ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - บทที่ 160 ดูแลเอาใจใส่อย่างดี
เซียวเยี่ยนจึงได้แต่หาเชือกรัดผมมารัดผมแทน เมื่อเขาต้องการส่งนางกลับไป หลินชิงเวยกลับไม่ยอมกลับเสียแล้ว อีกสองชั่วยามฟ้าจะสว่าง อย่างไรหลังจากฟ้าสางนางก็ต้องมาตำหนักซวี่หยาง ไปๆ มา เสียเวลาไม่ว่าแต่ยังต้องเหน็ดเหนื่อย ดังนั้นนางจึงคิดจะนอนเกียจคร้านอยู่บนเตียงของเซียวเยี่ยน
เซียวเยี่ยนเห็นท่าทีเกียจคร้านของนางจึงไม่ใส่ใจนางอีก ตนเองหาเก้าอี้ยาวเพื่องีบหลับครู่หนึ่ง เมื่อหลินชิงเวยรู้สึกตัวตื่นขึ้นยามฟ้าสางเห็นกระโปรงของสตรีชุดหนึ่งแขวนอยู่บนฉากกันลม ไม่รู้เซียวเยี่ยนไปหยิบมาให้นางจากที่ใด
อีกทั้งหลินชิงเวยยังพบว่ามีเส้นทางลับเล็กสายหนึ่งจากตำหนักอวี้หลิงไปยังตำหนักซวี่หยางที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้…นี่ย่อมต้องเป็นเซียวเยี่ยนที่บอกกับนาง เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นก็ไม่เห็นเงาร่างของเซียวเยี่ยน เขาทิ้งจดหมายให้นางแผ่นหนึ่ง
นี่นับเป็นความลับระหว่างนางและเซียวเยี่ยนหรือไม่นะ?
ดวงตะวันขึ้นมาทางทิศบูรพา
ตำหนักซวี่หยางสงบเงียบอย่างยิ่ง
เซียวจิ่นยังคงอยู่ในภาวะหมดสติ ขาทั้งสองข้างของเขาถูกพันเอาไว้ราวกับเป็นเสาต้นใหญ่ ต้องนอนแบบอยู่บนเตียงเคลื่อนไหวไม่ได้ แม้สีหน้าจะขาวเผือดแต่ลมหายใจและชีพจรกลับมั่นคง นับว่าเริ่มฟื้นฟูร่างกายอย่างช้าๆ
หลินชิงเวยจัดอาหารเหลวผสมกับยาให้เขาแล้วให้นางกำนัลป้อนให้เซียวจิ่นตามเวลาและตามปริมาณที่นางกำหนด
ทันทีที่เซียวจิ่นนอนแบบอยู่บนเตียง ประชุมเช้าย่อมต้องหยุดพัก แต่ต่อให้ขุนนางนับร้อยไม่ต้องเข้าร่วมประชุมในท้องพระโรง ราชกิจในแต่ละวันที่กราบทูลขึ้นมาและต้องอนุมัติลงไปยังมีมากมาย เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเซียวเยี่ยนที่เข้าบริหาร ไม่แปลกที่จะไม่เห็นร่างของเซียวเยี่ยนแต่เช้า แต่เมื่อเขามีเวลาว่างยังคงเข้ามาดูเซียวจิ่น
ภายในตำหนักซวี่หยางมีหมอหลวงสองคนเตรียมไว้ตลอดเวลา หลินชิงเวยเห็นว่าตนเองไม่อาจช่วยอะไรได้แล้วจึงกลับตำหนักฉางเหยี่ยน
ทันทีที่ก้าวเข้าไปในเรือนก็เห็นซินหรูเดินไปเดินมาอยู่ในลานเรือน นางกำลังถอนหญ้าในแปลงสมุนไพรที่ไม่ได้ดูแลมาเป็นเวลาหลายวัน เมื่อนางหันมาเห็นหลินชิงเวยที่กลับมาแล้ว รอยยิ้มอ่อนหวานก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ดวงตาทั้งคู่ทอประกายวาววับ
หลินชิงเวย “เจ้ามิใช่เพิ่งฟื้นขึ้นมาหรือ ไฉนจึงไม่พักผ่อนหลายวันหน่อยเล่า?”
ซินหรู “ข้าเห็นหญ้าในแปลงสมุนไพรขึ้นเต็มไปหมด แทบจะแย่งปุ๋ยไปหมดแล้ว วันนี้จึงถอนหญ้าให้พวกมันเจ้าค่ะ พี่สาวไม่ต้องเป็นห่วง ข้านอนนานแล้วกลับจะไม่สบายเนื้อสบายตัวเจ้าค่ะ ต้องลุกขึ้นมาทำอะไรบ้างจึงจะหายเร็ว ใช่แล้ว พี่สาวไปทำอะไรมาไฉนจึงกลับมาตอนเช้า?”
หลินชิงเวยตะลึงงัน แล้วถามหยั่งเชิง “ข้ามิใช่ไปรักษาขาให้ฝ่าบาท…หรอกหรือ?”
ซินหรูตกตะลึงแล้วครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วอดที่จะตบหน้าผากตนเองไม่ได้ “ใช่แล้ว เมื่อวานพี่สาวพูดแล้วนี่นา เพียงแต่ข้าสุขภาพไม่ดีจึงไม่ได้ไปด้วย ข้ากลับลืมไปแล้ว!”
ต่อมาหลินชิงเวยพบว่าซินหรูไม่ได้หลงลืมเพียงเรื่องนี้ มีเรื่องราวอีกมากที่นางจดจำไม่ได้ สามวันห้าวันก็ลืมไปหลายหน บางครั้งต้องคิดอยู่เนิ่นนานจึงจะนึกขึ้นมาได้
นี่ล้วนเป็นเพราะสมองของนางได้รับความเสียหาย ทำให้ความจำของนางไม่ดีมากๆ บางครั้งซินหรูก็โอดครวญ แต่นางลืมเรื่องหงุดหงิดใจเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเป็นมีความสุขอย่างยิ่ง หลินชิงเวยคิดในใจ เช่นนี้ก็ถือได้ว่าเป็นวาสนาอย่างหนึ่ง
หากซินหรูมีความสุขตลอดชีวิตเช่นนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอันใด
นี่เป็นเพราะนางผู้เป็นพี่สาวที่ละเลย หลินชิงเวยเพียงแต่หาเหตุผลให้กับความผิดพลาดของตนเท่านั้น อย่างน้อยก็ทำให้นางรู้สึกดีขึ้น แต่นางเชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้นซินหรูจะต้องดีขึ้น
หลินชิงเวยและซินหรูกินอาหารเช้าด้วยกัน คนทั้งสองต่างหิวแล้วจึงกินอย่างเอร็ดอร่อย พวกนางกินอาหารบนโต๊ะแทบจะไม่เหลือ ต่อมาคนทั้งสองช่วยกันถอนหญ้าในแปลงสมุนไพร พรวนดิน และใส่ปุ๋ย
นี่ถือเป็นเรื่องของการฝึกจิตใจให้สงบอย่างหนึ่ง สูดกลิ่นหอมของสมุนไพรทำให้ตนเองเปลี่ยนเป็นสงบนิ่ง รับรู้ถึงความงดงามของเวลาและการดำเนินชีวิต
เซียวจิ่นนอนหลับไปครั้งนี้เป็นเวลาหลายวัน สุขภาพของซินหรูฟื้นตัวแล้วก็กลับมากระโดดโลดเต้นดังเดิม จะพูดอย่างไรดีเล่า เรียกได้ว่าสดชื่นร่าเริงกว่าเมื่อก่อนอีก แต่นางยังคงใส่ใจต่ออาการของเซียวจิ่นอย่างยิ่ง ตามตื๊อหลินชิงเวยให้พานางไปตำหนักซวี่หยางเพื่อเยี่ยมเขาด้วย
หลินชิงเวยและซินหรูอยู่ในตำหนักซวี่หยางจนกระทั่งยามบ่าย หลินชิงเวยไม่มีอะไรต้องทำจึงฟุบร่างสัปหงกอยุ่ข้างหน้าต่าง ด้วยซินหรูไม่ต้องการการชี้แนะจากนางอีกแล้ว เรื่องเช่นการดูแลคนนางทำได้ดีเยี่ยม ทั้งเช็ดตัวให้เซียวจิ่น ให้อาหารเหลวเขา ทุกอย่างล้วนทำได้อย่างไม่ตกหล่นทั้งยังมีความอดทนยิ่งยวด
เซียวเยี่ยนงานยุ่งล้นมือทุกวัน เขากำลังสะสางราชกิจที่สุมเป็นกองโต ด้วยไม่อาจพบเขาในตำหนักซวี่หยาง เขามีเวลาเพียงช่วงเวลาพลบค่ำที่จะมาเยี่ยมเซียวจิ่นเท่านั้น
เมื่อเขามาในวันนี้ทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในตำหนักบรรทมก็เห็นซินหรูนั่งอยู่ริมเตียง กำลังป้อนยาให้เซียวจิ่นอย่างระมัดระวัง เซียวเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ซินหรูราวกับรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายและอำนาจของเขาจึงตกตื่นตระหนก เมื่อหันกลับมาเห็นเขาจึงรีบลุกขึ้นด้วยท่าทีระแวดระวัง
หลินชิงเวยถอนสายตากลับมาจากด้านนอกหน้าต่างแล้วมองเซียวเยี่ยน นางพูดกับซินหรูว่า “ซินหรู กลัวอะไรเล่า เซ่อเจิ้งอ๋องไม่กินเจ้าหรอกน่า เจ้าป้อนยาให้ฝ่าบาทต่อไปเถิด”
“อ้อ” ซินหรูรับคำแล้วหันกลับไปทำเรื่องในมือต่อ
เซียวเยี่ยนอดที่จะหันไปมองหลินชิงเวยไม่ได้ หลินชิงเวยมิใช่มองไม่เห็นความหมายในสายตาของเขา ในเมื่อก่อนหน้านี้ซินหรูต้องพิษหนอนกู่จึงมีเจตนาที่จะสังหารเซียวจิ่น
กระทั่งซินหรูป้อนยาเสร็จสิ้นนางจึงถอยออกไปเอง หลินชิงเวยพูดกับเซียวเยี่ยน “นางเป็นเด็กถือล่วมยาของข้า ท่านไม่เชื่อใจนางก็คือไม่เชื่อใจข้า เสด็จอาเข้าอกเข้าใจผู้อื่นสักหน่อยเถิด” เขาและซินหรูต่างต้องพิษหนอนกู่เช่นเดียวกัน บัดนี้มิใช่ล้วนหายดีแล้วหรือไร
เซียวเยี่ยนเพียงแต่ระแวดระวังและป้องกันในนาทีนั้น แต่เมื่อครุ่นคิดละเอียดแล้วจึงไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นอีกต่อไป เขาย่อมต้องเชื่อในตัวของหลินชิงเวย และเชื่อในตัวของซินหรู เซียวเยี่ยนรู้ว่าซินหรูเป็นคนทำงานละเอียดถี่ถ้วน มีนางดูแลเซียวจิ่นก็ถือเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง
เซียวเยี่ยน “เปิ่นหวางไม่ได้ไม่เชื่อใจนาง”
“ท่านไม่เชื่อใจ ข้าเห็นแล้ว ท่านยังจะมาแก้ตัว”
“ก็แค่เพียงนาทีที่เพิ่งก้าวเข้ามา ยามนี้ไม่มี”
“นั่นกึคือไม่เชื่อใจ”
เซียวเยี่ยนมองหลินชิงเวยอย่างจนปัญญา จึงไม่ถกเถียงกับนางอีกต่อไป ยิ่งทุ่มเถียงกับนางทำให้นางยิ่งมีโทสะ เขาจึงพูดขึ้นว่า “ช่างเถิด สุดแต่เจ้าจะคิด”
ผ่านไปครู่หนึ่งหลินชิงเวยจึงพูดขึ้นว่า “แม้ร่างกายของซินหรูจะดีขึ้นแล้ว แต่ความจำไม่ดีเหมือนก่อน บางเรื่องก็ได้ลืมเลือนไปแล้ว เรื่องเกี่ยวกับหนอนกู่ อย่าพูดขึ้นมาต่อหน้านางได้จะเป็นการดีที่สุด”
เมื่อหลินชิงเวยพูดกับเซียวเยี่ยนเช่นนี้ ซินหรูกำลังย่อกายลงนั่งบนขั้นบันไดหินหน้าประตูตำหนักบรรทม แม้นางจะได้ยินเสียงสนทนา แต่กลับได้ยินไม่ชัดเจนว่าสนทนาเรื่องอันใด แน่นอนว่านางไม่มีความอยากรู้อยากเห็นที่จะไปฟังให้ชัดเจน นางเพียงแต่รู้ว่าพี่สาวกำลังสนทนากับเซ่อเจิ้งอ๋อง เรื่องที่นางควรรู้พี่สาวย่อมบางนางเอง เรื่องที่นางไม่ควรรู้ยังคงไม่รู้จะดีที่สุด
ดวงดาวบนฟากฟ้ายามค่ำคืนงดงามอย่างยิ่งยวด สายลมยามค่ำคืนให้ความรู้สึกเย็นสบาย ซินหรูนั่งอยู่ด้านนอกด้วยอารมณ์ดียิ่ง พี่สาวยอมรักษาขาให้ฝ่าบาท อีกไม่นานรอให้ฝ่าบาทหายดีแล้วลุกขึ้นมาได้ นางอดที่จะเริ่มจินตนาการไม่ได้ คนนิสัยดีเช่นฮ่องเต้สามารถปรากฏกายเช่นคนปกติต่อหน้าทุกคน ย่อมต้องได้รับกาต้อนรับจากผู้คนมากมาย ต่อไปเขาจะต้องเป็นฮ่องเต้ที่ปราชญ์เปรื่อง เช่นนั้นเขาจะมีส่วนที่บกพร่องไม่ได้ เขาต้องสมบูรณ์แบบ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซินหรูเงยหน้าขึ้นก็เห็นเงาร่างของคนๆ หนึ่งเดินมุ่งหน้ามาทางตำหนักบรรทม ภายใต้แสงสลัวของโคมไฟในวังจึงมองเห็นเพียงรูปร่างของเขา ด้วยสายตาของซินหรูจึงยังมองไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย