ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - บทที่ 163 ยื่นเงื่อนไขกับนักโทษฆาตกรรม
คราบเลือดบนร่างกายนางทิ่มแทงสายตายิ่งนัก นอกจากบาดแผลบนใบหน้าแล้ว บาดแผลบนร่างกายอีกหลายแผลเป็นสาเหตุให้เสียชีวิต เลือดไหลออกจากร่างกายของนางทำให้เสื่อใต้ร่างของนางชุ่มชื้นไปทั้งผืน เลือดกลายเป็นสีดำคล้ำเนิ่นนานแล้ว หลินชิงเวยสวมถุงมือแล้วตรวจสอบบาดแผลของนาง บาดแผลจากดาบเป็นระเบียบ คมดาบรวดเร็ว เมื่อตรวจดูร่างกายของนางทั่วร่างแล้วพบว่าปลายนิ้วทั้งสิบของนางเรียวยาวสะอาดสะอ้าน ชัดเจนยิ่งนักว่ามิใช่สตรีที่ทำงานบ้านเป็นประจำ อีกทั้งเล็บของนางได้รับตัดแต่งอย่างงดงาม ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ใดๆ ทั้งสิ้น หากมีการดิ้นรนต่อสู้เล็บเหล่านี้ย่อมมิอาจอยู่ในสภาพสมบูรณ์เช่นนี้ได้
คำพูดของมือปราบหลิวสิบส่วนถูกต้องแปดเก้าส่วน ฆาตกรต้องเป็นคนที่สตรีนางนี้รู้จักคุ้นเคยดี หรือไม่ก็เป็นคนที่ไม่ทำให้นางรู้สึกว่ามีอันตรายแม้แต่น้อย
หลินชิงเวยปิดผ้าคลุมกลับไป พูดเนิบๆ ว่า “ข้าได้ยินว่าก่อนหน้านี้มีคดีฆาตกรรมต่อเนื่องมาแล้วหกคดี?”
มือปราบหลิว “ถูกต้อง ฆาตกรถูกจับกุมแล้ว พวกเราสงสัยว่าฆาตกรยังมีผู้สมรู้ร่วมคิด พวกเขาก่อเหตุด้วยวิธีการเดียวกัน บาดแผลบนร่างกายล้วนเหมือนกันทั้งสิ้น”
หลินชิงเวยถอดถุงมือ “ใช่หรือ หามศพนี้กลับไปด้วยเถิด พวกเราไปพบหน้าฆาตกรสักหน่อย”
ดังนั้นคนทั้งหมดจึงแบ่งเป็นสองส่วน ใต้เท้าสวีแห่งจวนว่าการและมือปราบนำศพกลับไปชันสูตรพลิกศพที่ศาลาว่าการ ส่วนมือปราบหลิวพาหลินชิงเวยและเซียวเยี่ยนไปยังเรือนจำที่กักขังนักโทษ
เรือนจำของศาลาว่าการถือเป็นเรือนจำค่อนข้างเข้มงวด มีการป้องกันอย่างแน่นหนา มีความปลอดภัยอันดียิ่ง จวนว่าการปกครองดูแลคดีอาญาของเมืองหลวงและเมืองใกล้เคียงอีกสิบมณฑล ผู้ต้องสงสัยของแต่ละมณฑลทั่วแคว้นต้องส่งตัวมาไต่สวนที่จวนว่าการทั้งสิ้น ด้วยนักโทษทั้งหมดล้วนต้องถูกจองจำที่นี่
เนื่องจากเป็นเวลากลางคืนภายในเรือนจำจึงมืดสลัวอย่างยิ่ง ทางเดินสองข้างทางมีคบไฟให้แสงสว่างอยู่บ้าง ทุกสถานที่ที่มีมุมต้องเลี้ยวจะมีผู้คุมเรือนจำยืนเฝ้าอยู่ เมื่อเห็นมือปราบหลิวเดินนำหน้ามา ชัดเจนยิ่งนักว่าเขาเข้าออกสถานที่แห่งนี้เป็นนิจ เมื่อบรรดาผู้คุมเห็นเขาล้วนทักทายอย่างมีมารยาท “ใต้เท้าหลิว!”
หลินชิงเวยสังเกตเห็นแผ่นหลังและกระดูกสันหลังของมือปราบหลิวเหยียดตรง ดูท่าแล้วเขาพึงพอใจยิ่งนักกับสถานการณ์เช่นนี้
เข้ามาถึงด้านใน มีห้องขังห้องหนึ่งอยู่ติดกับกำแพง มือปราบหลิวหยุดอยู่ด้านนอกของห้องขังนั้นครู่หนึ่ง ด้านในมีคนถูกจองจำหนึ่งคน ดูท่าแล้วน่าจะได้รับความสำคัญกว่านักโทษทั่วไป มีโซ่ตรวนชุดหนึ่งยื่นออกมาจากกำแพงด้านในมันล่ามมือและขาทั้งคู่ของนักโทษเอาไว้ กระทั่งบนลำคอของเขาก็มีห่วงที่ทำมาจากเหล็กชุดหนึ่งคล้องอยู่
เขาก็คือนักโทษผู้ก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้จึงต้องพันธนาการเขาด้วยลักษณาการเช่นนี้ ด้วยเกรงว่าเขาจะหลบหนีไปได้ บัดนี้มือเท้าทั้งคู่ล้วนถูกล่ามเอาไว้ เท่ากับเป็นคนพิการที่ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะเชือดไก่คนหนึ่ง
เขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจึงเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ ภายใต้เส้นผมอันยุ่งเหยิงนั้นคือใบหน้าเหี้ยมโหดดุดัน และดวงตาคู่หนึ่งที่มีรอยยิ้มอยู่ลึกๆ ร่างของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด ดูท่าแล้วได้รับความทุกข์ทรมานจากที่นี่ไม่น้อย
“ดู ผู้ที่มาเป็นใครกัน?” เขาพูดด้วยเสียงแหบห้าวอย่างเบิกบานใจ
มือปราบหลิวไม่ได้ตอบ เขาเพียงแต่ใช้กุญแจในมือเปิดกุญแจหนักอึ้งนั้นอย่างไม่ช้าไม่เร้ว จากนั้นเปิดประตูห้องขังแล้วเดินเข้าไปก่อน
เขาตรงเข้าไปซ้อมนักโทษโดยไม่พูดไม่จา แต่ละหมัดซัดตรงเข้าไปที่ท้องของนักโทษ เสียงโซ่ตรวนภายในห้องขังดังเปรื่อง ผู้คุมที่อยู่ด้านข้างทำราวกับมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น นี่ถือเป็นเหตุการณ์ปกติที่เกิดขึ้นอยู่เสมออย่างเห็นได้ชัด
นักโทษผู้นั้นถูกทุบตีอย่างน่าเวทนา เลือดไหลออกมาตามมุมปากของเขา มือปราบหลิวพูดด้วยเสียงขุ่นมัว “พูด! ผู้สมผู้ร่วมคิดของเจ้าเป็นใคร!”
นักโทษเพิ่งจะฉีกปากยิ้มก็ถูกมือปราบหลิวต่อยเข้าไปที่ใบหน้าสองหมัด ฟันซี่หนึ่งของเขาหักทันที
ผู้ที่เป็นมือปราบมีความกดดันถึงเพียงนี้เชียวหรือ? จับตัวฆาตกรไม่ได้ก็เอานักโทษมาระบายอารมณ์ แต่ดูเหมือนสำหรับสถานที่แห่งนี้และคนที่นี่แล้ว ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม นอกจากตัวนาง
หลินชิงเวยพูดขึ้นอย่างถูกจังวหะ “ต่อให้เจ้าตีเขาให้ตายก็ไม่ได้เบาะแสมีประโยชน์อันใดจากเขา” พูดแล้วก็ก้าวเท้าเข้าไปในห้องขังแต่กลับถูกเซียวเยี่ยนยื้อยุดข้อมือเอาไว้ นางหันกลับมายิ้มปลอบใจเซียวเยี่ยน “ไม่เป็นไร ข้าเข้าไปดูสักหน่อย เขาทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
เซียวเยี่ยนปล่อยมือและเดินเข้าไปพร้อมกับหลินชิงเวย เขาเพียงแต่มองเงาร่างด้านข้างของหลินชิงเวยพลางคิดในใจว่า หากเป็นสตรีปกติคนหนึ่งคงไม่คิดจะเข้าไปพบฆาตกรโรคจิตที่กำลังคลุ้มคลั่งในสถานที่เช่นนี้เป็นแน่
แต่หลินชิงเวยแตกต่างออกไป ทุกๆ เรื่องที่นางให้ความสนใจล้วนไม่ใช่สิ่งที่สตรีปกติคนหนึ่งชมชอบ
เขาจนใจด้วยมาก็มาแล้ว เขาไม่อาจไม่ให้หลินชิงเวยเข้าไป ต่อให้ฆาตกรโรคจิตคนนี้มีการเคลื่อนไหวใดๆ เขาย่อมไม่ให้โอกาสเขาทำสำเร็จ
หลินชิงเวยก้าวเข้าไป ดวงตาทั้งคู่ใต้เส้นผมของนักโทษผู้นั้นตกอยู่บนร่างของหลินชิงเวยโดยไม่เคลื่อนไหวใดๆ เขาไม่ใส่ใจต่อความเจ็บปวดที่มือปราบหลิวทุบตีเขา
รอยยิ้มของเขาทำให้คนรู้สึกขนลุกขนชัน “แม่นางน้อยงดงามมาจากที่ไหนกัน”
หลินชิงเวยเลิกคิ้ว “สายตาของเจ้าไม่เลวเลยทีเดียว”
อาจเป็นเพราะนางแต่งกายไม่รัดกุมพอ และอาจเป็นเพราะหน้าตาของนางเป็นสตรีเต็มตัวเกินไป เพียงแต่สังเกตสักหน่อยก็จะพบว่านางเป็นสตรี นักโทษที่อยู่เบื้องหน้านี้ก็เช่นเดียวกัน มือปราบหลิวก็เช่นเดียวกัน
โซ่ตรวนที่ล่ามนักโทษเอาไว้นั้นสามารถดึงกลับมาได้ มือปราบหลิวเกรงว่าเขาจะทำร้ายหลินชิงเวยจนได้รับบาดเจ็บ จึงดึงโซ่ตรวนกลับมาให้สั้นขึ้น รั้งนักโทษให้ถูกตรึงติดกับกำแพง เช่นนี้แล้วเขาก็ไม่อาจทำอันใดได้อีก
หลินชิงเวยเหลือบตามองเก้าอี้ที่ผู้คุมยกเข้ามาตัวหนึ่ง นางเดินผ่านร่างนักโทษแล้วนั่งลงกล่าวด้วยรอยยิ้มยิบหยีว่า “พวกเรามาเจรจากัน?”
นักโทษพูดยิ้มๆ “คนที่กำลังจะตาย ข้าไม่คิดว่าข้าและแม่นางน้อยผู้นี้มีอะไรต้องเจรจา”
“ได้ยินว่าเจ้าสารภาพแล้ว ชีวิตคนหกคนในเมืองหลวง ล้วนตายด้วยน้ำมือเจ้า”
“หากข้าบอกว่าข้าถูกปรักปรำ แม่นางน้อยจะเชื่อหรือไม่?” นักโทษยังคงพูดยิ้มๆ
หลินชิงเวยช้อนตาขึ้นมองใบหน้าของและพูดขึ้นเรียบๆ ว่า “ไม่เชื่อ”
“เช่นนั้นยังมีอะไรต้องเจรจาอีกเล่า” นักโทษดึงโซ่ตรวนบนกำแพง “หากเป็นก่อนหน้านี้ มีความเป็นไปได้ว่าเราสองคนอาจจะมีหัวข้อสนทนามากมายที่พูดคุยในห้องไม่จบไม่สิ้น” ใบหน้าของเขาปรากฏให้เห็นความชั่วร้าย
สีหน้าของเซียวเยี่ยนเย็นเยียบ มือปราบหลิวรับรู้ได้ถึงรัศมีเข่นฆ่าที่แผ่กระจายออกมาจากร่างของเขา จึงรีบตรงเข้าไปต่อยนักโทษอีกหลายหมัด
หลินชิงเวยหัวเราะ “ไฉนจึงไม่มีอะไรให้เจรจราเล่า อย่างเช่นพวกเราสามารถพูดคุยเรื่องผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้า? ผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าเป็นใคร? เวลานี้อยู่ที่ไหน?”
นักโทษกระอักเลือดออกมาเรื่อยๆ เขาหอบหายใจ จากนั้นหัวเราะเสียงต่ำออกมา หยดเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขา “พวกเจ้าอยากรู้จริงๆ หรือว่าผู้สมรู้ร่วมคิดของข้าเป็นใคร? ต่อให้พวกเจ้าจับกุมข้าได้ก็ยังมีคนตายเรื่อยๆ ข้าบอกพวกเจ้าได้ แต่มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”
“เงื่อนไขอะไร?” หลินชิงเวยถามเสียงสูง
นักโทษมองหน้านางแล้วพูดว่า “ง่ายดายยิ่งนัก พวกเจ้าปล่อยข้า ข้าก็จะบอกเจ้า”
“ความฝันเฟื่องของคนเสียสติ!” มือปราบหลิวซ้อมเขาอย่างโหดเหี้ยมอีกคราหนึ่ง ทำให้เขาพูดจาก็ยังพูดไม่ไหลลื่น
หลินชิงเวยพลันหัวเราะขึ้นมา “ที่จริงเจ้าไม่มีผู้สมรู้ร่วมคิด และไม่มีสหาย”
นักโทษตกตะลึง
สีหน้าและแววตาของนางทำให้เชื่ออย่างน่าประหลาด ภายใต้รอยยิ้มนั้นมีความมั่นอกมั่นใจที่ปรากฏให้เห็น คิ้วนั้นพาดเฉียงขึ้น
หลินชิงเวย “ดูแล้วข้าคาดเดาถูกต้อง เจ้าไม่รู้เช่นกันว่าผู้สมรู้ร่วมคิดเป็นใคร”