ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - บทที่ 179 การปกป้องและตามใจหล่อหลอมเขา
หลินชิงเวยย่อกายลงประคองหญิงสกุลหลิวขึ้นมา “หมู่บ้านเล็กๆ หมู่บ้านหนึ่ง มีคนอาศัยอยู่เพียงไม่กี่สิบคน เป็นไปได้อย่างไรที่จะหาตัวไม่พบ เขายังให้ท่านเข้านอนแต่เช้า ต่อมาตัวเขาเองเข้านอนอย่างวางใจหรือไม่ เวลานั้นท่านไม่พบเห็นสิ่งผิดปกติบนตัวเขาเลยหรือ อย่างเช่นน้ำเสียงที่เขาพูดจาสงบนิ่งผิดปกติ หรือเมื่อเขากลับมานั้นเสื้อผ้าของเขาเปียกชุ่ม”
ร่างของหญิงสกุลหลิวสั่นเทิ้ม ร่ำไห้สะอึกสะอื้น ชัดเจนยิ่งนักว่าหลินชิงเวยพูดถูกแล้ว
ด้วยเหตุที่มือปราบหลิวใส่ใจพี่สาวของเขามาก จึงทำให้เขามีปากเสียงกับภรรยา ต่อมาจึงพลั้งมือสังหารคน หลังจากเกิดเรื่อง เขาจะต้องใจเย็นอย่างยิ่ง เพราะเวลานั้นเขาเป็นมือปราบ เขารู้ว่าจะจัดการศพอย่างไรให้ตนเองรอดพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัย อีกทั้งคนในหมู่บ้านต่างรู้ว่าเขาเป็นมือปราบ มีความภาคภูมิใจในตัวเขา จะมีใครเชื่อว่าเขาเป็นฆาตกรผู้สังหารคนเล่า คิดดูแล้วยามนั้นจิตใจของเขาได้บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์เอาไว้แล้ว
ไม่มีอะไรให้ถามอีกต่อไป หลินชิงเวยให้คนพาหญิงสกุลหลิวออกไปพักผ่อน มือปราบด้านนอกตกตะลึงและไม่พึงใจกับการกระทำของหลินชิงเวย พวกเขาคิดไม่ถึงว่าการตายของภรรยาของมือปราบหลิวจะบังเอิญเช่นนี้ ทว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับหญิงสกุลหลิว แล้วเหตุใดต้องไปทำให้นางกระทบกระเทือนจิตใจด้วยเล่า ต่อไปหากมือปราบหลิวไม่อยู่แล้วผู้ที่มีชีวิตอยู่ต่อไปจึงจะเป็นผู้ที่ทุกข์ทรมานที่สุด นางไม่เพียงแต่ต้องทนรับกับเรื่องที่น้องชายต้องจากไป ยังต้องทนรับสายตาของคนในหมู่บ้านที่มองนาง
ความภาคภูมิใจของมือปราบคนหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาเดียวกลายเป็นเพียงความอับอาย
มือปราบคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างปากไวว่า “คดีในครั้งนี้ คุณชายหลินไม่ได้เบาะแสอันใดจากปากคำของหญิงสกุลหลิว เหตุใดไม่ปิดบังนางเล่า? ต่อไปจะให้นางมีชีวิตอยู่อย่างไร”
มือปราบพูดเสียงเย็น “ไม่รู้สึกรู้สา”
หลินชิงเวยไม่หงุดหงิดรำคาญใจ “ดังนั้นเจ้าจึงเป็นได้เพียงมือปราบไปตลอดชีวิต เช่นนี้ก็ถือว่าสูงเทียมฟ้าแล้ว”
มือปราบตกตะลึง จากนั้นพูดขึ้นอย่างมีโทสะ “ทั้งๆ ที่ข้าพูดเรื่องของหญิงสกุลหลิว เหตุใดจึงไม่ปิดบังนาง? เพียงแค่นี้ชีวิตนางก็ไม่ง่ายดายมากอยู่แล้ว”
คนหนุ่มในวัยเลือดลมพลุ่งพล่านเหล่านี้ล้วนมีอะไรในใจก็พูดออกมาหมด ต่อให้เซ่อเจิ้งอ๋องอยู่ด้านข้าง พวกเขาก็ข่มกลั้นไม่ได้ อีกทั้งเมื่อได้ลงมาคลุกคลีกับพวกเขาแล้วพบว่าเซ่อเจิ้งอ๋องมิใช่คนไม่มีเหตุผล หลายครั้งที่เขายืนอยู่ข้างกายหลินชิงเวยโดยไม่พูดจา ดูเหมือนไม่ยื่นมือเข้ามาแทรกอย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นว่าเซ่อเจิ้งอ๋องไม่คิดจะลงโทษ พวกเขาจึงกล้าหาญที่จะพูดจากับหลินชิงเวย
หลินชิงเวยเหลือบหางตาดูมือปราบที่อยู่ด้านนอก “เช่นนั้นภรรยาที่ตายไปของมือปราบหลิวเล่า ใครจะเป็นคนไปไต่สวนนาง เพียงแค่นางนิสัยไม่ดีไม่เห็นคุณคน เช่นนั้นนางจึงสมควรตายมาหลายปีเช่นนี้แล้วไม่มีคนทวงความเป็นธรรมหรือไร ในเมื่อเป็นเช่นนี้ยังจะต้องตามหาฆาตกรเพื่ออะไร เจียงหมิงจูเป็นสตรีไม่อยู่ในกฎเกณฑ์คบชู้สู่ชาย นางก็สมควรตายเช่นกัน”
เหล่ามือปราบกลายเป็นใบ้ทันที
หลินชิงเวยพูดด้วยสีหน้าปกติ “เหตุใดต้องปิดบังนาง? พวกเจ้าคิดเพียงแต่จะหลอกลวงนางด้วยความปรารถนาดี หรือไม่คิดว่าการพูดปดด้วยความปรารถนาดี ปิดบังมาเป็นเวลานานหลายปีเช่นนี้จึงหล่อหลอมให้มือปราบหลิวเป็นเช่นวันนี้ คิดจะให้ข้าเห็นอกเห็นใจผู้ที่อ่อนแอหรือ ไม่…นี่เป็นเรื่องกรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง ดังนั้นเหตุใดข้าต้องปิดบังนาง? หรือนางไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าน้องชายของตนเองทำอะไรลงไปบ้าง หรือนางไม่รู้ว่าการปกป้องและตามใจน้องชายของนางส่งผลร้ายแรง ทำให้เขาเป็นเช่นวันนี้” หลินชิงเวยสะบัดอาภรณ์เดินผ่านร่างของพวกเขา นางพูดเรียบๆ ว่า “หากยังมีเรี่ยวแรงจะมาทำตัวเป็นปัญญาชนตาบอด ไม่สู้สละเวลาให้มากกว่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก หากยังมีความเห็นอกเห็นใจก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็นมือปราบ เหมาะสมที่จะไปเป็นแม่นมมากกว่า”
แสงไฟในห้องขังมืดสลัวอย่างยิ่ง คบไฟบนกำแพงเปรียบเสมือนดวงวิญญาณ มือปราบหลิวถูกขังเดี่ยวอยู่ในห้องขังนี้ เขานั่งหลับตาพักผ่อนอยู่บนพื้น ราวกับเรื่องเช่นนี้ไม่อาจทำให้เขาโน้มกายและกระดูกสันหลังได้
เมื่อหลินชิงเวยก้าวเข้าไปเขาลืมตาขึ้นพอดี หลินชิงเวยพูดว่า “ท่านว่าข้าควรจะมัดท่านไว้กับแท่นลงทัณฑ์ทันทีหรือไม่ ทุบตีท่านให้ท่านเจ็บปวดสักยกก่อนแล้วค่อยพูดคุยกัน”
มือปราบหลิวแค่นเสียงในลำคอ พูดอย่างดูแคลนว่า “เรื่องของศาลาว่าการ มีสตรีคนหนึ่งมาเป็นคนตัดสินใจตั้งแต่เมื่อใด”
หลินชิงเวยเลิกคิ้ว “สตรีคนหนึ่งเป็นคนตัดสินใจ ก็ยังดีกว่ามือปราบของศาลาว่าการคนหนึ่งเป็นฆาตกรก็แล้วกัน”
มือปราบหลิวไม่พูดอะไรกับนางอีก
หลินชิงเวยหาเก้าอี้มาตัวหนึ่งแล้วนั่งลง ตนเองพูดคุยกับมือปราบหลิวราวกับเป็นเรื่องสัพเพเหระ “เมื่อสักครู่ข้าพบพี่สาวของท่านแล้ว”
มือปราบหลิวหันมามองหน้านาง สายตานั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง
แต่ต่อให้เขาดุร้ายกว่านี้ก็ทำให้หลินชิงเวยตกใจไม่ได้ นางสะบัดแขนเสื้อพูดอีกว่า “นางเป็นคนน่าสงสารคนหนึ่ง สตรีตาบอดคนหนึ่งต้องอาศัยอยู่ในชนบทเพียงลำพัง ทำอะไรก็ไม่สะดวก คิดดูแล้วท่านคงคิดจะพานางมาอยู่ในเมืองกระมัง แต่นางไม่ยินยอม”
“เพราะนางคิดว่าหากนางมาใช้ชีวิตในเมืองหลวงกับท่านอย่างมีความสุขนั้นเป็นเรื่องที่นางละอายแก่ใจ” หลินชิงเวยพูดอย่างไม่ยินดียินร้าย “ข้าบอกกับนางแล้วว่าน้องชายของนางเป็นนักโทษสังหารคน”
มือปราบหลิวยังคงไม่พูดจา แต่มองหลินชิงเวยด้วยท่าทีขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เคียดแค้นที่ไม่อาจสังหารนางได้ เขาลุกพรวดขึ้นมาทันทีแม้บนมือและเท้าจะมีโซ่ตรวนล่ามอยู่กลับไม่เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวของเขา เขายื่นมือออกมาเป็นหมัดข้างหนึ่งกำลังจะฟาดลงบนศีรษะของหลินชิงเวย
สายลมสายหนึ่งปัดมาบนหมัดของเขา ครอบคลุมใบหน้าของหลินชิงเวย ราวกับเป็นเรื่องระหว่างคนฝึกยุทธ์ ล้วนย่อมต้องมีพลังลมปราณ หลินชิงเวยไม่รู้สึกลนลาน นางไม่แม้แต่จะกะพริบตาสักครั้ง เห็นกับตาว่าหมัดนั้นจะมาถึงเบื้องหน้าตนแล้ว นางยังไม่ทันได้หลบหลีกก็มีมือข้างหนึ่งยื่นมาข้างกายต้านรับข้อมือของมือปราบหลิวอย่างแม่นยำ
หลินชิงเวยเห็นเซียวเยี่ยนยืนอยู่ข้างกายตนโดยไม่เคลื่อนไหวประดุจภูเขาลูกหนึ่ง เขาใช้มือเพียงข้างเดียวก็จับข้อมือของมือปราบหลิวและสกัดเอาไว้ พละกำลังมหาศาลส่งผ่านแขนข้างนั้นของมือปราบหลิว ทำให้เขาตีลังกากลางอากาศแล้วไปกระแทกกับกำแพงทั้งสองด้านก่อนร่วงลงสู่พื้น ส่วนเซียวเยี่ยนดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เสียงโซ่ตรวนที่ดังก้องอยู่ในห้องขัง เหมือนเสียงเสนาะของดนตรี
หลินชิงเวย “ที่จริงพี่สาวของท่านรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าท่านเป็นนักโทษสังหารคนใช่หรือไม่ ภรรยาของท่านต้องการทอดทิ้งพี่สาวที่เป็นเช่นชีวิตจิตใจของท่าน ดังนั้นท่านจึงทำให้นางตายเหมือนอุบัติเหตุจมน้ำตาย ท่านรังเกียจสตรีเช่นนี้ ดูแคลนสตรีเช่นนี้ เพราะรู้สึกว่าสตรีเห็นแก่ตัวเกินไป แต่ท่านไม่ดูตัวเองเสียบ้างว่าท่านมีดีกว่ากันสักเท่าใด ดูแคลนสตรี? มิใช่ข้าผู้ซึ่งเป็นสตรีคนหนึ่งที่ส่งเจ้าเข้ามาในคุกหลวงหรือไร”
มือปราบหลิวพูดเสียงต่ำ “เช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า น่าเสียดายที่เจ้าไม่มีหลักฐาน”
มีคนเข้ามาในยามนี้พอดี เสียงรายงานว่า “เซ่อเจิ้งอ๋อง คุณชายหลิน ดาบของมือปราบหลิวได้รับการชันสูตรแล้ว ถูกต้องตรงกันกับบาดแผลบนร่างกายของศพ ดาบของมือปราบหลิวก็คืออาวุธที่สังหารเจียงหมิงจูขอรับ”
หลินชิงเวยมองดูใบหน้าของมือปราบหลิวที่เส้นเลือดสีเขียวข้างขมับเต้นตุบๆ นางพูดยิ้มๆ ว่า “ท่านบอกว่าข้าไม่มีหลักฐาน หากข้ามีใจจะตรวจสอบท่าน ยังกลัวว่าจะหาหลักฐานไม่ได้หรือไร เจ้าเป็นคนคลุ้มคลั่ง เพียงแต่นี่ไม่อาจกล่าวโทษว่าท่านเลินเล่อเกินไป เพียงแต่ตกมาอยู่ในมือของข้าไม่ถือว่าท่านเสียเปรียบหรอกนะ”