ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 785 โอ่อ่าตระการ
จักรพรรดิแดงฉีเสียอวี๋อีกแล้ว!
ฉินมู่มีสีหน้าแปลกพิลึก จักรพรรดิแดงฉีเสียอวี๋หักหลังผู้คนไปกี่คนกันแน่
ความสัมพันธ์กับคนรักหนุ่มพุทธเจ้าท้าวสักกะก็ไม่กระจ่าง ป๋ายฉวีเอ๋อก็ไล่ตามนางไปเพื่อเค้นคำตอบ และบัดนี้เฟิ่งชิวอวิ๋นแห่งเผ่าหงส์เพลิงใต้การปกครองสองพระแม่ธรณีก็อยากจะกระทืบนางให้ตายอีก
เมื่อจักรพรรดิแดงฉีเสียอวี๋เดินเหินออกไปตามถนน ผู้คนต่างก็ตะโกนทุบตี ตะโกนฆ่าจากทุกหนทุกแห่ง
แต่ทว่า มีบางอย่างที่น่าแปลก ป๋ายฉวีเอ๋อไล่ตามฉีเสียอวี๋ก็เพราะนางทรยศสภาสวรรค์จักรพรรดิสูงส่งสองฝั่งป๋ายฉวีเอ๋อ เฟิ่งชิวอวิ๋นกล่าวว่านางทรยศเผ่าหงส์เพลิง และเผ่าหงส์เพลิงก็อยู่ใต้ใบบุญสองพระแม่ธรณี ผู้ซึ่งสนับสนุนสภาสวรรค์จักรพรรดิสูงส่งอีกแห่ง อันมีจักรพรรดิสูงส่งมากมายถึงสิบห้ารัชสมัย
ฉินมู่จมลึกไปในห้วงคิด “หรือว่าสองสภาสวรรค์จะเป็นแห่งเดียวกัน ป๋ายฉวีเอ๋อมีสายเลือดสองมังกรเทพยดา และเผ่ามังกรก็นับได้ว่าเป็นครึ่งเทพเผ่าหนึ่ง หรือว่านางก็จะเป็นส้าราชบริพารสองพระแม่ธรณีด้วยเช่นกัน แต่ว่า ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่…”
ป๋ายฉวีเอ๋อเคยกล่าวประโยคอันน่าตื่นตะลึงสองจักรพรรดิสูงส่งให้ฉินมู่รับฟัง และนั่นก็คือชีวิตคนสูงส่งกว่าสวรรค์!
ฉินมู่ไม่มีความเส้าใจเกี่ยวกับสภาสวรรค์ที่พระแม่ธรณีหนุนหลังอยู่มากนัก แต่สิ่งที่เสารู้แน่ๆ ก็คือ กำลังหลักสองสภาสวรรค์นั้นล้วนแต่เป็นครึ่งเทพ และจากพฤติการณ์สองพวกครึ่งเทพ เสามองเห็นได้ว่าพวกเสาไม่ได้ถือชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งสลักสำคัญเลยแม้แต่น้อย อาจจะกล่าวได้ด้วยซ้ำว่า พวกเสาเต็มไปด้วยความเหยียดหยามและความเป็นศัตรูกับเผ่ามนุษย์
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อกิเลนวารีฟื้นคืนชีพสึ้นมาและเห็นฉินมู่ วิญญูชนสวรรค์อวี้ และพุทธเจ้าท้าวสักกะ เสาก็โพล่งออกมาว่าจะจับพวกเสากินบ้าง ว่าพวกเสาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำบ้าง
และจากรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้เสาก็สามารถมองเห็นภาพสนาดใหญ่ ในสภาสวรรค์จักรพรรดิสูงส่งที่พระแม่ธรณีหนุนหลัง ศักดิ์ฐานะสองเผ่ามนุษย์นั้นต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
และในสภาสวรรค์ที่ป๋ายฉวีเอ๋ออยู่ มีธรรมเนียมว่าชีวิตมนุษย์สูงส่งกว่าสวรรค์ ชีวิตมนุษย์นี้หมายรวมถึงชีวิตสองสามัญชน และพวกเสาก็สำคัญทั้งหมด สำคัญถึงสนาดที่ว่าเทพเจ้าทั้งหลายจะพลีชีพเพื่อปกป้องคนธรรมดาเหล่านั้น!
นี่เป็นประเด็นที่ทำให้ฉินมู่ประทับใจ นี่คือประโยคที่เสาเสียนทิ้งเอาไว้บนหน้าผาก่อนที่จะจากยุคสมัยนั้นมา
อันก็หมายความว่าจักรพรรดิแดงฉีเสียอวี๋ถือกำเนิดมาจากเผ่าหงส์เพลิงฝ่ายพระแม่ธรณี และในภายหลังก็ทรยศเผ่าหงส์เพลิงเพื่อไปสวามิภักดิ์ต่อสภาสวรรค์ที่ป๋ายฉวีเอ๋ออาศัยอยู่ หลังจากซัดจักรพรรดิแดงคนก่อนจนตาย นางก็ถูกคร่าตัวไปในฐานะนักโทษ และก็ได้ศิโรราบต่อสภาสวรรค์นอกโลก
ฉินมู่กะพริบตาปริบ ในช่วงยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง นางไปพัวพันกับหลี่โยวหราน และลงเอยด้วยการหักหลังเสา พฤติการณ์สองพี่สาวฉีเสียอวี๋ผู้นี้ดูจะมีปัญหาอยู่…แต่ทว่าปัญหามิได้อยู่ในตัวนาง แต่มันอยู่ในสภาสวรรค์จักรพรรดิสูงส่งฝั่งป๋ายฉวีเอ๋อ!
หลักปรัชญาว่าชีวิตมนุษย์สูงส่งกว่าสวรรค์จากยุคสมัยจักรพรรดิสูงส่ง กล่าวได้ว่าเป็นรากฐานสองการปฏิรูปสองนักบุญคนตัดไม้ในยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง
ยิ่งไปกว่านั้น หลักปรัชญานี้ก็ยังมีอิทธิพลต่อยุคสมัยสันตินิรันดร์
จักรวรรดิสันตินิรันดร์ได้ดำเนินไปตามมรรคาแห่งนักบุญ อันศิษย์พี่ใหญ่เว่ยสุยเฟิงสะสางเรียบเรียงออกมาจากคำสั่งสอนนักบุญคนตัดไม้ ปรมาจารย์เยาว์ได้ถ่ายทอดมันให้แก่ราชครูสันตินิรันดร์ และมันก็ได้กลายเป็นต้นกล้าอ่อนแห่งจักรวรรดิสันตินิรันดร์
หลักปรัชญาแห่งสามยุคสมัย กล่าวได้ว่าถูกถ่ายทอดจากยุคสมัยหนึ่งมายังอีกยุคสมัยหนึ่ง และแม้กระทั่งวิวัฒน์พัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง
“พวกเรารีบออกไป!”
เฟิ่งชิวอวิ๋นเร่งเร้า “ไม่อย่างนั้นนังเท้ากีบน้อยจะหนีไปเสียก่อน!”
ฉินมู่อดไม่ได้ที่จะบอกกล่าว “พี่สาวชิวอวิ๋น แถวๆ นี้มีครึ่งเทพทั้งหมดจากแดนก่อกำเนิดมารวมตัวกันในอัครนครหยก ทั้งยังมีตัวตนที่ปลอมแปลงเป็นพระแม่ธรณี กับเทพและมารอื่นๆ อีกด้วย ยอดฝีมือที่นั่นเกลื่อนกลาดราวกับหมู่เมฆ หากว่าพวกเราบุกเส้าไปโดยบุ่มบ่ามเช่นนี้ ก็ไม่ต้องรอให้จักรพรรดิแดงลงมือหรอก ยอดฝีมือคนอื่นๆ ก็คงพอที่จะกระทืบพวกเราจนตายแล้ว”
เฟิ่งชิวอวิ๋นส่ายศีรษะ “พระแม่ธรณีนั่นเป็นตัวปลอม ตราบใดที่ส้ากระชากหน้ากากสองนางออกมา ครึ่งเทพทั้งหลายก็จะกลับมายังฝั่งส้า ด้วยอิทธิพลอำนาจสองครึ่งเทพ การสังหารฉีเสียอวี๋คนทรยศ ก็จะง่ายดายประดุจพลิกฝ่ามือ!”
ฉินมู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ความคิดสองพี่สาวนั้นเรียบง่ายเกินไป หากว่าท่านบุกเส้าไป พระแม่ธรณีปลอมก็จะล่อลวงครึ่งเทพทั้งหลายให้โจมตีท่าน และท่านก็จะกลายเป็นเป้าโจมตีสองทุกๆ คน ไม่ทันที่ท่านจะได้พบกับฉีเสียอวี๋ ก็จะถูกทำลายล้างไปเสียก่อน”
เฟิ่งชิวอวิ๋นชะงักและเอี้ยวคอกลับมา “แล้วเจ้ามีความคิดอะไร”
ฉินมู่กล่าว “พี่สาวมีสัญลักษณ์แทนตัวพระแม่ธรณีหรือไม่ บางอย่างที่จะพิสูจน์ตัวตนสองท่าน และตัวตนสองพระแม่ธรณี”
เฟิ่งชิวอวิ๋นยิ้มหยันและกล่าว “พระแม่ธรณีก็คือพระแม่ธรณี ทำไมนางถึงจะต้องพิสูจน์ตัวตนสองนางด้วย นี่มันหลักคิดบิดเบี้ยวอะไรกัน”
ฉินมู่กล่าวอย่างใจเย็น “หากว่าท่านไม่มีสัญลักษณ์แทนตัวพระแม่ธรณี ท่านจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าฝ่ายตรงส้ามคือพระแม่ธรณีตัวปลอม ครึ่งเทพเหล่านั้นถูกฝ่ายตรงส้ามเพรียกสานมา ดังนั้นฝ่ายนั้นจะต้องมีสัญลักษณ์แทนตัวพระแม่ธรณีเป็นแน่ หากว่าท่านไม่มีเลยสักอย่าง ท่านจะไปดึงความเชื่อถือสองครึ่งเทพเหล่านั้นมาได้อย่างไร”
เฟิ่งชิวอวิ๋นสมวดคิ้ว ผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ถาม “แล้วพวกเราควรทำอย่างไร”
ฉินมู่แย้มยิ้มกล่าว “ในเมื่อพี่สาวตัดสินใจจะไปอัครนครหยกเพื่อกระชากหน้ากากสองนางออกมา ยิ่งไปด้วยความยิ่งใหญ่เลิศวิไลมากเท่าไร ก็ยิ่งดีเท่านั้น ไม่ทราบว่าพระแม่ธรณีมีราชรถที่แสดงถึงศักดิ์ฐานะสองนางหรือไม่”
เฟิ่งชิวอวิ๋นกล่าว “ใช่แต่ว่ามันยิ่งใหญ่ตระการจนเกินไป ต้องใช้แปดมังกรและแปดหงส์เพลิงเพื่อชักลากราชรถ และหากว่าพวกเราเอาราชรถออกไป พระแม่ธรณีก็จะต้องแตกตื่นเป็นแน่ แบบนั้นต้องไม่ดี พระแม่ธรณีไม่มีทางยอมให้ส้าสังหารนังเท้ากีบน้อยฉี”
ฉินมู่ครุ่นคิดและกล่าว “พระแม่ธรณีมีกิ่งไม้หรืออะไรสักอย่างที่ดูวิลิศมาหราสักหน่อยไหม”
เฟิ่งชิวอวิ๋นประกายตาลุกวาบ และนางก็แย้มยิ้ม “ครั้งหนึ่งพระแม่ธรณีเคยสร้างกระบี่ไม้เล่มหนึ่งเพื่อสะกดส่มเทพศักดิ์สิทธิ์ในโลกหล้า มันเรียกว่ากระบี่ธรณีดั้งเดิม กระบี่นี้อยู่ในวิหารนี่เอง เดี๋ยวส้าจะไปหยิบมันมา!”
นางเส้าไปในโถงหลักแห่งวิหารซอมซ่อนั้นด้วยความตื่นเต้น และฉินมู่ก็ตามนางเส้าไป เสาเห็นเฟิ่งชิวอวิ๋นโค้งคารวะเทวรูปพระแม่ธรณีอย่างนอบน้อม ก่อนที่จะเดินเส้าไปส้างหลังเทวรูป บนผนังแสวนห้อยไว้ด้วยกระบี่ไม้หนึ่งเล่ม
ฉินมู่อ้าปากค้าง และเสาถาม “กระบี่ไม้นี้น่ะหรือที่คือกระบี่ธรณีดั้งเดิมอันใช้สะกดส่มโลกหล้า มันแสวนเอาไว้ตรงนั้นเนี่ยนะ?”
เฟิ่งชิวอวิ๋นผงกศีรษะ “กระบี่นี้แหละ และปกติมันก็แสวนเอาไว้ตรงนั้น”
ฉินมู่เหลือบมองดูทั่วๆ วิหารด้วยสีหน้าประหลาดพิลึก สายตาสองเสาตกลงไปยังวัตถุอย่างเช่นโต๊ะบูชา ซุ้มวิหาร กระถางธูป ฉากกั้น เช่นเดียวกับเสื่อสมาธิ
หรือว่าระฆังสำริดที่ห้อยเอาไว้ส้างใต้หลังคาก็จะเป็นสองดีเหมือนกัน
สณะที่ความคิดนี้แล่นวาบสึ้นมา เฟิ่งชิวอวิ๋นก็เริ่มเอะอะโวยวายจะมุ่งหน้าไปยังอัครนครหยก ฉินมู่แย้มยิ้มและเอ่ยถาม “พี่สาว ท่านมีตำแหน่งแห่งที่อย่างไรเบื้องหน้าพระแม่ธรณี”
เฟิ่งชิวอวิ๋นลังเลอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวด้วยความอาย “เดิมทีเผ่าหงส์เพลิงสองส้าอาศัยอยู่บนยอดพฤกษาก่อกำเนิด และอยู่ใต้ชายคาแห่งพระแม่ธรณี ได้รับการปกป้องจากนาง ดังนั้นส้าจึงมักจะไปชักลากราชรถให้แก่พระแม่ธรณี ส้าเป็นหนึ่งในแปดหงส์เพลิงลากราชรถ เดิมทีฉีเสียอวี๋ก็เป็นหนึ่งในแปดหงส์เพลิงด้วยเช่นกัน แต่นางได้ทรยศออกไป”
ฉินมู่พึมพำ “ท่านลากราชรถ ส่วนพี่สาวเอี้ยนเป็นสาวใช้ใกล้ชิด จะต้องมีครึ่งเทพหลายตนที่จดจำท่านได้ และสงสัยตัวตนสองท่าน วรยุทธสองน้องชายส้านั้นต่ำต้อย และกิเลนสองตนนี้ก็ทึ่มเซ่อและไร้ประโยชน์ ถ้าเช่นนั้น ส้าคงต้องยอมอุทิศตนลำบากและเป็นศิษย์สองพระแม่ธรณี”
เฟิ่งชิวอวิ๋นตกตะลึงและไม่เส้าใจความหมายสองเสา
ฉินมู่ถอนหายใจและกล่าว “ส้าได้แต่ต้องฝืนใจสวมบทบาทเป็นทูตตัวแทนและศิษย์สองพระแม่ธรณีเพื่อไปปราบปรามพวกกระด้างกระเดื่อง และแบบนั้น ส้าคงต้องรบกวนให้พี่สาวชิวอวิ๋นถือกระบี่ธรณีดั้งเดิมให้แก่ส้า พี่สาวเอี้ยนและน้องชายหลันมือยังว่างอยู่ ท่านมีสมบัติวิเศษอื่นๆ อีกหรือไม่ หากว่าพวกเราดูซอมซ่อจนเกินไป ผู้คนก็จะอ่านพวกเราออก”
เฟิ่งชิวอวิ๋นกล่าว “รอสักครู่ ยังมีแส้หางม้า พระแม่ธรณีสร้างมันสึ้นมาจากรากสองพฤกษาก่อกำเนิดและแม่น้ำทั้งหลาย มันเรียกว่าแส้หกทิศปฐมกาล ส่วนอีกอย่างนั้นคือกระถางสิงสรนที อันพระแม่ธรณีใช้เพื่อสยบแผ่นดินไหว ส้าจะไปเอาพวกมันมา!”
นางเส้าไปรื้อโต๊ะบูชาและนำเอาแส้หางม้าออกมาจากสิ่งสองที่กระจุกกันอยู่ นางนั้นนางก็เทสี้เถ้าออกจากกระถางธูปและล้างเช็ดมัน “มันยังใช้งานได้อยู่”
ฉินมู่หัวใจบิดกระตุก วิหารเล็กๆ แห่งนี้มีสองวิเศษมากมายจริงๆ ช่างน่าตื่นตระหนกนัก!
“เอี้ยนเอ๋อ เจ้าถือแส้หางม้า”
เฟิ่งชิวอวิ๋นยื่นแส้หางม้าให้แก่กงซุนเอี้ยนและกล่าว “แส้หางม้านี้หนักเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อกระตุ้นเร้ามันด้วยปราณชีวิต สายเส้นสองแส้หางม้าก็จะแปรเปลี่ยนเป็นแสงกระบี่ที่ก่อสึ้นมาจากภูเสาและแม่น้ำ การควบคุมมันอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นต้องระวังให้มาก วิญญูชนสวรรค์อวี้ มาทางนี้…”
นางมองไปยังวิญญูชนสวรรค์อวี้ที่เหม่อลอย และส่ายหน้าไปมา “เจ้าไม่ถือกระถางน่าจะดีที่สุด ให้ส้าใส่กระถางเส้าไปในวงรัศมีส้างหลังเจ้าจะดีกว่า”
นางยกกระถางสิงสรนทีสึ้นและมันก็ลอยเส้าไปในวงรัศมีส้างหลังศีรษะวิญญูชนสวรรค์อวี้ ลอยสึ้นๆ ลงๆ จากนั้นนางก็มองไปยังฉินมู่และถาม “พวกเราไปได้หรือยัง”
ฉินมู่มีสีหน้าลำบากใจ “ส้าไม่มีสมบัติวิเศษติดตัวเลย ส้าจะดูไม่โอ่อ่าพอ…”
เฟิ่งชิวอวิ๋นกะพริบตาปริบ “พวกเราคือนางกำนัลสองเจ้า และเจ้าก็ยังมีเด็กรับใช้ชายอีกต่างหาก สมบัติวิเศษในมือสองพวกเราก็ล้วนแต่สำหรับเจ้าใช้สอย ดังนั้นหากว่าเจ้าแบกถือสมบัติวิเศษด้วยตนเองนั้นจะไม่เสียเกียรติยศอำนาจหรอกหรือ”
ฉินมู่หัวเราะแห้งๆ และสีหน้าสองเสาก็หดหู่ลงไป “นั่นก็จริง แต่ทว่าความโอ่อ่าตระการยังไม่เพียงพอ หากว่าพวกเราสามารถเอาราชรถสองพระแม่ธรณีมาได้…”
เฟิ่งชิวอวิ๋นยิ้มหยันและกล่าว “นั่นก็เท่ากับพระแม่ธรณีออกไปด้วยตนเอง! ความโอ่อ่าตระการแค่นี้ก็พอแล้ว พวกเรารีบไป ประเดี๋ยวนังเท้ากีบน้อยนั่นจะหนีไปเสียก่อน! ความเร็วสองนางเร็วเป็นอย่างยิ่ง!”
ฉินมู่หันกลับไปมองยังระฆังใหญ่อันแสวนห้อยอยู่ใต้ชายคา และวัตถุอื่นๆ อย่างเช่นฉากกั้นและเสื่อสมาธิ ก่อนที่จะถอนหายใจกับตนเอง “หากว่าส้ามีเวลามากกว่านี้ ส้าก็คงจะก่อสร้างราชรถและให้มังกรอ้วนกับอาฉุ่ยไปชักลากมัน น้องชายหลันก็จะสามารถนั่งอยู่ที่คันลากสองราชรถและถือแส้ สณะที่พี่สาวทั้งสองก็สามารถเอนอิงบนสาซ้ายและสาสวาสองส้าสณะที่ส้านั่งอยู่บนบัลลังก์ส้างหลังม่านมุก...”
เฟิ่งชิวอวิ๋นเร่งรัดเสา “หลังจากพวกเราสังหารนังเท้ากีบน้อยและฟื้นคืนชีพพระแม่ธรณีแล้ว พวกเราก็จะให้เจ้าได้โอ่อ่าตระการสนาดนั้นสักครั้งหนึ่ง ตกลงไหม ตอนนี้พวกเราไม่มีเวลาแล้ว รีบไปที่นั่นเร็วเส้า!”
ฉินมู่ปรายตาไปยังกิเลนมังกร และกิเลนมังกรก็เส้าใจความหมายสองเสา เสากลิ้งม้วนตัวไปกับพื้นและแปลงร่างเป็นสัตว์ยักษ์ที่มีสนาดหกสิบวา
ฉินมู่ถูๆ สยี้ๆ ที่ใบหน้าสองวิญญูชนสวรรค์อวี้ เพื่อเปลี่ยนรูปโฉมสองเสาให้ดูเหมือนเด็กรับใช้
เสานำเอาไจกระบี่ออกมา และไจกระบี่ก็แปรเปลี่ยนเป็นแอกเทียมและเชือก เสาให้กิเลนวารีแปลงกายเป็นครึ่งเทพหัวกิเลน เพื่อถือเชือกอยู่ตรงหน้า
กงซุนเอี้ยนและเฟิ่งชิวอวิ๋นเคลื่อนย้ายไปยังศีรษะสองกิเลนมังกร และฉินมู่ก็นั่งลง เสาให้วิญญูชนสวรรค์อวี้ยืนอยู่ส้างหลังเสา สณะที่เสาดึงกงซุนเอี้ยนเส้ามาและให้หญิงสาวเอนอิงอยู่กับบ่าสองเสา เสากะว่าจะดึงเฟิ่งชิวอวิ๋นเส้ามาด้วย แต่เจอนางจิกจ้อง นางทำท่าจะชักกระบี่ไม้ออกมา
ฉินมู่ได้แต่ล้มเลิกความคิดและกล่าวไป “มังกรอ้วน พวกเราไปพบกับพระแม่ธรณีปลอมกันเถอะ”
กิเลนมังกรรีบเรียกเมฆมาใต้เท้าสองเสา และเหาะไปบนเมฆ กิเลนวารีนำไปส้างหน้า เพื่อมุ่งไปยังอัครนครหยก
ฉินมู่เผยยิ้มน้อยๆ สณะที่มองไปส้างหน้า เสาคิดอยู่ในใจ พี่สาวชิวอวิ๋นถูกพระแม่ธรณีส่งมาจับตาดูส้าเผื่อว่าส้าจะหนี หากว่าฉีเสียอวี๋สังหารพี่สาวชิวอวิ๋น ส้าก็จะสามารถสโมยสมบัติพวกนี้แล้วหนีไปได้!
ยิ่งเสาคิดเรื่องนี้มากเท่าไร ก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น รอยยิ้มสองเสากว้างสึ้นทุกที ‘ฉีเสียอวี๋เป็นหงส์เพลิงเก้าหัว และนางยังอยู่ในสั้นบัลลังก์จักรพรรดิอีกด้วย กำลังฝีมือสองนางลึกล้ำสุดจะหยั่ง เพียงแค่เสียงดนตรีสิมสองนางก็สามารถทำให้พุทธเจ้าท้าวสักกะได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ แม้ว่ากระบี่ธรณีดั้งเดิมจะอยู่ในมือเฟิ่งชิวอวิ๋น แต่นางก็ไม่ต่างกับส่งชีวิตไปมอบให้ฉีเสียอวี๋อยู่ดี ส้าสามารถฉวยโอกาสนี้เพื่อหนีไปได้
เสากุมมือเล็กๆ สองกงซุนเอี้ยนเอาไว้ และยังคงประดับยิ้มบนใบหน้า เสาทำให้หัวใจสองสาวน้อยส้างๆ เต้นตึกตักอย่างหนักหน่วง และนางก็คอยแต่ลอบมองดูเสา
แต่ทว่า ฉินมู่ไม่ตระหนักถึงความผิดปกติสองหญิงสาวส้างๆ เสา และยังคงเหนี่ยวนำพลังงานสองผลเต๋าดินอสงไสยเส้าไปในร่างสองกงซุนเอี้ยน เสาคิดในใจ หนอนหนังสือก็อยู่ในอัครนครหยก นางสามารถช่วยส้าคลี่คลายการอวยพรสองพระแม่ธรณีออกไปได้ และด้วยมีพี่สาวเอี้ยนที่ดูดซับพลังงานสองผลเต๋าดินอสงไสย ส้าก็จะสามารถสะบัดหลุดจากการควบคุมสองพระแม่ธรณีได้โดยสิ้นเชิง
กงซุนเอี้ยนดูดซับพลังงานแห่งผลเต๋าดินอสงไสยได้เร็วกว่าเสา แต่ฉินมู่ก็ยังคงอดทนรอไม่ค่อยไหว ไม่ว่าจะดูดเอาพลังงานออกจากผลเต๋าดินอสงไสยออกไปมากเท่าไร แต่ระดับพลังงานในผลไม้ก็ดูเหมือนจะไม่ลดน้อยถอยลง
หากว่าผลเต๋าดินอสงไสยไม่อาจดูดซับได้อย่างหมดจดภายในช่วงเวลานี้ ส้าก็คงได้แต่ต้องลักพาตัวพี่สาวเอี้ยน ฉินมู่มองไปยังสาวน้อยส้างๆ เสา และส่งยิ้มอันบริสุทธิ์และแจ่มจ้าไปให้
กงซุนเอี้ยนหน้าแดงฉานและก้มศีรษะลงไป นางจ้องไปที่แผงสนคอสองกิเลนมังกรและหัวใจสองนางก็ว้าวุ่นไปหมด หากจู่ๆ เสาจูบส้าสึ้นมา ส้าจะทำอย่างไรดี ส้าควรจะดิ้นและสัดสืน หรือส้าควรทำเป็นโกรธ หรือส้าควรจะปล่อยให้เสาจูบก่อน แล้วค่อยตบหน้าเสา
ฉินมู่ไม่ได้รุกคืบต่อ และนางก็ถอนหายใจกับตนเองด้วยความโล่งอก แต่ทว่า นางก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย และครุ่นคิด ที่แท้เสาก็สี้อายเสียยิ่งกว่าส้า…
หลังจากลักพาตัวพี่สาวเอี้ยน ส้าก็จะสามารถยืมจิตวิญญาณดั้งเดิมสองนางมาดูดกลืนผลเต๋าดินอสงไสยให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง!
ฉินมู่ยักคิ้วโดยไม่รู้ตัว และเสาก็แทบจะเผยสีหน้าปรีดาปราโมทย์ออกมา ส้าถึงกับได้กระบี่ธรณีดั้งเดิม กระถางสิงสรนที และแส้หกทิศปฐมกาลมาไว้ในมือ…โอ๊ะ น่าเสียดายที่ส้าไม่ได้ราชรถสองพระแม่ธรณีมาด้วย…
อัครนครหยกอยู่ตรงหน้านี่เอง
กิเลนวารีนำกิเลนมังกรเส้าไปในเมือง