ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - บทที่ 183 ทัศนียภาพในหอคณิกา
ผู้ที่เข้ามาใช้บริการที่นี่ย่อมมีฐานะดีกว่าหอคณิกาอื่นมิใช่เพียงแค่ขั้นเดียว
หลินชิงเวยคิดในใจ หากหวงยาเข้ามาที่นี่แล้วนางอยู่ในขั้นใด เด็กสาวคนนั้นในยามปกติไม่ค่อยได้แต่งเนื้อแต่งตัว แต่หลินชิงเวยรู้ดีว่าหากนางแต่งเนื้อแต่งตัวแล้วย่อมต้องเป็นแม่นางรูปโฉมงดงามคนหนึ่งแน่นอน
เซียวเยี่ยนอยู่ด้านข้างเห็นใบหน้าของหลินชิงเวยท่ามกลางแสงสว่างจากโคมไฟ และดวงตากระจ่างใสที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาถามขึ้นเสียงเย็นว่า “ยืนดูหน้าประตูก็ดูแล้ว ยามนี้สมควรกลับไปได้แล้วหรือไม่”
หลินชิงเวยเม้มปากหัวเราะแล้วหันหน้ามาพูดกับเซียวเยี่ยน “ท่านอา ท่านเคยมาที่นี่หรือไม่?”
“ไม่เคย”
หลินชิงเวยสังเกตสีหน้าเขาอย่างละเอียด รอยยิ้มบนใบหน้าของนางหายไป “ท่านพูดปด ท่านเคยมาที่นี่ ท่านมาทำอันใดที่นี่? ได้แตะต้องสตรีข้างในหรือไม่?”
เซียวเยี่ยนหางตากระตุก “ก่อนหน้านี้เซียวอี้มาที่นี่เป็นประจำ เมื่อเปิ่นหวางต้องการหาเขาจำต้องมาที่นี่”
“คำพูดนี้เป็นเรื่องจริง” หลินชิงเวยเบะปาก
ก่อนหน้านี้? ก่อนหน้านี้นานเท่าใดกัน ตั้งแต่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังมีชีวิตอยู่หรือ บัดนี้ดูแล้วเขาและเซี่ยนอ๋องไม่เหลือความผูกพันระหว่างพี่น้องแล้ว
ทันใดนั้น หลินชิงเวยก็ชี้ไปด้านหลังเซียวเยี่ยน “เอ๊ะ ไฉนเขาจึงมาได้?”
เซียวเยี่ยนหันกลับไปดู เห็นเพียงแค่ด้านหลังมีคนส่วนหนึ่งกำลังสัญจรไปมา สายตาของเขากวาดตามองไปรอบๆ ทว่ากลับมองไม่เห็น ‘เขา’ ที่หลินชิงเวยเอ่ยถึง เมื่อเขาหันกลับมาอีกครั้ง คนที่อยู่เบื้องหน้าหายตัวไปแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมองไปเห็นหลินชิงเวยกำลังจะเดินเข้าประตูใหญ่ของหอวสันตฤดู ทันทีที่นางเดินเข้าไปในกลุ่มฝูงชนของหอวสันตฤดูก็มีแม่นางคนหนึ่งก้าวเข้ามาถามไถ่ทันที
เมื่อนางเข้าไปยังไม่ลืมที่จะหันมาทิ้งหางตาให้เซียวเยี่ยน
สีหน้าของเซียวเยี่ยนพลันเปลี่ยนไปเป็นปีศาจ อันใดที่ว่ายืนดูหน้าประตูก็กลับ ที่แท้สตรีนางนี้กำลังหลอกลวงเขา มีเพียงหลอกให้เขาพานางมาที่หน้าประตูหอวสันตฤดู นางจึงจะฉวยโอกาสที่เขาไม่ทันป้องกันเดินเข้าไป
มิน่าเล่าเมื่ออยู่ข้างนอกหลินชิงเวยจึงได้ยินเสียงบรรเลงของพิณ ทันทีที่เดินเข้ามาก็มองเห็นห้องโถงรูปทรงกลมขนาดสูงใหญ่ ล้อมรอบไปด้วยหอทั้งสามชั้น ราวบันไดไม่ได้หันออกไปหาถนนด้านนอกแต่หันเข้าหาห้องโถงใหญ่ ตรงกลางของห้องโถงใหญ่มีเวทีอยู่เวทีหนึ่ง บนเวทีมีหญิงสาวหลายคนกำลังแสดงการร่ายรำ หรือไม่ก็บรรเลงดนตรีด้วยเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ เป็นการผสมผสานที่ลงตัวอย่างไร้ที่ติ ดนตรีที่พวกนางบรรเลงออกมาแค่เพลงเดียวแทบจะทำให้หูของพวกเขาฟังแล้วตั้งครรภ์ได้ทีเดียว
หลินชิงเวยเพิ่งจะเรียนรู้ว่าอันใดเรียกว่าเพียบพร้อมไปด้วยรูปโฉมและสติปัญญา
ด้านล่างเวทีมีโต๊ะและเก้าอี้วางอยู่ มีผู้ฟังหลายคนนั่งอยู่ที่นั่น อาจจะมาฟังอย่างบริสุทธิ์ใจ หรือเพื่อทำอย่างอื่น มีแม่นางคนหนึ่งถือกาน้ำชาดินเผากาหนึ่ง นางมีรูปโฉมงดงามราวกับจะคั้นน้ำออกมาได้ ท่าทางที่นางรินน้ำชานั้นงดงามเหลือแสน ชัดเจนยิ่งนักว่าได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
หลินชิงเวยคิดในใจ หวงยาเพิ่งจะขายตัวเข้ามาที่นี่ น่าจะเป็นแม่นางรินน้ำชาคนหนึ่งเช่นกัน เพียงแต่สามารถเข้ามาเป็นสาวใช้ที่นี่ได้ย่อมดีกว่าอยู่ในหอคณิกาอื่นเป็นแน่ ทว่าหอวสันตฤดูยินดีรับหวงยาที่ขายตัวเข้ามาที่นี่ ย่อมมิให้นางเป็นเพียงสาวใช้สามัญคนหนึ่ง
หลินชิงเวยแทบจะไม่ต้องเสียเวลามองหาก็เห็นหวงยา หวงยาเห็นว่านางมาที่นี่ ดวงตาทั้งคู่จึงเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ
เมื่อแรกที่หลินชิงเวยกวาดสายตามองไป นางยังจำหวงยาไม่ค่อยได้ บนร่างของนางมิได้สวมอาภรณ์เนื้อหยาบอีกแล้ว ศีรษะของนางมิได้ยุ่งเหยิงเป็นรังนกอีกต่อไป นางอยู่ในอาภรณ์ผ้าโปร่งสีชมพูพอดีตัว บนศีรษะยังปักปิ่นดอกไม้เล็กๆ อันหนึ่ง จอนผมของนางระเรื่อยมาตามกรอบหน้า แทบจะกลายเป็นคนละคน
ไม่อาจไม่พูดว่าเถ้าแก่ของหอวสันตฤดูนั้นสายตาแหลมคมยิ่งนัก ยามนี้เมื่อหวงยาได้แต่งเนื้อแต่งตัวขึ้นมาแล้วไม่ได้มีรูปโฉมด้อยไปกว่าแม่นางคนอื่นๆ แม้แต่น้อย
ในบรรดาสาวใช้ของหอวสันตฤดู นางดูเหมือนจะอายุมากสักหน่อย และดูเป็นผู้ใหญ่
เมื่อเซียวเยี่ยนก้าวเข้ามานั้นเขาไม่แยแสต่อเสียงเรียกของสาวใช้ ทว่าตรงเดินเข้าไปหาหลินชิงเวย ยามนี้หลินชิงเวยอยู่กับหวงยาแล้ว
หวงยา “พี่สาว…คุณชาย ไยจึงมาที่นี่ได้เจ้าคะ”
หลินชิงเวยเลิกคิ้วมองไปรอบๆ “ได้ยินว่าเจ้าเข้ามาอยู่ที่นี่จึงมาดูสักหน่อย พอจะหาสถานที่สำหรับพูดคุยกันได้หรือไม่”
หวงยาเพิ่งจะเข้ามายังสถานที่แห่งนี้เช่นกัน จึงเดินไปถามพ่อบ้าน พ่อบ้านเห็นบุคลิกท่าทางของหลินชิงเวยและเซียวเยี่ยนไม่สามัญ จึงอนุญาตให้พวกเขาคุยกันเป็นเวลาสั้นๆ
ที่นั่นเป็นห้องพักแขกห้องหนึ่ง และเป็นห้องของหวงยาในหอวสันตฤดู ภายในมีกลิ่นหอมอบอวล ม่านผ้าโปรงปลิวพลิ้ว ดูแล้วมีบรรยากาศกำกวมอยู่บ้าง หลินชิงเวยก้าวเท้าเข้าไปก้าวหนึ่งแล้วหันกลับมองเซียวเยี่ยนที่ไม่ได้ตามเข้าไป จึงไม่ฝืนใจเขา นางเพียงแต่พูดว่า “ท่านจะลงไปฟังดนตรีหรือไม่ เมื่อข้าพูดคุยกับนางแล้วค่อยลงไปหาท่าน”
สีหน้าของเซียวเยี่ยนทั้งดำคล้ำทั้งบูดบึ้ง ความอดทนของเขาต่อสถานที่แห่งนี้แทบจะถึงที่สุดแล้ว เขาคิดว่าเขาแทบทนไม่ไหวที่จะหิ้วตัวหลินชิงเวยโยนออกไป
หลินชิงเวยเห็นเขาไม่พูดจาจึงพูดกลั้วหัวเราะ “หรือท่านคิดจะเข้ามาร่วมทุกข์ร่วมสุขกับข้าด้วย”
เซียวเยี่ยนร้องฮึเสียงเย็นครั้งหนึ่ง “ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งก้านธูป หากเจ้ายังกล้าทำตัวเหลวไหล…”
“ท่านจะทำอย่างไรล่ะ” หลินชิงเวยมองเขาแล้วหัวเราะ
เขาสะบัดแขนเสื้อ หรี่ตาลงพูดเสียงเย็นว่า “เจ้ารู้ผลลัพธ์ดี” ต่อมาเซียวเยี่ยนหันกายเดินอาดๆ จากไป
หลินชิงเวยไม่ได้รีบร้อนเข้าไปในห้อง เพียงครู่เดียวก็เห็นเซียวเยี่ยนสะบัดอาภรณ์นั่งลงในห้องโถงใหญ่ราวกับเป็นน้ำแข็งก้อนใหญ่ แม่นางคนหนึ่งรีบเข้ามารินน้ำชาให้เขาทันที
ทว่าหลินชิงเวยคาดไม่ถึงว่าเมื่อนางเข้าไปในห้องแล้ว เซียวเยี่ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เป็นที่ชื่นชอบของผู้อื่นเพียงใด เขาเพียงแต่นั่งอยู่ที่นั่น ด้วยใบหน้าหล่อเหลาคมสันโดยไม่แตะต้องถ้วยน้ำชาข้างมือ ใบหน้าเย็นชาของเขาดึงดูดความสนใจของบรรดาแม่นางในหอวสันตฤดู ถึงกับลดฐานะลงไปเชิญเขาที่ห้องโถงใหญ่ด้วยตนเอง นี่ไม่ใช่การกระทำของสตรีเพียงคนเดียว สตรีคนแล้วคนเล่าที่ลงไป เขาล้วนไม่ขยับเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น แต่สามารถทำให้แม่นางเหล่านั้นต่อสู้กันอย่างลับๆ
ต่อให้เป็นลูกค้าผู้มีฐานะที่มักจะมาใช้บริการในหอวสันตฤดูอยู่เป็นนิจก็หาได้น้อยนักที่จะมีบุคลิกท่าทางเช่นเซียวเยี่ยน แม่นางทั้งหลายต่างออกมากระทำการโง่เขลา กระทั่งเถ้าแก่ของหอวสันตฤดูยังตกตะลึง
แน่นอนว่าบรรดาลูกค้าที่มักจะมาที่นี่ย่อมไม่ขาดซึ่งคนชั้นสูง ขุนนางใหญ่ในเมืองหลวง พวกเขาคาดไม่ถึงว่าทันทีที่เข้ามาหรือทันทีที่ออกไปจะได้พบกับพระองค์ใหญ่นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ ไยจะไม่รู้จักเขาเล่า เซ่อเจิ้งอ๋องนี่นา! ไฉนเซ่อเจิ้งอ๋องจึงมาสถานที่เช่นนี้?
อีกทั้งดูท่าทางสมบูรณ์แบบของเขาที่นั่งอยู่ที่นั่นโดยไม่เคลื่อนไหว ดูก็รู้ว่ามิได้มาหาความสุขที่นี่ แต่ดูเหมือน…มาสังเกตการณ์มากกว่า แล้วจะได้ดูด้วยว่ามีขุนนางของราชสำนักคนใดบ้างที่เข้าออกสถานที่แห่งนี้
ขุนนางที่ยังสวมชุดขุนนางอยู่ล้วนตื่นตระหนกตกใจจนต้องหาที่หลบซ่อนตัว หากถูกเขาเห็นเข้าต้องจบเห่แน่ๆ เพียงแต่ไม่ว่าพวกเขาจะซ่อนตัวอย่างไรก็ไม่อาจซ่อนตัวจากสายตาของเซียวเยี่ยนได้ เพียงแต่เซียวเยี่ยนเห็นแล้วทำมองไม่เห็นเท่านั้น
หาไม่แล้วพรุ่งนี้จะต้องมีรายชื่อขุนนางกลุ่มหนึ่งถูกลงโทษด้วยความผิดฐานประพฤติตัวไม่เหมาะสม เซียวเยี่ยนไม่ได้สนใจพวกเขา ทว่าวันรุ่งขึ้นเรื่องที่เซ่อเจิ้งอ๋องไปเยือนหอคณิกากลับถูกขุนนางพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวอย่างทั่วถึง
แต่เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องในภายหลังแล้ว