ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - บทที่ 200 เกือบจะกลายเป็นอาหารเข้าปากเสือไปแล้ว
หลินชิงเวยยืนอยู่ในความมืดบนทางสายนั้น สองข้างทางล้วนเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น เงาร่างสีเขียวอ่อนของนาง กระโปรงถูกกรีดขาดแหว่งหลายจุด ผิวบางส่วนของนางถูกข่วนจนปรากฏให้เห็นรอยแดง ช่างน่าอเนจอนาถนัก
หลินชิงเวยไม่เหลือเรี่ยวแรงเท่าใดแล้ว หลังจากเสือตัวใหญ่พบเห็นนางแล้วต่อให้เหนื่อยกว่านี้ ยากลำบากกว่านี้ก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
ทำอย่างไรดี?
หลินชิงเวยยกมือขึ้นบีบริมฝีปากผิวปาก เสียงใสกังวานเพียงครั้งเดียว ทว่าสะท้อนไปไกลยิ่ง เสียงผิวปากนั้นหนักแน่นและแหลมจนบาดหู
นางรู้ว่านางสู้เสือไม่ได้ หากเสือตัวนี้กระโจนเข้ามาตะปบนางด้วยฝ่ามือเดียว นางย่อมตายสนิท ดังนั้นหลินชิงเวยย่อมต้องเรียกทัพหนุนออกมาช่วย
เมื่อเสียงผิวปากสิ้นสุดลงพลันเกิดเสียงสวบสาบๆ ขึ้นรอบด้าน ฝูงงูกำลังเลื้อยมุ่งหน้ามายังสถานที่แห่งนี้
นางอับจนหนทาง และนางรู้ดีว่าต่อให้ฝูงงูมาถึงนี่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเสือตัวนี้ ด้วยรูปร่างของงูทั้งผอมและเล็ก เสือตัวนี้เหยียบย่ำไปเพียงครั้งเดียวงูตายไปไม่รู้กี่ตัวต่อกี่ตัว อีกทั้งงูที่นางเลี้ยงเอาไว้เหล่านั้นโดยส่วนใหญ่ล้วนถูกนางรีดพิษออกหมดแล้ว พวกมันไม่มีพิษ
และสิ่งที่หลินชิงเวยไม่รู้ก็คือเสือตัวนี้เป็นเสือเปี่ยมประสบการณ์ ไม่รู้ว่ามันผ่านการรบราฆ่าฟันมามากน้อยเท่าใดจึงมีชีวิตรอดมาจนถึงวันนี้
การต่อสู้ระหว่างงูและเสือในครั้งนี้ย่อมต้องเป็นการบาดเจ็บล้มตายอย่างสาหัสแน่แล้ว
ภายในระยะเวลาชั่วครู่ฝูงงูได้มารวมตัวกันแล้ว พวกมันขวางอยู่ตรงกลางระหว่างร่างของหลินชิงเวยและเสือตัวนั้น
งูที่เป็นผู้นำตัวนั้นยืดตัวขึ้นมา เป็นงูที่หลินชิงเวยไม่เคยพบเห็นมาก่อน ตรองดูแล้วน่าจะเป็นงูที่อยู่ละแวกใกล้เคียงที่มาช่วยเหลือ มีงูมากมายที่หลินชิงเวยไม่เคยพบเห็นมาก่อน และไม่ใช่งูที่นางเลี้ยงเอาไว้
พวกมันกำลังข่มขู่เสือ ราวกับส่งสัญญาณเตือนเสือว่าเสือและงูไม่ต่อสู้กัน
แต่เสือตัวนี้ดวงตามืดบอดเสียแล้ว มันไหนเลยจะยอมปล่อยเนื้อชิ้นนี้ให้หลุดรอดออกจากปากของมันเล่า มันเป็นฝ่ายรุกเพื่อเข้าต่อสู้กับฝูงงูทันที
ฝูงงูล้อมเข้าไปราวกับฝูงผึ้งดูเหมือนล้อมรอบทุกด้านของเสือตัวนั้น เสือตัวนั้นไม่แสดงท่าทีอ่อนแอเช่นกัน ร่างของมันสั่นสะท้าน ตะปบอุ้งมือออกมาทำให้งูไม่น้อยตื่นตระหนก ฝ่าเท้าของมันเหยียบย่ำและบดขยี้อย่างรุนแรง งูเหล่านั้นเลื้อยไปข้างหน้าและข้างหลัง ขึ้นไปบนร่างของเสือ
เสือบังเกิดโทสะไม่เพียงใช้กรงเล็บอันแหลมคมของมัน ยังใช้ปากกัดงูให้ขาดสะบั้นเป็นสองท่อนอย่างโหดเหี้ยมไร้ปรานี งูเหล่านั้นฝังเขี้ยวคมลงไปบนร่างของเสืออย่างไม่ยั้งมือเช่นกัน ทั่วร่างของเสือเต็มไปด้วยร่องรอยของเลือดที่ซึมออกมาตามขนของของมัน แต่ไม่อาจทำให้มันบาดเจ็บจนเสียชีวิตได้
เสือตัวนั้นจดจ่อที่จะกระโจนเข้าหาร่างของหลินชิงเวย แม้มันจะถูกฝูงงูรัดเท้าเอาไว้ แต่ยังคงค่อยๆ คืบคลานเข้าใกล้ทีละเล็กละน้อย งูเหล่านั้นสูญเสียกำลังไปกว่าครึ่ง หลินชิงเวยตื่นตระหนกจนตัวโยน ชิงหลันที่อยู่ในอ้อมกอดของนางกระตือรือร้นที่จะออกมาโจมตี แต่ถูกนางกดเอาไว้ หากไม่หนีในเวลานี้ จะรอถึงเมื่อใดเล่า
ดังนั้นหลินชิงเวยหันหน้าก็วิ่งออกไปข้างหน้า
เสือตัวนั้นเห็นหลินชิงเวยจะวิ่งหนี มันจึงไม่ยินดีในชั่วพริบตาและไม่ใส่ใจว่างูจะยื้อมันไว้อย่างไร มันโผนกายกระโจนร่างพุ่งไปตามทิศทางที่หลินชิงเวยวิ่งออกไป
แม้แต่ฝูงงูก็จนใจที่ทำอะไรมันไม่ได้ ยามนี้หลินชิงเวยรู้สึกสิ้นหวังแล้วจริงๆ นางถือเข็มเงินสองเล่มอยู่ในมือ แต่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสแทงเข้าไปในร่างกายของเสือหรือไม่ หากแทงเข้าไปในร่างของเสือขณะที่มันอ้าปากจะกัดนาง ย่อมมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่านางจะถูกมันกัดหลายแผล
อย่าได้พูดถึงว่าจะหนีพ้น ต่อให้มีชีวิตรอดก็ยังยาก
ยังดีที่รูปร่างของหลินชิงเวยนั้นคล่องแคล่วว่องไวมาโดยตลอด ขณะที่เสือตัวนั้นพุ่งทะยานเข้ามานาง ร่างของนางกลับหลบหลีกได้ฉับไว ส่งผลให้เสือตัวนั้นคว้าได้เพียงความว่างเปล่า ร่างอันหนักอึ้งของมันล้มลงบนพื้น กรงเล็บทั้งสี่ของมันตะปบลงบนพื้นดินเต็มแรง และด้วยเหตุที่ตะไคร่น้ำสีเขียวขึ้นอยู่เต็มพื้นทำให้ไถลออกไปไกลราวๆ หนึ่งจั้ง ทิ้งรอยข่วนของกรงเล็บไว้เป็นทางยาว
หลินชิงเวยรวบรวมสมาธิ เมื่อเสือตัวนั้นพุ่งเข้ามาหาร่างของนางอีก นางหลบหลีกอย่างว่องไวอีกครั้ง ประจวบเหมาะกับด้านหลังของนางมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง หัวของเสือตัวนั้นจึงชนเข้ากับต้นไม้
การเคลื่อนไหวของมันแปรเปลี่ยนเป็นเชื่องช้าลงเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
หลินชิงเวยประเมินในใจ หากไม่ให้เสือตัวนี้ชนเข้าต้นไม้สักหลายหน ชนให้เวียนหัวตาลายไปเลย ตนเองยังแยกทิศไม่ถูกในยามนี้
หัวใจของหลินชิงเวยเต้นระรัวอย่างน่ากลัว นางรู้สึกว่าเลือดในกายล้วนจ่อมจมอยู่บนขาทั้งคู่ มือทั้งคู่ของนางเย็นเยียบ
เสือตัวนั้นไม่มีจิตใต้สำนึกเฉกเช่นมนุษย์เรา มันบาดเจ็บและไม่รู้ว่าหลินชิงเวยกำลังคิดอะไรอยู่เช่นกัน มันรู้เพียงแต่ว่ามันต้องการกินเนื้อ หลินชิงเวยก็คือเนื้อชิ้นงามอ่อนนุ่มสดใหม่ชิ้นนั้น มันรวบรวมสติ แล้วกระโจนเข้าหาหลินชิงเวยอีกครั้ง
หลินชิงเวยไม่ทันได้ระวังว่าใต้ฝ่าเท้าที่นางยืนอยู่มีตะไคร่น้ำขึ้นอยู่มากมาย นางยืนได้อย่างไม่มั่นคงนักบนพื้นลื่นเพียงนั้น เมื่อเสือตัวนั้นวิ่งเข้าชนต้นไม้ใหญ่ กิ่งไม้และใบไม้บางส่วนร่วงหล่นลงมา ทำให้พื้นดินไม่เสมอกัน หลินชิงเวยกำลังคิดจะหลบหลีกกลับคิดไม่ถึงว่านางจะเหยียบลงบนกิ่งไม้นั้นทำให้ขาพลิกทันที ความเจ็บปวดรวดร้าวนั้นส่งผ่านเข้ามาในประสาทสัมผัส ร่างของนางสูญเสียสมดุลล้มลงบนพื้น
เสือตัวใหญ่หันกลับมาฉีกปากของมัน เขี้ยวของมันแหลมคม น้ำลายหยุดติ๋งๆ ราวกับมันคำรามเสียงของชัยชนะออกมา นาทีถัดมามันไม่เสียเวลาที่จะกระโจนเข้ามาพร้อมกับยื่นกรงเล็บตะปบลงบนแขนเรียวเล็กของหลินชิงเวย
เมื่อกรงเล็บอันแหลมคมนั้นฝังลงบนผิวเนื้อของหลินชิงเวย ความเจ็บปวดราวกับกระดูกจะแตกสลายนั้นส่งผ่านเข้ามาในความรู้สึก แต่นางไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องเหล่านี้ หากนางลงมือช้าไปเพียงแค่ก้าวเดียวย่อมต้องถูกส่งเข้าปากเสือเป็นแน่ หลินชิงเวยยกมือขึ้นอย่างลำบากยากเย็น เข็มเงินในมือมิอาจยกสูงได้กว่านี้จึงได้แต่แทงลงไปบนเท้าหน้าของมันเต็มแรง
เสือได้รับความเจ็บปวดจึงร้องคำรามอย่างเดือดดาล ทว่ามันตั้งใจแน่วแน่เหลือเกินที่จะกินหลินชิงเวยให้ได้ ต่อให้ตัดขาหน้าของมันทิ้ง มันก็ไม่ยอมปล่อยมือ!
ยามนั้นเสือตัวนั้นไม่ถอยอีกต่อไป มันก้มหน้าลงอ้าปากกัดลงบนลำคอของหลินชิงเวย!
ขณะนั้นในหัวสมองของหลินชิงเวยมีเพียงความว่างเปล่าขาวโพลน เห็นตนเองไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ดิ้นรน ในใจจึงมีเพียงความคิดเดียว หากจะกัดก็กัดนางให้ตายในคราเดียวก็แล้วกัน อย่าต้องให้นางรู้สึกทุกข์ทรมานจนเกินไป
ดูเหมือนนางจะลืมตามองเสือดุร้ายน่ากลัวตัวนั้นเข้าใกล้ตนอย่างยิ่ง น้ำลายบนเขี้ยวของมันหยดลงบนลำคอของหลินชิงเวย ไม่ต้องกล่าวถึงว่าน่าสะอิดสะเอียนเพียงใด ชั่วขณะที่ฟันของมันห่างจากลำคอของหลินชิงเวยไม่ถึงเซ็น หลินชิงเวยยังรับรู้ได้ถึงสัมผัสของฟันคมที่ข่วนลงบนผิว แต่เจ้าเสือตัวใหญ่ไม่อาจก้มหน้าต่ำลงมาอีกในทันใด มันขยับเคลื่อนไหวร่างกายหมายจะฝังคมเขี้ยวลงบนลำคอของหลินชิงเวยสักครั้งหนึ่ง มันดิ้นรนอยู่หลายครั้งทว่ายังคงทำไม่สำเร็จ มันเห็นหลินชิงเวยเบิกตากลมโตจ้องมองมันอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะฉีกปากออกส่งเสียงคำรามใส่นางอย่างบ้าคลั่ง
เนื้อชิ้นอวบอ้วนอยู่ตรงหน้าแต่มันกลับกินไม่ได้ อย่าได้กล่าวถึงว่ามันคลุ้มคลั่งปานใด
หลินชิงเวยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน เห็นเพียงร่างของเสือตัวนั้นถอยหลังโดยที่มันไม่อาจต้านทานได้ กรงเล็บทั้งสี่ข้างของบนทิ้งรอยข่วนลึกเป็นทางยาวบนพื้น มันไม่ยินยอมห่างจากหลินชิงเวยเช่นนี้
ต่อมาเมื่อหลินชิงเวยนอนหอบหายใจอยู่บนพื้นจึงเห็นว่าด้านหลังเสือตัวใหญ่มีคนคนหนึ่งยืนอยู่ เงาร่างนั้นสูงใหญ่ มือข้างหนึ่งของเขาจับหางของเสือลากมันไปข้างหลัง
หลินชิงเวยเห็นท่าทางของเขาชัดเจนจึงอดที่จะพรูลมหายใจยาว รู้สึกโล่งอกไม่ได้ นางพบว่าตนเองตกใจเสียจนร่างทั้งร่างอ่อนปวกเปียก แม้กระทั่งเรี่ยวแรงที่จะคลานขึ้นมาก็หาได้มีไม่
ผู้ที่มาคือเซียวเยี่ยนนั่นเอง
ยามนี้แขนเสื้อของเขาสะบัดไปตามแรงลม รังสีเย็นเยียบแผ่กระจายออกจากร่างของเขา ใบหน้าหล่อเหลากลับเย็นชา เส้นผมที่ห้อยตกลงมาปลิวสะบัดอยู่กลางอากาศตามแรงลมพัดให้เห็นเป็นวงกลมงดงาม