ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - บทที่ 159 ผู้ครอบครองเตียงคือผู้ชนะ
เซียวเยี่ยนใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเช็ดเหงื่อบนใบหน้าและฝ่ามือของหลินชิงเวย ลูบไล้ผ่านลำคอเล็กน้อยเพื่อเช็ดลำคอขาวระหง อีกประเดี๋ยวก็ยื่นมือไปทาบลงบนหน้าผากของหลินชิงเวยกระทั่งค่อนคืนหลังอาการตัวร้อนของหลินชิงเวยก็ลดลงเขาจึงวางใจลงได้
เซียวเยี่ยนเป็นบุรุษคนหนึ่ง ไม่เหมือนสตรีร่างกายเล็กแบบบางที่จำเป็นต้องปกป้องดูแล ในทางกลับกันเขาดูแลหลินชิงเวยมาค่อนคืนตนเองกลับไม่รู้สึกง่วงนอนแม้แต่น้อย เขากลับรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
เมื่อเห็นหลินชิงเวยปลอดภัยดีแล้วเซียวเยี่ยนจึงลุกขึ้นยืน ขยับร่างกายเมื่อยล้าของตน เขาจึงพบว่าตนเองถึงกับนั่งอยู่ริมเตียงโดยไม่ได้เปลี่ยนอิริยาบถมาตลอดเวลา
เซียวเยี่ยนมองดูชายอาภรณ์ที่ยับย่นของตน กอรปกับสภาพอากาศค่อยๆ เปลี่ยนเป็นร้อนขึ้น รู้สึกว่าตนเองเหนียวเหนอะหนะไปทั้งตัว เขามองหลินชิงเวยแล้วคิดว่านางคงไม่ตื่นขึ้นมาในเวลานี้ จึงก้าวเข้าไปบ่อน้ำแร่ในห้องด้านในเพื่ออาบน้ำ
เสียงซู่ซ่าของน้ำในบ่อน้ำพุร้อนดังขึ้นภายในห้องชั้นใน ควันเป็นสายจากน้ำพุร้อนลอยออกมานอกม่านประตู ราวกับภายในตำหนักบรรทมของเขาได้ซุกซ่อนดินแดนเซียนบนโลกมนุษย์เอาไว้แห่งหนึ่ง
เพียงไม่นานเซียวเยี่ยนผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ออกมา เส้นผมเปียกชุ่มแผ่สยายลงบนไหล่ หยกครอบผมชิ้นนั้นเขาวางไว้บนโต๊ะในห้องอาบน้ำ ท่ามกลางหมอกควันสีขาวที่ประเดี๋ยวมีประเดี๋ยวไม่ดีงดงามอย่างที่สุด ราวกับเขาลืมเลือนหยกครอบผมไปแล้ว ยามนี้เส้นผมเปียกชุ่มย่อมไม่ได้ใช้หยกครอบผมจึงวางไว้ริมบ่อน้ำพุร้อน เขาหยิบผ้าขนหนูแห้งผืนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับเช็ดผมของตนไปด้วย
เส้นผมถูกเขาเช็ดจนยุ่งเหยิงเล็กน้อย ส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลาน่าดูขึ้นไปอีก เมื่อเซียวเยี่ยนเดินอออกมาเห็นหลินชิงเวยนั่งอยู่บนเตียงเขาจึงอดจะตะลึงงันไม่ได้ ด้วยคิดไม่ถึงว่าหลินชิงเวยจะตื่นขึ้นมาในเวลานี้
หลินชิงเวยกำลังนั่งอยู่บนเตียงของเขา นางมองไปรอบๆ แล้วหันมามองเขาด้วยสายตาตื่นตะลึง บุรุษสวมอาภรณ์สีม่วงอ่อนตัวหนึ่งที่ยืนอยู่เบื้องหน้านาง สง่างามประดุจหยก รูปร่างของเขาสูงใหญ่ ร่างของเขามีกลิ่นอายชุ่มชื้นและสดชื่น ปลายเส้นผมของเขายังมีหยดน้ำที่ไหลมารวมตัวกันเป็นหยดน้ำที่ใหญ่ขึ้นแล้วไหลลงบนอาภรณ์ของเขาส่งผลให้อาภรณ์ของเขาเป็นรอยด่างด้วยหยดน้ำ ดวงตาเรียวยาวรูปหงส์คู่นั้น คิ้วพาดเฉียงที่แนบไปกับเชิงผม สายตาที่มองนางท่ามกลางแสงตะเกียงภายในห้องทำให้เห็นรูปหน้านั้นดูลึกซึ้ง
หลินชิงเวยรู้สึกงงงันอยู่บ้าง เมื่อนางเห็นเขาจึงกระจ่างแจ้งโดยพลันว่าตนอยู่ที่ใด มิน่าเล่าเมื่อนางลืมตาตื่นขึ้นก็รู้สึกคุ้นเคยกับห้องนี้
โครกคราก
เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นทำลายความเงียบระหว่างคนทั้งสอง เซียวเยี่ยนเลิกคิ้วนิดๆ หลินชิงเวยก้มหน้าลงมองท้องของตนเงียบๆ แล้วยื่นมือไปลูบคลำ
“หิวแล้ว?”
“ไม่ได้กินข้าวมาทั้งวันแล้ว ท่านว่าอย่างไรเล่า?”
“ยังตัวร้อนหรือไม่?”
หลินชิงเวยลูบหน้าของตน “ข้าดูไม่ออก”
เซียวเยี่ยนชะงักไปเล็กน้อยแต่ยังคงเข้ามานั่งข้างกายนางอยู่นั่นเอง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากของนาง หน้าผากของนางไม่ร้อนแล้ว แต่ยังคงเย็นเยียบ
ศีรษะของหลินชิงเวยทุ่มน้ำหนักกดลงบนฝ่ามือของเซียวเยี่ยน “ข้าออกเหงื่อทั้งตัว รู้สึกไม่สบายตัวอย่างยิ่ง ข้าคิดว่าข้าต้องอาบน้ำร้อนสักยกจึงจะสบายขึ้น”
เซียวเยี่ยน “…”
หลินชิงเวยช้อนตาขึ้นมองเซียวเยี่ยนแล้วยิ้ม คนทั้งสองใกล้ชิดกันเช่นนี้ เซียวเยี่ยนเห็นแววตาของนางอย่างชัดเจน “คืนนี้เป็นท่านที่ดูแลข้าหรือ? ขณะที่ข้านอนหลับยังรู้สึกได้ว่ามีคนอุ้มข้ากลับมา”
หลินชิงเวยเป็นคนที่ได้เปรียบผู้อื่นแล้วยังทำเป็นไร้เดียงสาอย่างแท้จริง
เซียวเยี่ยนดึงมือของตนคืนมาเนิบๆ “ไปอาบน้ำก็ดีเหมือนกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ต้องความเย็น” พูดแล้วเซียวเยี่ยนก็ลุกขึ้น เตรียมเปิดประตูออกไป
หลินชิงเวยถาม “เซียวเยี่ยน ท่านจะไปแล้วหรือ?”
เงาร่างสูงใหญ่ของเซียวเหยี่ยนยืนอยู่หน้าประตู มือทั้งสองเปิดประตูออก แสงจันทร์จากภายนอกที่สาดส่องลงบนร่างของเขาราวกับจืดชืดลงหลายส่วน หลินชิงเวยเห็นบนเสี้ยวจันทร์ยังมีดวงดาวที่ส่องประกายอยู่สองสามดวง
เซียวเยี่ยนพูดทั้งที่ไม่ได้หันกลับมา “ไม่ใช่หิวแล้วหรือ เจ้าไปอาบน้ำเถิด ข้าไปหาของกินให้เจ้า”
เซียวเยี่ยนออกไปแล้ว หลินชิงเวยจึงลงจากเตียงนางยังรู้สึกหนักศีรษะเท้าเบาหวิวอยู่บ้าง เมื่อไปถึงห้องอาบน้ำด้านในก็ปลดอาภรณ์ออกแล้วลงไปแช่ในน้ำ เส้นผมยาวสลวยของนางแช่อยู่ในน้ำราวกับสาหร่าย พรายน้ำที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า รูปร่างอ้อนแอ้นอรชรของนางปรากฏอยู่ท่ามกลางหมอกควันประเดี๋ยวชัดเจนประเดี๋ยวเลือนราง
หลินชิงเวยฟุบกายอยู่ริมขอบบ่อน้ำอย่างเกียจคร้าน ทันทีที่แช่ตัวอยู่ในน้ำพุร้อนความเหนื่อยล้าทั้งมวลล้วนอันตรธานไปกว่าครึ่ง นางเอียงหน้าแล้วเห็นหยกครอบผมบนโต๊ะ ตัวหยกยังมีหยดน้ำเกาะอยู่ ราวกับหิมะที่ถูกแช่ด้วยน้ำนมอย่างไรอย่างนั้น ทั้งลื่นและสีอ่อนใส นางหยิบมาเล่นในมือไม่ยอมวาง
เมื่อเซียวเยี่ยนนำอาหารกลับเข้ามานั้น หลินชิงเวยอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ร่างเล็กแบบบางไร้กระดูกฟุบร่างอยู่บนเตียงหลังใหญ่ของเขา สตรีคนนี้ช่างเป็นคนได้คืบเอาศอกโดยแท้ นางหยิบอาภรณ์ในตู้ของเซียวเยี่ยน สวมลงบนร่างของนางแล้วหลวมโพรก อาภรณ์นั้นเดิมก็ใหญ่อยู่แล้วไม่เหมาะกับร่างของนาง หลินชิงเวยเปลือยเท้าทั้งคู่ เมื่อนางสะบัดแขนเสื้อก็ปรากฏให้เห็นแขนเรียวประดุจรากบัวสีขาวที่ปรากฏวับแวมในแขนเสื้อ
ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ไม่ทำให้เกิดความรู้สึกไม่เหมาะสม ในทางกลับกันคนตัวเล็กที่อยู่ในอาภรณ์ตัวใหญ่หลวมโพรกนั้นน่าเอ็นดูนักหนา หลินชิงเวยสบายอกสบายใจอย่างแท้จริงที่ได้สวมอาภรณ์ของเซียวเยี่ยน ยึดครองเตียงนอนของเขา
ยามนั้นเซียวเยี่ยนรู้สึกย่ำแย่อย่างยิ่ง เขาคิดว่าไม่สมควรพาหลินชิงเวยมายังตำหนักของตน ปรนนิบัติดูแลนางมาค่อนคืนไม่ว่า นางกลับทำเหมือนสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่พำนักของนางเองอย่างไรอย่างนั้น
เซียวเยี่ยนนำกล่องอาหารวางลงบนโต๊ะแล้วหยิบอาหารของว่างขึ้นมา เห็นแก่ที่หลินชิงเวยยังเป็นคนป่วย จึงไม่ถือสาเอาความอะไรกับนาง “มากินเถิด”
อาหารมีเพียงข้าวต้มและอาหารว่างรสอ่อน เซียวเยี่ยนและหลินชิงเวยนั่งลงตรงข้ามกัน เขากินเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว หลินชิงเวยกลับกินด้วยความหิวโหย นางกินข้าวต้มถ้วยหนึ่งหมดเกลี้ยงติดที่ว่าไม่อาจเลียถ้วยชามให้สะอาดสักรอบเท่านั้น
เห็นเซียวเยี่ยนวางตะเกียบลงและลุกขึ้น หลินชิงเวยยังนั่งอยู่บนเก้าอี้กินข้าวต้ม นางถามว่า “ท่านไม่กินแล้วหรือ?”
เขาออกไปข้างนอกมาหนหนึ่งเส้นผมเปียกชุ่มบนศีรษะเกือบจะแห้งสนิทแล้ว จึงคิดจะเดินเข้าไปหยิบหยกครอบผมในห้องอาบน้ำ ดังนั้นเมื่อเดินเข้าไปหยิบเขาจึงพูดเรียบๆ ว่า “ไม่กินแล้ว เจ้ากินเสร็จแล้วอีกประเดี๋ยวเปิ่นหวางจะส่งเจ้ากลับไป”
ปรากฏว่าเขาเดินหาอยู่ในห้องอาบน้ำรอบหนึ่ง กลับไม่พบหยกครอบผมของตน
เซียวเยี่ยนออกมาอีกครั้งเห็นหลินชิงเวยหยิบอาหารว่างชิ้นสุดท้ายส่งเข้าปากของนาง จึงถามขึ้นว่า “เจ้าหยิบหยกครอบผมของเปิ่นหวางไป?”
เขาคิดในใจ ด้วยอุปนิสัยของหลินชิงเวยแล้วย่อมต้องไม่ยอมรับว่าหยิบไปแล้วแน่นอน จึงไม่ได้คาดหวังอันใดนัก
ไหนเลยจะคิดว่าหลินชิงเวยกลับยอมรับอย่างอกผายไหล่ผึ่ง “ถูกต้อง”
“อยู่ที่ใด?”
หลินชิงเวยหยิบเชือกที่ห้อยอยู่บนลำคอออกมา เชือกเส้นนั้นยังร้อยหยกครอบผมเอาไว้ด้วยชิ้นหนึ่ง มันก็คือหยกครอบผมของเซียวเยี่ยนนั่นเอง หลินชิงเวยพูดว่า “ข้าคิดว่าเจ้าสิ่งของนี้น่ารักดี เป็นหยกเนื้อดี ถือว่ามอบให้ข้าก็แล้วกัน”
เซียวเยี่ยน “…นั่นเป็นสิ่งของที่เปิ่นหวางนำมาใช้ครอบผม”
“เช่นนั้นท่านก็เปลี่ยนไปใช้หยกครอบผมอันอื่นสิ เกี้ยวหยกก็ได้ ยังมีปิ่นปักผมก็ได้นี่นา”
เพียงแต่เซียวเยี่ยนไม่ได้แข็งกระด้างดึงดันเช่นกาลก่อน หากนางชมชอบ…เซียวเยี่ยนก็บีบบังคับเอาสิ่งของคืนจากหลินชิงเวย หลินชิงเวยพูด “ของสิ่งนี้นับเป็นสิ่งของแทนใจระหว่างท่านกับข้าก็แล้วกัน”
เซียวเยี่ยนหรี่ตาลงแค่นหัวเราะเสียงเย็น “สิ่งของแทนใจของเจ้าช่างเปลี่ยนไปได้รวดเร็วยิ่งนัก ก่อนหน้านี้มิใช่บอกว่าเป็นหยกประดับของเปิ่นหวางหรือ?”
หลินชิงเวย “ใครพูดว่าสิ่งของแทนใจมีได้แค่เพียงชิ้นเดียวเล่า คนละช่วงเวลาสิ่งของย่อมแตกต่างกัน”