ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 783 พรของพระแม่ธรณี
จังหวะหัวใจของฉินมู่ดุดันราวกับมียักษ์เข้าไปรัวกลองอย่างบ้าคลั่ง ปราณและโลหิตของเขาพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างรุนแรง และปราณกับโลหิตรอบกายของเขาก็เริ่มจะเห่อเหิมขึ้น พวกมันส่งเสียงกัมปนาทของคลื่นอันโถมซัด
“พระแม่ธรณีอาจจะไม่ทราบ แต่เวทมนตร์ชุบชีวิตของข้าทำให้ข้าต้องเร่งเร้าปราณและโลหิตขึ้นมาด้วยกำลัง มีก็แต่เช่นนี้พลังวัตรของข้าจึงจะถูกปลุกเร้าไปจนถึงสภาวะอันพร้อมพรักที่สุด!”
ร่างของฉินมู่ขยายพองและกลายเป็นสูงใหญ่มากขึ้นทุกที รัศมีของเขาแข็งแกร่งขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น “เวทมนตร์นี้เผาผลาญพลังในร่างอย่างสุดขีดขั้ว และข้าก็แทบจะหมดเรี่ยวแรงจนขาดใจตายเมื่อข้าพยายามชุบชีวิตเทพีหยินสวรรค์ หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น เทพีหยินสวรรค์ก็รู้สึกผิด และมอบสมบัติล้ำค่าให้แก่ข้าอย่างมากมาย”
หญิงในกลุ่มแสงเข้าใจเจตนาของเขา จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ตระหนี่ถี่เหนียวไปกว่าเทพีหยินสวรรค์หรอก เทพีหยินสวรรค์ให้เจ้าเท่าไรล่ะ ข้าจะให้เจ้าถึงสิบเท่าของจำนวนนั้น”
ฉินมู่ลิงโลดยินดี และเริ่มจะขับเคลื่อนนำทางวิญญาณด้วยพลังทั้งหมดของเขา แต่ทว่าข้างในใจนั้น เขากำลังคร่ำครวญด้วยความขมขื่น
ตอนแรกเขาคิดว่าพระแม่ธรณีตายไปในน้ำมือของสภาสวรรค์นอกโลก และการชุบชีวิตนางขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ด้วยการสร้างศัตรูอีกคนของสภาสวรรค์นอกโลก สันตินิรันดร์สามารถร่วมมือกับพระแม่ธรณี และมันก็จะเป็นประโยชน์ต่อสถานการณ์ปัจจุบันของสันตินิรันดร์ด้วยเช่นกัน
แต่กระนั้น พระแม่ธรณีกลับตายในน้ำมือของพันธมิตรสวรรค์!
พันธมิตรสวรรค์ที่ว่าย่อมไม่ใช่พันธมิตรสวรรค์ในสันตินิรันดร์
มันเป็นพันธมิตรสวรรค์ที่ฉินมู่ก่อตั้งขึ้นมากับมือเมื่อหนึ่งล้านปีก่อนในยุคสมัยหลงฮั่น!
เมื่อฉินมู่ย้อนเวลากลับไป เขาได้สนทนาเกี่ยวกับพันธมิตรสวรรค์กับวิญญูชนสวรรค์หลิง เมื่อครั้งกระโน้น มีคนเพียงสามคนเท่านั้นที่เข้าร่วมพันธมิตรสวรรค์ ได้แก่ฉินมู่ จักรพรรดิก่อตั้ง และวิญญูชนสวรรค์หลิง
ส่วนว่าพันธมิตรสวรรค์จะพัฒนาไปต่ออย่างไร ฉินมู่ไม่รู้
จากที่เห็นในตอนนี้ พันธมิตรสวรรค์ดูเหมือนจะสืบชีวิตยาวนานผ่านยุคสมัยหลงฮั่น และพวกเขาก็ไม่ถูกสภาสวรรค์นอกโลกทำลายล้างจนสิ้นซาก ในทางกลับกัน พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นทุกที จนกระทั่งพวกเขาสามารถสังหารพระแม่ธรณีได้ในยุคสมัยจักรพรรดิสูงส่ง!
เขาไม่รู้ว่าทำไมพันธมิตรสวรรค์จึงต้องการสังหารพระแม่ธรณี และเขาก็ไม่กระจ่างชัดในเรื่องความบาดหมางระหว่างสองกลุ่ม หากว่าเขาจะชุบชีวิตพระแม่ธรณีกลับมา มันจะกระทบกระเทือนพันธมิตรสวรรค์หรือไม่
พันธมิตรสวรรค์ในปัจจุบัน จะยังคงเป็นพันธมิตรสวรรค์ที่เขาสร้างขึ้นมาเมื่อครั้งกระโน้นอยู่หรือไม่
พันธมิตรสวรรค์ได้เปลี่ยนแปลงไปไหมในเวลาหนึ่งล้านปีที่ผันผ่าน หรือว่ามันยังคงรักษาความตั้งใจเดิมของเขาในตอนที่ก่อตั้งพันธมิตรสวรรค์
ความตั้งใจแรกสุดตอนที่เขาก่อตั้งพันธมิตรสวรรค์นั้นก็เพื่อรวบรวมผู้คนอันเปี่ยมคุณธรรมและความสามารถทั้งหลายทั้งมวลแห่งเผ่าต่ำต้อยมา เพื่อให้พวกเขาต่อสู้แย่งชิงอำนาจ และสามารถแสวงหาหนทางรอดให้แก่เผ่ามนุษย์และเผ่าหลังฟ้าดินอื่นๆ
แต่ทว่า แม้ความตั้งใจของเขาจะเป็นสิ่งที่ดี แต่หลังจากที่ได้อำนาจมาในกำมือแล้ว ผู้ถือครองก็มักจะพบว่ายากจะรักษาความตั้งใจเริ่มแรกเอาไว้ มันง่ายที่ผู้ถือครองจะถูกกัดกินและเปลี่ยนแปลงไป
หากว่าพันธมิตรสวรรค์มิได้กลายเป็นสิ่งแปดเปื้อน พระแม่ธรณีย่อมสมควรตาย และการฟื้นคืนชีพนางขึ้นมาก็มีแต่จะทำให้ความเพียรพยายามของพันธมิตรสวรรค์สูญเปล่า มันจะนำความวิบัติครั้งใหญ่มาให้แผนการของพันธมิตรสวรรค์
เขานั้นเหมือนติดอยู่บนรั้วหนาม
หากว่าเขาไม่ฟื้นคืนชีพพระแม่ธรณี เขาก็จะต้องถูกพระแม่ธรณีสังหารเป็นแน่ หากเขาชุบชีวิตนาง การเปลี่ยนแปลงมากมายก็จะเกิดขึ้น
นำทางวิญญาณได้ดึงดูดเอาอนุภาควิญญาณที่แตกสลายของดวงวิญญาณพระแม่ธรณีมา และพวกมันก็เหมือนทรายดำอันละเอียดยิบถึงที่สุดอันหลากล้นมาจากทั่วทุกหย่อมหญ้าของแดนก่อกำเนิด พวกมันไหลเข้าไปในราชวังธรณี และไหลเข้าไปในกลุ่มแสง
สตรีในกลุ่มแสงตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง และแสงสว่างในทะเลแสงก็พลุ่งพล่านขึ้นมา นางได้เก็บรักษาวิญญาณดินท่ามกลางสามวิญญาณเอาไว้ ส่วนที่แตกสลายไปคือวิญญาณฟ้าและวิญญาณชีพ วิญญาณฟ้านั้นเป็นแสงแห่งตัวอ่อนทารก วิญญาณดินคือจิตคิดอันเจิดจ้า และวิญญาณชีพคือจิตงำความลับ
เทพศักดิ์สิทธิ์ก่อนฟ้าดินมีเพียงสามวิญญาณและไม่มีเจ็ดจิต มีก็แต่สิ่งมีชีวิตหลังฟ้าดินและครึ่งเทพเท่านั้นที่มีจิตทั้งเจ็ด
วิญญาณฟ้าเป็นหยางพิสุทธิ์ เป็นตัวแทนแดนปริศนา วิญญาณชีพคือหยินพิสุทธิ์ เป็นตัวแทนแดนใต้พิภพ สุดท้ายเมื่อหลังประจันกับหยินและหน้าประจันกับหยาง วิญญาณดินก็จะเป็นตัวแทนแดนพิภพ
สาเหตุที่ว่าทำไมพระแม่ธรณีจึงสามารถรักษาวิญญาณดินของนางเอาไว้ได้ก็ด้วยเพราะตัวตนฐานะของนาง
นางคือพระแม่ธรณี ร่างประทับของเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งแดนพิภพ การกำจัดวิญญาณดินของนางนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก
วิญญาณของพระแม่ธรณีแข็งแกร่งกว่าของวิญญาณของเทพีหยินสวรรค์มาก และทรายวิญญาณดำก็หลั่งไหลมาอย่างเชี่ยวกรากอลังการ สมแล้วกับที่เป็นตัวตนในระดับชั้นเดียวกับเทพสรรพชีวิตและภูติบดี
ปราณชีวิตของฉินมู่แขวนห้อยอยู่บนอากาศ ขณะที่ปราณและโลหิตของเขาพลุ่งพล่านมากขึ้นและมากขึ้น ราวกับมันคือทะเลอันหล่นลงไปท่ามกลางพายุหมุน ภาษาเทพแดนปริศนาและภาษาเทพแดนใต้พิภพออกมาจากปากของเขา และภาษาโบราณทุกชนิดที่มีความหมายอันลึกลับก็เหมือนกับบทกวีมหัศจรรย์จากเทพและมาร เมื่อหลับตาลงสดับเสียงเต๋าของเขา ผู้ฟังก็จะรู้สึกถึงชีวิตที่ก่อเกิดจากการเสกสรรแห่งฟ้าและดิน มีความเพริดไปและบิดเบี้ยวราวกับเทพเจ้าร่ายรำเมื่อเริ่มแรกกำเนิดโลก
“สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์มหาเวท!”
พระแม่ธรณีรู้สึกว่าชิ้นส่วนแตกสลายของวิญญาณทั้งสามของนางเข้ามาประกอบกันให้สมบูรณ์มากขึ้น อนุภาควิญญาณอันกระจัดกระจายไปทั่วโลกหล้าถูกนำทางมา และฉินมู่ก็เพิ่งจะประกอบสร้างวิญญาณฟ้าและวิญญาณชีพของนางขึ้นมาใหม่ ทันทีที่วิญญาณทั้งสามของนางครบสมบูรณ์ นางก็จะสามารถอาศัยพลังชีวิตอันกล้าแข็งของนางเพื่อฟื้นคืนชีพเอง!
ฉินมู่ร่ายเวทมนตร์อย่างไม่หยุดยั้ง และทันใดนั้น เสียงแตกเปรี๊ยะเบาๆ ก็ดังมา
หญิงในกลุ่มแสง วิญญูชนสวรรค์อวี้ และกงซุนเอี้ยนต่างก็รีบหันไปดู แล้วก็พบว่าผิวหนังของฉินมู่ปริแตก เลือดหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง พวกมันระเหยหายไปจากปราณชีวิตอันคลุ้มคลั่ง เปลี่ยนให้เป็นหมอกโลหิตอันหมุนวนรอบกายของเขาอย่างดุดัน
ทั้งสามคนแตกตื่น ทักษะเทวะของฉินมู่หมดเปลืองพลังอย่างแท้จริง มากถึงขนาดที่ว่ากายเนื้อไม่อาจทานทนได้
ข้าแข็งแกร่งเกินไป การชุบชีวิตข้านั้นยากกว่าการชุบชีวิตเทพีหยินสวรรค์ตั้งไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
หญิงในกลุ่มแสงรู้สึกกระวนกระวาย ด้วยความเข้มข้นระดับนี้ ข้าไม่แน่ใจว่าเขาจะทานทนไปได้อีกนานแค่ไหน เขาจะประกอบสร้างวิญญาณทั้งสองของข้ากลับมาได้จริงๆ หรือ
สภาวะของฉินมู่ย่ำแย่เป็นอย่างหนัก และยิ่งกลายเป็นร่อแร่มากขึ้นทุกที ผิวหนังของเขาดูเหมือนจะถูกยิงทะลุด้วยทรายละเอียดจำนวนนับไม่ถ้วน และโลหิตก็หลั่งไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของเขา โดยเฉพาะเลือดที่หลั่งไหลออกมาจากจมูก อันพุ่งกระฉูดไปไกลหลายวาตามจังหวะการเต้นของหัวใจ
วิญญูชนสวรรค์อวี้รีบร่ำร้อง “พี่ชาย หยุดเถอะ! หากว่าท่านทำต่อไป เลือดของท่านก็จะหมดตัว!”
ฉินมู่ไม่สนใจเขา และยังคงเพ่งสมาธิกับการขับเคลื่อนเวทมนตร์
ในที่สุดกงซุนเอี้ยนก็หักใจชมดูต่อไม่ไหว และกล่าวด้วยเสียงอันดัง “พระแม่ธรณี วรยุทธของเขาไม่เพียงพอ ให้เขาพักเถอะ”
หญิงในกลุ่มแสงว้าวุ่นใจไม่รู้จบและกล่าว “รออีกสักเดี๋ยว อีกสักเดี๋ยวเท่านั้น ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ฝึกวิชาเทวะ เขามีวรยุทธอันแข็งแกร่งและมีโลหิตมากมายในร่างกาย ปราณและโลหิตของเขายังคงเข้มแข็งอยู่ เขาสามารถทานทนได้อีกหน่อย…”
กงซุนเอี้ยนลังเลและไม่กล่าววาจา นางเดินวนไปวนมาด้วยความวิตก
ฉินมู่ได้เริ่มพลิกหมุนประตูน้อมสวรรค์เพื่อขโมยพลังอำนาจของเทพสรรพชีวิตแล้ว เขานั้นพร้อมที่จะประกอบสร้างวิญญาณฟ้า แต่ทันใดนั้น ลำแสงอาภาสวรรค์ก็สาดส่องออกมาจากประตู ร่างของฉินมู่พลันแข็งค้าง และเขาก็ร่วงลงคว่ำหน้าลงไป หมดสติ
วิญญูชนสวรรค์อวี้แตกตื่นทันที และรีบถลันเข้ามา จมูกของฉินมู่ยังมีโลหิตไหลพุ่ง แต่น้ำพุโลหิตนั้นดูจะลดความสูงลง หลังจากที่กระเสือกกระสนพ่นน้ำพุโลหิตออกมาอีกสองหน มันก็หยุดลงไปในที่สุด
วิญญูชนสวรรค์อวี้รีบไปตรวจสอบลมหายใจของเขา ทันใดนั้นน้ำพุเลือดสองสายก็พุ่งออกมาจากจมูกของเขาอีกครั้ง ทำให้เขาตกใจกลัว แต่แล้วก็พลันดีใจ “พี่ชายข้ายังมีชีวิตอยู่”
กงซุนเอี้ยนก็ก้าวเข้าไปตรวจสอบชีพจรของฉินมู่ นางรู้สึกว่าจังหวะหัวใจของเขาเต้นระโหยโรยแรงเป็นอย่างยิ่ง และเขาก็ขาดทั้งปราณและโลหิต ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย อยู่ในสภาวะร่อแร่ขับคันอย่างสุดขีด
กงซุนเอี้ยนกัดฟันกรอด และต้นกล้าเขียวเล็กๆ ในวงแสงข้างหลังศีรษะของนางก็ลอยออกมาไปตกที่ใจกลางหว่างคิ้วของฉินมู่ แสงสว่างไหลไป และเข้าสู่ร่างของฉินมู่เพื่อต่อชีวิตเขา
ผ่านไปครู่หนึ่ง ลมหายใจของฉินมู่ก็ค่อยๆ กลับมาเสถียร ต้นกล้าเล็กๆ นั้นดูจะห่อเหี่ยว ใบเลี้ยงเพียงสองใบนั้นก็กลับมาประกบเข้าด้วยกันและหดลงไป
ใบหน้าของกงซุนเอี้ยนซีดเผือดเป็นอย่างยิ่ง นางรับต้นกล้าอ่อนกลับมา และนำเอาไปหล่อเลี้ยงในวงแสงคืน
เวทมนตร์ของฉินมู่แตกทำลาย และประตูน้อมสวรรค์ก็จางหาย พลังอำนาจของเทพสรรพชีวิตพลันหายวับ และอาภาสวรรค์ก็ไม่สาดส่องลงมาอีกต่อไป
หญิงในกลุ่มแสงรีบจำกัดควบคุมอนุภาควิญญาณของนางทันที และนางรู้สึกว่าวิญญาณฟ้าของนางฟื้นฟูกลับมาบางส่วน แต่ทว่ายังคงห่างไกลจากครบสมบูรณ์ และนางก็ถอนหายใจด้วยความเสียดาย
ฉินมู่ค่อยๆ ฟื้นตื่นมา และเขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยการพยุงของวิญญูชนสวรรค์อวี้ เขาไอเอาเลือดที่คั่งในคอออกมา และลมหายใจของเขาก็อ่อนล้า “ข้าสบายดี ข้าไม่เป็นไร ข้ายังคงสามารถร่ายเวทมนตร์ต่อได้”
“ปรมาจารย์มหาเวทไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”
หญิงในกลุ่มแสงกล่าวอย่างอ่อนโยน “เจ้าเพิ่งจะรีดเร้นตนเองมากเกินไปตอนที่ร่ายเวทมนตร์เมื่อครู่นี้ และทำให้มันเกินขีดจำกัดร่างกายของเจ้า บัดนี้เมื่อปราณและโลหิตของเจ้าว่างเปล่า หากว่าเจ้ายังคงฝืนร่ายเวทมนตร์ต่อ เจ้าก็จะเสียชีวิตจากความเหน็ดเหนื่อยและหากว่าเจ้าเหนื่อยจนตาย ข้าจะไปหาปรมาจารย์มหาเวทอีกคนที่ไหนมาชุบชีวิตข้าล่ะ ข้ารอได้ ปรมาจารย์มหาเวทคลายใจและเยียวยาตนเองไปก่อนเถอะ”
นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเห็นว่าวรยุทธของปรมาจารย์มหาเวทนั้นอยู่ระดับสูงสุดของขั้นชาวสวรรค์แล้ว เพียงแค่ก้าวต่อไปอีกก้าวเดียว เจ้าก็จะสามารถปลุกเปิดแดนใต้พิภพและย่างกรายสู่เขตขั้นเป็นตาย ข้าคะเนว่าปรมาจารย์มหาเวทจะสามารถร่ายเวทมนตร์ได้อย่างอิสระเมื่อเจ้าบรรลุยังขั้นเป็นตาย ตอนนั้นเจ้าค่อยมาประกอบสร้างดวงวิญญาณข้าใหม่ก็แล้วกัน”
ฉินมู่พลันไอจนตัวโยน และเขาหอบหายใจดังวี้ๆ เขากล่าวด้วยความเศร้าโศก “ผู้เยาว์โง่เขลาเกินไป และไม่รู้ว่าจะใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะฝึกปรือจนถึงขั้นเป็นตาย บัดนี้เมื่อข้าหมดเรี่ยวแรงพลังอย่างสาหัส ข้าเกรงว่าคงจะทำให้พระแม่ธรณีผิดหวังแล้ว…”
หญิงในกลุ่มแสงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในฐานะพระแม่ธรณี แดนพิภพนั้นเป็นแหล่งที่มาของชีวิต ปราณและโลหิตของเจ้าที่แห้งเหือดไปนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับข้า ในเมื่อเจ้าช่วยข้าประกอบสร้างวิญญาณทั้งสองให้แก่ข้า ข้าก็ไม่อาจจะตระหนี่กับเจ้าได้”
จากแสง ผลไม้หนึ่งที่แห้งเหี่ยวไปแล้วก็ลอยมายังเบื้องหน้าฉินมู่
ผลไม้นั้นเหมือนกับส้มที่ถูกตากแดดเอาไว้ ไม่มีความชื้นหลงเหลือเลยสักนิด และมีแต่รอยยับย่นเต็มไปหมด
หญิงในกลุ่มแสงกล่าว “นี่คือผลไม้ที่เกิดขึ้นมาจากพฤกษาเทวะข้างหลังข้า แม้ว่ามันจะแห้งเหี่ยวไปแล้ว แต่พลานุภาพข้างในก็ยังคงไพศาลดุจมหาสมุทร เก็บมันเอาไว้ก่อน อย่ากินมันเข้าไปทีเดียว ค่อยๆ ใช้ปราณชีวิตของเจ้าย่อยสลายมัน นี่จะช่วยให้เจ้าเพิ่มพูนขั้นวรยุทธได้รวดเร็วจนถึงขั้นที่เจ้าสามารถปลุกเปิดสมบัติเทวะเป็นตายได้ พลานุภาพในผลไม้นี้แข็งแกร่งจนเกินไป เจ้าจะต้านรับมันเอาไว้ไม่ไหว หากว่ากินมันเข้าไปตรงๆ”
ร่างของฉินมู่โซเซไปมาขณะที่เขาพยายามยกมือคารวะขอบคุณ
หญิงในกลุ่มแสงโบกมือและกล่าว “ข้ามอบสมบัติวิเศษนี้ให้ก็เพียงเพราะว่าเจ้าช่วยชีวิตข้า หากว่าเจ้าไม่มีประโยชน์กับข้า แม้แต่ชายตาแลข้าก็จะไม่มอง ปรมาจารย์มหาเวท ไปพักผ่อนก่อนเถอะ ค่อยมาร่ายเวทมนตร์ใหม่อีกครั้งหลังจากที่เจ้าฝึกปรือจนถึงขั้นเป็นตายแล้ว”
ในกลุ่มแสงนั้น รังสีเส้นโค้งลอยเข้ามา และตกลงไปข้างหลังศีรษะของฉินมู่เพื่อแปรเปลี่ยนเป็นวงรัศมี ผลไม้อันเหี่ยวแห้งนั้นหล่นลงไปในรัศมีดังกล่าว
“ข้าเคยอวยพรให้แก่วิญญูชนสวรรค์สองสามคน แต่ข้ายังมิได้อวยพรให้แก่เจ้า การอวยพรนี้เพื่อให้เจ้าประสบโชควาสนาอย่างต่อเนื่อง ไม่แก่ชรา และไม่มีวันตาย”
หญิงในแสงกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม “มีการอวยพรของข้า เจ้าก็จะย่อยสลายผลไม้นี้ได้ง่ายขึ้น”
ฉินมู่รู้สึกถึงคลื่นพลังงานบริสุทธิ์ไหลบ่าเข้าไปในสมบัติเทวะของเขา ปราณและโลหิตของเขาค่อยๆ ฟื้นฟูมา เขารีบกล่าวขอบคุณ
“เอี้ยนเอ๋อ ส่งปรมาจารย์มหาเวทไปพักผ่อน อย่าหย่อนยานการต้อนรับอาคันตุกะของข้า”
กงซุนเอี้ยนรับคำและพาฉินมู่กับวิญญูชนสวรรค์อวี้ออกไป ราชวังสวรรค์แห่งนี้ใหญ่โตมโหฬารจนเกินไปและพวกเขาต้องเดินกันนานสองนานถึงจะออกมาพ้นวัง
เมื่อออกมาจากวัง กิเลนวารีก็เข้ามาต้อนรับฉินมู่ และก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่าเขาโชกไปด้วยเลือด วิญญูชนสวรรค์อวี้รีบถาม “อาฉุ่ย มังกรอ้วนอยู่ที่ไหน”
กิเลนวารีเต็มไปด้วยความอิจฉา และกล่าว “เขาไปคลุกคลีกับเหล่ากิเลนและมังกร”
ฉินมู่กล่าวอย่างอ่อนแรง “ร่างกายของข้าตอนนี้อ่อนแอ ดังนั้นข้าเรียกเขามาไม่ได้ พวกเจ้าคนไหนจะไปตามตัวเขา”
กิเลนวารีนั้นกำลังจะตะโกนเรียกกิเลนมังกร แต่กงซุนเอี้ยนก็รีบกล่าว “ระวังจะทำให้จักรพรรดิสูงส่งในโลงศพทั้งหลายแตกตื่นขึ้นมา พวกเราเดินไปแล้วเรียกเขากลับมากันดีกว่า”
วิญญูชนสวรรค์อวี้พยุงร่างฉินมู่และวางเขาไว้บนหลังกิเลนวารี กิเลนวารีคิดอยู่ในใจ ทำไมเจ้านายของกิเลนมังกรถึงดูเหมือนถูกสูบพลังชีวิตออกเป็นพันๆ ครั้ง เขาไปทำอะไรมาถึงอ่อนแอขนาดนี้
พวกเขาเดินออกไป และหงส์เพลิงนั้นก็ได้แปรเปลี่ยนหญิงสาวที่มีดวงตาเรียวยาวของหงส์เพลิงแล้ว นางติดตามไปข้างหลังพวกเขา
ฉินมู่ปรายตามองนางและถามด้วยความอ่อนแรง “พี่สาว ทำไมท่านถึงตามพวกเรามาล่ะ”
หงส์เพลิงนั้นกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “คำสั่งของพระแม่ธรณี นางต้องการให้ข้าคอยคุ้มกันความปลอดภัยแก่เจ้า”
ฉินมู่กล่าวขอบคุณและถาม “ไม่ทราบว่าพี่สาวกินยาวิญญาณหรือไม่ ข้าจะหลอมปรุงให้แก่ท่านทันทีที่ร่างกายของข้าดีขึ้นแล้ว”
ดวงตาของหงส์เพลิงตนนี้เป็นประกาย และนางก็แย้มยิ้ม “เจ้ารู้ประสามากกว่าสัตว์ป่าวารีนี่เยอะ”
กิเลนวารีครางหนักๆ และเขาก็พึมพำในใจ กล่าวโทษวิญญูชนสวรรค์อวี้ที่ไม่รู้จักหลอมปรุงยา
หงส์เพลิงถามอย่างเรียบเรื่อย “พวกเจ้ากำลังจะออกไปงั้นหรือ”
ฉินมู่ตอบอย่างระมัดระวัง “รัศมีหยินในราชวังธรณีนั้นเข้มข้นเกินไป ที่นี่มีศพของจักรพรรดิมากมาย ร่างกายของข้าตอนนี้กำลังอ่อนแอ ดังนั้นข้าจะต้องฟื้นฟูตนเองในโลกภายนอก”
หงส์เพลิงกล่าว “เจ้าออกไปได้ แต่อย่าไกลนัก”
สมองของฉินมู่เริ่มขับเคลื่อนทำงาน และเขาก็คิดอยู่ในใจ ข้าอยากรู้เสียจริงว่าวรยุทธของพี่สาวหงส์เพลิงผู้นี้เป็นอย่างไร หากว่าวรยุทธของนางสูงส่งเกินไปและข้าไม่อาจวางยาพิษนางได้ ข้าก็คงจะตกที่นั่งลำบาก…ข้าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร
เขาไอแรงอย่างต่อเนื่อง และพลันถามไถ่ “มีเทพเจ้ามากมายในโลกภายนอก และถึงกับมีใครบางคนที่ปลอมตัวเป็นพระแม่ธรณี วรยุทธของพี่สาวหงส์เพลิงเป็นอย่างไรหรือ ท่านสามาถต่อสู้กับพวกคนชั่วร้ายเหล่านั้นได้หรือไม่”
หงส์เพลิงนี้กล่าว “ข้าอยู่ในขั้นตำหนักชิดฟ้าแล้ว ข้าไม่เกรงกลัวไอ้พวกต่ำช้าทั้งหลายเหล่านั้น พระแม่ธรณีกล่าวว่าปล่อยให้พวกมันทำตามอำเภอใจไปก่อน เมื่อนางฟื้นคืนชีพมาเมื่อไหร่ ก็จะคิดบัญชีให้หมด!”
สีหน้าของฉินมู่หมองลงไป วรยุทธของนางสูงล้ำเกินเหตุ ข้าอาจจะไม่สามารถวางยาพิษคร่าชีวิตนางได้ หากว่าท่านปู่นักปรุงยาอยู่ใกล้ๆ นั่นก็คงจะดียิ่ง…