ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - บทที่ 217 กล้าแตะต้องบุรุษของข้า
ไทเฮาเสียสติไปแล้ว เมื่อนางคลุ้มคลั่งขึ้นมาช่างน่ากลัวเหลือเกิน ให้เซ่อเจิ้งอ๋องพาไทเฮาหนีไป เซ่อเจิ้งอ๋องต้องถูกประณามจากคนทั้งใต้หล้าชั่วชีวิต ต่อให้เขาไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียว ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ก็ไม่มีวันพานางไปด้วยเด็ดขาด
เซียวเยี่ยนสะบัดมือของนางออก “เป็นเพราะเปิ่นหวางพูดจาไม่กระจ่างแจ้งพอใช่หรือไม่?” เขาพูดเน้นทีละคำ “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นฮองเฮา ไทเฮา ฮองไทเฮาหรือไม่ก็ตาม เปิ่นหวางล้วนไม่สนใจเจ้าแม้แต่น้อย”
สีหน้าของไทเฮาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด กระทั่งใบหน้าที่ประทินโฉมมาอย่างประณีตก็ยังบดบังเอาไว้ไม่ได้ ดวงตาของนางฉาบไปด้วยหยาดน้ำตา นางเริ่มหัวเราะขึ้นมาพร้อมกับจับจ้องเซียวเยี่ยนไม่วางตา “ท่านไม่รักเปิ่นกง เช่นนั้นท่านรักผู้ใดกันแน่ เป็นหลินชิงเวย? หรือเป็นบุตรสาวของราชครูผู้เสียชีวิตไปแล้วที่ท่านส่งออกไปจากเมืองหลวงผู้นั้น?”
แววตาและลมหายใจของเซียวเยี่ยนเปลี่ยนเป็นเดือดดาลในชั่วขณะ
ไทเฮาหัวเราะไม่หยุด นางพูดทั้งหอบหายใจว่า “ครั้งนั้นทั้งเมืองหลวงผู้ใดไม่รู้บ้างว่านางงดงามเพียงใด เหมาะสมกับท่านราวกับบุรุษมากความสามารถ สตรีงดงามเพียบพร้อม ยามนั้นนางเป็นคนที่เปิ่นกงเกลียดชังที่สุด แต่ผ่านมาหลายปีเช่นนี้นางย่อมต้องมีอายุขึ้นแล้วกระมัง เช่นเดียวกับเปิ่นกง” ไทเฮาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอีกพักใหญ่ “แต่บุรุษใดบ้างไม่ชมชอบสตรีอ่อนเยาว์และสดใหม่ ท่านยังคงชมชอบผู้อื่นอยู่ดี”
ทันทีที่สิ้นเสียงลำคอของไทเฮาถูกบีบรัดแน่นหนา เซียวเยี่ยนยกมือขึ้นกุมลูกกระเดือกของนาง ทำให้นางหายใจติดขัด
ทว่านางยังคงต้องการพูดอย่างสิ้นหวังและขมขื่นอยู่นั่นเอง “ดูท่านเดือดดาลถึงเพียงนี้ คิดดูแล้วยังไม่ลืมนางกระมัง หลินชิงเวยหนอหลินชิงเวย ในที่สุดก็ต้องมีจุดจบเช่นเดียวกับข้า ฮ่าๆๆ…มีปัญญาท่านก็สังหารข้าสิ”
“เจ้าคิดว่าเปิ่นหวางไม่กล้าสังหารเจ้าจริงๆ หรือ” น้ำเสียงของเซียวเยี่ยนเย็นเยียบ “อดีตฮ่องเต้ทรงมองคนผิดไปจึงให้สตรีใจคอโหดเหี้ยมเช่นเจ้ามาเป็นฮองเฮา เปิ่นหวางไม่สังหารเจ้า รอเมื่อวันใดวันหนึ่งที่ฝ่าบาทล่วงรู้ความจริงทั้งหมด ยังจะอภัยให้เจ้าได้หรือ?”
ไทเฮาพูดกลั้วหัวเราะ “ข้าไม่ใส่ใจ ข้าไม่ใส่ใจมันตลอดกาล ข้าขอเพียงแค่ทุกเมื่อเชื่อวัน เยี่ยน…คืนนี้ท่านจะหักใจสังหารข้าได้หรือไม่?”
แววตาของเซียวเยี่ยนปรากฏให้เห็นรังสีสังหารอันเย็นชา เขาเพิ่งจะขยับปลายนิ้วมือจึงพบว่าเขาสูญเสียพลังกำลังไปถึงสองส่วน เขายังคงสะบัดมือโยนร่างของไทเฮาไปบนตั่ง ไทเฮาทางหนึ่งเจ็บปวด อีกทางหนึ่งประคองตัวเองลุกขึ้นนั่ง อาภรณ์ผ้าโปร่งเลื่อนหลุดมาตามลาดไหล่ของนาง นางดึงอาภรณ์พร้อมกับเช็ดรอยเลือดข้างริมฝีปากพูดกับเซียวเยี่ยนว่า “จะเป็นการดีที่สุดหากท่านไม่วู่วามเดินพลัง ยิ่งท่านต่อต้าน ท่านจะยิ่งได้รับความเจ็บปวด”
เซียวเยี่ยนพบว่าพลังลมปราณของเขาสับสนไปหมด มันวิ่งวนอยู่ในร่างกายของเขาอย่างยุ่งเหยิง สมองเขาพลันพร่าเลือนไม่แจ่มใส เขาจึงนั่งลงอีกครั้ง มือของเขาประคองหน้าผากแล้วสะบัดศีรษะไปมาพูดด้วยน้ำเสียงคมปลาบ “เจ้าวางยาเปิ่นหวาง?”
ทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในห้องเขาไม่ได้กินอาหารหรือสิ่งของใดๆ และไม่ได้กลิ่นหอมจากเครื่องหอมใดๆ เช่นกัน เช่นนั้นเขาต้องพิษได้อย่างไร?
ไทเฮากล่าวอย่างเบิกบานใจ “เปิ่นกงไม่ได้วางยาอันใดกับท่าน แค่เพียงแตะเครื่องหอมบนข้อมือและลำคอของท่านเท่านั้น ไร้สีไร้กลิ่น ทว่ากลับกำจายทั่วในอากาศ นี่เป็นเครื่องหอมที่เปิ่นกงได้มาใหม่ บุรุษคนใดสูดดมเข้าไปแล้วล้วนต้องสยบอยู่ใต้กระโปรงของสตรี”
ลมหายใจของเซียวเยี่ยนสับสนวุ่นวาย เขาไม่อาจรวบรวมพลังลมปราณจากท้องได้ ทว่ากลับมีเปลวไฟกลุ่มหนึ่งเริ่มแผดเผาซัดวนขึ้นมาอย่างไร้ขอบเขต จากนั้นพุ่งตรงเข้ามาที่ท้องและรวมตัวกันอยู่ที่นั่น
กลิ่นหอมชนิดหนึ่งถูกลมพัดผ่านมา ไทเฮาก้าวเท้าเบาๆ มาในพริบตา ร่างอรชรอ้อนแอ้นของนางมาหยุดอยู่เบื้องหน้าเซียวเยี่ยน ปลายนิ้วของนางลูบไล้ลงบนปกคอเสื้อของเซียวเยี่ยนที่ทบกันเป็นระเบียบ “เยี่ยน ต่อให้ท่านไม่รักข้า แต่สามารถทำให้ท่านอยู่กับข้าคืนหนึ่งก็ดีเช่นกัน ข้าไม่ได้หัวใจของท่าน ข้าได้ตัวของท่านก็พอใจยิ่งยวดแล้ว”
เขาช้อนตาขึ้นมอง กระบอกตาแดงเรื่อประหนึ่งสัตว์ดุร้ายตัวหนึ่งส่งเสียงร้องคำรามออกมา “เจ้าอย่าบังอาจ”
พละกำลังของมือราวกับจะบีบกระดูกมือของไทเฮาให้แหลกละเอียด นางเจ็บจนสีหน้าซีดขาว ทว่ายังคงหัวเราะด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว “ยิ่งท่านเข้าใกล้ข้า ฤทธิ์ของผงหอมชนิดนั้นก็จะยิ่งออกฤทธิ์ดียิ่งขึ้น ข้ารู้ว่ายามนี้ท่านเกลียดชังข้าแทบตาย แต่หลังจากนี้อีกสักครู่ท่านจะต้องรักข้าแทบแย่ นี่เป็นเครื่องหอมเพิ่มกำหนัดที่ปรุงขึ้นสำหรับผู้ฝึกยุทธ์โดยเฉพาะ ไม่มีประโยชน์อันใดที่ท่านจะดิ้นรนต่อสู้ รังแต่จะทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บ”
ภายในตำหนักคุนเหอเงียบสงบผิดธรรมดา เสี่ยวฉีพาหลินชิงเวยเข้ามาอย่างราบรื่นตลอดทางล้วนไม่ถูกขัดขวาง นอกจากหน้าประตูตำหนักคุนเหอมีองครักษ์ยืนเฝ้าอยู่ ภายในแทบจะไม่มีผู้คน แน่นอนว่าคนทั้งสองไม่ได้เข้ามาอย่างเปิดเผย เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ คืนนี้ไทเฮาเชิญตัวเซ่อเจิ้งอ๋องมาที่นี่ เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาวางแผนร้ายเอาไว้
หลินชิงเวยให้เสี่ยวฉีส่งนางเข้าไปในเรือนของไทเฮา กระทั่งการให้คนไปรายงานก็งดเว้น เสี่ยวฉีเป็นคนรักษากฎเกณฑ์มาโดยตลอด แต่ยามนี้ไม่รู้ว่าท่านอ๋องของเขาอยู่ข้างในเป็นอย่างไรบ้าง ผู้ใดเล่ายังจะใส่ใจกฎเกณฑ์เหล่านั้น!
คนทั้งสองลงสู่พื้นในตำหนัก หลินชิงเวยได้ยินเสียงของไทเฮาลอยออกมาจากภายในตำหนักบรรทม และเงาร่างของคนสองคนท่ามกลางแสงสว่างจากโคมไฟที่ปรากฏขึ้นบนบานประตู บรรยายไม่ถูกถึงบรรยากาศอันคลุมเครือ
นางปีศาจเฒ่า! กล้าแตะต้องบุรุษของนาง!
ในชั่วพริบตา หลินชิงเวยเต็มไปด้วยความเดือดดาลที่หาที่มาที่ไปไม่ได้ ยามนี้นางตกอยู่ท่ามกลางกองเพลิงแห่งโทสะ นางผลักเสี่ยวฉีออกไปด้านข้าง ยกชายกระโปรงเดินมุ่งหน้าเข้าไปยกเท้าขึ้นถีบประตูห้องตำหนักบรรทม
ไม่รู้ว่านางใช้เรี่ยวแรงไปมากมายเพียงใด นางเจ็บไปทั้งฝ่าเท้า นางถึงกับถีบประตูห้องพังทลายลงในครั้งเดียว ภาพเหตุการณ์ภายในห้องปรากฏในคลองจักษุของหลินชิงเวยอย่างไร้ข้อกังขา
บุรุษในห้องมิใช่เซียวเยี่ยนหรอกหรือ ส่วนไทเฮาสวมอาภรณ์เปิดเปลือยเผ็ดร้อนเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวน ยามนี้เซียวเยี่ยนกำลังกุมมือของนาง
เซียวเยี่ยนกำลังกดข่มเปลวเพลิงในร่างกาย จึงไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ในชั่วขณะ
นัยน์ตาของหลินชิงเวยขุ่นมัวภายใต้แสงไฟ ไทเฮาคิดไม่ถึงว่าจะมีคนบุกรุกเข้ามาอย่างกะทันหันจึงตกตะลึงชั่วอึดใจหนึ่ง เมื่อได้สติจึงพูดขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “หลินชิงเวย เจ้าช่างบังอาจนัก ถึงกับกล้าบุกรุกตำหนักบรรทมของเปิ่นกง!”
หลินชิงเวยหยักยิ้มมุมปาก สีหน้าชั่วร้ายค่อยๆ คืบคลานขึ้นมาบนใบหน้าอันงดงามของนาง “วันนี้ข้าไม่เพียงแต่กล้าบุกรุก ยังกล้าฉีกทึ้งเจ้าด้วยเชื่อหรือไม่? ข้าเป็นคนขวัญกล้าเช่นนี้ มีปัญญาเจ้าก็ร้องสิ ร้องให้คนมาดู อายุปูนนี้แล้วยังไม่รู้จักละอายแก่ใจเยี่ยงนี้!”
สีหน้าของไทเฮาประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวแดง ต่อมาถึงกับไม่คำนึงถึงหน้าตาโผเข้าไปในอ้อมกอดของเซียวเยี่ยน “เจ้าก็แค่ชมชอบบุรุษที่เปิ่นกงชมชอบมาเนิ่นนานแล้ว แต่ในใจของเขา…”
ยังไม่ทันได้พูดจบเซียวเยี่ยนและหลินชิงเวยแทบจะมีปฏิกิริยาขึ้นมาพร้อมๆ กัน เซียวเยี่ยนผลักไทเฮาล้มลงบนพื้นอย่างไม่เบามือนัก เขาลุกขึ้นยืนโงนเงนไปมา ส่วนหลินชิงเวยวิ่งเข้ามาในห้องลากร่างของเซียวเยี่ยนมาไว้ข้างหลังตนพร้อมกับสั่งการเสี่ยวฉีว่า “พาเซ่อเจิ้งอ๋องกลับไป!” พูดแล้วก็หันกายกลับไปปิดประตูห้อง ตนเองกระโดดขึ้นคร่อมบนร่างของไทเฮา ไม่สนใจว่าไทเฮาจะกรีดร้องเสียงแหลมอย่างไรก็ตบป้าบๆๆ ลงบนใบหน้าของไทเฮาจนบวมเป่ง
คืนนี้ไทเฮาได้สั่งการลงไปแต่เนิ่นๆ แล้วว่าเมื่อเซ่อเจิ้งอ๋องเข้ามาในตำหนักของนางแล้วให้ข้ารับใช้ออกไปให้หมดและห้ามกลับเข้ามาอีก ด้วยเหตุนี้ต่อให้หลินชิงเวยมาก่อความวุ่นวายกับไทเฮาในตำหนักย่อมไม่มีผู้ใดมาขัดขวาง