ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 790 เต๋าหนึ่ง
พันธมิตรสวรรค์อันเต็มไปด้วยพวกกบฏและคนทรยศ? ฉินมู่ฉงนฉงายลึกๆ อยู่ข้างใน
พระแม่ธรณีเคยกล่าวว่าผู้ที่สังหารนางคือพันธมิตรสวรรค์ วิญญาณดินของนางได้หลบหนีไปซ่อนอยู่ในรากไม้
พระแม่ธรณียังได้เผยข้อมูลอีกชิ้นหนึ่ง และนั่นคือหลังจากที่พันธมิตรสวรรค์สังหารนางไป พวกเขาก็ได้ตัดโค่นพฤกษาก่อกำเนิดของนาง
จากข้อมูลทั้งสองชิ้นนี้ ฉินมู่สามารถสันนิษฐานได้ว่าพฤกษาก่อกำเนิดได้ตกไปอยู่ในมือของพันธมิตรสวรรค์ พระแม่ธรณีอีกตนมีแต่จะก่อกำเนิดขึ้นมาจากพฤกษาก่อกำเนิดนั้นด้วยฝีมือของผู้มีความสามารถในพันธมิตรสวรรค์ ซึ่งใช้วิชาพิสดารมหัศจรรย์อันพัฒนาขึ้นมาจากสุบินย่างกรายสู่เต๋าของพุทธเจ้าพรหม
กระนั้นเด็กสาวนามเอี้ยนชี่หลิงผู้นี้ก็ถึงกับกล่าวว่านางมิได้มาจากพันธมิตรสวรรค์!
หากว่านางไม่ได้มาจากพันธมิตรสวรรค์ งั้นพระแม่ธรณีอีกตนก็มิได้ถูกเพาะขึ้นมาโดยพันธมิตรสวรรค์ แต่เป็นบุคคลอื่น!
ตอนนี้ มันแปลกมากแล้วจริงๆ!
หรือว่าผู้ที่สังหารพระแม่ธรณีเมื่อครั้งกระโน้นจะไม่ใช่พันธมิตรสวรรค์
หรือจะเป็นว่า หลังจากที่พันธมิตรสวรรค์สังหารนาง ใครบางคนก็ได้แย่งชิงพฤกษาก่อกำเนิดไปจากมือของพันธมิตรสวรรค์ เพื่อเพาะพระแม่ธรณีอีกตนขึ้นมา ฉินมู่พิศวง
ในเมื่อพันธมิตรสวรรค์สามารถสังหารพระแม่ธรณีได้ พวกเขาก็ย่อมมีฝีมือความสามารถอันเหนือธรรมดา งั้นใครกันที่สามารถแย่งชิงพฤกษาก่อกำเนิดไปจากพวกเขาได้
ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็สามารถเสาะหาเบาะแสจากเด็กสาวชื่อเอี้ยนชึ่หลิงผู้นี้!
ฉินมู่เงยศีรษะขึ้นมองไปยังยอดเขาเอียง และสำหรับเขาแล้ว ทันทีที่เอี้ยนชี่หลิงเผยทักษะเทวะที่เชี่ยวชาญที่สุดของนางออกมา นางก็จะหลงเหลือร่องรอยที่เขาสามารถใช้เสาะหาผู้ชักใยบงการเบื้องหลังได้!
เอี้ยนชี่หลิงเดินลงมาจากภูเขาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้าวลัทธิฉินไม่จำเป็นต้องนั่งคาดเดาว่าข้าจะมาจากที่ไหน ไม่ว่าเจ้าจะชาญฉลาดสักเพียงใด เจ้าก็คาดเดารากเหง้าของข้าไม่ถูกหรอก ยังมีอีกเรื่องหนึ่งนอกเหนือจากการพบปะกับเจ้า ก็คือการพาตัวคนผู้หนึ่งไป”
ประกายแสงในดวงตาของฉินมู่พลันถูกงำซ่อนเร้น และเขาถามอย่างชืดชา “นำตัวใครไป”
สายตาของเอี้ยนชี่หลิงพลันเคลื่อนจากใบหน้าของเขาไปยังใบหน้าของกงซุนเอี้ยน ก่อนที่จะไปหยุดตรงวิญญูชนสวรรค์อวี้
“หลันอวี้เถียน วิญญูชนสวรรค์อวี้”
นางหัวเราะนุ่มนวล “วิญญูชนสวรรค์อวี้ติดตามเจ้าไปก็ไม่มีอนาคต เจ้ามีแต่จะทำลายพรสวรรค์ของเขา แต่ทว่า หากเขาติดตามข้า ข้าจะสามารถหาอาจารย์ที่ดีที่สุดให้แก่เขา เพื่อปลุกเปิดศักยภาพของเขาได้! ในอนาคต เขาจะต้องเปล่งประกายเจิดจรัสเป็นแน่!”
นางดูงดงามเป็นอย่างยิ่ง สะคราญโฉมไม่แพ้ยายเฒ่าซีและตี้อี้เยว่ นางเหมือนกับเทพนารีที่ร่วงหล่นลงมายังโลกมนุษย์ กระนั้นฉินมู่ก็ยังคงเมินเฉยนาง แสงเทวะในดวงตาของเขาเมื่อครู่ถูกเก็บงำไป และบัดนี้แม้แต่รัศมีในร่างของเขาก็เริ่มจะซ่อนเร้น
กิเลนมังกรบิดเกล็ดมังกรของเขาไปมาด้วยความวิตก และก้าวถอยหลังไปสองก้าว
สัตว์เลี้ยงรู้ใจเจ้าของดีที่สุด กิเลนมังกรรู้จักฉินมู่เป็นอย่างดี ยิ่งฉินมู่งำประกายและรัศมีมากเท่าไร ก็ยิ่งมีจิตสังหารเข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น
เด็กสาวสะคราญโฉมผู้นี้ได้แตะต้องข้อถือสาของฉินมู่ และทำให้ความคิดเข่นฆ่าของเขาเบ่งบาน
ฉินมู่ที่งำประกายเหมือนกับสัตว์ร้ายอันกำลังจ้องมองเหยื่อ เขาสามารถระเบิดออกไปคร่าชีวิตได้ทุกขณะ
“เจ้ารู้เรื่องราวมากมาย”
น้ำเสียงของฉินมู่แห้งแล้ง “หลายอย่างที่เจ้าไม่ควรรู้ด้วยวัยของเจ้า นี่ทำให้ข้ายิ่งสงสัยมากขึ้นทุกทีว่าเจ้ามาจากที่ไหน”
เอี้ยนชี่หลิงยกมือขึ้นลูบไล้ปอยผมที่ตกลงมาจากข้างหน้าผากของนาง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะเอาชนะเจ้า และนำตัววิญญูชนสวรรค์อวี้จากไป แบบนี้เป็นอย่างไร”
“วิญญูชนสวรรค์อวี้มิใช่วัตถุสิ่งของ เขาคือบุคคลที่ข้านับถือเป็นที่สุด”
น้ำเสียงของฉินมู่ดุดันมากขึ้น “ใครบางคนปล่อยเขาไว้ในการดูแลของข้า และแม้ว่าจะไม่มีการฝากฝังนี้ ข้าก็ไม่อดทนต่อผู้ใดที่คิดจะใช้เขาเป็นเครื่องมือ ถือเขาเป็นวัตถุสิ่งของ”
เอี้ยนชี่หลิงมองไปที่เขาและเอียงศีรษะของนางครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “เจ้าดูเหมือนจะมีปัญหาใหญ่ เจ้าดูไม่เหมือนเป็นเพียงจ้าวลัทธิฉินแห่งสันตินิรันดร์ หากว่าเจ้าเป็นเพียงจ้าวลัทธิฉิน เจ้าก็จะไม่มีความรู้สึกเช่นนี้ต่อวิญญูชนสวรรค์อวี้”
ฉินมู่กล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย “มังกรอ้วน พาพวกเขาออกจากที่นี่ไปให้ไกล”
กิเลนมังกรรู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอกและรีบพากงซุนเอี้ยน วิญญูชนสวรรค์อวี้ และกิเลนวารีวิ่งออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ เขากล่าวด้วยเสียงเบา “จ้าวลัทธิกำลังมีโทสะ พวกเรารีบออกจากที่นี่ไปเร็วๆ เถอะ จะได้ไม่โดนลูกหลงจากเขา”
กงซุนเอี้ยนถามด้วยความสงสัย “หากว่าพวกเรากลุ้มรุมโจมตีศิษย์ของพระแม่ธรณีปลอมผู้นี้ ไม่ใช่ว่าจะสามารถเอาชนะนางได้หรอกหรือ ทำไมพวกเราต้องจากไปด้วยล่ะ”
กิเลนมังกรกล่าวด้วยเสียงแผ่ว “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่ามีหญิงคนอื่นๆ อีกรอบเด็กสาวหน้ายิ้มคนนี้”
กงซุนเอี้ยนอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางถึงตระหนักขึ้นมา หญิงเหล่านั้นที่กิเลนมังกรพูดถึง คือสาวใช้นางกำนัลทั้งหลายข้างกายเอี้ยนชี่หลิง
กิเลนมังกรกล่าว “กำลังฝีมือของสาวใช้พวกนั้นอาจจะไม่ด้อยไปกว่าเฟิ่งชิวอวิ๋น ไม่อย่างนั้นเอี้ยนชี่หลิงจะรอดชีวิตมาจนถึงที่นี่ได้อย่างไร นางก็คงจะถูกบดขยี้เป็นชิ้นๆ จากทักษะเทวะของพระแม่ธรณีทั้งสองไปแล้ว หญิงเหล่านั้นน่าจะอยู่ไม่ไกล หากว่าพวกเราบุกเข้าไปพร้อมๆ กัน พวกนางจะนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร หากว่าเราสู้กันเป็นกลุ่ม พวกเราก็ไม่มีทางเอาชนะพวกนางได้แน่นอน เจตนาของเจ้าลัทธินั้นก็คือให้พวกเรารีบหนีไปจากที่นี่โดยไม่ต้องรอเขา!”
กิเลนวารีกล่าว “แต่เขาบอกพวกเราให้ออกไปไกลๆ แต่ไม่ได้บอกให้หนี”
กิเลนมังกรยิ้มหยันและกล่าว “จ้าวไม่รู้ความคิดของจ้าวลัทธิหรอก สาเหตุที่เขากล่าวเช่นนั้นเพื่อคลายการระวังป้องกันของพวกสาวใช้ เพื่อว่าพวกนางจะได้ไม่รู้ว่าพวกเราฉวยโอกาสนี้เพื่อเล็ดลอดหนีไป เมื่อพวกนางสำเหนียกขึ้นมา พวกเราก็จะเผ่นไปนานแล้ว สาเหตุที่จ้าวลัทธิทำเช่นนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของเจ้านายของเจ้า”
วิญญูชนสวรรค์อวี้ถามด้วยความวิตก “ถ้าอย่างนั้น พี่ชายของข้าจะอยู่ในอันตรายไหม”
“แน่นอนว่าต้องมีอันตราย แต่พวกเราไม่ต้องไปสงสัยการตัดสินใจของเขา”
กิเลนมังกรกล่าวอย่างรวดเร็ว “ผู้ที่อยู่ในอันตรายตอนนี้คือเด็กสาวคนนั้นต่างหาก จิตสังหารของจ้าวลัทธิถูกปลุกขึ้นมาแล้ว”
กงซุนเอี้ยนโพล่งออกมาด้วยความตระหนก “น้องสาวผู้นั้นดูสะสวยขนาดนี้ เขาจะหักใจปลิดชีวิตนางได้หรือ”
กิเลนมังกรพาพวกเขาออกไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็วและกล่าว “ในสายตาของจ้าวลัทธิ นางไม่สะสวยเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาย่อมหักใจอำมหิตได้อย่างแน่นอน”
กงซุนเอี้ยนกล่าวอย่างจริงจัง “แต่นางสวยน่ารักจริงๆ นะ แม้แต่ข้ายังรู้สึกด้อยกว่าเลย”
กิเลนมังกรขุดภูเขาเหล่านั้นที่ล้มลงระเนระนาดเป็นแง่มุมอันแตกต่างกันไปเพื่อซ่อนร่างกายของเขา เขาส่ายหัวและกล่าว “หน้าอกนางเล็กเกินไป จ้าวลัทธิไม่คิดว่าเด็กสาวหน้าอกเล็กจะสะสวยอะไร”
กงซุนเอี้ยนเบิกตากว้าง และนางก้มลงมอง จับกำผ่านเสื้อผ้าตนเอง สายตาของนางเผยสีหน้าผิดหวัง
ภายใต้ยอดเขาเอียง รัศมีของฉินมู่มั่นคงและไม่รั่วไหลออกมาแม้แต่น้อย ไม่มีปราณและโลหิตที่รั่วไหลออกมาด้วยเช่นกัน ทุกอย่างมีแต่สงบราบเรียบ
ดวงตาของเอี้ยนชี่หลิงกะพริบ และนางไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ฉินมู่ก็กลายเป็นธรรมดาสามัญ ราวกับว่าเขากลายเป็นคนทั่วไปไร้วรยุทธ
ทันใดนั้น นางก็ตระหนักขึ้นมา งำประกายไร้ที่ติ! นี่คือมรรคาบู๊!
เพียงแค่นางคิดมาถึงตรงนี้ เสียงระเบิดกึกก้องก็ดังข้างๆ หูนาง ฉินมู่เคลื่อนไหวร้อยห้าสิบวาภายในก้าวเดียวและมาถึงเบื้องหน้า
อากาศระหว่างพวกเขาถูกบีบอัดจนเป็นก้อนสสาร และแตกกระจายออกไปเหมือนผนังแก้ว ข้างหลังผนังอากาศอันแตกหักนั้นคือใบหน้าของฉินมู่ที่ยังคงนิ่มสงบเหมือนบ่อน้ำเก่าแก่ ไร้อารมณ์ใดๆ
เอี้ยนชี่หลิงตื่นตระหนกและตีลังกากลับหลังอย่างสง่างาม เคลื่อนไหวดิ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า นางไปยังยอดเขาเอียงและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเป็นศิษย์พระแม่ธรณีมิใช่หรือ ทำไมเจ้าถึงใช้ทักษะเทวะแห่งมรรคาบู๊ล่ะ”
ขณะที่นางเหยียบลงไปบนยอดเขาเอียงนั่นเอง นางรู้สึกอุ่นวาบมาที่ข้างหลัง ฉินมู่มาอยู่ข้างหลังนางแล้ว เข้าประชิดติดแผ่นหลัง เขามาถึงยอดเขาในเวลาเดียวกันกับนาง!
“ท่าไม้ตายสังหารในมรรคาบู๊!”
เอี้ยนชี่หลิงหัวเราะเบาๆ และรังสีเทวะสนามแม่เหล็กของนางก็สาดส่องออกมา ก่อขึ้นเป็นมีดเทวะสนามแม่เหล็กสองเล่ม
ฉินมู่เคลื่อนไหวด้วยท่าเท้าอันเพริศแพร้วพิสดาร และแสงเย็นเยียบของกระบี่ในมือเขาก็ฉายประกายออกมาเมื่อเขาแทงกระบี่แล้วกระบี่เล่าเข้าไปยังความว่างเปล่า
ขณะที่เขาเคลื่อนไหวไปเอี้ยนชี่หลิงก็กริ่งเกรงจะเผยตำแหน่งหัวใจให้แก่เขา ดังนั้นนางจึงขยับไปด้วยเช่นกัน และจุดว่างเปล่าที่ฉินมู่แทงไป ก็คือตำแหน่งที่นางจะขยับเขยื้อนร่างกายอย่างเหมาะเหม็ง
เคร้ง เคร้ง เคร้ง เสียงปะทะกันรัวเป็นตับดังมาเมื่อมีดเทวะสนามแม่เหล็กของนางร่ายรำขึ้นๆ ลงๆ ทุกครั้ง นางสามารถป้องกันแสงกระบี่ที่พุ่งมาได้อย่างแม่นยำและสะท้อนพวกมันกลับไป
กระบี่ในมือฉินมู่พลันแยกจากหนึ่งเป็นสอง และจากสองเป็นสี่ ในชั่วพริบตา มันได้แปรเปลี่ยนเป็นกระบี่บินหลายพันเล่มที่ห้อมล้อมทั้งคู่
เขาเหมือนกับเทพเจ้าพันกรที่กำลังสับเปลี่ยนกระบี่ไปมาอย่างไม่หยุดยั้ง และกระบี่บินในอากาศก็โจมตีเอี้ยนชี่หลิงจากแง่มุมอันแตกต่างกัน กรบวนท่ากระบี่ถูกขับเคลื่อนออกไปโดยกระบี่บินแต่ละเล่มอันไม่มีเล่มไหนร่ายรำซ้ำท่า
เอี้ยนชี่หลิงเหวี่ยงมีดของนาง และมีดเทวะมากมายก็โบยบินออกมาจากมีดเทวะสนามแม่เหล็กเพื่อเข้าไปปะทะกับกระบี่บินทั้งหลายในอากาศ
ยอดเขาเอียงเอนยอดนี้มีพื้นที่เพียงไม่กี่ไร่ ชายหนุ่มและเด็กสาวเคลื่อนไหวไปมารอบๆ ยอดเขาอย่างงดงามราวกับผีเสื้อกระพือปีกด้วยความมืดและแสงสว่างที่ปะทะกันและกันรอบๆ ตัวพวกเขา แต่ละท่วงท่าล้วนแต่อันตรายอย่างสุดแสน
เขาปลดปล่อยท่าไม้ตายพิฆาตแห่งสำนักวิชาบู๊ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ และแม้ว่ามันจะอันตรายหวาดเสียว แต่ก็มีความงามที่ไม่ธรรมดา
ทันใดนั้น ร่างกายของทั้งสองคนก็แยกจากกัน และฉินมู่หันหลังกลับ ในมือเขาไม่มีกระบี่บินอีกต่อไป และเขาก็ซัดไปข้างหน้าด้วยฝ่ามือทั้งสอง อักษรรูนสนามแม่เหล็กจำนวนนับไม่ถ้วนหมุนวนรอบๆ ฝ่ามือเขา รังสีเทวะสนามแม่เหล็กพวยพุ่งออกไป!
อักษรรูนนับไม่ถ้วนแปรเปลี่ยนเป็นดาราจักรที่มีดวงดาวนับพันล้าน รังสีเทวะสนามแม่เหล็กเชี่ยวกรากระหว่างดวงดาวและดวงดาว และนั่นคือทักษะเทวะของยายเฒ่าซี อันเขาเรียนรู้มันมาเพียงมองเห็นแค่ครั้งเดียว!
ยายเฒ่าซีใช้ทักษะเทวะชนิดนี้เพื่อเข้าไปแตะต้องกับจุดสำคัญในการคลายผนึกแดนก่อกำเนิด นี่เป็นผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ในฟ้าและดิน ทำให้แดนก่อกำเนิดผุดโผล่กลับมาบนพื้นผิวอีกครั้ง!
ทักษะเทวะเป็นมหาทักษะเทวะจากยายเฒ่าซี ที่ไล่ตามมรรคาเต๋าแห่งสนามแม่เหล็ก เมื่อฉินมู่ขับเคลื่อนมันออกไป พลังสนามแม่เหล็กอันน่าสะพรึงกลัวไร้เปรียบปานก็กดทับลงไปบนทุกสิ่งทุกอย่าง ยอดเขาเอียงได้รับเคราะห์ไปเต็มๆ จากแรงกดทับอันเกินจินตนาการ และจมต่ำลงไปในดินเรื่อยๆ
เอี้ยนชี่หลิงหันกลับไปในเวลาเดียวกันและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เต๋าสิบสองแห่งพระแม่ธรณี!”
นางผลักออกไปด้วยฝ่ามือทั้งสอง ระเบิดทักษะเทวะสนามแม่เหล็ก!
เด็กสาวผู้นี้ถึงกับปะทะกันซึ่งๆ หน้ากับฉินมู่!
ทั้งสองคนวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว และปะทะเข้าด้วยกัน เมื่อฝ่ามือของพวกเขากระแทกใส่กันและกัน สนามแม่เหล็กก็แปรเปลี่ยนเป็นแสงที่สาดส่องออกจากฝ่ามือของพวกเขา ด้วยเสียงหวีดหวิว ยอดเขาเอียงก็ถูกตัดสะบั้น!
ยอดเขาอีกครึ่งหนึ่งใต้เท้าของพวกเขาถูกกระแทกให้จมลงไปในดินอย่างดุดัน!
เส้นผมของฉินมู่ลอยชี้ชันขึ้นไปบนอากาศ เขากู่ร้องด้วยความเดือดดาล ทันใดนั้น ปราณและโลหิตจากข้างหลังเขาก็โถมทะลักออกมา และมันก็เหมือนกับทะเลโลหิตมาปรากฏข้างหลังเขา ปราณและโลหิตของเขาทวีคูณขึ้นไปพันเท่าในพริบตา
“เต๋าหนึ่งแห่งมหาจักรพรรดิมรรคาบู๊!”
เอี้ยนชี่หลิงตื่นตระหนก หญิงผู้นั้นไม่อาจตอบสนองได้อย่างทันท่วงที ฉินมู่รั้งฝ่ามือกลับมาและแปรเปลี่ยนเป็นกำปั้นที่ซัดต่อยนาง ทะเลปราณและโลหิตข้างหลังเขาระเบิดและแปรเปลี่ยนเป็นพลังชีวิตอันโถมซัดไปข้างหน้า!
เอี้ยนชี่หลิงครางกระอักเมื่อนางกระเด็นถอยกลับไป บนท้องฟ้า รูปเงาจำนวนนับไม่ถ้วนของฉินมู่ก็ปรากฏขึ้น และในเสี้ยววินาทีถัดจากนั้น ทุกรูปเงาของฉินมู่ก็โจมตีนางด้วยทักษะเทวะมรรคาบู๊ไม่ซ้ำรูปแบบ!
ตูม
ที่เชิงภูเขาอันยิ่งใหญ่อีกลูก ปรากฏรูโบ๋รูปร่างมนุษย์ และรอยฝ่ามือมหึมาก็ปรากฏเหนือรูโบ๋รูมนุษย์นี้ ทำให้มันสะท้านหวั่นไหวซ้ำๆ
ร่างของฉินมู่ปรากฏที่หน้ารูดังกล่าว และยกนิ้วขึ้นไปแตะที่หว่างคิ้วของเขา กระบี่บินจำนวนนับไม่ถ้วนพรั่งพรูออกมา และรวบรวมกันเป็นไจกระบี่ตรงหน้า
นิ้วกระบี่ของฉินมู่แทงออกไป และแสงกระบี่ก็ยืดยาวออกเป็นสิบลี้ แทงทะลุรูโบ๋ในภูเขา ยิงออกไปอีกด้านหนึ่ง
เสากระบี่อันเจิดจ้าเหมือนกับเสาแสงอันบาดตาจนสุดขีดขั้ว!
“เต๋าหนึ่งแห่งมรรคากระบี่!”
เสียงของเอี้ยนชี่หลิงดังมาจากอีกฟากของภูเขา
ม่านตาของฉินมู่หรี่แคบและเปิดใบหลิวออกมา ดวงตาที่สามของเขาลืมเปิด และลำแสงหนึ่งก็ยิงออกมาจากในนั้น ลำแสงนี้ติดตามไปข้างหลังแสงกระบี่อย่างเร็วรี่!ในเวลาเดียวกัน เขาก็ผนึกมือเป็นมุทราและซัดออกไป แท่งผลึกไฟสวรรค์แพร่กระจายออกไปทุกทิศทุกทางเพื่อถล่มเข้าใส่เอี้ยนชี่หลิง ผู้ซึ่งอยู่อีกฟากของภูเขา
“เต๋ายิ่งใหญ่ยี่สิบสามแห่งแดนใต้พิภพ เต๋ายิ่งใหญ่สองแห่งแดนปริศนา!”
ท่ามกลางเสียงครืนครันกัมปนาท เสียงของเอี้ยนชี่หลิงดังก้องกังวาน “จ้าวลัทธิ ทักษะเทวะของเจ้าเหนือธรรมดาจริงๆ! ถ้าอย่างนั้น เจ้าเคยเห็นเต๋าหนึ่งหรือไม่”