ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 738 อาละวาดในสภาสวรรค์
“หนิวเปินแข็งแกร่งขนาดนี้…”
ข้างๆ วิญญูชนสวรรค์อวี้ โอรสหยินสวรรค์จ้องไปด้วยดวงตาเบิกกว้าง และเขามองไปยังหนิวซานตัวอันสูงตระหง่านจนศีรษะไปถึงชั้นเมฆ ดวงตาของเขาแทบจะถลนออกมาจากเบ้า
เขารู้ว่าคนที่ชื่อว่า ‘หนิวเปิน’ ผู้นี้แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง และเกือบจะทำให้ปลาคุนยักษ์ร่วงตกพื้นในวินาทีที่เขาขึ้นโดยสาร แต่ทว่าเขาไม่รู้ว่าหนิวเปินที่ดูธรรมดาสามัญผู้นี้ จะแข็งแกร่งขนาดหนัก!
เขานั้นแข็งแกร่งเสียจนท้องฟ้าไม่อาจรองรับรัศมีของเขาได้อีกต่อไป เขานั้นแข็งแกร่งเสียจนสะกดข่มทั้งชุมนุมสระหยกในเสี้ยววินาทีแรกที่เขาลงมือ!
ในสระหยก เต่ายักษ์ทั้งหลายที่แบกเกาะเอาไว้บนหลังก็ล้วนแต่เป็นครึ่งเทพ พวกมันย่อมมีสายเลือดอันทรงพลังจากากรสืบสายโลหิตของเทพบรรพกาล แต่แม้ด้วยกำลังฝีมืออันแข็งแกร่งของพวกมัน เต่ายักษ์เหล่านี้ก็ไม่กล้าเผยตัวออกมาตรงหน้ารัศมีของหนิวเปิน พวกมันหดหัวและขาเข้าไปในกระดองและปล่อยตัวให้จมลงไปในทะเล ปล่อยให้ผู้ฝึกวิชาเทวะต้องไปแออัดกันข้างบนยอดขุนเขาเพื่อจะได้ไม่จมลงไปในสระหยกด้วย
“แข็งแกร่งทัดเทียมกับเทพบรรพกาล...”
วิญญูชนสวรรค์อวี้และวิญญูชนสวรรค์อีกจำนวนหนึ่งมีสีหน้าซีดเผือดเมื่อมองไปยังเทพเจ้าพิโรธ พวกเขามีความรู้สึกต่างๆ ปนเปกันในหัวใจ
โดยเฉพาะสำหรับวิญญูชนสวรรค์อวี้
สำหรับการชุมนุมสระหยกครั้งนี้ เขาได้วิ่งเต้นขึ้นๆ ลงๆ สภาสวรรค์ ติดต่อสื่อสารกับจักรพรรดินีฟ้า และติดสินบนผู้คนรอบๆ ตัวจักรพรรดิฟ้า เพื่อให้เอ่ยถึงเขาในทางที่ดีต่อจักรพรรดิฟ้า
ไม่เพียงเท่านั้น เขาได้สร้างเครือข่ายอิทธิพลอันกว้างขวางเพื่อดึงดูดอัจฉริยะเยาว์จากทั่วทุกโลกมิติเพื่อให้มาเข้าร่วมงานชุมนุมสระหยก
เขานั้นได้หยิบยืมอิทธิพลอำนาจของมหาสมาคมสภาสวรรค์เพื่อที่จะสามารถจัดชุมนุมสระหยกอันคับคั่งนี้ได้
และในตอนนี้ เขาก็ยังหมายที่จะหยิบยืมโอกาสดังกล่าว เมื่อประกาศเรื่องใหญ่อันจะสามารถดึงดูดความสนใจของทุกๆ คน เขาหมายที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อกลายเป็นผู้นำของผู้ฝึกวิชาเทวะทั้งหมด และกระทั่งเป็นผู้นำของครึ่งเทพทั้งหลาย
เขาอยากจะให้ทุกเผ่าพันธุ์ในโลกหล้า รวมทั้งลูกหลานของเทพเจ้าบรรพกาล ถูกชักนำเข้ามาในค่ายฝั่งของเขา!
ด้วยวิธีนี้ ผลประโยชน์ครึ่งหนึ่งของมหาสมาคมสภาสวรรค์ก็จะตกลงมาในมือของเขา และเป็นต้นทุนที่จะให้ผลักดันให้เขาทะยานสูงขึ้นไป
กระนั้น เขาก็ไม่คาดคิดเลยว่าจู่ๆ จะมีชายหนุ่มสองคนปรากฏตัวขึ้นมาในชุมนุมสระหยก และต่อสู้กันอย่างไม่สนใจใครทั้งสิ้น ผู้คนทั้งสองนี้ได้เผยกำลังฝีมืออันยิ่งใหญ่ตระการและไร้เทียมทาน ทำให้ทุกผู้คนที่เข้าร่วมชุมนุมแตกตื่นไปหมด พวกเขาได้ขโมยแสงไฟส่องไปจากเขา
และที่เขาไม่คาดคิดยิ่งกว่านั้นก็คือ มียอดฝีมือที่แข็งแกร่งเทียบเท่าเทพบรรพกาลกระโดดออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ เขานึกคิดไม่ออกเลยว่าจะดำเนินชุมนุมสระหยกต่อไปอย่างไร
หากว่ายอดฝีมือผู้นี้ระงับโทสะไม่อยู่ และอาละวาดทำลายทั้งสระหยก จะไม่เท่ากับว่าความพยายามทั้งหมดของเขาเสียเปล่าหรอกหรือ
หนิวซานตัวเผยร่างกายอันกำยำอย่างไร้ปานเปรียบและพ่นควันไฟออกมาจากจมูกของเขา ด้วยดวงตาอันลุกโพลงด้วยเพลิงไฟ เขาก็เงื้อมือขึ้นแล้วกดลงไป ไม่ทันทีมือของเขาจะแตะโดนฉินมู่และจักรพรรดิก่อทั้ง ทั้งสองคนก็พลันรู้สึกถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวอย่างสุดแสน!
ปัง ปัง
เสียงทึบสนั่นดังออกมา ทักษะเทวะของฉินมู่และจักรพรรดิก่อตั้งแหลกสลายไป และทั้งสองคนก็ร่วงลงจากท้องฟ้า พวกเขาถูกกดลงไปกับพื้นด้วยแรงกดดันอันล่องหน
พื้นดินยุบลงไปจากการที่พวกเขาทั้งสองถูกกดอัดลง และพวกเขาก็จมลงไปลึกขึ้นๆ พวกเขากระดิกกระเดี้ยไม่ได้ และก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
“เจ้ากล้าอัดเขาหรือ”
ฉินมู่ทั้งเดือดดาลและประหลาดใจ เขาฝืนเงยหน้าขึ้นมาและกล่าว “เมื่อเจ้าอัดเขาก็เท่ากับอัดข้า วัวที่น่าตาย…”
เสียงเดือดดาลของหนิวซานตัวดังมาจากกลางอากาศ “ก่อเรื่องอีกสิ! มาก่อเรื่องอีกสิ! ข้าบอกพวกเจ้ากี่ครั้งแล้วระหว่างทาง ว่ารู้จักระงับตัวเองไว้บ้าง อย่าก่อเรื่องวุ่นวาย แต่พวกเจ้าก็เอาแต่ก่อเรื่อง! เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้าเป็นพระอิฐพระปูน หากว่าอารมณ์วัวเดือดของข้าแล่นพล่านขึ้นมา ข้าก็ไม่สนหรอกว่าพวกเจ้าจะเป็น…”
“เลิกกดพวกเขาเอาไว้ได้แล้ว!”
วิญญูชนสวรรค์หลิงยืนอยู่ข้างๆ ขาวัวและมองตรงไปยังจุดที่ฉินมู่กับจักรพรรดิก่อตั้งร่วงตกลงมา ตรงนั้นเป็นหลุมลึกกว่าร้อยห้าสิบวาไปแล้ว ดังนั้นนางจึงรีบเงยศีรษะร่ำร้อง “หากว่าท่านยังกดพวกเขาเอาไว้ พวกเขาก็จะแหลกจนตาย!”
แต่ทว่า ร่างกายของหนิวซานตัวสูงจนเกินไป และเสียงของนางก็ไปไม่ถึงหูเขา
ในตอนนั้นเอง เสียงกึกก้องกังวานก็ดังมา และมันเหมือนกับเสียงร้องของนกอินทรี “ใครกล้ามาอาละวาดในสภาสวรรค์”
เพลิงไฟอันรวดเร็วประดุจดาวตกยิงมา เมื่อลำแสงไฟนั้นขยายใหญ่มากขึ้นๆ และโจมตีไปยังหนิวซานตัวดุจดวงอาทิตย์!
หนิวซานตัวยื่นมือออกไป บดขยี้ดวงตะวันนั้นก่อนที่จะร้องคำราม
โฮกกก
แม้ว่าเทพครองดาวมหาตะวันจะเป็นเทพเจ้าก่อนฟ้าดิน แต่เขาก็ไม่อาจตั้งตัวได้จากคลื่นเสียงคำราม ทำให้เขาปลิวกระเด็นกลับไป
เขามิใช่เทพครองดาวมหาตะวันตัวปลอมในอนาคต ดังนั้นเขาจึงรีบกระพือปีกเพื่อเผยร่างที่แท้จริงออกมา ขนนกเป็นชั้นๆ แผ่ออกไป และขนนกอัคคีของเขาก็ผงาดขึ้นสู่ท้องฟ้า ปีกของเขายาวถึงร้อยลี้ และกรงเล็บคมกริบทั้งสามของเขาก็ส่งประกายเย็นเยียบ เขากระพือปีกบินมาเหนือสระหยก และคว้าโฉบไปยังศีรษะของหนิวซานตัว หมายที่จะบดขยี้กะโหลกและสมองของเขา
หนิวซานตัวซัดหมัดออกไป และท้องฟ้าก็ส่งเสียงคำรามทึบก้อง เทพครองดาวมหาตะวันกรีดร้องด้วยเสียงอันพรั่นพรึงก่อนที่จะปลิวกระเด็นไป ไกลๆ นั้นลูกบอลไฟพลันปรากฏบนดวงอาทิตย์ เขาถูกซัดกระแทกเข้าไปในดวงอาทิตย์นั้นและลุกไม่ขึ้นอยู่พักใหญ่
อีกฟากหนึ่งนั้น จากหมู่ปราสาทแห่งสภาสวรรค์ เทพบรรพกาลและครึ่งเทพมากมายได้เหาะขึ้นไปบนอากาศ และรีบรุดมายังสระหยก รัศมีของเทพเจ้าบรรพกาลมืดฟ้ามัวดิน ทำให้มิติอวกาศบิดเบี้ยว ได้ยินเสียงบางคนร้องด้วยความเกรี้ยวกราด “มุสิกที่ไหนโผล่หัวมา กล้าอาละวาดในสภาสวรรค์!”
หนิวซานตัวโทสะขึ้นสมอง เขาไม่สนใจอะไรอีกต่อไป และเพียงแต่พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อต่อยและเตะ เขาขับเคลื่อนวรยุทธทั้งหมดอย่างไม่มีกั๊ก
ไม่ว่าทักษะเทวะใดจะโยนมาใส่เขา เขาก็สามารถลบล้างทักษะเทวะของเทพบรรพกาลเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายด้วยกำปั้นเดียว เขานั้นทลายฝ่าทุกสิ่งด้วยกำลังเถื่อน แม้แต่เทพบรรพกาลแห่งตะวัน จันทรา และห้าดาวธาตุ ก็ไม่อาจสกัดกั้นเขาไว้ได้เลยสักนิด ทักษะเทวะของพวกเขาแตกทำลายไปโดยทันที!
ความสำเร็จของหนิวซานตัวในมรรคาบู๊นั้นสูงล้ำ และความเร็วของเขาก็เร็วอย่างยิ่งยวด ความเร็วการวิ่งตะบึงของยอดฝีมือมรรคาบู๊นั้นเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกวิชาเทวะคนอื่นๆ ไม่อาจคิดฝันไปถึง ยิ่งกว่านั้นเขายังเป็นยอดฝีมือขั้นตำหนักชิดฟ้าอีกด้วย เขาจะด้อยกว่าก็แต่บัลลังก์จักรพรรดิเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ทวยเทพเหล่านี้จะติดตามเงาร่างของเขาทัน!
บนท้องฟ้า เทพบรรพกาลตนหนึ่งครางกระอักเมื่อถูกซัดกำปั้นไปที่หน้า เขาร่วงหัวปักพื้นเข้าไปในสระหยก ขาและร่างกายของเขาปักชี้ฟ้า และความเป็นตายก็ไม่รู้ชัด
เทพบรรพกาลอีกตนถูกซัดกระเด็นเข้าไปในแม่น้ำสวรรค์ และสร้างคลื่นมหึมาที่งัดเรือสำราญให้ลอยสูง เมื่อเรือต้องแล่นไปบนคลื่นสูงร้อยห้าสิบวา ก็ทำให้ผู้คนแตกตื่นไม่น้อย
ยังมีเทพบรรพกาลที่ถูกซัดต่อรัวๆ นับครั้งไม่ถ้วนในชั่วพริบตา แต่ละหมัดจะบิดร่างของเขาและทำให้ใบหน้าเหยเก ดังนั้นจิตคิดของเขาจึงว่างเปล่าไปหมด
เมื่อเขาได้สติกลับมาอีกที ก็พบว่าตนเองจมอยู่ในกองซากปรักหักพัง และข้างใต้ร่างของเขาคือโถงวังที่เขาร่วงลงมา
หนิวซานตัวต่อยตีอย่างสุดตัวและระบายความคับข้องใจทั้งหมดที่เขาทนรับมาตลอดสองวันนี้
ตลอดสองวันที่ผ่านมาเขาอกสั่นขวัญแขวนอย่างแท้จริง เขาเอาแต่กลัวว่าฉินมู่จะก่อเรื่องใหญ่ กลัวว่าฉินมู่และจักรพรรดิก่อตั้งจะต่อสู้กัน กลัวว่าจักรพรรดิก่อตั้งจะจดจำเขาได้ กลัวว่าจักรพรรดิก่อตั้งจะกำจัดฉินมู่ กลัวว่าฉินมู่จะกำจัดจักรพรรดิก่อตั้ง
ความคับข้องใจแบบนี้ คนตรงไปตรงมาอย่างเขาจะแบกรับไว้หมดได้อย่างไร
กระนั้นเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องอดทนเอาไว้ เมื่อโทสะของเขาระเบิดออกมาในวันนี้ มันก็ไม่สามารถยับยั้งเอาไว้ได้อีกต่อไป!
ยอดฝีมือมรรคาบู๊ก็เป็นเช่นนี้
ถ้าเขาไม่ระเบิดออกมาก็ดีอยู่ แต่ในพริบตาที่เขาระเบิดออกมา มันก็จะสะท้านฟ้าสะเทือนดิน แม้แต่เอาวัวมาฉุดก็รั้งไว้ไม่อยู่ อย่าว่าแต่เขาเองก็เป็นวัวอยู่แล้ว!
หนิวซานตัวยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งเดือดพล่าน เทพบรรพกาลและครึ่งเทพเข้ามาห้อมล้อมเขามากขึ้นทุกที และเขาก็ร้องมอดังสนั่นอย่างระงับไว้ไม่อยู่ หมายที่จะกระทืบทั้งหมดให้ร่วงจมดิน
ทันใดนั้น ดวงตะวันก็สาดแสงเจิดจ้าลงจากท้องฟ้า และลำแสงก็ยิงลงมาใส่ร่างของเขา ทำให้วัวแก่นี้กระเด็นออกไป!
บนดวงอาทิตย์ เทพครองดาวมหาตะวันเช็ดเลือดสีทองที่มุมปากของตน และพลังวัตรของเขาก็แผ่พุ่งไป เขาควบคุมพลังไฟของของตะวัน และดวงตะวันก็ยิงเสาแสงออกไปอีกลำ กระแทกใส่หนิวซานตัวที่ยังไม่ทันจะยืนได้มั่น!
อีกฟากหนึ่งนั้น ดวงจันทร์บนท้องฟ้าก็พวยพุ่งออกมาด้วยแสงสว่าง และลำแสงสองลำก็ยิงเข้าใส่ร่างกายของหนิวซานตัว ทำให้เขาถูกกระแทกลงจากเวหาและร่วงลงไปข้างๆ แม่น้ำสวรรค์
ดาวธาตุทั้งห้าบนท้องฟ้า ก็สาดแสงเจิดจ้า เห็นได้ชัดว่าเทพครองดาวธาตุทั้งห้าก็ได้ใช้วิธีการควบคุมดาวธาตุทั้งห้าเพื่อประสานการโจมตี
“เจ้าคิดว่าข้ากลัวหรือ”
หนิวซานตัวร้องคำราม และยื่นมือของเขาออกไปคว้าจับแม่น้ำสวรรค์ แม่น้ำสวรรค์สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และเขาก็หมายที่จะกระชากแม่น้ำสวรรค์ขึ้นมาเป็นอาวุธก็ซัดกวาดดวงดาวพวกนี้!
ผู้ฝึกวิชาเทวะนับไม่ถ้วนในสระหยกรู้สึกโลหิตในกายเย็นเยียบ ฉินมู่ปีนขึ้นมาจากรอยประทับฝ่ามือของหนิวซานตัว และปัดฝุ่นออกจากร่างกายของเขา เขากล่าวกับจักรพรรดิก่อตั้งด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “เขากล้ากระทืบเจ้า ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวข้าช่วยอัดเขาให้ในอนาคต! วัวนี้มันบ้าไปแล้ว เขาบ้าไปแล้วจริงๆ!”
ข้างๆ เขา จักรพรรดิก่อตั้งยืดเหยียดร่างกายและตะลึงไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินที่เขาพูด เขาไม่ใช่ศัตรูของข้าหรอกหรือ ทำไมเขาถึงจะช่วยข้าไปอัดกระทืบคนผู้นี้ เจ้าหมอนี่มันแปลกจริงๆ เขาเห็นข้าเป็นศัตรู แต่ในขณะเดียวกันก็คิดปกป้องข้าเมื่อข้าถูกหนิวเปินอัดจนยับเยิน
วิญญูชนสวรรค์หลิงรีบเหาะเข้ามาและกล่าว “ผู้เฒ่าคนนั้นกำลังสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่! วังสวรรค์ทั้งสามสิบหกแตกตื่นก็เพราะเขา! นี่คงยากที่จะสะสางเรื่องราวแล้ว”
ฉินมู่แค่นเสียงและกล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย “เขาสามารถแก้ไขวิกฤตนี้ได้ ตราบเท่าที่เขาฉีกยันต์กระดาษเหลืองนั้นเป็นชิ้นๆ ก็จะไม่มีใครจดจำเขาได้ แต่ทว่าวัวโง่นี้คงจะหมกมุ่นกับการต่อสู้มากเกินไปจนลืมที่จะสยบเรื่องราวให้ราบคาบ เมื่อเขาเหนื่อย เดี๋ยวก็นึกขึ้นได้เอง”
วิญญูชนสวรรค์หลิงจ้องมองพวกเขาอย่างสนใจใคร่รู้ พลางคิดอยู่กับตนเอง ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสามนี้ประหลาดจริงๆ…
แม่น้ำสวรรค์สั่นสะเทือน และหนิวซานตัวก็แทบจะเงื้อแม่น้ำสวรรค์ขึ้นมาใช้เป็นอาวุธวิญญาณได้ แต่ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังมาจากส่วนลึกของแม่น้ำสวรรค์ “ข้าถือกำเนิดมาจากแม่น้ำสวรรค์ หากว่าเจ้าใช้มันเป็นอาวุธ บ้านข้าจะไม่ถูกเจ้าพังไปหมดหรือ เจ้าแตะต้องแม่น้ำสวรรค์นี้ไม่ได้”
หนิวซวานตัวพลันรู้สึกว่าแม่น้ำสวรรค์กลายเป็นหนักอึ้งไร้ปานเปรียบ และมันก็ยิ่งหนักมากขึ้นไปทุกทีๆ ทำให้ร่างของเขาโค้งก้มลง
เขาโยนแม่น้ำสวรรค์กลับคืนไปและกระโดดออกมา เขาเห็นเทพบรรพกาลตนหนึ่งกำลังเดินมาบนผิวแม่น้ำ และข้างหลังเทพบรรพกาลตนนี้ ก็มีรูปเงาของเต่าดำตัวมหึมาปรากฏ รอบๆ เต่ามีงูเหินหาวที่กระหวัดรัดพันมันเอาไว้ และมันก็อ้าปากกว้างอันสามารถกลืนกินสรวงสวรรค์เพื่อแลบลิ้นสองแฉกออกมา ดวงตาของงูเป็นขีดตั้ง และมันดูทั้งชั่วร้ายและพิลึกกึกกือระหว่างที่จ้องมายังเขา
หนิวซานตัวตกตะลึง และในที่สุดเขาก็ได้สติ ทว่าในตอนนั้นเอง แสงสีเขียวสาดส่องมาเต็มท้องฟ้าตะวันออก และผู้เฒ่าอีกคนหนึ่งก็เดินเข้ามา ข้างหลังเขามีมังกรเขียวมหึมากระหวัดพันอยู่ และมันดูมโหฬารเป็นพิเศษ
“หรือว่าจะเป็นจักรพรรดิอุดรและจักรพรรดิบูรพาแห่งสี่จักรพรรดิเทวะ”
หนิวซานตัวกะพริบตาและกำหมัดแน่น เขาตื่นเต้นขึ้นมา จักรพรรดิอุดรและจักรพรรดิบูรพาแห่งยุคสมัยนี้จะแข็งแกร่งกว่าในอนาคตไหม ข้าลองสู้ดูก็คงรู้แล้วไม่ใช่หรือ ข้าไม่กลัวพวกเขาหรอก!
ในตอนนี้เอง เสียงที่สูงส่งยิ่งกว่าสวรรค์เก้าก็ส่งลงมาและกล่าว “เสวียนอู่ ชิงหลง ไม่ต้องไปรังแกเขาหรอก สหายเต๋าน้อยผู้นี้ได้ฝึกปรือกำลังฝีมือมาไม่น้อย นี่น่าจะเป็นเพราะว่าข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเขาและไม่ได้เชิญเขาเข้าร่วมมหาสมาคมสภาสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงยอมรับไม่ได้ และคิดจะมาก่อความวุ่นวาย”
จักรพรรดิอุดรโค้งคารวะและกล่าว “จักรพรรดิฟ้า เขาได้มาก่อความวุ่นวายในมหาสมาคมสภาสวรรค์ หากว่าพวกเราไม่สังหารเขา ความยำเกรงต่อสภาสวรรค์จะเอาไปไว้ที่ไหน ข้าคิดว่าพวกเราควรจะสังหารเขาเสียเพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู!”
หนิวซานตัวหัวใจสะท้านอย่างรุนแรง จักรพรรดิฟ้า? ผู้ที่พูดเมื่อครู่นี้คือจักรพรรดิฟ้า? หากว่าพวกเขาต้องการสังหารข้า แล้วข้าควรจะหนีอย่างไร
อีกเสียงหนึ่งดังมากลั้วหัวเราะ “ทำไมสภาสวรรค์ต้องสร้างความยำเกรงขึ้นมาด้วยล่ะ ในโลกหล้านี้ยังมีใครเป็นศัตรูพวกเราได้อีกหรือ วัวนั้น ด้วยกำลังฝีมือของเจ้า คู่ควรที่จะเป็นเจ้าตำหนักวังสวรรค์ แต่ทว่า ในเมื่อเจ้าก่อความวุ่นวาย อันเป็นความผิดมีโทษ และข้าก็จะต้องลงโทษเจ้า หลังจากมหาสมาคมสภาสวรรค์ เจ้าก็จงมาที่ราชวังและเป็นแม่ทัพทองคำที่หน้าบัลลังก์ของข้า”
หนิวซานตัวรีบก้มหัวคารวะ และลำแสงหนึ่งก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้า มันตกลงมาในมือของวัวแก่ และมันคือป้ายประกาศิตบัญชาทัพ
“นับว่าเจ้าโชคดี” จักรพรรดิอุดรล่าถอยไป และสภาสวรรค์ก็กลับมาปกติสุขอีกครั้ง
ผู้เฒ่าที่เดินมาจากทิศตะวันออกก็จางหายไปด้วย
หนิวซานตัวรีบย่อร่างกายกลับเป็นปกติ และเหาะกลับมายังสระหยก เขากล่าวแก่ฉินมู่ “จักรพรรดิฟ้าแห่งสภาสวรรค์แห่งนี้เห็นกำลังฝีมือของข้าและไม่สังหารข้า เขาแต่งตั้งข้าเป็นแม่ทัพทองคำ เขาไม่ฆ่าข้า”
ฉินมู่ส่ายหัวและกล่าว “เจ้าก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ หากส่งเจ้าไปตัดหัวที่แท่นประหารเทพก็ไม่นับว่าหนักหนาเลยด้วยซ้ำ! เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าจะมีวุฒิภาวะ แต่ที่ไหนได้กลับเกินเลยเสียยิ่งกว่าฉินไค!”
จักรพรรดิก่อตั้งแค่นเสียงและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับว่าไม่มีอะไรผิด
วัวแก่กล่าว “หากว่าพวกเจ้าทั้งสองไม่ก่อเรื่อง ข้าจะโมโหไหมล่ะ พวกเจ้าก็รู้จักระงับตัวเองเอาไว้หน่อย และก่อเรื่องให้น้อยๆ กว่านี้ พวกเราจะได้ผ่านช่วงเวลาไม่กี่เดือนนี่ด้วยความราบรื่น!”
ฉินมู่มองดูป้ายประกาศิตที่อยู่ข้างเอวของเขา หัวใจของเขาสะท้านหวั่นไหว และกล่าว “เอาป้ายประกาศิตของเจ้าให้ข้าดูหน่อย”
วัวแก่ปลดป้ายประกาศิตออกมาและส่งไปให้เขา ฉินมู่สะท้านใจ และเขากำลังจะพลิกหาในถุงเต๋าตี้ แต่ทันใดนั้น ชายหนุ่มที่ใบหน้าเกลื่อนยิ้มผู้หนึ่งก็เดินเข้ามา เขาถามวิญญูชนสวรรค์หลิง “วิญญูชนสวรรค์หลิง ศิษย์พี่ทั้งสามคนนี้คือ?”
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
วิญญูชนสวรรค์หลิงเพิ่งจะได้สติ และหันมาถามฉินมู่ “เจ้าชื่ออะไรนะ”