัวต้นเรื่อง ก็อาคันตุกะผู้ทรงเกียรติที่เพิ่งเดินออกจากราชวังของภูติบดีอย่างไรล่ะ! โอรสหยินสวรรค์ให้ศิษย์ของเขาก่อเรื่องราวตามอำเภอใจและบีบให้ซากทัพแสงฉานต้องเข้าไปในเขตแดนมารสวรรค์หลัวฝู จุดชนวนสงครามนองเลือด สวรรค์หลัวฝูถูกทำลายล้าง และซากทัพแสงฉานก็เหลือเพียงชื่อซี เพื่อที่จะรอดชีวิตต่อ เผ่ามารก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกเสียจากรุกรานเข้าไปในสวรรค์ไท่หวง ศิษย์แห่งโอรสหยินสวรรค์ได้ใช้บันทึกเป็นตายเพื่อบูชายัญสวรรค์หลัวฝู ทำให้มันถล่มลงมายังสวรรค์ไท่หวง อันส่งผลสืบต่อให้สวรรค์ไท่หวงร่วงลงไปในแดนโบราณวินาศ นี่ทำให้เกิดการล้มตายมากมายนับไม่ถ้วน ตัวต้นเรื่องของความชั่วร้ายที่แท้จริงอยู่ที่นี่ แล้วทำไมภูติบดีไม่ประหารเขา”
“พี่ชายของข้าสร้างความปั่นป่วนในแดนใต้พิภพ และภูติบดีก็กามันไว้บนหัวข้า อยากจะโบยตีและประหารข้า ข้าอัญเชิญดวงวิญญาณของเทพครองดาวเจ็ดสังหารเว่ยเหลียว ภูติบดีก็กามันไว้บนหัวข้า อยากจะโบยตีและประหารข้า เมื่อข้าต่อสู้ในสนามรบและสังหารศัตรู ภูติบดีก็กามันไว้บนหัวข้า อยากจะโบยตีและประหารข้า และในตอนนี้ เมื่อศิษย์ของโอรสหยินสวรรค์หมายที่จะล้างสันตินิรันดร์ด้วยเลือด และฟื้นคืนชีพรูปสลักหินด้วยการส่งภัยพิบัติลงไปยังสันตินิรันดร์ ชีวิตนับไม่ถ้วนก็จะสูญเสียไปอีกครั้ง! ภูติบดี ท่านจะไม่ลำเอียงได้อย่างไร ท่านคิดอยากจะโบยตีและประหารพวกเขาบ้างหรือไม่”
“ท่านนั้นรังแกผู้อ่อนแอและกริ่งเกรงผู้แข็งแกร่งอยู่ชัดๆ ท่านนั้นรังแกผู้เมตตาและหวาดกลัวคนชั่วช้า งั้นอะไรคืออาชญากรรมของเถียนฉู่ที่ตัดเขาท่านกันแน่ หากว่าที่นั่งอยู่บนยอดสภาสวรรค์ในตอนนี้คือจักรพรรดิก่อตั้ง ท่านจะกล้าผายลมสักคำไหม”
“ท่านบอกว่าข้าเต็มไปด้วยบาปชั่วและผลักไสเรื่องที่ก่อทุกอย่างอันพี่ชายข้ากระทำลงไปบนหัวของข้า ก็จริงอยู่ว่าพี่ชายข้าก่อเรื่องไม่ดีมากมาย แต่เขากระทำตามความรู้ของเขา กระนั้นท่านที่เป็นจ้าวผู้ปกครองแห่งแดนใต้พิภพ กลับไม่กระทำตามที่ตัวท่านพร่ำสอนเอง ท่านนั้นนับว่าเป็นความอัปยศเสื่อมเสียของเทพเจ้าก่อนฟ้าดินทั้งหลายเลยจริงๆ!”
“แบบนั้นท่านน่าจะปล่อยตำแหน่งของท่านให้พี่ชายข้าเป็นผู้ปกครองแดนใต้พิภพจะดีกว่า อย่างน้อยเขาก็ปฏิบัติต่อทุกคนโดยเท่าเทียมกัน ไม่เหมือนท่านที่มิได้ทำเช่นนั้น!”
เถียนฉู่ กิเลนมังกร และฉีเจี่ยวอี๋แทบจะอึฉี่ราดกางเกงจากการรับฟังคำกล่าวของฉินมู่ แม้แต่ผู้เฒ่านำทางความตายก็กลืนน้ำลายไปหลายเอื๊อก มันจบสิ้นแล้ว มันจบสิ้นแล้ว…
ดวงตาทั้งสามของภูติบดีจ้องไปที่ฉินมู่ และฉินมู่ก็จ้องกลับอย่างไม่ลดราวาศอก
“เดิมทีเจ้าฉลาดเฉลียวเป็นอย่างยิ่ง และรู้จักโน้มนำเรื่องราวให้เอื้อประโยชน์ต่อตนเอง เจ้ารู้จักยืดหดตามสถานการณ์ แต่กระนั้นทำไมวันนี้เจ้าไม่ยอมถอยล่ะ ทำไมเจ้าต้องมาถกเถียงอย่างแข็งกร้าวว่าอะไรถูกอะไรผิด” ในที่สุดภูติบดีก็เอ่ยวาจา และถามออกมา
ฉินมู่โค้งคารวะและกล่าว “ทุกๆ คนล้วนแต่มีความอัดอั้นตันใจ และเมื่อความอัดอั้นตันใจเหล่านั้นสั่งสมมาช้านาน พวกเขาก็ย่อมจะระเบิดออกมาในที่สุด ข้าเองก็เหมือนกับทุกๆ คน ข้าขอให้ท่านอภัยด้วยหากว่าข้าล่วงเกินไปแต่อย่างใด”
ภูติบดีพยักหน้าอย่างแช่มช้าและกล่าว “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่มีสมุดน้อยที่ใช้บันทึกบาปผิดของโอรสหยินสวรรค์”
ฉินมู่กล่าว “หากว่าท่านมีแต่ไม่ลงโทษไปตามบาปผิด จะต่างอะไรกับไม่มีเสียตั้งแต่แรก ข้ารู้ว่าภูติบดีอยู่ในตำแหน่งที่ยุ่งยากลำบากใจ และนั่นก็ไม่ใช่เพราะใดอื่น แต่เป็นเพราะว่าอิทธิพลอำนาจของสภาสวรรค์แข็งแกร่งเกินไป ท่านจึงไม่อาจกระทำตามที่ปรารถนา ในเมื่อภูติบดีไม่ต้องการจะลงมือด้วยตนเอง ทำไมท่านต้องยับยั้งผู้อื่นด้วยล่ะ”
สีหน้าของภูติบดีสงบนิ่งเป็นอย่างยิ่ง และไม่ปรากฏการเปลี่ยนแปลงสีหน้าเลยแม้แต่นิด “เจ้าหมายความว่า?”
“ความชั่วก็ต้องต่อสู้ด้วยความชั่ว ข้าคือความชั่วร้ายนี้ และเถียนฉู่ก็เป็นความชั่วร้ายนี้ ในโลกหล้าปัจจุบัน มีไม่กี่คนที่กล้าต่อสู้กับโอรสหยินสวรรค์อย่างสุดใจขาดดิ้น แต่เถียนฉู่เป็นหนึ่งในนั้น”
ฉินมู่กล่าว “จะไม่ดีกว่าหรือหากว่าภูติบดีจะปล่อยเถียนฉู่ไป และให้เขาต่อสู้จนตัวตายกับโอรสหยินสวรรค์ เถียนฉู่ได้ตัดเขาของท่านไปก็จริงๆ แต่มันก็มีเหตุผลที่มา เขานั้นอยู่ภายใต้บัญชาของจักรพรรดิก่อตั้ง และในเมื่อจักรพรรดิก่อตั้งไม่ได้อยู่ที่นี่ ข้าก็จะแบกรับอาชญาโทษของเขา ภูติบดีสามารถกามันเอาไว้บนหัวของข้าได้! ข้าเพียงแต่หวังให้ภูติบดีปล่อยเขาไปและให้เขาต่อสู้กับโอรสหยินสวรรค์ ภูติบดีสามารถนั่งรออยู่เฉยๆ และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้”
ดวงตาทั้งสามของภูติบดียังคงจ้องไปที่เขา และเขาก็ไม่เบือนสายตาไปเลยสักชั่วแวบ
เถียนฉู่และคนอื่นๆ กระสับกระส่าย ฉินมู่ไม่รู้ว่าภูติบดีทรงพลังอำนาจมากแค่ไหน แต่เถียนฉู่รู้ดี
ระหว่างยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้งเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นราชาสวรรค์แดนบาดาลก็เพราะว่าฝีมือความสามารถอันโดดเด่นล้ำเลิศที่เขาขัดเกลาจนสมบูรณ์แบบ แต่เมื่อเทียบเขากับภูติบดีแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับเทียบเมล็ดข้าวเปลือกกับดวงตะวัน
เขาหวาดกลัวต่อภูติบดีโดยธรรมชาติ
กระนั้นฉินมู่กลับสามารถผ่อนคลายเบื้องหน้าภูติบดีได้ ถึงกับมีการโต้เถียงอย่างเผ็ดร้อน เขาถึงกับด่าทอภูติบดีและถกเถียงตกลงเงื่อนไขหลังจากที่ด่าทอไปแล้ว ในสายตาของเขา นั่นคือการรนหาที่ตาย!
ในตอนนั้นเอง เสียงของภูติบดีก็ดังมา “ก็ได้ ข้าจะเห็นแก่หน้าเจ้าและปล่อยเขาไป”
แส้ที่รัดพันรอบกายของเถียนฉู่คลายออก และเขาก็ร่วงตกลงกับพื้น
เถียนฉู่จิตคิดว่างเปล่าไปหมด และเขาสลัดศีรษะไปมา ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินที่ภูติบดีกล่าวอย่างถนัดถนี่
ภูติบดีถึงกับยอมรับเงื่อนไขของฉินมู่ และถึงกับบอกว่าเห็นแก่หน้าเขา
นั่นคือเรื่องที่ไม่น่ามีทางเป็นไปได้เด็ดขาด!
ฉินมู่โค้งคารวะและแสดงความขอบคุณ “ขอบคุณภูติบดี ที่กรุณาตามคำขอร้องของข้า”
“ไม่ว่าจะเป็นสามัญชนหรือจักรพรรดิฟ้า ตราบเท่าที่ก่อกรรมทำชั่ว ข้าก็จะไม่ลำเอียงและบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้”
ภูติบดีกล่าวอย่างเยือกเย็น “แต่ละคนก็มีสมุดบันทึกกรรมของตนเอง แตกต่างกันเพียงความหนาบาง ข้าไม่โทษเจ้าเรื่องที่ขโมยพลังอำนาจของข้าไปฟื้นคืนชีพเทพีหยินสวรรค์ ในทางกลับกัน ข้าชื่นชมเจ้าเป็นอย่างยิ่ง สรรพชีวิตใดๆ ก็ล้วนแต่โศกศัลย์เพื่อพวกของตน ข้าเองก็ไม่อาจยอมรับความตายของเทพีหยินสวรรค์ได้ แต่ถึงอย่างไรข้าก็เป็นจ้าวผู้ปกครองแห่งแดนใต้พิภพ มันมีบางอย่างที่ข้าไม่อาจกระทำได้ และข้าก็มีแต่ต้องให้ผู้อื่นกระทำแทน มีบางอย่างที่ข้าไม่อาจกล่าว และข้าก็มีแต่ต้องให้ผู้อื่นกล่าวแทน เจ้าได้กระทำเรื่องเหล่านั้น และได้กล่าวเรื่องเหล่านั้น แต่ถึงอย่างไร เพื่อความเป็นธรรมแล้ว ต่อให้ข้าชื่นชมเจ้ามากแค่ไหน ข้าก็ยังต้องบันทึกมันลงไปและจัดการปัญหาเหล่านี้ตามกฎของแดนใต้พิภพ เจ้าเข้าใจหรือไม่”
ฉินมู่โค้งคารวะ “ข้าเข้าใจ”
ภูติบดีพยักหน้าและกล่าว “พวกเจ้าสามารถออกไปได้”
ฉินมู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ภูติบดี ข้าไปพบแม่ของข้าได้หรือไม่ ข้าไม่เคยพบหน้านางมาก่อนเลย…”
“นางถูกลงโทษเพื่อเจ้า”
ใบหน้าของภูติบดีไร้อารมณ์และกล่าว “เพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่เจ้าเกิดขึ้นมา เจ้าก็ก่อเรื่องร้ายใหญ่หลวงมากมายในแดนใต้พิภพ และเพื่อรักษาชีวิตของเจ้า นางก็ส่งเจ้าออกไป แต่เพื่อปกป้องตัวเจ้าและไม่ให้ผู้มีอิทธิพลอำนาจทั้งหลายในแดนใต้พิภพไล่ล่าตามเจ้าไป นางก็รับเอาความผิดพลาดทั้งหมดของเจ้าเอาไว้ หากว่าเจ้าต้องการพบนาง ข้าก็สามารถจัดแจงเรื่องนี้ได้ แต่ว่าศิษย์แห่งแดนบาดาลได้เริ่มลงมือแล้ว ดวงวิญญาณแห่งสรรพชีวิตแห่งสันตินิรันดร์กำลังถูกนำทางมายังแดนใต้พิภพ เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าจะไปพบนาง”
ฉินมู่ยืนนิ่งขึงราวกับถูกสายฟ้าฟาด เขาพลันหันกลับไปและกล่าว “เถียนฉู่ พี่ฉี พวกเรากลับไปที่สันตินิรันดร์เดี๋ยวนี้เลยเถอะ!”
ภูติบดีส่งเขาออกไป และเห็นว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นลอบปาดน้ำตาของตนเอง
“เขาจะเป็นเด็กดี” ภูติบดีกล่าวอย่างแผ่วเบา
ผู้เฒ่านำทางความตายโค้งคารวะและกล่าว “แน่นอนว่าเขาจะต้องเป็นเด็กดี ให้ข้าส่งพวกเขาไปเถอะ”
บนเรือกระดาษ ฉินมู่หันกลับมาและมองไปที่ภูติบดีผู้ซึ่งดูเย็นเยียบและมืดมิด มีคนตายจำนวนมากอาศัยอยู่ที่นั่น และมันก็คึกคักเป็นพิเศษ ครอบครัวสายเลือดของเขาก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน และบางทีอาจจะมีบิดาของเขาที่ยังคงขับเรือออกไปตามหาร่องรอยของมารดาเขาในความมืด
เมื่อความโกลาหลของสันตินิรันดร์สงบลงแล้ว ข้าจะกลับมาเพื่อพบเจอกับพวกท่านทั้งสอง
ฉินมู่เผยรอยยิ้มอบอุ่นและคิดในใจ ข้าจำไม่ได้เลยว่าข้าทำอะไรไปบ้างหลังจากที่เกิดมา มันจะต้องเป็นฝีมือของพี่ชายข้าทั้งหมดแน่ๆ แต่สิ่งที่เขาทำก็เท่ากับว่าข้าเป็นคนทำ แต่ทว่า ข้าไม่อาจทนดูท่านแม่ต้องทุกข์ทนเพราะข้า ท่านแม่ ข้าจะกลับมาเพื่อรับพวกท่านทั้งสองออกไป ข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านต้องรับโทษทุกข์แทนตัวข้า…