ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 710 ศิษย์ของนักบุญ
ในทะเลใต้ดินแห่งแดนบาดาล เมื่อโอรสหยินสวรรค์ยืนอยู่ใต้ประตูสวรรค์แดนบาดาล ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีจากเทพีหยินสวรรค์ ดาบเทวะประตูจักรพรรดิในมือของเถียนฉู่ หรือแม้กระทั่งพลังอำนาจที่ท้าวยมราชหยิบยืมมาจากยมโลก ก็ไม่สามารถทำอันตรายเขาได้เลยแม้แต่น้อย
ยอดฝีมือบัลลังก์จักรพรรดินั้นแข็งแกร่งจนเกินไป
เทพีหยินสวรรค์ผู้ซึ่งฟื้นคืนชีพมา ได้ร่ำเรียนอักษรรูนสามร้อยยี่สิบสี่ตัวแห่งโลกหยินสวรรค์จากนักบุญคนตัดไม้ และระบบทักษะเทวะแห่งโลกหยินสวรรค์ก็ก่อขึ้นมาเป็นโครงสร้างที่แน่นอนไม่มากก็น้อย พลานุภาพทักษะเทวะของเทพีหยินสววรรค์ก็เพิ่มพูนขึ้นเป็นเส้นตรง ผนวกกับข้อเท็จจริงที่ว่านางคือเทพศักดิ์สิทธิ์ก่อนฟ้าดิน พลังการต่อสู้ของนางเหนือล้ำเสียยิ่งกว่าเถียนฉู่และท้าวยมราช
แต่เพราะว่านางไม่อาจเข้าไปในแดนบาดาลได้ จึงไม่สามารถสร้างการบาดเจ็บร้ายแรงแก่โอรสหยินสวรรค์
กำลังฝีมือของเถียนฉู่ก็แข็งแกร่งอย่างสุดขีดขั้ว ดาบเทวะประตูจักรพรรดิของเขาก็เป็นดาบเทวะอันสร้างขึ้นมาเพื่อโจมตีระบบทักษะเทวะใต้พิภพโดยเฉพาะ ดังนั้นมันถึงสามารถเฉือนตัดเขาของภูติบดีได้ น่าเสียดายว่ามันมีจุดอ่อนเล็กน้อยตอนที่หลอมสร้างขึ้นมา
และโอรสหยินสวรรค์ก็มีสติปัญญาล้ำเลิศ เขาได้ใช้ทักษะเทวะของเขาเพื่อทลายฝ่าฤทธิ์เดชการดูดกลืนจิตวิญญาณดั้งเดิมของดาบเทวะไปแล้ว ด้วยการช่วงใช้จุดอ่อนของมัน ดังนั้นเถียนฉู่จึงได้แต่อาศัยพลังโจมตีของดาบเทวะเพื่อสร้างการบาดเจ็บแก่โอรสหยินสวรรค์ ไม่อาจคร่าชีวิตอีกฝ่ายได้
ท้าวยมราชได้รวบรวมพลังอำนาจแห่งยมโลกและเทพเจ้าทั้งหมดในนั้น ดังนั้นจึงสามารถต่อกรกับเขาได้ แต่ทว่า เนื่องจากความแตกต่างกันในขั้นวรยุทธ เขาจึงทำได้แค่สร้างบาดแผลให้แก่โอรสหยินสวรรค์เหมือนกัน
อนึ่ง ด้วยมีประตูสวรรค์แดนบาดาล โอรสหยินสวรรค์ก็สามารถเยียวยาบาดแผลใดๆ ตราบเท่าที่มันไม่ปลิดชีวิตของเขา
ประตูสวรรค์แดนบาดาลของเขามีฤทธิ์เดชอันมหัศจรรย์ในการข้ามผ่านการเวียนว่ายตายเกิด และสำหรับยอดฝีมือบัลลังก์จักรพรรดิแล้ว ต่อให้มรรคา วิชา และทักษะเทวะของเขามีแหล่งกำเนิดจากแดนใต้พิภพ เขาก็ได้ก่อสร้างระบบอันแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิงบนรากฐานของระบบแดนใต้พิภพ ทั้งยังก้าวล้ำไปเสียอีก!
ทั้งสามคนคัดง้างกันอยู่อย่างเอากันไม่ลง และบาดแผลบนร่างของเถียนฉู่กับท้าวยมราชก็มีแต่จะเพิ่มพูนสะสม ความได้เปรียบของพวกเขาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเสียเปรียบ และหากว่าสถานการณ์ยังดำเนินไปเช่นนี้ ก็คงยากที่พวกเขาจะหลบหนี
ทันใดนั้น แดนบาดาลก็ตกในความโกลาหล เมื่อจิตวิญญาณดั้งเดิมของนักโทษมากมายนับไม่ถ้วนอันถูกขังไว้ในคุกใต้บาดาลกรูกันออกมาเพื่อเข่นฆ่าไปทั่ว โอรสหยินสวรรค์ตื่นตระหนก บัดซบ! คนคุกพวกนี้หลายคนมีภูมิหลังความเป็นมาไม่ใช่น้อย…
เมื่อเขาคิดถึงตรงนี้ จิตใจของเขาก็ปั่นป่วนสับสนอย่างระงับไม่อยู่
“ความเอียงอายในยามทิวาคลี่คลุมไว้ด้วยแขนเสื้อภูษาไหม ความกำสรดใจในฤดูวสันต์ทำให้ยากจะลุกมาสวมใส่อาภรณ์ อัญมณีมิอาจประเมินค่านั้นหาง่ายกว่าบุรุษที่มีหัวใจ”
เสียงกังวานของสตรีดังมาจากทิศทางของคุกใต้บาดาล และมันยิ่งแจ่มชัดเมื่อเสียงลอยไปถึงท้องฟ้าเหนือทะเลบาดาล ความเจ็บช้ำแค้นเคืองฟังได้ชัดจากน้ำเสียง มันดูราวกับเป็นความเจ็บช้ำแค้นเคืองว่าไม่มีชายใดที่รักใคร่และจริงใจ ไม่มีชายใดที่ทำให้นางพอใจได้อีกต่อไป และนางก็ไม่มีอารมณ์ที่จะแต่งภูษาและหน้าตาอีกต่อไป
จิตคิดของโอรสหยินสวรรค์ว้าวุ่น และเขาก็ถูกการโจมตีซัดใหญ่หลายครั้งหลายหนติดๆ กัน ทำให้เนื้อหนังของเขาปริแยก โชคยังดีว่ามีประตูสวรรค์แดนบาดาล อาการบาดเจ็บของเขาจึงฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น ผ้าคลุมหน้าสีแดงร้อนแรงก็พุ่งเข้ามาและลอยบนท้องฟ้าเหนือประตูสวรรค์แดนบาดาล ผ้าคลุมหน้านี้ใหญ่มหึมา และคลุมประตูสวรรค์เอาไว้มิด
เมื่อโอรสหยินสวรรค์เห็นลายปักรูปหงส์เพลิงด้วยด้ายทองบนผ้าคลุมหน้า จิตคิดของเขาก็ยิ่งปั่นป่วนเข้าไปใหญ่ ภายใต้ผ้าคลุมหน้านี้ การโจมตีของท้าวยมราชและเถียนฉู่ก็ยิ่งกดดันลงมา และพวกเขาก็พลิกกลับมาได้เปรียบในที่สุด โอรสหยินสวรรค์บาดเจ็บสาหัสครั้งแล้วครั้งเล่า
โอรสหยินสวรรค์ตั้งสติตนเองให้มั่น และพร้อมที่จะโจมตีกลับไป แต่ทันใดนั้น มงกุฎนกหงส์เพลิงก็ร่วงลงมาบนมือของเขา
โอรสหยินสวรรค์หนังหัวชาดิก และเขาก็ดูอับจนปัญญา ผ้าคลุมสีแดงอีกผืนลอยมา และคลี่ตัวอยู่บนไหล่ของเขา
เมื่อโอรสหยินสวรรค์ปิดหน้าของเขาและร้องออกมา ขาของเขาก็ถูกเถียนฉู่ตัด ส่วนท้าวยมราชแทงเข้าไปที่หัวใจของเขา
ขาของโอรสหยินสวรรค์วิ่งตะบึงเข้าไปในประตูสวรรค์แดนบาดาล และร่างครึ่งท่อนของเขาก็ถลันเข้าไปในประตูด้วยเช่นกัน โอรสหยินสวรรค์สามคนมุดออกมาจากอีกด้านของประตู และเตรียมที่จะหลบหนี
การโจมตีของเทพีหยินสวรรค์มาถึงถัดจากนั้น และโอรสหยินสวรรค์ทั้งสามก็กระอักเลือด ร่วงลงไป และหายลับข้างในทะเลใต้บาดาล
ประตูสวรรค์แดนบาดาลลอยขึ้น และทำท่าว่าจะจมลงไปในทะเลใต้บาดาลพร้อมกับเขา แต่ทันใดนั้น ตี้อี้เยว่ในชุดดำก็พานักบุญคนตัดไม้ กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรก และคนอื่นๆ ขึ้นมา นางกดฝ่ามือลงไปบนประตูสวรรค์แดนบาดาล
ประตูสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง และพยายามที่จะหลบหนีไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่อาจสลัดหลุดไปได้
ประตูสวรรค์แดนบาดาลกลายเป็นเล็กลงทุกทีๆ จนกระทั่งมันเหลือสูงเพียงแค่วาครึ่ง มันไม่สั่นสะท้านอีกต่อไป
อีกฟากหนึ่ง เทพีหยินสวรรค์ได้หมุนพลิกสัประยุทธ์ฟ้าและทำให้ทะเลลอยขึ้นมา ด้วยว่าพยายามจะบีบไล่โอรสหยินสวรรค์ออกจากในนั้น นักบุญคนตัดไม้โค้งคารวะและกล่าว “เทพี ไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้นแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส และเขาก็คงไม่อยู่ในทะเลนี้อีกต่อไป เขาหลบหนีไปนานแล้ว พวกเราก็ไม่ควรอยู่ที่นี่อีกต่อไป ด้วยความอึกทึกครึกโครมขนาดนี้ สภาสวรรค์นอกโลกจะต้องส่งคนเข้ามาดูลาดเลาอย่างแน่นอน หากว่าเป็นเช่นนั้น พวกเราจะหนีออกไปไม่ได้”
เถียนฉู่เหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าและใช้ดาบเทวะประตูจักรพรรดิเฉือนผ่าม่านคุ้มกันระหว่างโลกแห่งแดนบาดาล เพื่อหลบหนีไปทางอากาศ
นักบุญคนตัดไม้มองไปยังเทพีหยินสวรรค์และกล่าว “หากว่าสภาสวรรค์นอกโลกมาสืบเสาะเรื่องนี้ สันตินิรันดร์อาจจะพัวพันติดร่างแหไปด้วย พวกเรายังคงต้องรบกวนให้เทพีแบกรับการกล่าวโทษเรื่องนี้”
เทพีหยินสวรรค์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “การจู่โจมแดนบาดาลอย่างฉับพลันนี้เป็นการล้างแค้นให้กับตัวข้าเอง และข้าก็มีเหตุผลที่ดีในการทำเช่นนั้น ดังนั้นข้าจึงสามารถแบกรับการกล่าวโทษได้ เมื่อมีภูติบดีออกหน้าพูดให้กับข้า สภาสวรรค์ก็คงจะไม่สืบสาวราวเรื่องอีกต่อไป โอรสหยินสวรรค์ก็จะได้แต่ทนทุกข์โดยไม่ปริปาก แต่ทว่า ด้วยการเชิญให้ข้ามาร่วมลงมือ ก็นับว่าได้ใช้มุกหยินสวรรค์ไปหนึ่งเม็ดแล้ว การที่จะให้ข้าแบกรับการกล่าวโทษ ก็ยังคงต้องการมุกอีกเม็ดหนึ่ง”
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกนำเอามุกเทวะออกมาเม็ดหนึ่ง และเทพีหยินสวรรค์ก็พยักหน้า มุกเทวะลอยขึ้นมาและเหาะเข้าไปในโลกหยินสวรรค์
เทพีหยินสวรรค์จางหายไป
ตี้อี้เยว่ยกประตูสวรรค์แดนบาดาลขึ้นมาและกล่าว “ข้าได้ช่วยเขาสร้างสมบัติวิเศษนี้ขึ้นมา และข้าก็รู้วิธีการใช้สอยทั้งหมดของประตูสวรรค์ น่าเสียดายที่สิ่งต่างๆ ยังคงเดิม แต่ผู้คนได้เปลี่ยนไปแล้ว ครูบาสวรรค์ใหญ่ พวกเราจะกลับไปยังโลกแห่งคนเป็นได้อย่างไร”
คนตัดไม้กล่าว “ราชาสวรรค์อาจจะตายไป แต่ร่างกายของท่านยังคงอยู่ คงยากที่ท่านจะกลับไปยังสันตินิรันดร์ผ่านม่านคุ้มกันระหว่างโลก แต่ทว่าพวกเราสามารถกลับไปยังสันตินิรันดร์ผ่านทางยมโลกของท้าวยมราช และวกไปทางแดนโบราณวินาศ จากนั้นค่อยเดินทางจากแดนโบราณวินาศไปยังสันตินิรันดร์”
ท้าวยมราชโค้งคารวะทักทาย “ท้าวยมราชน้อมคารวะอาจารย์อา”
สายตาของตี้อี้เยว่ทอดไปที่เขา และนางกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เจ้าเป็นบุตรบุญธรรมของฝ่าบาทอย่างนั้นหรือ เมื่อก่อนนั้นเจ้ายังเป็นเด็กหนุ่มท่าทางซื่อๆ แต่หลังจากไม่ได้เจอเจ้ามาหลายปี เจ้าก็กลายเป็นผู้ปกครองโลกมิติไปเสียแล้ว!”
ท้าวยมราชก้มหน้าลง
ตี้อี้เยว่เดินเข้าไปในยมโลก และตรวจดูแดนเป็นของคนตาย นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยมโลกเป็นเขาของภูติบดี น่าเสียดายปฏิภาณความเข้าใจของเจ้าในมรรคา วิชา และทักษะเทวะใต้พิภพนั้นไม่เข้มข้นเท่ากับมุสิกไร้ใจนั่น ยังคงห่างไกลจากแดนบาดาลนัก ราชาสวรรค์แห่งทิศเหนือและข้าสามารถช่วยเจ้าได้ ทำไมราชาสวรรค์แห่งทิศเหนือถึงหนีไปไวนัก”
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกกล่าว “อาจเพราะว่าเขาเพิ่งฟื้นตื่นจากสภาวะเมามายหลังจากที่เขาสร่างเมาและหวนระลึกถึงการต่อสู้ของเขากับโอรสหยินสวรรค์ เขาก็คงไปซุกซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งและตัวสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น”
ตี้อี้เยว่คิดอยู่นิดหนึ่งและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นแหละเขาล่ะ แต่ทว่า แทนที่จะตัวสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น ข้าว่าเขากำลังตัวสั่นระริกด้วยความหวาดผวาเสียมากกว่า เมื่อข้าฟื้นคืนชีพกลับมา ข้าและเขาจะช่วยสร้างยมโลกของเจ้าขึ้นมาใหม่”
ยมโลกลอยเข้าไปในความมืดและหายวับไปโดยไร้ร่องรอย
แดนบาดาลและยมโลกล้วนแต่สร้างขึ้นมาจากเขาของภูติบดี และพวกมันก็เป็นส่วนหนึ่งของแดนใต้พิภพ ดังนั้นจึงไม่มีม่านคุ้มกันระหว่างโลก
“ครูบาสวรรค์ใหญ่ ข้าได้ยินเจ้าพูดถึงว่ามหาภัยพิบัติครั้งที่สองกำลังมา ยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้งยังไม่ถูกทำลายล้างไปอีกหรือ”
ตี้อี้เยว่นั่งอยู่ในเมืองเทพยดาแห่งที่สองแห่งยมโลก ท้าวยมราช บรรพชนแรก และคนตัดไม้อยู่กับนางด้วย และสตรีประหลาดผู้มีความงามระดับตำนานก็เอ่ยปากถาม “หรือว่าสภาสวรรค์นอกโลกต้องการที่จะทำลายล้างยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้งอีกเป็นหนที่สอง”
นักบุญคนตัดไม้สีหน้าหมองไป และเขาก็ส่ายศีรษะ “ยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้งถูกทำลายล้างไปแล้ว และบัดนี้ก็เป็นยุคสมัยสันตินิรันดร์ที่ก่อตั้งขึ้นมาบนเศษซากของพวกเรา ภัยพิบัติหนนี้มุ่งโจมตีสันตินิรันดร์ เมื่อครั้งกระโน้น ราชาสวรรค์ได้ฝึกปรือร่วมกับจักรพรรดิสี่ทิศเพื่อรับมือกับภัยพิบัติมิใช่หรือ เพราะว่าภัยพิบัติกำลังจะปะทุขึ้นมาในสันตินิรันดร์ในคราวนี้ ข้าจึงคิดที่จะเชิญท่านลงจากภูเขามา ผู้คนที่รับมือกับภัยพิบัติเหล่านี้ได้ก็มิใช่ใครอื่นนอกเสียจากท่าน”
สีหน้าของตี้อี้เยว่เย็นเยียบ และนางกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “ทำไมข้าต้องช่วยสันตินิรันดร์จัดการกับภัยพิบัติ ข้าติดค้างจักรพรรดิก่อตั้ง ข้าลุ่มหลงในรักและไม่อาจช่วยจักรพรรดิก่อตั้งป้องกันภัยพิบัติได้ แต่สันตินิรันดร์มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า”
นักบุญคนตัดไม้กล่าว “เสาหลักของการปฏิรูปสันตินิรันดร์คราวนี้เป็นศิษย์ของข้าสองคน ศิษย์คนที่สามเจียงป๋ายกุยแห่งสุสานแม่น้ำ ราชครูแห่งสันตินิรันดร์”
ตี้อี้เยว่ส่ายศีรษะ “หน้าของเจ้าไม่ใหญ่ขนาดนั้น อย่าว่าแต่ศิษย์ของเจ้า”
นักบุญคนตัดไม้กล่าว “ศิษย์คนที่สองของข้านั้นแซ่ฉิน เขาเป็นทายาทรุ่นที่หนึ่งร้อยเจ็ดแห่งจักรพรรดิก่อตั้ง และเขาก็เป็นเสาหลักการปฏิรูปสันตินิรันดร์ในคราวนี้”
ใบหน้าของตี้อี้เยว่นุ่มนวลลง และนางก็ผงกศีรษะอย่างแช่มช้า “เขาเป็นทายาทของจักรพรรดิก่อตั้ง ถ้าเช่นนั้น การขัดขวางภัยพิบัติเหล่านี้ ก็นับได้ว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณของจักรพรรดิก่อตั้ง เขาเป็นจักรพรรดิแห่งสันตินิรันดร์อย่างนั้นหรือ”
นักบุญคนตัดไม้ลังเล “เปล่า เขาเป็นเสนาวังของจักรพรรดิสันตินิรันดร์ และเขาก็ยังเป็นอธิการบดีแห่งสถาบันนักบุญสวรรค์”
สีหน้าของตี้อี้เยว่แปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบอีกครั้ง และเขาก็ยิ้มหยัน “ทายาทแห่งจักรพรรดิก่อตั้งจะไปเป็นข้าราชบริพารของบุคคลอื่นได้อย่างไรกัน ศิษย์คนที่สองของเจ้าไม่อาจเป็นจักรพรรดิ แล้วทายาทคนอื่นๆ แห่งจักรพรรดิก่อตั้งล่ะ? พวกเขาอยู่ที่ไหน จักรพรรดิก่อตั้งอยู่ที่ใด ข้าจะรอก็แต่ผู้คนแห่งจักรพรรดิก่อตั้ง ข้าจะไม่ปล่อยให้คนอื่นแสวงหาประโยชน์จากเขา!”
“จักรพรรดิก่อตั้ง…”
นักบุญคนตัดไม้สีหน้าหมองมัว และเขาก็ส่ายหัว “จักรพรรดิก่อตั้งซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านไร้กังวล เขาไม่ปรากฏตัวมานานถึงสองหมื่นปีแล้ว”
ตี้อี้เยว่เดือดดาลตบโต๊ะดังปัง “ข้าก็เคยบอกแล้วว่าไอ้คนห่วยแซ่ฉินไม่เหมาะจะเป็นจักรพรรดิก่อตั้ง ปล่อยเก้าอี้มา ให้ข้านั่งแทน! เจ้าหมอนี่วิ่งหนีไปหมู่บ้านไร้กังวลใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลและโยนขี้ทิ้งไว้ให้คนอื่น ปล่อยให้ทุกคนต้องสู้เพื่อเขา ไร้ยางอายอะไรอย่างนี้! แต่กระนั้น จะให้ข้าจะป้องกันขัดขวางภัยพิบัติให้แก่จักรพรรดิแห่งสันตินิรันดร์ ก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี!”
“ผู้ที่เป็นจักรพรรดิมิใช่ผู้ที่มีกำลังฝีมือและพลังอำนาจสูงสุด แต่เป็นผู้ที่กล้าหาญเฉียบขาดและมีจิตใจกว้างขวางที่สุด”
คนตัดไม้กล่าว “จักรพรรดิแห่งสันตินิรันดร์เป็นบุคคลเช่นนั้น เขามีจิตใจกว้างขวางอันแม้แต่จักรพรรดิก่อตั้งก็มีไม่เท่า ในด้านกำลังฝีมือ ท่านไม่ด้อยไปกว่าจักรพรรดิก่อตั้ง แต่หากท่านเป็นจักรพรรดิก่อตั้ง ท่านคิดว่าจะทำได้ดีกว่าหรือ”
ตี้อี้เยว่นิ่งไปครู่หนึ่ง และนางก็ส่ายศีรษะ “เมื่อสภาสวรรค์จักรพรรดิก่อตั้งถึงคราวคับขันที่สุด ข้าก็งมงายในความรักและวิ่งหนีไปแต่งงาน ในท้ายที่สุดแล้ว ข้าก็ถูกลอบสังหาร ข้าไม่เหมาะที่จะเป็นจักรพรรดิก่อตั้ง ก็ได้ ข้าติดค้างพวกเจ้ามากนัก ดังนั้นข้าจะยืดหยุ่นเสียหน่อย ข้าต้องการพบกับศิษย์ทั้งสองของเจ้าและจักรพรรดิสันตินิรันดร์เสียก่อนที่จะตัดสินใจ หากว่าพวกเขาถูกใจข้า ข้าก็จะช่วย แต่หากว่าไม่ ข้าก็จะผละหน้าจากไป และยินดีจะซ่อนตัวในยมโลกเป็นผีสาวเสียดีกว่า หากว่าข้าอยู่ที่นี่ไม่ได้ ข้าก็ไปอยู่ใต้ภูติบดีได้เช่นกัน”
นักบุญคนตัดไม้เผยรอยยิ้ม และเขาสุขใจเป็นอย่างยิ่ง “หากว่าท่านพบกับศิษย์คนรองของข้า ท่านก็จะปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง ท่านจะต้องปีติยินดีที่จักรพรรดิก่อตั้งมีลูกหลานอันเหนือธรรมดาเช่นนี้!”
ยมโลกกลับไปสู่แดนโบราณวินาศ และซ้อนทับกับแดนโบราณวินาศอีกครั้ง
ท้องฟ้าสว่างแจ้ง
นักบุญคนตัดไม้ ฟู่ยื่อลัว บรรพชนแรก และคนอื่นๆ กล่าวลาท้าวยมราช และรีบกลับไปยังกายเนื้อของตนเอง
ตี้อี้เยว่ติดตามจิตวิญญาณดั้งเดิมของพวกเขากลับไปที่สถาบันแม่น้ำหย่งในลี่โจว กายเนื้อของนักบุญคนตัดไม้พลันฟื้นขึ้นมาจากสภาวะสิ้นชีวิต และเขาก็ลุกขึ้นทันที เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์ของข้าอยู่แถวๆ นี้นี่เอง ให้ข้าพาท่านไปพบเขา! ท่านจะต้องชอบเขาเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้พบเจอ!”
บรรพชนแรก ชื่อซี ฟู่ยื่อลัว และคนอื่นๆ ต่างก็ฟื้นตื่นขึ้นมาตามๆ กัน ขณะที่พวกเขาสนทนากันอยู่นั่นเอง เสียงกึกก้องครึกโครมก็ดังมาจากแม่น้ำหย่ง เมื่อสายฟ้าฟาดเปรี้ยงปร้างลงมาไม่หยุดยั้ง
ทุกคนมองไปยังที่มาของเสียง และพวกเขาก็เห็นห้ามหาเมฆอสุนีบาตก่อตัวขึ้นเป็นกลุ่มเมฆสายฟ้าหนาหนัก อันห้อมล้อมแม่น้ำหย่งเอาไว้ และฟาดลงไปยังตำแหน่งแห่งหนึ่ง
ตี้อี้เยว่มองไปทางนั้น และเห็นเทพภัยพิบัติโจมตีไปยังทุกทิศทางอย่างเกรี้ยวกราด ขณะที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งเกาะหลังเขาแน่นและกัดแทะหัวเขาเอาไว้ เด็กหนุ่มผู้นี้ปล่อยให้เมฆสายฟ้าฟาดใส่ตัวเขาตามสบาย และเขาก็ไม่กระเด็นหลุดไปเลยสักนิด
ตี้อี้เยว่สงสัยลังเล นางปรายตามองคนตัดไม้และถาม “นั่นคือทายาทของจักรพรรดิก่อตั้ง ศิษย์คนที่สองของเจ้าหรือ”
นักบุญคนตัดไม้ไม่เปลี่ยนสีหน้า และเขาเพียงแต่ส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ ข้าไม่รู้จักอัจฉริยะเยาว์ผู้นี้ ราชาสวรรค์ พวกเราไปที่เมืองหลวงสันตินิรันดร์และพบกับจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงก่อนดีกว่า”