ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - บทที่ 152 คุ้มค่าการรักษาหนึ่งหมื่นตำลึง
หลินชิงเวยแก้ผ้าพันแผล เห็นบาดแผลบนข้อมือของเขากำลังประสานกัน จึงใส่ยาให้ใหม่และพันแผลให้เขาอีกครั้ง
ขณะที่หลินชิงเวยพันแผลให้เขานางก้มหน้าลงน้อยๆ ด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจ มือขาวนวลนั้นอ้อมรอบข้อมือของเขา ราวกับปลายนิ้วนั้นแตะลงกลางใจของเขาเบาๆ เซียวอี้ทางหนึ่งยิ้มกริ่ม อีกข้างหนึ่งใช้มือข้างดีค่อยๆ เกี่ยวผมที่ห้อยตกลงมาของหลินชิงเวยขึ้นไป
หลินชิงเวยพูดทั้งที่ไม่ได้เงยหน้า “ข้าขอเตือนเซี่ยนอ๋องให้เก็บไม้เก็บมือสักหน่อยจะดีกว่า”
“อย่างไรเล่า?” น้ำเสียงของเซียวเยี่ยนเต็มไปด้วยความหยอกเย้าและท้าทาย “เจ้ายังเขินอายอีกหรือ?”
หลินชิงเวยผูกปมผ้าพันแผลบนข้อมือให้เขา ทว่ากลับไม่ปรารถนาให้เซียวอี้จับมือของตนได้โดยง่าย นางเงยหน้าขึ้น เซียวอี้ใช้ท้องนิ้วลูบไล้กระดูกนิ้วมือของนาง ความรู้สึกนั้นราวกับหยกเนื้อดี ลูบแล้วทั้งลื่นและละเอียดให้ความรู้สึกสบายตัวอย่างยิ่ง เซียวอี้หักใจปล่อยมือไม่ได้
เซียวอี้จับมืออีกข้างของนางแล้วค่อยๆ ดึงเข้าไปใกล้ๆ ใบหน้าของตนเอง ราวกับใช้จมูกดอมดมกลิ่น พูดอย่างคนหย่อนการอบรมว่า “มือคู่นี้ของเวยเวยทั้งงดงามและหอมกรุ่น พูดอย่างไรก็เก็บเงินค่ารักษาข้าหนึ่งหมื่นตำลึง อย่าทำให้ข้ารู้สึกว่าเสียเงินไปโดยไม่คุ้มค่า”
หลินชิงเวยเลิกคิ้วอย่างชั่วร้าย รอยยิ้มบนใบหน้าไปไม่ถึงดวงตา “เช่นนั้นต้องทำอย่างไรท่านอ๋องจึงจะรู้สึกว่าคุ้มค่าเล่า? เช่นนี้?” พูดแล้วข้อมืออันอ่อนนุ่มของนางก็บิดกลับ ระหว่างที่เซียวอี้ยังไม่ทันได้ป้องกัน นางจึงดึงมือของตนออกจากอุ้งมือของเขาได้อย่างง่ายดาย แล้วพลิกมือกลับมาตบฉาดลงบนซีกหน้าของเขาทันที
รวดเร็วว่องไว และงดงาม
ประจวบเหมาะกับหลินเสวี่ยหรงที่ยกน้ำแกงร้อนๆ เข้ามาพบเห็นพอดี นางโมโหจนอกกระเพื่อมกระทั่งพูดจาก็ยังตะกุกตะกัก นางตวาดออกไปว่า“หลินชิงเวย! เจ้าบังอาจนัก!”
หลินชิงเวยหันกลับมาด้วยสายตาคมปลาบและเย็นเยียบพร้อมกับตวาดกลับไปเช่นกันว่า “เป็นเจ้ามากกว่าที่บังอาจนัก! แค่อนุเล็กๆ คนหนึ่งในจวนอ๋องถึงกับกล้าไม่เคารพต่อเจาอี๋!” หลินเสวี่ยหรงคิดไม่ถึงว่าหลินชิงเวยจะวางท่าด้วยยศศักดิ์ของเจาอี๋กับนาง หรืออาจจะพูดได้ว่าหลินเสวี่ยหรงเคียดแค้นนางเสียจนไม่ใส่ใจเรื่องศักดิ์ฐานะ จึงไม่เคยปฏิบัติต่อนางในฐานะเจาอี๋ ว่ากันตามธรรมเนียมมารยาทแล้วเมื่อหลินเสวี่ยหรงพบหลินชิงเวย นางต้องคุกเข่าถวายคำนับด้วยซ้ำ
ถูกหลินชิงเวยย้อนให้เช่นนี้ หลินเสวี่ยหรงหน้าขาวแล้วขาวอีกพลันไม่มีความกล้าหาญหลงเหลือ
หลินชิงเวยหันกลับมาอีกครั้ง นางตวัดสายตามองเซียวอี้ เซียวอี้ถูกนางตบอย่างกะทันฉาดหนึ่ง ดูแล้วกลับไม่มีท่าทีเกิดโทสะอันใด ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงหัวเราะออกมา หลินชิงเวยเลิกคิ้วกล่าวว่า “เซี่ยนอ๋องประพฤติตนไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ หนึ่งฝ่ามือนับว่าเบาแล้ว”
เซียวอี้ลูบใบหน้าข้างที่ถูกตบของตนครู่หนึ่งแล้วหัวเราะขึ้นมา “เวยเวยอารมณ์รุนแรงยิ่งนัก ก็แค่ลูบเจ้าเพียงครั้งสองครั้งจำเป็นต้องดุร้ายเช่นนี้หรือ? กล้าตบชินอ๋องของราชสกุล เจ้ากล้าหาญไม่เบา”
“อย่างไร มีปัญหาหรือ หากมีปัญหาเชิญหมอท่านอื่นก็แล้วกัน” หลินชิงเวยหันไปมองหลินเสวี่ยหรงอีกครั้ง เห็นกระบอกตาแดงก่ำทั้งคู่ของหลินเสวี่ยหรงและน้ำตาที่เอ่อคลอดวงตา ช่างไม่มีค่าพอให้ผู้อื่นเห็นอกเห็นใจอย่างแท้จริง “ได้ยินบุรุษของเจ้าพูดอะไรหรือไม่ ข้าตบเขายังผิดอีกหรือ? ร้องไห้ๆๆ พบเจอเรื่องอะไรเล็กน้อยทำได้แค่ร้องไห้ มิน่าเล่าเจ้าจึงเป็นได้แค่คนอุ่นเตียงของผู้อื่น”
หลินชิงเวยพูดจาโหดร้ายไม่ไว้หน้าผู้ใดทั้งสิ้น หลินเสวี่ยหรงเห็นเซียวอี้ไม่มีทีท่าจะปกป้องนางแม้สักกระผีก ซ้ำยังเห็นเขาปฏิบัติต่อหลินชิงเวยอย่างอ่อนโยนเช่นนั้น ในใจเป็นทุกข์เสียจนอยากตาย นางวางน้ำแกงลงแล้วหันกายร้องไห้ออกไป
แววตาของเซียวอี้เย็นเยียบ ราวกับในสายตาของเขาแล้วหลินเสวี่ยหรงไม่นับเป็นอะไรทั้งสิ้น และไม่มีค่าคู่ควรพอที่จะทำให้เขาเกิดความรู้สึกใดๆ
บัดนี้นางรู้แล้วว่าบุรุษที่ตนแต่งให้นั้นเป็นคนเนรคุณ ไม่รู้จักบุญคุณเช่นจิ้งจอกตาขาว
“พวกเรามาต่อเรื่องของเรา” เซียวอี้ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย
หลินชิงเวยพูดว่า “หากมือไม้ท่านยังอยู่ไม่สุขอีก ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายดายเช่นหนึ่งฝ่ามือแล้ว” ต่อมาหลินชิงเวยเปลี่ยนยาที่หน้าอกให้เขา
เซียวอี้พยักหน้าให้ความร่วมมืออย่างหาได้ยากนัก “อืม ข้ารับรอง”
ผ้าพันแผลนั้นพันรอบหน้าอกและแผ่นหลังของเซียวอี้ ยามนี้หลินชิงเวยต้องแกะผ้าพันแผลของเขาย่อมต้องใช้ทั้งสองมืออ้อมไปรอบแผ่นหลังของเขา มือทั้งคู่ของนางลอดผ่านรักแร้ของเซียวอี้ นางโน้มกายเข้าใกล้เขาเล็กน้อยทว่าทำงานในมืออย่างไม่หยุดหย่อน
ท่าทางนั้นดูแล้วเหมือนหลินชิงเวยกำลังโอบกอดเซียวอี้ไว้ เซียวอี้พูดอย่างเป็นสุขว่า “ข้าพบว่ามีเพียงขณะที่เจ้าทำหน้าที่ท่านหมอจึงจะเป็นช่วงเวลาที่เจ้าอ่อนโยนที่สุด”
“อ่อนโยน?” หลินชิงเวยใช้ปลายนิ้วกดลงไปบนบาดแผลบริเวณหน้าอกของเขาครั้งหนึ่ง สีหน้าของเขาพลันชะงักทำให้หยุดวาจาที่เขากำลังจะพูดต่อ
หลังจากหลินชิงเวยแกะผ้าพันแผลแล้วพบว่าบาดแผลของเขามีเลือดซึมออกมา คิดดูแล้วน่าจะเป็นเพราะเมื่อสักครู่ที่ปลายนิ้วของนางกดลงไป
หลินชิงเวยใช้น้ำยาเช็ดล้างทำความสะอาดบาดแผลให้เขา หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลง หน้าผากมีเหงื่อเย็นผุดออกมาขณะกัดฟันทนรับความเจ็บปวด
“เวยเวย ปวดใจเป็นความรู้สึกที่ยากจะทานทนได้ที่สุดบนโลกใบนี้…” เซียวอี้กล่าวอย่างปวดใจ
ขนอ่อนบนแขนของหลินชิงเวยลุกพรึ่บ
“หากข้าบอกว่ารู้สึกเสียใจภายหลังแล้วเจ้าจะอภัยให้ข้าได้หรือไม่?” เขาพูดด้วยท่าทีกึ่งหยอกเย้าและกึ่งจริงจัง
“เสียใจภายหลัง? ท่านเสียใจภายหลังด้วยเรื่องอันใดเล่า?”
“เสียใจภายหลังที่เมื่อแรกตนเองมองผิดไป หากไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าย่อมต้องเป็นผู้หญิงของเปิ่นหวางนานแล้ว เป็นพระชายาของจวนเซี่ยนอ๋องแห่งนี้” หยุดไปอึดใจหนึ่ง เซียวอี้พูดอีกว่า “ยามนั้นเจ้าล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างข้าและหลินเสวี่ยหรง เจ้าเจ็บปวดเสียจนอยู่มิสู้ตาย แสดงให้เห็นว่าในใจของเจ้ายังคงรักข้ามาก”
หลินชิงเวยพูดเย็นชา “ท่านพูดอะไรของท่าน มีเพียงท่านมองผิดไปได้หรือ ข้าตาบอดไม่ได้หรือไร? ชิ ยังถึงกับอยู่มิสู้ตาย ไม่เห็นหรือว่ายามนี้ชีวิตของข้ามีความสุขกว่าผู้ใด?” เมื่อก่อนหลินชิงเวยเป็นอย่างไรนางไม่รู้ เมื่อก่อนหลินชิงเวยอาจจะรักบุรุษผู้นี้มากจริงๆ ก็เป็นได้กระมัง ดังนั้นความเจ็บปวดที่ถึงขีดสุดนั้นจึงทำให้นางเข้ามาแทนในร่างนี้ได้
แต่ต่อให้นับว่านางตาบอด นางก็ไม่มีทางเห็นเซียวอี้อยู่สายตานี่นา!
หลินชิงเวยพูดอีกว่า “ที่จริงท่านไม่ได้มองผิดไป ท่านดูสิน้องเสวี่ยหรงดีเพียงนั้น คนต่ำช้าอยู่กับคนต่ำช้าเหมาะสมเพียงใด ท่านสองคนล้วนเป็นคู่ที่สวรรค์สร้างจริงหรือไม่?”
เซียวอี้กุมข้อมือของหลินชิงเวย เขาถามว่า “สมมติว่าเลือกได้ใหม่อีกครั้ง…”
หลินชิงเวยไม่รอให้เขาพูดจบก็ขัดคำพูดของเขา “ข้าจะต้องทิ้งท่านก่อนที่ท่านจะทิ้งข้าแน่นอน”
เซียวอี้ “…” ให้ตายสิ เขาพลันรู้สึกว่าเงินหนึ่งหมื่นตำลึงนี้เสียไปอย่างไม่คุ้มค่าแม้แต่น้อย
หลังจากพันแผลให้เซียวอี้แล้วหลินชิงเวยให้ยาส่วนหนึ่งเอาไว้โดยวางไว้บนโต๊ะ นางให้เซียวอี้กินยาลดไข้สองเม็ดแล้วหันมาพูดเรียบๆ ว่า “ยาเหล่านี้ข้าจะให้ไว้ที่นี่ ต่อไปใช้ยาเหล่านี้เปลี่ยนยาเป็นพอ ยังช่วยให้ท่านประหยัดเงินได้ไม่น้อย”
“เจ้าไม่มาด้วยตนเอง?” เซียวอี้ขมวดคิ้วไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
หลินชิงเวย “ท่านคิดจะให้ข้ามาด้วยตนเอง? เพิ่มเงินค่ารักษาหรือไม่?”
“…” ไม่เอ่ยถึงเรื่องเงินได้หรือไม่ เอ่ยถึงเรื่องเงินแล้วช่างทำร้ายจิตใจนัก! เซียวอี้พูดด้วยสีหน้ากระตุกว่า “เปิ่นหวางจ่ายค่ารักษาให้แก่เจ้าอย่างไร้เหตุผล เชื่อว่าใต้หล้านี้คงไม่มีผู้ใดเป็นสิงโตปากใหญ่เช่นเจ้า เจ้ายังต้องการอันใดอีก?”
หลินชิงเวยยกยิ้มมุมปาก ดวงตาของนางโค้งลง “เซี่ยนอ๋อง ข้าทำเช่นนี้ด้วยเป็นการคิดแทนท่านหรอกนะ? หากฝ่าบาทรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ย่อมต้องคิดจะบีบคอท่านให้ตายทุกนาทีเป็นแน่ ครั้งนี้ท่านเก็บชีวิตกลับมาได้ ตรองดูแล้วตัวท่านเองน่าจะรู้อยู่แก่ใจดี ฝ่าบาททรงไม่รู้เรื่องนี้แม้แต่น้อย หรือท่านต้องการให้เขาจับพิรุธอันใดขึ้นมาได้?”