ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 748 เมล็ดพันธุ์แห่งพันธมิตรสวรรค์
ฉินมู่และวัวแก่จ้องด้วยดวงตาเบิกกว้าง จักรพรรดิก่อตั้งก็มีสีหน้าไม่เชื่อหู และทั้งสามคนก็พูดอะไรไม่ออก
จูเฉว้เอ๋อเห็นสีหน้าของพวกเขา และพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง “หลังจากเรื่องนี้เปิดโปงขึ้นมา จักรพรรดินีฟ้าก็ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง และนางก็อาละวาดไปไม่ใช่น้อย จักรพรรดิฟ้าจึงต้องยอมสละร่างมนุษย์และกลับคืนสู่สภาสวรรค์ จักรพรรดินีฟ้าสร้างเรื่องปึงปังอีกรอบ มีผู้คนหลายคนในสภาสวรรค์ล่วงรู้เรื่องนี้ แต่ไม่มีใครกล่าวอะไร หลังจากนั้น เมื่อวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวโด่งดังขึ้นมา เขาก็ไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ทว่า จักรพรรดินีฟ้าได้ดูแลวิญญูชนสวรรค์อวี้เป็นอย่างดี เจ้าเดาออกหรือไม่ว่าเพราะเหตุใด”
วัวแก่รีบกล่าวทันที “จักรพรรดินีฟ้าหมายจะแก้แค้นใส่จักรพรรดิฟ้า ดังนั้นนางจึงหลับนอนกับวิญญูชนสวรรค์อวี้!”
จักรพรรดิก่อตั้งและฉินมู่กระแอมไอ ใบหน้าของพวกเขาแดงฉานไปหมด
“ไม่จำเป็นต้องไปไกลถึงขนาดนั้น นางต้องการที่จะสนับสนุนวิญญูชนสวรรค์อวี้ และสยบข่มบุตรของน้องสาวนางกับจักรพรรดิฟ้า”
จูเฉว้เอ๋อครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยและเกิดสงสัยขึ้นมา “แต่จักรพรรดินีฟ้าอาจจะมีความคิดแบบนั้นบ้างหรือเปล่านะ บางทีนางอาจจะหลับนอนกับวิญญูชนสวรรค์อวี้จริงๆ พวกเราก็พูดให้แน่ชัดไม่ได้หรอก…จริงสิ ทำไมวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวถึงต้องการสังหารวิญญูชนสวรรค์อวี้ล่ะ หรือว่าเพราะจักรพรรดิฟ้าตระหนักขึ้นมาว่าจักรพรรดินีฟ้าเล่นชู้ ก็เลยส่งวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวไปเก็บกวาดแทนเขา”
ฉินมู่อดไม่ได้ที่จะขัดจังหวะความคิดนาง “พี่สาว คนที่ใช้พลังวัตรปิดผนึกศาลาวายุแผ่วคือน้องสาวจักรพรรดินีฟ้า ทำให้วิญญูชนสวรรค์อวี้ไม่อาจหลบหนีและร้องขอความช่วยเหลือได้”
จูเฉว้เอ๋อตาเป็นประกาย “ความขัดแย้งระหว่างพี่สาวน้องสาว? การแก่งแย่งกันเป็นคนโปรด? เชือดไก่ให้ลิงดู? เป็นเรื่องราวพลิกผันที่น่าสนใจอะไรแบบนี้!”
ฉินมู่กะพริบตาปริบๆ และคิดอยู่ในใจ ความคิดของพี่สาวผู้นี้แตกต่างไปจากข้าเล็กน้อย ข้ารู้สึกว่าสาเหตุที่วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวต้องการกำจัดวิญญูชนสวรรค์อวี้ก็เพราะว่าชื่อเสียงของเขายิ่งใหญ่จนเกินไป มีก็แต่กำจัดวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวไปได้ เขาถึงจะกลายเป็นผู้นำแห่งเหล่าครึ่งเทพและเผ่ามนุษย์ เมื่อครึ่งเทพและมนุษย์รุ่งเรืองในภายหลัง เขาก็จะมีหวังที่จะขึ้นครองบัลลังก์
จูเฉว้เอ๋อไม่ได้คิดไปในทางนี้ นางยังคงตื่นเต้นกับการที่สนมของจักรพรรดิฟ้าตบตีกันไปมา และมันก็แตกต่างจากที่ฉินมู่และคนอื่นๆ ขบคิดอย่างสิ้นเชิง
จักรพรรดิก่อตั้งสีหน้าหมองหม่นลง “วิญญูชนสวรรค์อวี้เป็นอัจฉริยะแห่งยุคสมัย น่าเสียดายที่เขาต้องมารับเคราะห์กรรมเช่นนี้ ส่วนว่าจักรพรรดิฟ้าจะมีเอี่ยวด้วยหรือไม่ พวกเราก็ไม่อาจจะล่วงรู้”
ความตื่นเต้นก่อนหน้านี้ของจูเฉว้เอ๋อสงบลง และนางกล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย “หากว่าบุตรแห่งจักรพรรดิฟ้าไม่อาจเทียบได้กับมนุษย์คนหนึ่ง นั่นจะไม่เท่ากับเป็นการป่าวประกาศแก่ผู้คนในใต้หล้าหรอกหรือ ว่าสายเลือดของเทพบรรพกาลนั้นต้อยต่ำกว่ามนุษย์ธรรมดา”
ฉินมู่และจักรพรรดิก่อตั้งหัวใจสะท้านอย่างรุนแรง และพวกเขาก็อ้าปากค้าง
จูเฉว้เอ๋อลบสีหน้าเคร่งขรึมออกไปจากใบหน้า และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องชายคนดี อยู่ที่ตำหนักของพี่สาวคนนี้ไปก่อน ข้าจะออกไปข้างนอก ชมดูเรื่องสนุก นังโสเภณีน้อยนี่คงจะต้องโวยวายอาละวาดไม่ใช่น้อย!”
ฉินมู่จ้องด้วยดวงตาเบิกกว้าง เห็นได้ชัดว่าจูเฉว้เอ๋อแทบจะอดใจรอไม่ไหวให้โลกหล้าทั้งหมดปั่นป่วนโกลาหล นางรีบรุดออกไป
“พี่สาวผู้นี้ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าข้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมดเสียอีก...”
ฉินมู่สลัดศีรษะและกล่าวแก่จักรพรรดิก่อตั้ง “ที่พี่สาวเฉว้เอ๋อพูดนั้นจริงหรือไม่ จักรพรรดิฟ้าเป็นคนกระตุ้นวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวอยู่ข้างหลังจริงๆ ไหม”
จักรพรรดิก่อตั้งส่ายศีรษะ “ข้าไม่เคยพบเห็นจักรพรรดิฟ้ามาก่อน ดังนั้นข้าจึงไม่รู้นิสัยใจคอของเขา และไม่สามารถวิเคราะห์อนุมานได้ดีนัก แต่ทว่า นี่ก็เป็นไปได้ หากว่าสิ่งที่จักรพรรดิทักษิณกล่าวนั้นถูกต้อง จักรพรรดิฟ้าก็กำลังเล่นกับไฟ ความทะเยอทะยานของวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวใหญ่หลวงอย่างสุดกู่ และเมื่อครึ่งเทพและเผ่าพันธุ์หลังฟ้าดินทั้งหมดรุ่งเรืองพัฒนา ตำแหน่งของจักรพรรดิฟ้าก็คงไม่มั่นคงอีกต่อไป!”
ฉินมู่ขมวดคิ้ว
วัวแก่กระโดดโหยงด้วยความตกใจและรีบกล่าว “จักรพรรดิฟ้ามีกำลังฝีมืออันเหนือธรรมดา และถึงกับเป็นบิดาบังเกิดเกล้าของวิญญูชนสวรรค์ฮ่าว วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวจะมีความทะเยอทะยานเช่นนั้นหรือ”
จักรพรรดิก่อตั้งกล่าว “ตั้งแต่เมื่อโบราณกาลมา เมื่อจักรพรรดิอายุยืนเกินไป รัชทายาทก็ยากจะนั่งให้เป็นสุขได้ และหมายที่จะให้จักรพรรดิตายไวๆ กว่านี้ ในเมื่อจักรพรรดิฟ้าไม่แก่และไม่ตาย หนทางเดียวที่วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวจะขึ้นครองบัลลังก์นั้นก็คือลงมือต่อจักรพรรดิฟ้า ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่เผ่าพันธุ์อื่นและครึ่งเทพผงาดขึ้นมามีอำนาจ พวกเขาก็จะยิ่งร้องขอผลประโยชน์มากขึ้นอีก วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวก็จะไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องลงมือในตอนนั้น”
ฉินมู่หัวใจสะท้านเล็กน้อยและกล่าว “ข้ากำลังคิด วิญญูชนสวรรค์อวี้บอกพวกเราว่า สิ่งแรกนั้นก็คือให้ทุกเผ่าพันธุ์สามารถฝึกวรยุทธและบรรลุเป็นเทพเจ้า แล้วสิ่งที่สองที่เขาอยากจะกล่าวนั้นคืออะไร”
จักรพรรดิก่อตั้งมองไป และเมื่อทั้งสองคนสบตากัน พวกเราก็รู้สิ่งที่แต่ละฝ่ายคิดในใจ
จักรพรรดิก่อตั้งกล่าว “หากวิญญูชนสวรรค์อวี้ไม่ตาย มันก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ตอนนี้เมื่อวิญญูชนสวรรค์อวี้ตายไปแล้ววิญญูชนสวรรค์คนอื่นๆ ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวจะเป็นตัวแทนอำนาจของฝ่ายครึ่งเทพ และเขาก็จะมีผู้ติดตามจากเผ่าพันธุ์หลังฟ้าดินไม่ใช่น้อย อย่างแรกเขามีอิทธิพลอำนาจยิ่งใหญ่ขนาดนั้น และอันดับที่สองด้วยศักดิ์ฐานะของเขาที่เป็นบุตรของจักรพรรดิฟ้า ก็จะไม่มีใครที่สามารถทัดเทียมกับเขาได้ เขาก็จะขึ้นเป็นผู้นำของหนึ่งในสามสภาสวรรค์แห่งสามสวรรค์หลงฮั่น และมันก็จะเป็นสภาสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย!”
ฉินมู่กล่าว “วิญญูชนสวรรค์คนอื่นๆ ไม่มีใครที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ แต่ยังมีอีกฝักฝ่ายในสามสวรรค์หลงฮั่น ดังนั้นฝักฝ่ายนี้มาจากที่ใด”
จักรพรรดิก่อตั้งส่ายศีรษะ “นี่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่พวกเราควรคิดกังวล”
วัวแก่มึนงงไปหมดจากการฟังพวกเขาสนทนา “พวกเจ้าคุยอะไรกัน พวกเจ้าไม่ได้กำลังพูดถึงเรื่องอย่างที่สองที่วิญญูชนสวรรค์อวี้ต้องการประกาศหรอกหรือ ทำไมถึงลากเรื่องสามสวรรค์หลงฮั่นเข้ามาเกี่ยวด้วยล่ะ”
ฉินมู่อธิบาย “เรื่องที่สองอันวิญญูชนสวรรค์อวี้ต้องการประกาศก็คือ หลังจากที่ถ่ายทอดเส้นทางบรรลุความเป็นอมตะแล้ว ก็จะยิ่งมีเทพเจ้าจากเผ่ามนุษย์และเผ่าอื่นๆ มากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาจะทำให้ผู้อื่นหวาดกลัว และจะถูกกำราบในไม่ช้าก็เร็ว เขากะที่จะต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของทุกเผ่าพันธุ์ และนี่คือขั้วที่สามในสามสวรรค์หลงฮั่น”
วัวแก่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้ก็ทำให้สำเร็จได้ด้วยการตั้งสภาสวรรค์น้อยไม่ใช่หรือ”
“ใครจะก่อตั้งมันล่ะ”
ฉินมู่กังวล “พวกเรากำลังจะย้อนคืนกลับสู่ยุคสมัยของตนเองภายในเวลาไม่กี่วัน และไม่มีใครที่สามารถรั้งอยู่ที่นี่ได้”
จักรพรรดิก่อตั้งพยักหน้า “ในบรรดาเก้าวิญญูชนสวรรค์ วิญญูชนสวรรค์อวี้เสียชีวิต วิญญูชนสวรรค์ฉินและวิญญูชนสวรรค์มู่หายสาบสูญ และวิญญูชนสวรรค์ที่เหลือก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของวิญญูชนสวรรค์ฮ่าว ยิ่งไปกว่านั้น วิญญูชนสวรรค์ที่เหลือเหล่านี้เหมือนกับทรายร่วนอันจับตัวกันไม่ติด ยากที่พวกเราจะก่อตั้งขึ้นมาเป็นขั้วที่สาม”
ฉินมู่เงียบไปครู่หนึ่งและกล่าว “ข้ามีความคิดที่จะสร้างเสถียรภาพให้แก่ขั้วที่สาม แต่ทว่า หลังจากสามสวรรค์หลงฮั่น ฝ่ายใดกันแน่ที่เป็นผู้ชนะ”
จักรพรรดิก่อตั้งหัวใจเต้นโครมคราม และมองไปที่เขา
ฉินมู่กล่าวต่อ “ผู้ชนะคือขั้วแรก สภาสวรรค์เทพบรรพกาลไหม หรือว่าจะเป็นขั้วที่สอง สภาสวรรค์ครึ่งเทพ หรือแม้แต่ขั้วที่สาม สภาสวรรค์นอกโลกที่ทำลายล้างยุคสมัยแสงฉานและยุคสมัยจักรพรรดิสูงส่ง นั่นคือขั้วไหนกันแน่ในสามขั้วนี้”
จักรพรรดิก่อตั้งเงียบลงไป ตอนนี้คือจุดเริ่มต้นของยุคสมัยหลงฮั่น มันเป็นปีแรกแห่งศักราชหลงฮั่น ดังนั้นขั้วที่สองและสามยังคงไม่ปรากฏ
ไม่มีใครรู้ว่าตลอดเวลาอันยาวนานไร้ปานเปรียบของยุคสมัยหลงฮั่น ฝ่ายใดได้ชัยชนะในที่สุด และได้กลายเป็นจ้าวพิภพที่ปกครองทั่วหล้า
“รักษาอาการบาดเจ็บเจ้าไปเถอะ”
จักรพรรดิก่อตั้งเผยยิ้ม “ประวัติศาสตร์ย่อมมีหนทางของมันเอง พวกเราไม่ใช่ผู้คนแห่งยุคสมัยนี้ ดังนั้นพวกเราไม่จำเป็นต้องใคร่ครวญมากมาย พวกเราเพียงแต่ต้องกลับไปยังยุคสมัยของตนเอง และเผชิญหน้ากับทุกสิ่งโดยไร้ความกลัว!”
ฉินมู่ผงกหัวน้อยๆ แต่เขาคิดในใจ แต่ทว่า พวกเราได้ย้อนเวลามายังอดีต และกลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว ขั้วที่สามจะต้องก่อตั้งขึ้นมาให้ได้
หลังจากสองสามวัน อาการบาดเจ็บของเขาก็หายดี และจูเฉว้เอ๋อก็กลับมายังตำหนัก นางสนทนากับพวกเขาอย่างตื่นเต้นถึงสิ่งที่นางพบเห็นในสระหยก
“ตอนนี้มีข่าวรั่วไหลออกไปแล้ว”
นางกล่าวอย่างตื่นเต้น “วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวหมดสติไป และเขาก็ยังคงไม่ฟื้นในตอนนี้ จักรพรรดิฟ้าพิโรธเป็นอย่างยิ่ง และเขาบัญชาให้มีการสืบสวนเรื่องดังกล่าว แต่ทว่าในโลกนี้ไม่มีกำแพงที่ไม่รั่วไหล ไม่นาน ก็มีข่าวแพร่กระจายออกไปว่าวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวฆาตกรรมวิญญูชนสวรรค์อวี้ และดังนั้นวิญญูชนสวรรค์อวี้จึงฟื้นคืนชีพมาเพื่อล้างแค้นวิญญูชนสวรรค์ฮ่าว ผู้ฝึกวิชาเทวะเหล่านั้นแตกตื่นกันไปหมด ผู้คนวิเคราะห์อนุมานแผนการร้ายต่างๆ มากมาย และข่าวคราวก็แล่นพล่านไปทั่ว มีคำอธิบายสถานการณ์ทุกรูปแบบอยู่ที่นั่น”
ฉินมู่กะพริบตาปริบๆ และกล่าว “ถ้าเช่นนั้น ข่าวพวกนี้มาจากที่ไหน”
จูเฉว้เอ๋อหน้าแดงเล็กน้อย และนางกล่าว “ข้าแค่พูดความจริงนิดๆ หน่อยๆ ข้าแค่พูดว่าวิญญูชนสวรรค์อวี้ล้างแค้นต่อวิญญูชนสวรรค์ฮ่าว”
จักรพรรดิก่อตั้งและวัวแก่กลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่
“และยังมีบางคนป้ายขี้บนหัวของจักรพรรดิฟ้า และกล่าวว่าจักรพรรดิฟ้าเป็นผู้วางแผนการฆาตกรรมนี้! ข่าวลือแพร่ออกไปราวกับว่ามันเป็นเรื่องจริง! แต่ว่านี่ไม่ใช่ข้าเป็นคนพูด”
จูเฉว้เอ๋อยิ้มกริ่มและกระโดดขึ้นไปบนรังของนาง นางนั่งอยู่ในไฟศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงและแกว่งขาไปมาอย่างมีความสุข “แต่ข้ารู้ว่าใครพูดเรื่องนี้”
วัวแก่ถามด้วยความสงสัย “พี่สาว ใครพูดหรือ”
ฉินมู่และจักรพรรดิก่อตั้งมีสีหน้าประหลาดเมื่อมองไปยังวัวนี้
จักรพรรดิก่อตั้งคิดในใจ ผู้อาวุโสหนิวเปินเรียนรู้ไวจริงๆ
“แน่นอนว่าคือจักรพรรดินีฟ้า”
จูเฉว้เอ๋อแย้มยิ้มและกล่าว “จักรพรรดินีฟ้าก็เป็นผู้มีสติปัญญา และย่อมรู้ว่าใครที่ลงมือกับวิญญูชนสวรรค์อวี้ สองพี่น้องแฝดนี้กำลังต่อสู้กันในตำหนักสนม แต่ทว่าน้องสาวจักรพรรดินีฟ้ากล่าวว่าผู้ที่สังหารวิญญูชนสวรรค์อวี้คือวิญญูชนสวรรค์มู่ และในภายหลังวิญญูชนสวรรค์มู่ก็พยายามฆ่าวิญญูชนสวรรค์ฮ่าว นางพยายามที่จะผลักความผิดให้แก่น้องชาย แต่ทว่า ผู้คนที่มีดวงตาเฉียบคมย่อมรู้ว่ามีช่องโหว่มากมายในคำพูดของนาง ผู้ฝึกวิชาเทวะทั้งหลายกะที่จะออกไปจากสภาสวรรค์ แต่สภาสวรรค์กำลังคุ้มกันความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเพื่อค้นหาตัวหนิวเปิน วิญญูชนสวรรค์ฉิน และวิญญูชนสวรรค์มู่ในทุกตำหนักราชวัง ดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้ผู้ใดออกไป ผู้ฝึกวิชาเทวะเหล่านั้นเริ่มทะเลาะถกเถียงกัน และพวกเขาก็เริ่มต่อสู้กับพวกครึ่งเทพ คึกคักไม่ใช่น้อยเลยจริงๆ”
นางเดินไปรอบๆ อย่างตื่นเต้นและกล่าว “สภาสวรรค์ตกอยู่ในความโกลาหล และความเละเทะที่ดูไม่ได้ หน่วยอารักขาทองคำถึงกับคิดที่จะเข้ามาบุกค้นตำหนักหงส์แดงของข้า แต่ก็โดนข้าจับโยนออกไป พวกป่าเถื่อนพวกนี้จะบุกเข้ามาในราชวังสวรรค์และห้องหอของพี่สาวคนนี้ได้อย่างไร”
ฉินมู่นึกภาพออกว่าเทพีบรรพกาลผู้นี้จะปึงปังหนักหนาแค่ไหน
“แต่ทว่า นี่ได้เวลาที่พวกเจ้าจะต้องไปแล้ว”
จูเฉว้เอ๋อพลันสงบลงและมองไปยังฉินมู่กับคนอื่นๆ “ข้าได้ข่าวมาว่าจักรพรรดิฟ้าได้ร้องขอให้ภูติบดีลงมือ และให้เขาไปตรวจสอบสมบัติเทวะเป็นตายของทุกๆ คนในโลกนี้ ไม่ว่าอย่างไร พวกเจ้าทั้งสองก็จะถูกพบตัว ในเมื่อจักรพรรดิฟ้าเชื้อเชิญเขาด้วยตนเอง ภูติบดีก็ย่อมจะต้องเห็นแก่หน้าเขา เจ้าอาจจะไม่รู้พลังอำนาจของภูติบดี แต่หากว่าเขาต้องการตรวจสอบสรรพชีวิตทั้งมวล ก็ไม่มีใครที่สามารถซ่อนตัวจากสายตาของเขาได้!”
ฉินมู่ จักรพรรดิก่อตั้ง และวัวแก่ ล้วนแต่ตื่นตระหนก
ภูติบดีมีพลังอำนาจเช่นนี้จริงๆ!
ภูติบดีในตอนนี้ไม่รู้จักพวกเขา ดังนั้นหากว่าเขามาเจอตัวพวกฉินมู่เข้า ก็คงจะจับตัวไปส่งให้แก่จักรพรรดิฟ้า
ทันใดนั้น ฉินมู่กล่าว “เมื่อภูติบดีลงมือเพื่อสืบสวนสรรพชีวิตและทวยเทพทั้งหมดในสภาสวรรค์ นั่นก็จะเป็นเวลาที่ความมืดเข้าคลี่คลุมสภาสวรรค์ นั่นคือเวลาที่พวกเราควรจะได้กลับไปจริงๆ นั่นแหละ”
จักรพรรดิก่อตั้งและวัวแก่ฉงนฉงาย นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาย้อนเวลากลับมายังอดีต แต่ฉินมู่ได้เคยมีประสบการณ์นี้ครั้งหนึ่งแล้ว
“พี่สาว ท่านสามารถเชิญวิญญูชนสวรรค์หลิงมาที่นี่ได้หรือไม่”
ฉินมู่กล่าว “ข้ายังมีเรื่องสำคัญบางอย่างที่ต้องบอกกับนาง”
“นี่ง่ายดาย ข้าจะให้คนไปเรียกตัวนางมา”
จูเฉว้เอ๋อสั่งความนางกำนัลของนาง และหลังจากรออยู่พักใหญ่ นางกำนัลก็ร้องประกาศจากข้างนอกห้อง
“เทพนารี วิญญูชนสวรรค์หลิงมาแล้ว”
วิญญูชนสวรรค์หลิงเดินเข้ามาในโถงวัง และตกตะลึงไปเล็กน้อยเมื่อเห็นฉินมู่และคณะ นางไม่เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของฉินมู่มาก่อน ดังนั้นนางจึงจดจำเขาไม่ได้ แต่ทว่า นางจำจักรพรรดิก่อตั้งได้
วิญญูชนสวรรค์หลิงก้าวเข้าไปและคารวะทักทายจูเฉว้เอ๋อ “ยินดีที่ได้พบท่าน เทพีจูเฉว้”
จูเฉว้เอ๋อโบกมือและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อยู่สนทนากันที่นี่ก่อน ข้าจะออกไปดูลาดเลาข้างนอก ภูติบดีใกล้ที่จะลงมือแล้ว”
ฉินมู่ใบหน้าเปลี่ยนแปลงไป และวิญญูชนสวรรค์หลิงก็มองไปที่เขาด้วยความเหม่องง นางร้องออกมา “วิญญูชนสวรรค์มู่! เจ้า เจ้า…”
ฉินมู่กล่าวอย่างมั่นคง “พี่หลิง พวกเรากำลังจะไปแล้ว ดังนั้นข้าจึงอยากให้เจ้าได้เป็นประจักษ์พยานต่อสิ่งนี้ และไม่ละทิ้งความหวัง”
วิญญูชนสวรรค์หลิงหัวใจว้าวุ่น “เจ้ากำลังจะจากไปหรือ ไปที่ไหน แล้วเผ่าพันธุ์มนุษย์ล่ะ? ใครจะเป็นผู้นำให้แก่พวกเขา แล้ววิญญูชนสวรรค์อวี้อีก เขายังคงอยู่ในโลงศพ…”
ฉินมู่คลี่ยิ้มและกล่าวอย่างนุ่มนวล “โลกนี้เต็มไปด้วยความชั่วร้าย เผ่ามนุษย์ควรรวมกันเป็นหนึ่ง และทุกเผ่าพันธุ์หลังฟ้าดินก็ควรจะรวมกันเป็นหนึ่งด้วยเช่นกัน หนิวเปิน ฉินไค และข้าไม่อาจจะรั้งอยู่ในสถานที่นี้ได้ พวกเราทำได้เพียงแค่มองย้อนกลับไปยังประวัติศาสตร์ของพวกเจ้า”
วิญญูชนหลิงยิ่งดูช่วยเหลือตนเองไม่ได้และหลงทาง
ฉินมู่หักใจเห็นนางเป็นเช่นนี้ไม่ได้ จึงถามด้วยเสียงอ่อนโยน “เจ้าอยากจะเข้าร่วมพันธมิตรสวรรค์ไหม”
วิญญูชนสวรรค์อึ้งไปเล็กน้อย “พันธมิตรสวรรค์?”
“เข้าร่วมพันธมิตรสวรรค์ ดึงดูดผู้เที่ยงธรรมและเปี่ยมความสามารถเข้าร่วมด้วย และก่อตั้งอิทธิพลอำนาจของตนเอง…”
ฉินมู่กำลังจะอธิบายขยายความ แต่ทันใดนั้น เสียงของจูเฉว้เอ๋อก็ดังออกมาจากข้างนอกห้อง “ภูติบดีลงมือแล้ว! ความมืดกำลังจะมาถึงที่นี่!”
ฉินมู่เดินออกไปจากตำหนัก และวิญญูชนสวรรค์หลิงก็พลันตะโกนมา “ข้าจะเข้าร่วม!”
ฉินมู่หันกลับไปและเผยรอยยิ้มแจ่มจ้า “ถ้าเช่นนี้ พี่หลิงก็จงเป็นประมุขแห่งพันธมิตรสวรรค์ในยุคสมัยหลงฮั่น พี่หลิง ไว้พวกเราพบกันใหม่ในอนาคต!”
เขาก้าวอาดๆ เดินออกไปจากโถงวัง ที่ไกลๆ นั้น ความมืดโถมซัดเข้ามาราวน้ำหลาก กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างบนเส้นทาง!
ฉินมู่โค้งคารวะแทบจรดพื้นแก่จูเฉว้เอ๋อ “พี่สาว น้องชายผู้นี้จะกลับไปแล้ว ข้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณที่พี่สาวเมตตารับพวกเราเอาไว้เลย!”
ความมืดโถมซัดเข้ามาและกลืนกินเงาร่างของเขา