ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 773 ขุนเขาห้าดรรชนีสนามแม่เหล็ก
ฉินมู่ได้ยินเสียงนี้ และเขาก็ประหลาดใจ เขาร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง “พุทธเจ้าท้าวสักกะ! หลี่โยวหราน!”
เสียงทอดอาลัยนั้นพลันชะงักไป และผ่านไปครู่หนึ่ง พุทธเจ้าท้าวสักกะก็พูดออกมาด้วยเสียงอันระวังไว “เจ้าคือใคร”
“ข้าเอง! ฉินมู่!”
ฉินมู่กล่าวอย่างตื่นเต้น “ฉินมู่ที่ทำให้ท่านเป็นแพะรับบาปหลังจากที่เข่นฆ่าบุกตะลุยไปในพุทธเกษตรอย่างไรล่ะ!”
ผ่านไปครู่หนึ่ง พุทธเจ้าท้าวสักกะก็เดินออกมาจากเมืองอันเก่าพัง และเขาก็ยังคงดูเหมือนหลวงจีนหนุ่ม เขายังคงเดินด้วยเท้าเปล่าและไม่แปดเปื้อนธุลีละออง พลางเดินมาท่ามกลางซากปรักหักพังอันคร่ำคร่า
ปฏิเสธไม่ได้ว่าบุรุษหล่อเหลามีอยู่มากมายดุจดาวดารดาษ แต่มีไม่กี่คนที่เลิศล้ำไปกว่าพุทธเจ้าท้าวสักกะได้
รูปลักษณ์ภายนอกของหลวงจีนผู้นี้นับว่าสิบเต็มสิบ และก็มีกงล้อแสงจำนวนมากที่หมุนอยู่ข้างหลังศีรษะของเขา ทำให้เขาดูสูงส่งและสำรวม
“ที่แท้ก็เป็นฆราวาสฉิน”
พุทธเจ้าท้าวสักกะระบายลมหายใจโล่งอกและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ หรือว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ และการปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลันของมิติอวกาศซ้อนทับนั้นก็เป็นฝีมือของเจ้า”
ฉินมู่ส่ายหัวและกล่าว “นี่ไม่ใช่ฝีมือข้า แต่เกิดขึ้นจากท่านยายซีจากหมู่บ้านของข้า…ท่านยายซีขับเคลื่อนทักษะเทวะสนามแม่เหล็กของนาง และไปกระตุ้นดวงวิญญาณแตกหักของพระแม่ธรณี เป็นผลให้แดนพิภพจากเมื่อครั้งอดีตได้ผุดโผล่ขึ้นมาเผยโฉมต่อโลกหล้าอีกครั้ง”
พุทธเจ้าท้าวสักกะถามด้วยความตื่นตระหนก “ท่านยายซีจากหมู่บ้านของเจ้า? ผู้ที่โดดเด่นเหนือธรรมดาเช่นนี้ ข้าต้องการจะไปพบหน้ายิ่งนัก”
ฉินมู่กะพริบตาปริบๆ และเขามีรอยยิ้มใสซื่อบนใบหน้า “ทำไมพุทธเจ้าถึงอยู่ที่นี่ ข้าถึงกับเห็นเรือหงส์เพลิงของจักรพรรดิแดงฉีเสียอวี๋ที่นี่ และยังได้ยินเสียงเพลงขิมของนางดังมาจากในเมือง จักรพรรดิแดงฉีเสียอวี๋ดูเหมือนจะมารำลึกอนุสรณ์ถึงความเกรียงไกรแห่งยุคสมัยจักรพรรดิสูงส่ง”
พุทธเจ้าท้าวสักกะหัวเราะและกล่าว “เด็กสาวจากตระกูลป๋ายทำให้นางแตกตื่นหนีไป เด็กสาวจากตระกูลป๋ายผู้นั้นเป็นคนเก่าคนแก่จากสภาสวรรค์จักรพรรดิสูงส่ง ครั้งหนึ่งข้าเคยพบเจอกับนางในช่วงยุคสมัยจักรพรรดิสูงส่ง และเพราะว่าจักรพรรดิแดงนั้นเป็นข้าราชบริพารเก่าของจักรพรรดิสูงส่ง นางจึงไม่อาจสู้หน้าสหายเก่าหลังจากที่ไปยอมสวามิภักดิ์ต่อสภาสวรรค์นอกโลก”
ฉินมู่กล่าวต่อ “จักรพรรดิแดงฉีเสียอวี๋ได้ไล่ล่าพุทธเจ้าไปตลอดทาง และตามติดท่านจากสวรรค์ยี่สิบชั้นแห่งพุทธเกษตรไปจนถึงซากโบราณสามสิบสามแดนสรวงแห่งจักรพรรดิก่อตั้ง ข้าคิดว่าพุทธเจ้าจะต้องเผชิญกับการลงทัณฑ์ทรมานและความอับอายอัปยศเสียอีก และไม่คิดเลยว่าพุทธเจ้าจะยังคงอยู่ดีและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา นี่ทำให้ข้าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง”
พุทธเจ้าท้าวสักกะกล่าว “ระหว่างยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง เด็กสาวจากตระกูลป๋ายผู้นั้นเคยมาตามหาเด็กหนุ่มแซ่ฉินที่เชี่ยวชาญเพลงกระบี่ แต่ทว่านางค้นหาไปก็คว้าน้ำเหลว แม้แต่จักรพรรดิก่อตั้งก็ไม่อาจช่วยนางหาเด็กหนุ่มแซ่ฉินคนนั้นเจอ”
ฉินมู่ถาม “พวกเราจะพัวพันกันเหมือนนกเป็ดน้ำได้อย่างไร พวกเราจะกระพือปีกและเหินทะยานคู่ได้อย่างไร พุทธเจ้าได้กลับมาใช้ชีวิตโลกียวิสัยแล้วหรือในช่วงนี้ ท่านกลับมาใช้ชื่อหลี่โยวหรานอีกครั้งหรือเปล่า”
วิญญูชนสวรรค์อวี้ฉงนฉงายจากบทสนทนาของพวกเขา เขาไม่อาจจับความอะไรได้เลย
แม้ว่าพวกเขาจะดูเหมือนมีความสัมพันธ์อันดี แต่ก็เหมือนศัตรูคู่อาฆาตที่พิโรธจนหน้าแดงก่ำในทันทีที่พบหน้ากัน พวกเราไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นนอกเสียจากผลัดกันขุดคุ้ยบาดแผลของฝ่ายตรงข้าม และก็รู้สึกทั้งสาสมใจและรวดร้าวใจไปพร้อมๆ กัน
ในท้ายที่สุด ฉินมู่และพุทธเจ้าท้าวสักกะก็หยุดขุดคุ้ยเรื่องอดีต พวกเขาหัวเราะและมาคืนดีกัน เมินมันไปราวกับได้มาพบกันใหม่เป็นครั้งแรก
“พุทธเจ้า ขี้ที่ละเลงบนหัวท่านเป็นอย่างไรบ้างแล้ว” ฉินมู่ถามด้วยความกังวล
“ข้ายังคงแบกมันเอาไว้อยู่”
พุทธเจ้าท้าวสักกะกล่าว “โชคดีที่ว่าเป็นจักรพรรดิแดงไล่ล่าตัวข้า ดังนั้นข้ายังมีช่องทางผ่อนปรนอยู่บ้าง แต่ทว่าข้าได้ยินว่าสภาสวรรค์วางแผนจะส่งยอดฝีมืออีกคนลงมาปราบข้าให้ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องการที่จะได้วิชาฝึกปรือบัลลังก์จักรพรรดิของพุทธเจ้าเฒ่าไปจากข้า ขี้ที่พุทธเจ้าเฒ่าละเลงบนหัวข้าทั้งยอดเยี่ยมและแสนสบาย แล้วเจ้าล่ะ?”
“มันก็เพิ่มมาอีกกองสองกอง” ฉินมู่กล่าว
ทั้งสองคนอดไม่ได้ที่จะเวทนาซึ่งกันและกัน ในเมื่อต่างก็เป็นพี่น้องที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
“จักรพรรดิแดงไล่ล่าข้ามาถึงที่นี่ และโชคดีว่านางถูกเด็กสาวตระกูลป๋ายทำให้แตกตื่นหนีไป ไม่อย่างนั้นหากว่าข้าถูกนางจับตัวไปได้ การฝึกธรรมะมาครึ่งชีวิตของข้าก็คงจะเสียเปล่า”
พุทธเจ้าท้าวสักกะมองไปยังวิญญูชนสวรรค์อวี้และถามด้วยความสนใจใคร่รู้ “น้องชายผู้นี้เป็นประสกมาจากที่ใด”
“เขาคือหลันอวี้เถียน”
ฉินมู่ไม่แนะนำมากมายนักและกล่าว “เป็นกายาจ้าวแดนดินอีกคน เขาเฉลียวฉลาดมากจนไม่ด้อยไปกว่าข้า ข้าได้รับหน้าที่ให้ดูแลและสอนการฝึกวิทยายุทธให้แก่เขา เขาเรียนทุกสิ่งได้อย่างรวดเร็วและวรยุทธของเขาก็รุดหน้าไปด้วยความเร็วประดุจเทพยดาด้วยเช่นกัน ข้าวางแผนว่าจะไปเยี่ยมเยือนและช่วยเหลือผู้คนในแดนโบราณวินาศ และท่านก็บังเอิญอยู่ที่นี่พอดี ท่านจะไปกับข้าด้วยหรือไม่ พุทธเจ้าก็สามารถสอนอักษรรูนพื้นฐานแห่งลัทธิพุทธให้แก่หลันอวี้เถียนสักจำนวนหนึ่งด้วย”
พุทธเจ้าท้าวสักกะลังเล “ผู้คนที่เจ้าจะไปเยี่ยม มีผู้คนที่ข้ารู้จักไหม”
ฉินมู่ส่ายศีรษะ “ไม่มีหรอก พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาๆ ในแดนโบราณวินาศ”
พุทธเจ้าท้าวสักกะค่อยเบาใจ และกล่าว “เป็นงานของชาวพุทธอยู่แล้วที่ต้องคอยช่วยเหลือผู้คนที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก ข้าจะไปด้วยกันกับเจ้า”
ฉินมู่ระบายลมหายใจโล่งอก ทั้งสามคนร่วมทางเดินกันต่อไป พุทธเจ้าท้าวสักกะสอนอักษรรูนพื้นฐานพุทธให้แก่วิญญูชนสวรรค์อวี้ และผ่านไปพักหนึ่ง เขาก็เดาะลิ้นด้วยความทึ่ง “ประสกฉิน ประสกอวี้นี่เป็นกายาจ้าวแดนดินจริงๆ น่ะหรือ ความเร็วในการเรียนรู้อักษรรูนพื้นฐานพุทธของเขานั้นเร็วกว่าเจ้าหลายเท่า!”
ฉินมู่สีหน้ามืดดำ
ยิ่งมองพุทธเจ้าท้าวสักกะก็ถูกใจวิญญูชนสวรรค์อวี้มากขึ้นทุกที “หากว่าพุทธเจ้าเฒ่าอยู่ที่นี่ เขาก็จะต้องยินดีถ่ายทอดวิชาฝึกปรือบัลลังก์จักรพรรดิให้แก่เขาอย่างแน่นอน ทำไมเจ้าถึงให้ข้าสอนแต่อักษรรูนพื้นฐานให้เขาล่ะ ข้าก็ได้เรียนวิชาฝึกปรือบัลลังก์จักรพรรดิของพุทธเจ้าเฒ่า ข้าก็แค่สอนให้เขาต่อก็ได้”
ฉินมู่รีบกล่าว “อย่านะ ถ้าท่านทำเช่นนั้น ท่านจะทำลายต้นกล้าดีๆ ไป ไม่เพียงแต่ห้ามท่านสอนวิชาฝึกปรือใดๆ แก่เขา แต่ยังห้ามสอนทักษะเทวะด้วยอีกเด็ดขาด! ไม่ว่าจะเป็นสมบัติเทวะหรือปราสาทสวรรค์ ก็สอนไม่ได้ทั้งนั้น! ท่านสอนได้แต่หลักเหตุผลให้แก่เขา!”
พุทธเจ้าท้ายสักกะไม่เข้าใจเขา แต่ก็ยังคงทำตามที่ร้องขอและสอนเพียงแต่อักษรรูนพุทธ
อักษรรูนพุทธเรียกว่าสันสกฤต และมันเป็นภาษาที่พุทธเจ้าพรหมคิดค้นขึ้นมา อักขระและการออกเสียงล้วนแต่มีมนตร์เสน่ห์เต๋าและคล้ายกับนิพนธ์เทพบรรพกาล
หลันอวี้เถียนรู้ได้เร็วเป็นอย่างยิ่ง และเขาถึงกับสามารถอนุมานสิ่งต่างๆ มากมายจากกรณีเดียว นี่ทำให้พุทธเจ้าท้าวสักกะต้องเดาะลิ้นด้วยความทึ่ง
แต่ไม่นานเขาก็ตระหนัก แม้ว่าหลันอวี้เถียนจะมากด้วยสติปัญญา แต่เขาก็ดูทึ่มมาก
“ดูเหมือนว่าดวงวิญญาณของเขามีบางอย่างขาดหายไป”
ถึงอย่างไรพุทธเจ้าท้าวสักกะก็มีความรู้กว้างขวาง และไม่นานเขาก็พบปัญหาของหลันอวี้เถียน “ดวงวิญญาณของเขาไม่ค่อยมีเสถียรภาพ และดวงวิญญาณของเขาส่วนอื่นก็กระจัดกระจายไปภายนอก”
พวกเขาเดินออกจากสนามรบโบราณ และทันใดนั้น แผ่นดินก็สั่นไหวอย่างรุนแรง พื้นดินปริแยกออก และรูปสลักหินของสัตว์เทพก็ผุดขึ้นมาจากพื้น มันขยายขนาดสูงใหญ่ขึ้นๆ ท่ามกลางน้ำพุอันพลุ่งพล่านขึ้นมาจากใต้ดิน ยิ่งมีมวลน้ำพุไหลออกมามากขึ้นทุกที และก่อขึ้นมาเป็นแม่น้ำสายใหญ่ตรงหน้าพวกเขา
ในขณะเดียวกันนั้น รูปสลักหินของสัตว์เทพก็จมอยู่ในน้ำครึ่งหนึ่ง และเผยอีกครึ่งหนึ่งเหนือผิวน้ำ
“ครึ่งเทพกิเลนวารี!”
ฉินมู่ชะงักเท้า และเขาก็เห็นรูปสลักหินของครึ่งเทพตนนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พื้นผิวหินของร่างกายมันค่อยๆ จางหายไป และมันก็เผยให้เห็นร่างกายเลือดและเนื้อ มันสะบัดหัวและสลัดแผงคอให้ไหวกระเพื่อม เหยียบไปบนพื้นน้ำ และพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า!
ข้างใต้มัน แม่น้ำสายใหญ่พวยพุ่งขึ้นไปพร้อมๆ กับครึ่งเทพ และร่วงลงมารองรับใต้เท้าของมัน
กิเลนวารีตนนั้นยืนอยู่บนแม่น้ำในอากาศ และคลื่นก็แผ่กระเพื่อมออกจากพื้นผิวร่างกายของมัน ในเสี้ยวพริบตา มันลุกขึ้นยืนสองขาและแปลงกายเป็นครึ่งเทพที่มีร่างมนุษย์และศีรษะกิเลน แผงขนบนร่างกายก็ได้กลายเป็นภูษาสีน้ำเงิน และรัศมีของเขาก็ดิบเถื่อนเป็นอย่างยิ่ง
“พระแม่ธรณีเรียกตัวข้า ข้าจะต้องรีบไปโดยด่วน!”
หูขนปุยของกิเลนวารีกระดิกเล็กน้อย และขณะที่เขากำลังจะผละไป เขาก็เห็นฉินมู่และคณะจากหางตา จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จำศีลอยู่จนถึงตอนนี้ ก็นานแล้วที่ข้ายังไม่ได้กินอะไร ข้ารู้สึกหิวจริงๆ แม้ว่ามนุษย์สามคนนี้จะตัวเล็กไปสักหน่อย แต่ก็คงพอจะใช้รองท้องข้าได้!”
น้ำแม่น้ำใต้เท้าของเขาพลันโถมซัดไปข้างหน้าพลางตัวเขาก็เหาะลงมาจากท้องฟ้าและกวาดซัดไปยังฉินมู่และคณะ การควบคุมน้ำท่วมเป็นความสามารถตามธรรมชาติของเขา
แต่ทว่า เมื่อเห็นว่าเขาสามารถแปลงกายเป็นร่างครึ่งเทพครึ่งคน เขานั้นก็คล้ายกับผู้ฝึกวิชาเทวะในบรรดาครึ่งเทพทั้งหลาย เขาเองก็ได้ฝึกปรือระบบวิทยายุทธสมบัติเทวะ
อุทกภัยซัดไปข้างหน้าอย่างรุนแรง และพลานุภาพนั้นก็สุดจะหยั่ง ในด้านทักษะเทวะวารี ความสำเร็จของครึ่งเทพตนนี้ใกล้เคียงกับเฒ่าบอดเมื่อครั้งอดีต
ฉินมู่มองไปยังพุทธเจ้าท้าวสักกะ และพุทธเจ้าท้าวสักกะก็ไม่สนใจอะไรครึ่งเทพตนนี้เลยสักนิด เขานั้นยังคงสอนอักษรรูนให้กับวิญญูชนสวรรค์อวี้
ฉินมู่จนปัญญา เขาชี้นิ้วออกไป และไจกระบี่ของเขาก็พุ่งทะยานแหวกอากาศไปปะทะกับแม่น้ำสายมหึมานั้น!
ไจกระบี่ของเขาปะทะเข้าไปในแม่น้ำ และพลันระเบิดออกไปด้วยแสงกระบี่ เฉือนตัดแม่น้ำออกเป็นสองเสี่ยง แม่น้ำทั้งสองเสี่ยงนั้นซัดผ่านสองข้างพวกเขาทั้งสาม
“เอ๋ นี่มันผู้ฝึกวิชาเทวะนี่”
ครึ่งเทพกิเลนวารีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “วิชาฝีมือที่ยอดเยี่ยม แต่น่าเสียดายที่ก็ได้แค่นั้นแหละ!” แม่น้ำมหึมาที่ฉีกแยกออกเป็นสองฟากพลันหมุนวนและวกเข้ามาฉกใส่พวกเขาทั้งสามจากสองด้าน กระบี่วารีซ่อนอยู่ข้างใน และก็ยากที่จะสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า
น้ำแม่น้ำหนักอึ้งอย่างสาหัสสากรรจ์ และน้ำหนักของแม่น้ำยักษ์นั้นก็หนักยิ่งกว่าไจกระบี่ของฉินมู่ที่หลอมสร้างขึ้นมาจากโครเมี่ยมแดงพุทธชีวา การที่ครึ่งเทพกิเลนวารีควบคุมแม่น้ำหนักอึ้งขนาดนี้ พลังวัตรของเขาก็จะต้องเหนือล้ำไปกว่าผู้ฝึกวิชาเทวะเผ่ามนุษย์ไปอย่างไม่ติดฝุ่น
ฉินมู่มีสีหน้าหนักอึ้ง เขากางฝ่ามือออก และไจกระบี่ของเขาก็แยกตัวเพื่อมาแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่บินจำนวนนับไม่ถ้วนอันหมุนวนไปรอบๆ กายเขา เคลื่อนที่ออกไปจากเส้นทางและแทงไปข้างหน้า เขาทำลายกระบี่วารีที่ซ่อนอยู่ในมวลน้ำ
พลังวัตรของกิเลนวารีนั้นเป่าปราณชีวิตของฉินมู่จนกระเจิดกระเจิงไปด้วยการสั่นสะเทือนของมัน พลานุภาพแห่งวรยุทธของเขาทำให้ฉินมู่แตกตื่น
เมื่อครั้งกระโน้น ตอนที่เขาต่อสู้กับครึ่งเทพทั้งหลายในปีศักราชแรกแห่งหลงฮั่น เขาได้สังหารครึ่งเทพลูกน้องวิญญูชนสวรรค์ฮ่าวไปมากมายในการสัประยุทธ์สระหยก เมื่อครั้งนั้น ครึ่งเทพกลุ่มดังกล่าวยังคงมิได้ฝึกปรือระบบวรยุทธสมบัติเทวะ วิญญูชนสวรรค์ฮ่าวเพิ่งจะแก้ไขปัญหาให้ครึ่งเทพสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้
อีกด้านหนึ่ง ครึ่งเทพกิเลนวารีตนนี้เป็นสัตว์เทพจากยุคสมัยจักรพรรดิสูงส่ง ระบบการฝึกวรยุทธของครึ่งเทพคงจะต้องสมบูรณ์แบบแล้ว และไม่ว่าจะเป็นพลังวัตรหรือกายเนื้อของพวกเขา ก็ล้วนแต่เหนือล้ำกว่าเผ่ามนุษย์ไปมาก พวกเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างสุดกู่
ครึ่งเทพกิเลนมังกรพบว่าฉินมู่สามารถปัดป้องการโจมตีของเขาได้ถึงสองครั้งสองหนก็ตื่นตระหนก เขาพลันยื่นมืออกไปเพื่อคว้าจับแม่น้ำและเขย่ามันอย่างรุนแรง น้ำอันกระจัดกระจายไปทั่วเวหาก็มาหลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นแส้ยาวที่สะบัดฟาดไปยังฉินมู่ เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “กำลังฝีมือเจ้าไม่เลว เจ้าไม่ด้อยไปกว่าข้ามาก หายาก หายากจริงๆ หลังจากจำศีลอยู่หลายปีดีดัก ก็อุตส่าห์ได้พบกับยอดฝีมือที่ทำให้ข้าได้แสดงกำลังฝีมืออันแท้จริงออกมาทันทีที่ลืมตาตื่น!”
ฉินมู่ขยับและสะกิดเท้าเหินเหาะขึ้นไปบนอากาศ เขาพุ่งตรงไปยังครึ่งเทพระหว่างที่เผชิญกับแส้ฟาดไปด้วย
ไจกระบี่หมุนปั่นอย่างดุดันข้างหน้าเขา และแสงกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนก็ยิงออกไป แสงกระบี่อันหมุนวนเหล่านี้เฉือนตัดแส้และทำให้มวลน้ำซ่านกระเซ็นไปทั่วทุกทิศทาง ก่อคลื่นอันเกรี้ยวกราดที่ซัดไปยังพงไพรรอบๆ กายพวกเขา
ฉินมู่พุ่งทะยานอย่างดุเดือดและทำลายแส้วารีไปในไม่กี่พริบตา เขาไปยังเบื้องหน้าของครึ่งเทพกิเลนวารี
ครึ่งเทพกิเลนวารีตื่นตระหนก และรีบปราดถอยออกไป คลื่นน้ำซัดโถมขึ้นไปเบื้องบนและสกัดกั้นฉินมู่เอาไว้ด้วยการยิงเข้าจังๆ หน้า
ปัง ปัง ปัง
เสียงระเบิดกัมปนาทดังออกมา และคลื่นก็ปะทุแตกกระจาย เมื่อคลื่นระลอกสุดท้ายระเบิด กระบี่บินจำนวนนับไม่ถ้วนก็ยิงเฉียดผ่านร่างของครึ่งเทพ และปักเขาเอาไว้บนหน้าผาข้างหลัง
ตูม!
เสียงระเบิดทึบสนั่นดังออกมา และครึ่งเทพหัวกิเลนก็พุ่งเข้าไปชนกับผนังผา เค้ารอยที่สร้างจากกระบี่บินเหล่านั้นทำได้แค่ยันตัวเขาเอาไว้ให้ชิดติดผนัง
เขานั้นกำลังจะลงมาจากหน้าผา แต่มือของฉินมู่ก็กดลงไปบนหน้าของเขา เขารีดเร้นพลังลงไปในฝ่ามือ และพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ฟาดทุบเข้าใส่ศีรษะของครึ่งเทพให้จมเข้าไปในภูเขา!
ราวกับว่าภูเขาถูกสร้างขึ้นมาจากเต้าหู้ และร่างกายของเขาก็ถูกซัดฝังเข้าไปข้างใน เหลือก็แต่หางหนาๆ ของเขาที่ยังอยู่ข้างนอก
ฉินมู่คว้าจับหาง และกระชากออกมาอย่างรุนแรง เขาดึงร่างของครึ่งเทพนั้นออกมาจากหน้าผาอย่างไร้ปรานี และเงื้อมือเพื่อจับตัวเขาเหวี่ยงฟาดลงไป
พื้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเมื่อครึ่งเทพถูกฟาดลงจนเกิดหลุมใหญ่บนพื้น
ครึ่งเทพนั้นยังคงไม่ตาย และรีบลุกขึ้นยืน นิ้วทั้งห้าของฉินมู่กดลงไปบนความว่างเปล่า
“ขุนเขาห้าดรรชนีสนามแม่เหล็ก!”
ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม!
เสียงระเบิดห้าครั้งดังออกมาราวกับว่าเขาพระสุเมรุห้าลูกกดอัดลงมาจากเบื้องบน พื้นพสุธาสะท้านหวั่นไหวอย่างไม่รู้จบ และยุบตัวลงไปข้างล่าง ส่วนครึ่งเทพนั้นคุกเข่าอยู่ในหลุมลึกที่ยิ่งดำดิ่งลงไปมากขึ้นทุกทีๆ กายเนื้อของเขาแล่นเปรี๊ยะปร๊ะจากแรงกดดัน และเลือดก็หลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เขานั้นถูกบีบให้ต้องเผยร่างที่แท้จริงออกมา และเมื่อเขานอนพังพาบอยู่ตรงนั้น เขาก็ร่ำร้อง “ข้ายอมแพ้! อย่าฆ่าข้า–”
ฉินมู่กระโดดลงมาจากท้องฟ้า และกระบี่บินทั้งหลายก็เข้ามาประกอบรวมกันเป็นไจกระบี่ตรงหน้าเขา จากนั้นมันก็บินเข้าไปในถุงเต๋าตี้
พุทธเจ้าท้าวสักกะนำวิญญูชนสวรรค์อวี้เข้ามา และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “กำลังฝีมือของเจ้าเพิ่มพูนมาไม่ใช่น้อย ขุนเขาห้าดรรชนีนั่นคือทักษะเทวะสนามแม่เหล็กหรือ”
“มันเป็นทักษะเทวะสนามแม่เหล็กที่ข้าเพิ่งจะตรึกตรองเข้าใจหลังจากที่เรียนอักษรรูนสนามแม่เหล็กมาจากท่านยาย”
ฉินมู่มองไปยังครึ่งเทพในหลุมแล้วถาม “เมื่อครู่นี้ เจ้าบอกว่าพระแม่ธรณีเรียกตัวพวกเจ้า เกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ว่าพระแม่ธรณีตายไปแล้วหรือ”
กิเลนวารีไม่อาจขยับเขยื้อนจากแรงกดดัน และเขาก็ร้องออกมา “พระแม่ธรณีจะถูกสังหารเอาง่ายๆ อย่างนั้นได้อย่างไรกัน ข้าเพิ่งตื่นจากการหลับใหลอันลึกล้ำ และก็ได้ยินเสียงเพรียกขานของพระแม่ธรณีโดยไม่ต้องสงสัย! นอกจากข้าแล้ว ครึ่งเทพทั้งหมดก็จะต้องได้ยินเสียงเพรียกขานของนางอย่างแน่นอน”
ฉินมู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ครึ่งเทพทั้งหมด?”
ทันใดนั้น เขาก็เงยศีรษะขึ้นมอง และเห็นริ้วแสงสีทองที่บินผ่านและปกคลุมไปทั่วทั้งฟ้า นั่นคือฝูงครึ่งเทพหัวนกที่มีเรือนกายใหญ่มหึมา ปีกของพวกมันกางคลี่คลุมฟ้า และความเร็วของพวกมันก็เร็วอย่างสุดแสน
ถัดไปนั้น ป่าก็สั่นสะเทือน เมื่อสัตว์ยักษ์ตั้งไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไรวิ่งตะบึงไปในราวป่า มุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกัน!