ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 784 ผลเต๋าดินอสงไขย
กิเลนวารีพาฉินมู่เดินทางผ่านสุสานจักรพรรดิหลายแห่ง และในที่สุดพวกเขาก็ได้เจอกิเลนมังกร กิเลนมังกรกำลังคบหาเป็นพี่น้องกับมังกรและกิเลนกลุ่มหนึ่ง คุยโวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ข้าเลี้ยงมนุษย์เอาไว้เพื่อให้เขาหลอมปรุงยาให้แก่ข้าโดยเฉพาะ…”
ราชามังกร และกิเลนทั้งหลายฟังแล้วก็เต็มไปด้วยความอิจฉา กิเลนมังกรกำลังจะโม้ต่อไป แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นฉินมู่และคณะเดินเข้ามา เขารีบหุบปากทันที
วิญญูชนสวรรค์อวี้เรียกกิเลนมังกรเข้ามา และเมื่อกิเลนมังกรพบว่าฉินมู่ตกในสภาพย่ำแย่ขนาดไหน เขาก็ตกใจและรีบกล่าว “ให้ข้าแบกจ้าวลัทธิเอง ข้าสามารถเดินได้อย่างนิ่มนวลและไม่ทำให้จ้าวลัทธิต้องรู้สึกกระทบกระเทือน”
วิญญูชนสวรรค์อวี้อุ้มฉินมู่ขึ้นไปบนหลังกิเลนมังกร และกิเลนมังกรก็แอบเหลือบตามองฉินมู่ สีหน้าเขาดำคล้ำ และนี่ทำให้กิเลนมังกรใจไม่ค่อยดี ไม่รู้ว่าจ้าวลัทธิจะได้ยินที่ข้าพูดเมื่อกี้หรือเปล่า…
ราชามังกรและกิเลนพวกนั้นมองตามเขาที่กำลังแบกฉินมู่ออกไปด้วยความอิจฉา เมื่อพวกเขาไปไกลแล้ว ครึ่งเทพเหล่านี้จึงพูดกันเสียงขรม “ผู้เยาว์อนาคตไกล นับว่าเป็นผู้เยาว์ที่มีอนาคตไกลจริงๆ”
“แม้ว่าหลงพีจะยังเด็ก แต่ขอบฟ้าวิสัยทัศน์และความรู้ของเขาล้วนเหนือธรรมดา ถึงกับเลี้ยงมนุษย์เอาไว้หลอมปรุงยาให้ตนเอง ทำไมข้าถึงไม่คิดความคิดดีๆ แบบนี้ออกเมื่อตอนยังหนุ่มนะ”
…
กิเลนมังกรบรรทุกฉินมู่ออกมาเวิ้งใต้ดิน และพวกเขาก็มายังโถงแห่งวิหารซอมซ่อ หงส์เพลิงก็ตามพวกเขาไปด้วย และพวกเขาก็มองไปรอบๆ
กงซุนเอี้ยนปัดกวาดจัดเตรียมห้อง นางกล่าว “ปกติแล้วข้าอาศัยอยู่ในวิหารนี้ และข้าก็ปัดกวาดเอาไว้เพียงไม่กี่ห้อง เดี๋ยวให้ข้าเตรียมจัดห้องเพิ่มสักหน่อยให้แก่พี่หงส์เพลิงและน้องฉิน”
หงส์เพลิงผงกศีรษะและนำเอารังนกของนางออกมา
ไม่นานนัก นางก็ปัดกวาดเสร็จสิ้น ฉินมู่นั่งอยู่ข้างเตียง และสีหน้าของเขาก็ดีขึ้นกว่าเดิม “พี่สาว ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ท่านไม่ต้องคอยดูแลข้าแล้วละ ผลไม้นี้จากพระแม่ธรณีนั้นไม่เลวเลยจริงๆ ข้ารู้สึกได้ว่าปราณชีวิตของข้ากำลังฟื้นฟู ตอนนี้ไม่มีปัญหาเท่าไรแล้ว”
กงซุนเอี้ยนตรวจอาการของเขา และนางก็เห็นว่าสีหน้าของเขาดีกว่าเดิมมาก นางรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างยิ่ง “ผลไม้นี้ไม่ธรรมดา มันเป็นผลไม้จากพฤกษาก่อกำเนิด มันเรียกว่าผลเต๋าดินอสงไขย พฤกษาก่อกำเนิดเป็นรากแห่งฟ้าและดินของแดนพิภพ ดูดซับพลังวิญญาณและอิทธิพลวิญญาณแห่งฟ้าและดิน และผนวกไปด้วยพลังวัตรของพระแม่ธรณี ผลไม้นี้ยากที่จะเกิดออกมาสักลูก ข้าได้ยินมาว่ายากนักที่พระแม่ธรณีจะยกผลเต๋าดินอสงไขยให้แก่ผู้อื่น นางเพียงแต่เด็ดลงมาจำนวนหนึ่งในปีแรกแห่งศักราชหลงฮั่นเพื่อมอบให้จักรพรรดิฟ้าเอาไปใช้จัดเลี้ยงแขกเหรื่อในงานเลี้ยง เมื่อสภาสวรรค์หลงฮั่นก่อตั้งขึ้นมา ก็แทบจะไม่มีเทพเจ้าตนใดที่มีสิทธิ์ได้กินผลเต๋าดินอสงไขย”
ฉินมู่หันศีรษะของเขา และวงรัศมีก็หันไปพร้อมๆ กับเขาด้วย มันคอยแต่อยู่ข้างหลังศีรษะของเขาตลอดเวลา ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
ผลเต๋าดินอสงไขยอยู่ข้างในวงแสงรัศมีที่ก่อขึ้นมาจากการอวยพรของพระแม่ธรณี มันเหี่ยวแห้งไปแล้ว แต่พลานุภาพที่อยู่ข้างในนั้นน่าตื่นตระหนก เขาไม่อาจเอามันมากัดดูสักคำเพื่อชิมรสชาติ
แต่ทว่า ไม่ใช่ผลไม้หรอกที่ทำให้เขากระสับกระส่าย แต่คือการอวยพรของพระแม่ธรณีต่างหาก
เขาได้พบกับเจ็ดวิญญูชนสวรรค์เกือบทุกคนแล้ว และข้างหลังศีรษะของพวกเขา ก็ล้วนแต่มีวงแสงรัศมี อันก็คือการอวยพรจากเทพบรรพกาลทั้งหลาย
การอวยพรจากเทพบรรพกาลมีผลลัพธ์ต่างๆ กันไป อย่างเช่นอายุยืนยาว ความมั่งคั่งสมบูรณ์ ความไม่แก่เฒ่า และความอมตะ แต่ถึงอย่างนั้น วิญญูชนสวรรค์อวี้ที่ได้รับการอวยพรจากเทพบรรพกาลทั้งหมด ก็ยังคงถูกลอบสังหาร ทั้งดวงวิญญาณก็ถูกทำลาย
มีก็แต่เมื่อเวลาผ่านมาหนึ่งล้านปี ฉินมู่จึงได้ชุบชีวิตเขา ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ยังสูญเสียความทรงจำ และดูโง่งมไม่เต็มบาท
นี่แสดงให้เห็นว่า แม้แต่การอวยพรก็ไม่อาจรับประกันความปลอดภัยได้
วงแสงรัศมีที่ข้าได้รับการอวยพรมา เหมือนกับการเฝ้าจับตาเสียมากกว่า ต่อให้ข้าหนีไป พระแม่ธรณีก็ยังคงตามสะกดรอยข้าได้จากวงแสงนี้ ข้าสงสัยเสียจริงว่าจะสามารถกำจัดมันไปได้หรือไม่
จิตวิญญาณของเขาขาดชีวิตชีวา และเขาก็อ้าปากหาว
กงซุนเอี้ยนรีบลุกขึ้นมาและกล่าว “น้องฉิน โปรดพักผ่อนก่อนเถอะ”
นางรีบออกจากห้องและปิดประตูให้ ฉินมู่พลันลุกขึ้น และเขาก็เต็มไปด้วยความแจ่มใส ความหมดแรงของเขาเมื่อก่อนหน้านี้ไม่ปรากฏให้เห็นเลยสักนิด
เขาขับเคลื่อนวิชาเสกสรรและแปรเปลี่ยนเป็นร่างสามเศียรหกกร ด้วยมีสามหัว แสงรัศมีก็ไม่อาจไปยังข้างหลังศีรษะของเขาได้
เขาสำรวจเพ่งพิศดูแสงนี้อย่างพินิจพิเคราะห์ และมันก็มีอักษรรูนอันเพริศแพร้วอย่างสุดขีดขั้วไหลลอยอยู่ในวงแสง แสงรัศมีนี้ก่อรูปขึ้นมาจากอักษรรูน และอักษรรูนพวกนี้ก็อยู่ในสภาวะของอนุภาคอันเล็กละเอียดที่สุด
ฉินมู่สำรวจมันดูและขมวดคิ้ว
นอกจากอักษรรูนสนามแม่เหล็กแล้ว มันยังมีอักษรรูนรูปแบบอื่นอีก นี่มันซับซ้อนกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก
ถ้าเป็นแค่อักษรรูนสนามแม่เหล็กก็พอทำเนา ท่านยายซีเพิ่งจะวิเคราะห์อนุมานอักษรรูนสนามแม่เหล็กทั้งหมดหนึ่งพันเก้าร้อยตัว หากว่าวงแสงรัศมีก่อขึ้นมาจากอักษรรูนเหล่านั้น เขาก็คงยังจะพอคิดหาทางแก้ไข
กระนั้นอักษรรูนชนิดอื่นในวงแสงก็ทำให้ฉินมู่ยุ่งยาก อักษรรูนพวกนี้แสดงถึงเส้นและโครงสร้างของแม่น้ำ ทะเล ทะเลสาบ และบ่อ บ้างก็มีรูปทรงของหญ้า ต้นไม้ และดอกไม้ บ้างก็มีเส้นอันลี้ลับที่เขาไม่รู้ว่าพวกมันใช้ทำอะไร
เห็นได้ชัดว่าเต๋าอันยิ่งใหญ่ที่พระแม่ธรณีครอบครองอยู่นั้น ซับซ้อนอย่างสุดขีดขั้ว
และแสงดังกล่าวก็เป็นทักษะเทวะอันสมบูรณ์ที่ประกอบขึ้นมาจากอักษรรูนเหล่านี้ การที่จะหลบหนีไปจากการสะกดรอยและญาณสัมผัสของพระแม่ธรณีได้ ฉินมู่ก็นึกอะไรไม่ออกสักนิด
จริงสิ ครูบาสวรรค์จื่อซี!
ดวงตาของเขาลุกวาบ ในฐานะหนอนหนังสือท่ามกลางสี่มหาครูบาสวรรค์ นางอาจจะมิได้รอบรู้เท่ากับนักบุญคนตัดไม้ แต่วรยุทธของนางสูงล้ำกว่าเขาไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า บางทีนางอาจจะมีวิธีการสลายวงรัศมี
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ยื่นมือเข้าไปจับผลไม้อันลอยอยู่ และเมื่อเขาคว้าผลไม้ เขาก็ประสบปัญหาขณะที่พยายามดึงผลไม้ออกจากวงแสง
เมื่อเขาพยายามดึงผลไม้ออกมา รังสีแสงจำนวนมากก็จะปรากฏรอบๆ วงรัศมี และพวกมันก็เหมือนกับเส้นละเอียดเล็กที่เชื่อมต่อกับผลเต๋า เพียงแต่ขยับผลเต๋าไปสักนิด เขาก็ประสบการกีดขวางอันเกินจินตนาการ!
ผู้คนเขาบังคับซื้อขายสินค้ากัน ขณะที่พระแม่ธรณีบังคับยัดเยียดการอวยพรของนาง และบังคับให้ข้าต้องรับผลเต๋าดินอสงไขย แม้แต่ปฏิเสธสักคำข้าก็ทำไม่ได้!
โทสะในหัวใจของฉินมู่ยากที่จะราบคาบ มันเหมือนกับว่าผลเต๋าและวงรัศมีนี้แปะกาวไว้แน่นข้างหลังเขา และเขาก็ฉีกพวกมันออกไปไม่ได้!
สำหรับผู้อื่น การอวยพรของพระแม่ธรณีและผลเต๋าดินอสงไขยเป้นสมบัติล้ำค่าที่พวกเขาได้แต่เพ้อฝัน แต่สำหรับฉินมู่แล้ว พวกมันคือภาระและภยันตราย เขารอแทบจะไม่ไหวที่จะโยนพวกมันทิ้งไปให้ไกล
คลื่นพลังงานยังคงไหลเข้าไปในสมบัติเทวะของเขาจากผลเต๋าดินอสงไขย และก็ถูกจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาดูดซับเข้าไป จากนั้นพวกมันก็อัดตัวเองเข้าไปในทักษะเทวะเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้แก่แผ่นปฐพีหกทิศ ทำให้แผ่นดินกว้างขึ้นและลึกขึ้น
ประโยชน์ของผลเต๋าดินอสงไขยก็ยังคงน่าตื่นตระหนก แต่น่าเสียดายที่ว่าสำนึกรู้ของพระแม่ธรณีก็คงจะอยู่ข้างในนั้น นางสามารถสัมผัสตำแหน่งพิกัดของข้าได้
ฉินมู่เห็นว่าเขาเอาผลเต๋าออกมาไม่ได้ ก็เลยได้แต่ต้องยอมล้มเลิก ข้าเพียงแต่ต้องดูดซับพลังงานในผลเต๋าให้หมด หลังจากนั้นข้าจะหลุดออกมาจากการเฝ้าจับตาได้ก็เป็นไปได้ไม่ใช่หรือ
เขาดูดซับพลังงานในผลเต๋าตามการเคลื่อนคล้อยโคจรของวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ แปรเปลี่ยนมันให้เป็นพลังวัตรบริสุทธิ์ วิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะสามารถหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณดั้งเดิมและกายเนื้อของเขา ทั้งยังเสริมแกร่งให้แก่สมบัติเทวะทั้งหลาย
วรยุทธและพลังวัตรของเขาเพิ่มพูนขึ้นเหมือนคลื่นโถม และหากว่าเขาฝึกปรือต่อไปด้วยความเร็วระดับนี้ เขาก็จะมีพลังวัตรเพียงพอที่จะใช้ทลายฝ่าม่านคุ้มกันของสมบัติเทวะเป็นตาย
สะพานเทวะพฤกษาก่อนฟ้าดินในแผ่นดินหกทิศของข้าก็สามารถดูดซับพลังงานของผลเต๋าได้ มันยังเร็วยิ่งกว่าวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะเสียอีก!
ฉินมู่ทึ่งใจไม่รู้จบ สะพานเทวะพฤกษาก่อนฟ้าดินเป็นความคิดของซวีเซิงฮวา และพวกเขาทั้งสองคนก็ช่วยกันขัดเกลาให้สมบูรณ์แบบ
พฤกษาก่อนฟ้าดินนี้เป็นแนวทางที่แตกต่างออกไปอันได้ผลมหัศจรรย์เช่นเดียวกับการมีพฤกษาเทพตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางแดนก่อกำเนิด
และบัดนี้ พฤกษาก่อฟ้าดินก็กำลังดูดซับพลังงานผลเต๋าเพื่อเจริญเติบโต!
ฉินมู่ตกตะลึง พฤกษาก่อนฟ้าดินหยั่งรากอยู่ในแผ่นดินหกทิศ ภาพนี้ดูคล้ายกับแดนก่อกำเนิดในยุคโบราณจริงๆ!
แดนก่อกำเนิดก็มีพฤกษาเทพหยั่งรากอยู่ใจกลางของฟ้าและดิน!
“ซวีเซิงฮวาเป็นตัวตนที่ด้อยกว่าข้าเพียงแค่นิดเดียวอย่างไม่ต้องสงสัย สะพานเทวะพฤกษาก่อนฟ้าดินเป็นเคล็ดวิชาลับที่สอดคล้องต้องกันกับเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งฟ้าและดินได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่ธรรมดา!”
ฉินมู่อุทานด้วยความทึ่งใจ เขานั้นสมแล้วกับที่เป็นกายาจ้าวแดนดินปลอม! หากว่าสะพานเทวะพฤกษาก่อนฟ้าดินสามารถดูดซับพลังงานได้ ข้าก็จะสามารถย่อยสลายผลเต๋านี้ได้เร็วยิ่งขึ้น และทำให้พระแม่ธรณีมีวิธีการควบคุมข้าลดลงไปหนึ่งอย่าง!
แต่ไม่นาน เขาก็ตระหนักว่าเขาคิดอะไรตื้นเขินเกินไป แม้ว่าจะมีพลังงานมากมายที่หลั่งไหลออกมาจากผลไม้ และเขาก็ยังคงพยายามย่อยสลายมันอยู่ พฤกษาก่อนฟ้าดินยิ่งมาก็ยิ่งสมจริง แต่ทว่า เขามองไม่เห็นวี่แววที่พลังงานในผลไม้นี้จะลดน้อยถอยลง!
พลังงานที่เขาเผาผลาญจากผลไม้ไปในช่วงระยะเวลานี้ ไม่ถึงกับหนึ่งในพันของพลังงานทั้งหมดในผลเต๋า และยิ่งไม่ถึงกับหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในพันล้านเสียด้วยซ้ำ!
“พระแม่ธรณีช่างเอื้อเฟื้อเสียจริงๆ…”
ฉินมู่เริ่มจะปวดหัวตึ้บอย่างไม่บรรเทาไถ่ถอน เขาผลักประตูเดินออกไป และที่ประตู กิเลนมังกรกำลังพิงอยู่ข้างกำแพงด้วยขาทั้งสี่แผ่ออกจากกัน เขานั่งอยู่บนก้นของตนเองและกำลังทำท่วงท่าฝึกวรยุทธอันแปลกประหลาด
เมื่อเขาเห็นฉินมู่ตื่นขึ้นมา กิเลนมังกรก็รีบคลานลุกขึ้นและถาม “จ้าวลัทธิ ได้เวลาอาหารแล้วหรือ”
“ใช่”
ฉินมู่นำเอายาวิญญาณออกมาและเทลงไปให้เขาจนเต็มอ่าง เขาถามแบบไม่ใส่ใจเท่าใด “มังกรอ้วน ความคืบหน้าของคัมภีร์เลี้ยงมนุษย์เจ้าไปถึงไหนแล้ว”
กิเลนมังกรก้มหน้าก้มตากินอาหารและกล่าว “บทที่หกของเล่มที่สองยังไม่เสร็จดีเลย…”
เขาพลันสะดุ้งรู้ตัว และโลหิตในกายก็เย็นเฉียบ
ฉินมู่ยิ้มหยัน “เจ้าเขียนช้าเกินไปแล้ว”
กิเลนมังกรเอาหางจุกตูดและไม่กล้าปริปากอีกต่อไป
ฉินมู่แค่นหัวเราะหยันหลายๆ ครั้ง และกิเลนมังกรก็เหงื่อไหลเป็นถังๆ ในตอนนั้นเอง กงซุนเอี้ยนและวิญญูชนสวรรค์อวี้ก็กลับออกมาจากข้างนอกวิหาร และนางก็กำลังถือถาดผลไม้อยู่ เมื่อนางเห็นฉินมู่เดินออกมาจากห้อง นางก็กล่าวด้วยความปีติยินดี “น้องฉิน ข้าเด็ดผลไม้พวกนี้มาให้เจ้าทาน ข้าปลูกพวกมันทั้งหมดด้วยตนเอง ทั้งยังสดใหม่สุดๆ!”
ฉินมู่รีบกล่าวขอบคุณ และลองชิมดู ผลไม้ทิ้งกลิ่นหอมหวานเอาไว้บนริมฝีปาก เขาก็ชื่นชม “ผลไม้ของพี่สาวทั้งใหญ่โตและหวานฉ่ำ!”
กงซุนเอี้ยนดีใจเป็นอย่างยิ่งและกล่าว “น้องหลัน ส่งไปให้พี่หงส์เพลิงหน่อยสิ ให้นางลองชิมดูด้วย”
จากบนหลังคาวิหาร เสียงของหงส์เพลิงดังมา และฉินมู่ก็เงยศีรษะมองดู เขาเห็นหงส์เพลิงที่แปลงร่างเป็นหญิงสาวใส่เสื้อผ้าสีฉูดฉาด กำลังมองไปยังอัครนครหยกอย่างไม่วางตา ราวกับว่านางกำลังตั้งท่ารับมือกับศัตรูอันร้ายกาจ และแผดจิตหาญสู้ออกมาอย่างเข้มข้น
ฉินมู่จิตใจไหวสะท้าน และเขาก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคา หงส์เพลิงไม่พอใจและตวาด “ลงไป! นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า!”
ฉินมู่รีบกล่าว “ข้าได้หลอมปรุงยาวิญญาณมาจำนวนหนึ่งให้พี่สาวได้ลิ้มลอง ดูว่าท่านจะชอบมันหรือไม่ หากว่าไม่ชอบ น้องชายผู้นี้ก็จะไปเปลี่ยนตำรับยา”
สีหน้าของหงส์เพลิงอ่อนโยนลง และนางก็กล่าว “อย่าเรียกข้าว่าพี่สาว และทำให้ดูเหมือนพวกเราสนิทคุ้นเคยกัน ชื่อของข้าคือเฟิ่งชิวอวิ๋น เจ้าสามารถเรียกข้าว่าเทพีชิวอวิ๋น”
นางลองชิมดูหนึ่งเม็ดและกล่าว “คุณสมบัติไฟนั้นอยู่ในฟากหนักไปหน่อย เดิมทีข้าคือหงส์เพลิงที่ฝึกปรือเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งไฟศักดิ์สิทธิ์ มันไม่ถูกปากข้า ลงไปเสีย ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรจะอยู่ ปล่อยวางเรื่องยาวิญญาณไปก่อน ธุระของพระแม่ธรณีสำคัญกว่า ตั้งใจฝึกวรยุทธเถอะ!”
ฉินมู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สาวชิวอวิ๋น ข้านั้นไม่ค่อยจะปิดประตูฝึกปรือในห้อง ข้าคุ้นแต่กับวิ่งไปเหนือมาใต้ และมักจะฝึกวรยุทธด้วยการเคลื่อนไหว เมื่อข้าต่อสู้ ความเร็วการฝึกปรือของข้าก็จะกลับกลายเป็นเร็วยิ่งขึ้น ว่าแต่พี่สาวชิวอวิ๋นกำลังมองดูอะไรหรือ”
เฟิ่งชิวอวิ๋นเห็นว่าเขายังคงเรียกนางว่าพี่สาว ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ทว่า นางก็ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ “เจ้าฝึกวรยุทธเร็วขึ้นเมื่อได้ต่อสู้งั้นหรือ”
ฉินมู่ผงกศีรษะ
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะนำเจ้าไปต่อสู้!”
เฟิ่งชิวอวิ๋นกล่าว “เอี้ยนเอ๋อ พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะพาเขาไปต่อสู้ที่อัครนคร!”
กงซุนเอี้ยนรีบร้องออกไป “แบบนั้นจะได้อย่างไร น้องฉินเพิ่งจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ท่านจะพาเขาไปต่อสู้ได้อย่างไร หากว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา จะไปตอบกับพระแม่ธรณีได้อย่างไร”
หงส์เพลิงบนหลังคาดูหงุดหงิดและว้าวุ่น เมื่อนางเดินกลับไปกลับมา
ฉินมู่ฉงนฉงายและถาม “พี่สาวชิวอวิ๋น ท่านมีอะไรหนักใจหรือ”
เฟิ่งชิวอวิ๋นไม่ตอบ นางหยุดฝีเท้าและยังคงจ้องมองไปทางอัครนครหยก
กงซุนเอี้ยนกล่าว “น้องฉิน ลงมากินผลไม้อีกสักหน่อยเถอะ ยังเหลืออีกเยอะเลย!”
ฉินมู่จึงได้แต่กระโดดลงมาจากหลังคา และเติมท้องเขาด้วยผลไม้ทั้งหลาย เมื่อผลไม้บนถาดหมดไป กงซุนเอี้ยนก็คิดที่จะไปเด็ดมาเพิ่ม แต่ฉินมุู่ก็ห้ามเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม “พี่สาวเอี้ยน ข้าอิ่มแน่นท้องแล้ว จริงสิ ต้นกล้าอ่อนข้างหลังศีรษะท่านคืออะไรหรือ”
เขาเอื้อมมือออกไปและแตะต้นกล้าเล็กๆ ในวงรัศมีข้างหลังศีรษะกงซุนเอี้ยน
กงซุนเอี้ยนครางเสียงแผ่ว และใบหน้านางก็แดงฉานไปหมด นางหรี่เสียงลงและกล่าวอย่างเอียงอาย “อย่าจับสิ…เจ้าแตะมันไม่ได้นะ”
ฉินมู่ฉงนฉงาย “ทำไมข้าถึงแตะมันไม่ได้ล่ะ”
กงซุนเอี้ยนสีหน้าแดงกว่าเดิม และนางไม่กล้าเอ่ยวาจา
“เจ้าโง่!”
เฟิ่งชิวอวิ๋นกระโดดลงมาจากหลังคาและยิ้มหยัน “นั่นคือจิตวิญญาณดั้งเดิมของเอี้ยนเอ๋อ ทำไมเจ้าถึงไปแตะจิตวิญญาณดั้งเดิมของนางล่ะ นี่มันกระตุ้นเร้านางมากเกินไป ถ้าจะทำแบบนี้ เจ้าไปลูบคลำร่างกายนางตรงๆ เลยจะยังดีเสียกว่า! จิตวิญญาณดั้งเดิมของนางอ่อนแอมาก และเดิมทีนางก็เป็นเพียงแค่ต้นกล้าอ่อนที่งอกออกมาจากเมล็ดของผลเต๋าดินอสงไขย พระแม่ธรณีให้ข้ารดน้ำแก่นางด้วยวารีหยินสวรรค์ เช่นนั้นแล้วนางจึงเกิดมีสติปัญญา แต่ทว่าเมล็ดพืชที่ปราศจากเนื้อผลจะเป็นอย่างไรล่ะ จิตวิญญาณดั้งเดิมของนางไม่มีสารอาหารให้ดูดซับ นางจึงอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง”
ฉินมู่หน้าแดงฉานและพึมพำ “พี่สาวเอี้ยนใช้จิตวิญญาณดั้งเดิมของนางเพื่อช่วยชีวิตข้า ข้าไม่มีอะไรที่จะตอบแทนเลย…”
“อุทิศกายเจ้าแต่งงานกับนางไปเสียสิ!” เฟิ่งชิวอวิ๋นดูจะอารมณ์ร้าย และนางก็เดินกลับไปกลับมา
ฉินมู่ตาลุกวาว “ข้าสงสัยว่าผลเต๋าดินอสงไขยจะช่วยพี่สาวได้ไหม ข้าจะสามารถใช้พลังงานในผลเต๋าดินอสงไขยเพื่อเสริมแกร่งให้แก่จิตวิญญาณดั้งเดิมของพี่สาวได้หรือไม่”
กงซุนเอี้ยนรีบปฏิเสธเขา “แบบนั้นจะได้อย่างไรกัน ผลเต๋านั้นเจ้าได้รับมาจากพระแม่ธรณี เพื่อให้เจ้าฝึกวรยุทธไปถึงขั้นเป็นตาย ข้า…”
ฉินมู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พลังงานในผลเต๋ามีมากเกินไป การฝึกปรือไปถึงขั้นเป็นตายคือเรื่องง่ายๆ และข้าก็ใช้พลังงานไม่หมดหรอก”
เขากุมมือของกงซุนเอี้ยนขึ้นมาและพยายามที่จะเหนี่ยวนำพลังงานของผลเต๋าบางส่วนไปให้นาง กงซุนเอี้ยนกะว่าจะปฏิเสธ แต่ทันทีที่พลังงานของผลไม้แล่นเข้ามา นางก็พลันรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่านางได้กลับเข้าไปในอยู่ในครรภ์มารดากลับเข้าไปอยู่ข้างในผลไม้ อันแสนสบายอย่างเกินจะจินตนาการ
ต้นกล้าอ่อนข้างหลังศีรษะนางค่อยๆ แยกใบออก และใบเลี้ยงอ่อนบางสองใบก็เขย่าแต่เบาๆ
“ไม่!”
เฟิ่งชิวอวิ๋นพลันกระโดดโลดเต้นด้วยโทสะ และไฟหงส์เพลิงก็พวยพุ่งรอบกายนาง “ข้าจะไปตามหาตัวนังเท้ากีบน้อยและสั่งสอนนางให้หลาบจำ!”
ฉินมู่ตกตะลึงและถาม “ที่พี่สาวชิวอวิ๋นพูดถึงนั้นคือใครหรือ”
“ฉีเสียอวี๋!”
เฟิ่งชิวอวิ๋นไม่อาจข่มระงับโทสะของนาง และกัดฟันกรอดๆ “นังเท้ากีบน้อยนั่นทรยศเผ่าหงส์เพลิง! มาสิ ตามข้าไปที่อัครนครหยก ข้าจะไปกระทืบนังเท้ากีบน้อยให้ตายไปซะ!”