ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - บทที่ 184 เถ้าแก่เนี้ยหอวสันตฤดู
ยามนี้หลินชิงเวยและหวงยาอยู่ในห้อง นางสังเกตหวงยาอย่างละเอียด หวงยาจึงรู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองนัก หลินชิงเวยพูดขึ้นว่า “ขอถามว่าเวลานี้ข้าควรจะเรียกเจ้าว่าอย่างไร?”
หวงยา “มามา[1]ตั้งชื่อใหม่ให้ข้าว่า ฝูอวี้ เจ้าค่ะ”
หลินชิงเวยพยักหน้า “ฝูอวี้ ชื่อดี”
ฝูอวี้หันไปรินน้ำชาให้หลินชิงเวยแล้ววางไว้เบื้องหน้านาง หลินชิงเวยประคองถ้วยน้ำชาเอาไว้พลางช้อนตาขึ้นมองนาง “วันนี้เพิ่งรู้ว่าเจ้าเป็นหญิงงามคนหนึ่ง มามาคนนั้นของเจ้าสายตาเฉียบคมไม่เลว”
ฝูอวี้หัวเราะเสียงขื่น “ที่จริงข้าไม่รู้ว่าข้าสามารถสวมอาภรณ์งดงามเช่นนี้ได้ เมื่อแต่งตัวแล้วจะงดงามเช่นนี้ ยังต้องขอบคุณมามา ขอบคุณหอวสันตฤดูแห่งนี้เจ้าค่ะ”
“เจ้ายินดีที่จะขายตัวเข้ามาสถานที่เช่นนี้จริงหรือ”
ฝูอวี้พยักหน้า “พี่สาวไม่ต้องกังวลแทนข้าเจ้าค่ะ ครั้งนี้ข้าตัดสินใจด้วยตนเอง ข้านำเงินขายตัวมอบให้กับยายหวังและหลานชายของนาง แต่นี้ต่อไปไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเขาอีก ต่อไปล้วนมีชีวิตเพื่อตนเอง”
หลินชิงเวยสูดลมหายใจเข้าลึก มือที่ถือถ้วยน้ำชานั้นเกร็งแน่น “มีชีวิตอยู่เพื่อตนเองเป็นเรื่องที่ดี แต่เจ้าควรจะกระจ่างแจ้งว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่เช่นไร ต่อไปเจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับเส้นทางที่เจ้าเลือกเองอย่างไร หากเป็นเช่นนั้น ภายในวันสองวันเจ้าก็ตัดสินใจเส้นทางในภายหน้าเสียแล้ว เจ้าตัดสินใจรวดเร็วไปหรือไม่ หากเจ้าเป็นหญิงค้าประเวณีแล้ว ต่อไปจะ…”
“จะเงยหน้าขึ้นมาได้อย่างไรใช่ไหมเจ้าคะ?” ฝูอวี้ช้อนตาขึ้นมองหลินชิงเวยตรงๆ “ต่อให้ไม่มาที่นี่ ต่อไปข้าก็จะเงยหน้าขึ้นได้แล้วหรือเจ้าคะ? เพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียงเหล่านั้นที่รู้เรื่องของข้า ไม่ว่าข้าจะเดินไปที่ใดหรือทำอะไร พวกเขาก็จะมองข้าด้วยสายตาสมเพชและเวทนา ข้ารู้ว่าที่นี่คือหอโคมเขียว เป็นสถานที่ที่ใช้กามารมณ์มารับรองลูกค้า อยู่ที่นี่ไม่มีใครรังเกียจใคร เพราะทุกคนล้วนเหมือนกัน แต่อยู่ที่นี่ได้แต่งตัวงดงามจับใจผู้คนได้ อาหารทุกมื้อไม่เพียงแต่กินให้อิ่มท้องได้ ยังได้กินอาหารดีๆ มากมาย รอให้ข้าคุ้นเคยกับที่นี่แล้ว มามาก็จะหาคนมาสอนข้าเขียนหนังสือ สอนข้าบรรเลงพิณ ร่ายรำ เมื่อก่อนไม่ว่าข้าจะพยายามเพียงใดก็ไม่มีโอกาสเรียนรู้ในเรื่องเหล่านี้ ต่อไปข้าจะไม่ใช่คนที่ทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง เมื่อคนอื่นมองข้า นอกจากรูปร่างหน้าตาอันงดงามของข้าแล้วย่อมต้องมีอย่างอื่นที่สามารถแสดงฝีมือออกมาได้บ้าง”
หลินชิงเวยถามเบาๆ “สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นมามาพูดให้เจ้าฟังหรือ”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ เป็นข้าที่คิดเช่นนี้เอง” ฝูอวี้พูด “หญิงโคมเขียวแล้วอย่างไรเล่า พี่สาวไม่ใช่เคยพูดว่า ข้าไม่กลัวคนอื่นรังเกียจ ขอเพียงตัวข้าเองไม่รังเกียจตัวเองก็พอแล้ว”
ในต้าเซี่ย หอคณิกาถือเป็นการค้าและอาชีพอย่างหนึ่งที่ถูกกฎหมาย แม้ว่าหญิงในหอคณิกาจะมีสถานะต่ำต้อย แต่ก็เป็นอาชีพๆ หนึ่ง หลินชิงเวยกล่าว “ในเมื่อเจ้าได้ตัดสินใจเลือกเองแล้ว ข้าก็ไม่ขัดขวางเจ้า ข้าเพียงแต่มาถามดูเท่านั้นว่าทั้งหมดล้วนเป็นความเต็มใจของเจ้าหรือไม่ หากไม่ใช่ ข้าช่วยเจ้าได้”
ฝูอวี้หัวเราะ “ทั้งหมดล้วนเป็นความเต็มใจของข้า พี่สาวได้ช่วยเหลือข้ามากมายแล้ว ภายหน้าหากมีโอกาส ฝูอวี้จะต้องตอบแทนอย่างเต็มกำลังความสามารถเจ้าค่ะ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฝูอวี้ลุกขึ้นไปเปิดประตู เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตู นางตะลึงงันแล้วพูดขึ้นอย่างนอบน้อม “มามา”
หลินชิงเวยกวาดตามองไปเห็นสตรีที่ยืนอยู่ข้างประตูนางนั้นแล้วตกตะลึงเช่นกัน นางคิดว่าคนที่จะเป็นแม่เล้าผู้ควบคุมดูแลหอวสันตฤดูจะต้องเป็นสตรีในวัยกลางคนเป็นแน่ ไหนเลยจะคิดว่าเป็นสตรีหน้าตางดงามอายุเยาว์เช่นนี้ นางสวมอาภรณ์กระโปรงสีแดงทั้งชุด ในมือถือถาดใบหนึ่งอย่างสง่างาม ในถาดนั้นมีสุรากาหนึ่ง นางก้าวเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนริมฝีปาก หากเป็นบุรุษแท้ๆ ทั้งแท่งนั่งอยู่ที่นี่จริงๆ จะต้องถูกสายตายั่วยวนนั้นทำให้ใหลหลงเป็นแน่ ที่จริงแล้วนางไม่ได้มีรูปโฉมงดงามโดดเด่น ท่าทางของนางงดงามด้วยตนเอง บุคลิกและกลิ่นอายที่แผ่กระจายออกมาจากเรือนร่างของนางทำให้คนรู้สึกหลงใหล
มามาเดินเข้ามาพร้อมกับใช้นิ้วมือจิ้มไปที่หน้าผากของฝูอวี้ “เรียกมามาทำให้ข้าดูแก่ขนาดไหน เรียกพี่สาวสิ”
นางวางสุราลงบนโต๊ะแล้วหันมาพูดกับหลินชิงเวย “คิดไม่ถึงว่าอวี้เอ๋อร์ของพวกเราเพิ่งมาที่นี่ได้สองวัน ก็มีแขกท่านแรกในชีวิตของนางมาเยี่ยมเยียนเสียแล้ว ช่างเป็นวาสนาของอวี้เอ๋อร์ยิ่งนัก สุรานี้ถือว่าข้ามอบให้ก็แล้วกัน หวังว่า…คุณชายจะไม่รังเกียจ” ที่จริงแล้วที่นางมาด้วยตนเองเป็นเพราะได้ยินว่าคุณชายในห้องของฝูอวี้นั้นมาพร้อมกับคุณชายที่นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ท่านนั่นต่างหาก คุณชายในห้องโถงใหญ่ท่านนั้นไม่ยอมจากไปและไม่ยอมให้หญิงสาวไปปรนนิบัติ ทำให้บรรดาหญิงสาวเริ่มอิจฉาริษยาและต่อสู้กับลับๆ แล้ว นางจึงไม่อาจไม่มาหาฝูอวี้เพื่อหาวิธีจัดการ ฝูอวี้เพิ่งจะเข้ามาที่นี่ได้สองวัน คุณชายทั้งสองท่านมาเยือนเพราะต้องการมาหานาง ชัดเจนยิ่งนักว่าพวกเขารู้จักกัน ไม่ใช่มาใส่ไคล้ก็ต้องมาเกลี้ยกล่อมให้ฝูอวี้จากไป นางเป็นเถ้าแก่ของหอวสันตฤดูแห่งนี้จะยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
หลินชิงเวยไม่ถือสาเช่นกัน สายตาของสตรีผู้นี้อ่านคนมานับไม่ถ้วนไหนเลยจะมองสถานะของนางไม่ออก หลินชิงเวยหัวเราะเบาๆ “คิดไม่ถึงว่าเถ้าแก่ของหอวสันตฤดูจะเป็นสตรีรูปโฉมงดงามคนหนึ่ง ช่างทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริงๆ”
แม่เล้ากล่าวเสียงอ่อนหวาน “คุณชายเองก็ไม่เลวทีเดียว” พูดแล้วก็จดจ่ออยู่กับการรินสุราสองจอก ตนเองหยิบขึ้นมาดื่มจอกหนึ่ง “ข้ากำลังคิดว่าคุณชายต้องตาแม่นางที่ข้าเพิ่งจะซื้อตัวเข้ามา ที่แท้คุณชายรู้จักกับอวี้เอ๋อร์ ข้ากังวลว่าอวี้เอ๋อร์จะล่วงเกินคุณชาย อีกทั้งยังกลัวว่าคุณชายจะมาพาอวี้เอ๋อร์ของข้าไปจากที่นี่ จึงต้องมาลงมารับรองคุณชายด้วยตนเอง”
หลินชิงเวยพูดอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน “หากนางคิดเสียใจภายหลังและอยากไปจากที่นี่ ข้าก็จะพานางออกไปจากที่นี่ เพียงแต่ดูท่าแล้วนางจะถูกมามาเช่นท่านล้างสมองสำเร็จแล้ว นางยังคงยืนกรานไม่เปลี่ยนแปลงจนถึงเดี๋ยวนี้ เมื่อผ่านหมู่บ้านนี้ไปก็ไม่มีร้านค้านี้แล้ว”
ริมฝีปากแดงจัดของแม่เล้ายกยิ้มขึ้นอย่างน่าหลงใหล “แน่นอน แม่นางที่มาถึงหอวสันตฤดูน้อยยิ่งนักที่จะมาด้วยความเต็มใจ อวี้เอ๋อร์เหมือนจะทำให้ข้ามองเห็นอดีตของตัวเอง” มือข้างหนึ่งของนางแตะคาง อีกมือหนึ่งยกขึ้นมาลูบเส้นผมของฝูอวี้อย่างอ่อนโยนแล้วหรี่ตาลงพูดอย่างเกียจคร้านว่า “นางเหมือนข้าในวัยสาวยิ่งนัก ท่านโปรดวางใจ นางอยู่กับข้าที่นี่ไม่มีวันเสียเปรียบ”
“ไม่มีวันเสียเปรียบ?” หลินชิงเวยพูดอย่างเห็นขัน “ท่านจะไม่ให้บุรุษแตะต้องนางหรือไร”
แม่เล้าหัวเราะเบิกบานใจ “คุณชายช่างรู้จักล้อเล่น แม่นางที่เข้ามาในสถานที่เช่นนี้ก็เพื่อให้บุรุษมาแตะต้อง เรื่องนี้ข้าไม่กล้ารับรอง แต่ข้ารับรองได้ว่าราคาที่บุรุษแตะต้องนางย่อมไม่ต่ำจนเกินไป”
แม่เล้าผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นผู้ชมชอบการร่ำสุรา นางรินสุราให้หลินชิงเวย แต่หลินชิงเวยไม่แตะต้อง นางกลับทำเหมือนมองไม่เห็นและไม่ตักเตือน ตนเองร่ำสุราของตนเอง ไม่กี่จอกก็มีท่าทีเหมือนเมาสุรา แต่หลินชิงเวยคิดในใจว่าสตรีที่อยู่ในแวดวงการค้าประเวณี อีกทั้งเป็นเถ้าแก่ของหอวสันตฤดูแห่งนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะคออ่อนเช่นนี้ หรือนี่อาจเป็นวิธีการหนึ่งที่นางใช้กับบุรุษ ดูท่าทางเมามายสุราของนางแล้วมีเสน่ห์ยิ่งนัก
หลินชิงเวย “นี่ล้วนเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจเลือกเอง ผู้อื่นย่อมไม่อาจก้าวก่ายได้” นางมองไฝเม็ดหนึ่งบริเวณกลางหว่างคิ้วของแม่เล้า พลันคิดถึงอะไรขึ้นมาได้ “มามารู้จักคนคนหนึ่งหรือไม่ เขาชื่อหลี่ป้า”
หลี่ป้าผู้นั้นก็คือนักโทษผู้ก่อคดีฆาตกรรมก่อเนื่องก่อนหน้านี้
[1] เป็นคำเรียกที่หญิงในหอคณิกาเรียกเถ้าแก่เนี้ย หรือแม่เล้า, มาม่าซัง นั่นเอง