ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - บทที่ 135 สูญเสียการควบคุมตัว
เมื่อหลินชิงเวยวิ่งเข้าไปถึงตำหนักบรรทมของเซียวจิ่น เสียงเหมือนสิ่งของตกแตกบนพื้นดังก้องมาจากข้างใน
นางยืนหอบหายใจอยู่หน้าประตูก็ได้ยินเซียวจิ่นร้องดังลั่น “เสด็จอาโปรดยั้งมือด้วย!”
หลินชิงเวยจับจ้องสายตามองไปเห็นร่างเล็กบอบบางของซินหรูถูกฝ่ามือของเซียวเยี่ยนซัดจนร่วงหล่นลงไปบนพื้น ซินหรูดิ้นรนอยู่บนพื้นกำลังพยายามที่จะลุกขึ้นมา ดวงตาทั้งคู่ของนางแดงก่ำสูญสิ้นสติสัมปชัญญะอย่างสิ้นเชิง ในดวงตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นอาฆาตจ้องเซียวจิ่นเขม็ง
เซียวจิ่นถาม “ซินหรู เจ้าเป็นอะไรไป…”
ซินหรูเหมือนสัตว์ร้ายตัวเล็กๆ นาทีถัดมานางคลานลุกขึ้นมายืนอย่างไม่ใส่ใจต่อความเจ็บปวดบนร่างกาย หันกลับมากระโจนใส่เซียวจิ่นที่อยู่บนเตียงอย่างบ้าคลั่ง
ทว่าเซียวเยี่ยนมีหรือจะปล่อยให้นางมีโอกาสทำเช่นนั้นได้ เมื่อเห็นนางยังไม่สำนึกผิดและปรับปรุงตัว สีหน้าของเขาจึงเยียบเย็นลงดวงตาทั้งคู่ของเขาพลันปรากฏให้เห็นรังสีสังหาร เซียวเยี่ยนเคลื่อนไหวร่างกายเพียงชั่วขณะก็ไปปรากฏตัวเบื้องหน้าซินหรู กำลังคิดจะซัดฝ่ามือลงกลางหน้าผากนาง
หลินชิงเวยร้องตะโกนเสียงหลง “เซียวเยี่ยน!”
ร่างของเซียวเยี่ยนชะงักกึก ท่วงท่าของเขาจึงพลันหยุดชะงักไปด้วย หางตาของเขาเห็นเงาร่างของผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยความร้อนใจ
แต่ซินหรูไม่ได้ยินอะไรและไม่รู้จักผู้ใดทั้งสิ้น นางกลับฉวยโอกาสนี้ยื่นมือมาจับมือของเซียวเยี่ยน เล็บมือของนางข่วนลงบนมือของเซียวเยี่ยนเต็มแรงทิ้งรอยไว้บนมือของเขาสามสายทันที
เซียวเยี่ยนตอบโต้ด้วยการพลิกมือไปกุมลำคอของซินหรูตามสัญชาตญาณ ร่างของซินหรูลอยขึ้นกลางอากาศอย่างง่ายดาย ซินหรูทางหนึ่งดิ้นรนจับมือของเซียวเยี่ยน อีกทางหนึ่งส่งเสียงร้องแปลกประหลาดออกจากลำคอ
หลินชิงเวยพูดอย่างตระหนกตกใจ “เซียวเยี่ยน ท่านรีบปล่อยนาง! นางจะต้องถูกหนอนกู่ควบคุมเอาไว้แล้วเป็นแน่!”
เซียวเยี่ยนได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าเย็นชาของเขาเกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ขณะที่มือของเขาบีบคอของซินหรู มือของซินหรูจับมือของเซียวเยี่ยน หนอนเส้นด้ายสีขาวจึงชอนไชเข้าไปในบาดแผลบนมือของเซียวเยี่ยนอย่างไร้สุ้มเสียงโดยที่เซียวเยี่ยนไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย
ซินหรูเกือบจะหมดลมหายใจอยู่แล้ว นางเบิกตาแดงค่ำทั้งคู่หันหน้าไปมองหลินชิงเวย ราวกับนาทีนั้นความคลุ้มคลั่งและเรี่ยวแรงมหาศาลของนางดำเนินมาถึงที่สุด สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือผู้บริสุทธิ์และความน่าสงสาร นางอ้าปากร้องเรียก “พี่…พี่สาว…”
หลินชิงเวยร้องตะโกนอย่างเลือดขึ้นหน้า “เซียวเยี่ยน ท่านปล่อยมือนะ!”
สุดท้ายเซียวเยี่ยนยังคงปล่อยมือจากซินหรู ซินหรูจึงตกลงบนพื้นอย่างสิ้นแรง หลินชิงเวยรีบวิ่งเข้าไปทันที นางไม่มีเวลามาใส่ใจอีกแล้วว่าซินหรูถูกหนอนกู่ควบคุมหรือไม่ และไม่มีเวลามาคำนึงว่าเมื่อนางใกล้ชิดซินหรูจะถูกหนอนกู่แพร่พิษให้ด้วยหรือไม่ นางกอดซินหรูเข้ามาในอกด้วยมือสั่นสะท้านทั้งคู่ ปลายนิ้วเย็นเยียบนั้นแตะลงบนใบหน้าของซินหรู รับรู้ได้ถึงชีพจรของซินหรูที่กำลังเต้นอยู่และค่อยๆ แผ่วลง
หลินชิงเวยสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง นางกลัว นางกลัวว่าซินหรูจะเป็นเช่นปี้หลิง ต่อให้ตายไปแล้วไม่มีความรู้สึกรู้สา ทว่ายังคงเดินเหินไปมาอย่างอิสระ
ชัดเจนยิ่งนักว่าซินหรูยังมีชีวิตอยู่ แม้จะได้รับพิษหนอนกู่แต่ยังมีชีวิตอยู่ ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ย่อมมีความหวัง
สีหน้าของซินหรูซีดขาวจนน่ากลัว กลิ่นอายมรณะเข้าครอบคลุมร่างของนาง
นางดูเหมือนจะได้สติคืนมาในชั่วระยะเวลาสั้นๆ กระบอกตายังคงแดงก่ำ ดวงตาของนางฉาบไปด้วยน้ำบางๆ ชั้นหนึ่ง มือของนางจับหน้าอก “พี่สาว…ข้าเจ็บเหลือเกินเจ้าค่ะ…”
หลินชิงเวยรู้สึกว่าตนเองช่วยอะไรไม่ได้เป็นครั้งแรก “อย่ากลัว ไม่ต้องกลัว จะไม่เป็นไร…พี่สาวจะต้องรักษาเจ้าจนหายแน่ๆ…” แต่นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรักษาอย่างไร
ต้องโทษนางที่ไม่มีเวลาศึกษาหนอนชนิดนี้ นางหาวิธีควบคุมมันไม่ได้ นางไม่รู้ควรทำอย่างไร ชั่วขณะที่หลินชิงเวยกะพริบตานางเห็นเลือดสีดำคล้ำไหลออกมาจากจมูกของซินหรูเหมือนเช่นจ้าวเฟยในวันนั้น
หลินชิงเวยค้นหาขวดยาที่นางมักจะพกติดตัวเสมอออกมาเทยาถอนพิษทั้งหมดออกมาใส่ฝ่ามือแล้วรีบให้ซินหรูกินลงไป
“เด็กดี กินลงไป กินลงไปก็จะไม่เป็นไรแล้ว…”
ซินหรูเชื่อฟังอย่างยิ่ง นางกลืนยาถอนพิษหนึ่งกำมือที่หลินชิงเวยยื่นมาให้ลงคอ
หลินชิงเวยหยิบเข็มเงินออกมาฝังเข็มให้ซินหรู ยิ่งตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติหลินชิงเวยยิ่งมีสมาธิด้วยการฝึกฝนในอาชีพของนาง มือของนางทำงานได้ว่องไวกว่าในยามปกติ นางฝังเข็มลงบนจุดชีพจรใหญ่ของซินหรูอย่างแม่นยำ
ต่อให้ซินหรูมีใจคิดสังหารเซียวจิ่น ทว่าเซียวจิ่นกลับไม่กล่าวโทษนางแม้แต่น้อย เขาถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “ชิงเวย ซินหรูนางเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลินชิงเวยไม่มีเวลาตอบคำถาม
เซียวเยี่ยนหันกายเดินเข้าไปหาเซียวจิ่น เขาเดินไปไม่กี่ก้าวในสมองเขาเห็นเพียงความว่างเปล่า ท่ามกลางความว่างเปล่านั้นดวงตาเรียวยาวรูปหงส์ที่มักจะเย็นชาเสมอค่อยๆ ปรากฏสีแดงขึ้น
ยามนี้ในห้องๆ หนึ่ง สตรีในอาภรณ์สีแดงกำลังนั่งอย่างสงบอยู่หน้าโต๊ะตัวหนึ่ง กระโปรงสีแดงนั้นนั้นแผ่คลุมตัวลงบนตั่งเป็นภาพที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ กลิ่นหอมจากเครื่องหอมฟุ้งกำจายทั่วห้อง ภายในกระถางธูปรูปสัตว์ปรากฏให้เห็นควันสีเขียวลอยตัวขึ้นมาครอบคลุมใบหน้างดงามของหญิงสาวประดุจความจริงและความฝัน
ดวงตาคมซึ้งของนางลืมขึ้นฉับพลัน ในแววตาของนางราวกับกระแสน้ำที่กำลังไหลวน ริมฝีปากของนางเปิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อพูดเสียงเบาว่า “สังหารเขาซะ”
ขณะเดียวกันเซียวเยี่ยนหยุดชะงักย่างก้าว สายตาของเขาค่อยๆ ตกลงบนร่างของเซียวจิ่น แววตาของเขาเปลี่ยนไปชั่วพริบตา แปรเปลี่ยนเป็นคมปลาบ ไม่มีความอบอุ่นอ่อนโยน ซ้ำยังเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายสังหาร
“เสด็จอา เสด็จอาท่านเป็นอะไรไป…” เซียวจิ่นอ่อนไหวยิ่งยวด เขารู้สึกได้ทันทีว่ามีบางสิ่งผิดปกติ
ราวกับเซียวเยี่ยนไม่ได้ยิน เขายังคงเดินเข้าไปหาเซียวจิ่นที่อยู่บนเตียง
หลินชิงเวยเงยหน้าขึ้นเห็นเงาร่างสูงใหญ่ของเซียวจิ่น ราวกับเขาเปลี่ยนไปมีสภาพเหมือนกับซินหรูที่ไม่รู้สึกตัวเมื่อสักครู่
“เซียวเยี่ยน ท่านคิดจะทำอะไร?” เมื่อหลินชิงเวยถามขึ้นนางได้ลุกขึ้นยืนแล้ว นางรั้งชายอาภรณ์ของเซียวเยี่ยนจากด้านหลัง
ดูเหมือนเรื่องราวได้ดำเนินมาถึงขั้นที่ไม่อาจควบคุมได้แล้ว
เรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นจนบัดนี้ ผลลัพธ์ทั้งหมดของทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่ออะไรกัน? ก็คือเพื่อสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าในยามนี้?
องครักษ์ที่ตายไปแล้วฟื้นคืนชีพต้องการสังหารนาง หรือมีความแค้นกับเซียวจิ่นและเซียวเยี่ยน! ด้วยนางเป็นเพียงท่านหมอของเซียวจิ่น มีนางอยู่จึงมีความเป็นไปได้ว่าสุขภาพของเซียวจิ่นจะกลับมาแข็งแรงดังเดิม ดังนั้นมีคนคิดจะสังหารนาง ผู้อยู่เบื้องหลังเห็นว่าสังหารนางไม่สำเร็จ จึงใช้ประโยชน์จากการตายของปี้หลิงโดยใช้หนอนกู่ควบคุมนาง เพียงแต่นางไม่ได้ถูกควบคุมแต่กลับเป็นซินหรูที่ถูกหนอนควบคุม
จะต้องเป็นเหตุการณ์เมื่อครั้งที่ปี้หลิงตายนางไม่ได้ทันได้สังเกต จึงทำให้หนอนตัวนั้นชอนไชเข้าไปในร่างของซินหรูเพื่อร่างแทน
ส่วนซินหรูเดิมทีก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซียวเยี่ยน หรือไม่อีกทีผู้ที่อยู่เบื้องหลังรู้แต่แรกแล้วว่าซินหรูไม่มีทางทำเสร็จ ขอเพียงให้นางเป็นพาหะนำหนอนตัวนั้นไปสู่ร่างของเซียวเยี่ยนได้ นั่นก็เท่ากับทำสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ให้เซียวเยี่ยนสังหารเซียวจิ่น…นี่จึงจะเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริง!
หลินชิงเวยอดที่จะตระหนกจนเหงื่อชุ่มแผ่นหลังกับข้อสรุปที่ตนวิเคราะห์ออกมาได้ หากเป็นเช่นนี้ย่อมน่ากลัวเกินไปแล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเข้าใกล้ ทันทีที่เข้าใกล้จะมีความเป็นไปได้ว่าจะถูกแพร่พิษทันที