ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - บทที่ 231 ท่านควรให้ข้าไปได้แล้ว
เพียงแต่นอกจากเขาแล้ว ต่อไปหลินชิงเวยไม่อาจชมชอบบุรุษคนใดเฉกเช่นชมชอบเขาได้อีกแล้ว
ทันทีที่หลินชิงเวยพูดจบ คิ้วของเซียวเยี่ยมขมวดเป็นปมลึกขึ้นอีก เขาพบว่าตนเองถึงกับทนไม่ได้ เมื่อได้ยินว่าหลินชิงเวยจะสัมผัสใกล้ชิดทางร่างกายกับบุรุษอื่น กระทั่งฟังจากปากนางก็ยังยากเกินทน
ที่จริงแล้วหลินชิงเวยพูดไม่ถูก เขาไม่ได้ทำเพื่อต้องการส่งเสริมนางและเซียวจิ่น...เขาเพียงแต่ไม่ปรารถนาให้นางติดอยู่ในวังวนนี้จึงยอมรับไปเช่นนั้น
น้ำเสียงของหลินชิงเวยเนิบๆ ฟังไม่ออกถึงความเป็นทุกข์และไร้สุขแต่อย่างใด “อย่างไรยามนี้ข้ายังสาวมิใช่หรือ” นางยกมือเรียวขาวขึ้นปัดเส้นผมของตนหันกลับมามองเซียวเยี่ยนแล้วหัวเราะ รอยยิ้มนั้นเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน “ต่อไปบุรุษที่จะได้พบเจอมีมากกว่าปลาที่แหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำ ทุกคนต่างรักชอบของสวยงามทั้งสิ้น ข้าไม่เชื่อว่าบุรุษบนโลกใบนี้ล้วนไม่เหลือบแลมองข้าเช่นเซ่อเจิ้งอ๋องทุกคน ข้าย่อมต้องหาบุรุษที่ทำให้ข้าสบายใจสบายกายได้เป็นแน่และไม่ใช่เพียงแค่คนสองคน วันนี้ขอบคุณเซ่อเจิ้งอ๋องที่พูดจาอย่างชัดเจน แม้บางครั้งข้าหลินชิงเวยอาจจะดื้อรั้นไม่ยอมถอดใจ แต่ในเมื่อท่านแสดงออกชัดเจนเยี่ยงนี้ ข้าย่อมไม่มีทาง…”
คำพูดเหล่านี้มิได้พูดออกมาเพื่อทำให้เซียวเยี่ยนเกิดโทสะ หากเซียวเยี่ยนไม่ใส่ใจจริงๆ ไม่ว่านางจะพูดอะไรย่อมไม่อาจทำให้เขาเกิดโทสะได้ ทำได้เพียงทำให้ตนเองโมโหเท่านั้น
ด้วยคำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดจากใจจริงของหลินชิงเวย นางเป็นคนเจ้าทิฐิ แต่ไม่ใช่คนเบาปัญญา หากการยืนหยัดต่อไปถึงที่สุดแล้วรังแต่จะทำให้ตนเองยิ่งบอบช้ำ นางแจ่มแจ้งแก่ใจดีว่าเมื่อพบความยากลำบากย่อมต้องถอย ไม่หาเรื่องดูหมิ่นตนเอง
ดังนั้นเมื่อในชีวิตของนางปราศจากเซียวเยี่ยนคนหนึ่ง นางยังคงมีชีวิตอยู่อย่างอิสรเสรีได้มิใช่หรือ เพียงแต่หัวใจของนางราวกับถูกคนควักก้อนเนื้อไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น โลหิตสดๆ ไหลโทรมกาย
แม้หัวใจของคนจะทำด้วยเลือดเนื้อ แต่ต้องใช้เวลาเช่นกัน มันย่อมต้องเติบโตขึ้นได้อีกครั้ง นางมิใช่ต้นไม้ที่ขึ้นไปแขวนคอตายอย่างไร้สติเช่นนั้น
มือทั้งสองข้างที่ตกอยู่ข้างตัวเซียวเยี่ยน ฝ่ามือในแขนเสื้อถูกกำเป็นหมัด ราวกับกำลังควบคุมความรู้สึกบางอย่าง เขาเห็นหลินชิงเวยค่อยๆ หันกายจากไป เดินมุ่งหน้าออกไป เงาร่างอรชรอ้อนแอ้นนั้นราวกับเข้าไปอยู่ในดวงตาอันเย็นชาของเขา มันสามารถทำให้ดวงตาของเขาเปล่งประกายอันอบอุ่นและไม่โดดเดี่ยวอ้างว้างอีกต่อไป
เมื่อหลินชิงเวยหันกลับมานั้นนางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กระบอกตาทั้งคู่แดงระเรื่อเล็กน้อยจนแทบจะสังเกตไม่เห็น ในปีที่ผ่านมานี้ ถือเสียว่าหัวใจของนางเอาไปเลี้ยงสุนัขก็แล้วกัน
เมื่อนางสาวเท้าเดินออกไปได้สองก้าวก็เดินมาถึงข้างใต้หน้าต่างกระเบื้องหลากสีพอดิบพอดี แสงสว่างจากภายนอกสาดส่องลงบนร่างของนาง ทำให้ร่างของนางราวกับโปร่งแสง นางรู้สึกว่าแสงนั้นทิ่มแทงสายตาเหลือเกินจึงหรี่ตาลง
คำพูดยังพูดไม่หมด ทว่าในช่วงวินาทีนั้นราวกับมีลมหมุนสายหนึ่งมาจากด้านหลังพวยพุ่งเข้ามาพร้อมกับกลิ่นอายอันเย็นชา ครอบคลุมร่างของหลินชิงเวยเอาไว้ทั้งหมด
อาภรณ์ปลิวพลิ้วสะบัดแนบติดไปกับชั้นวางหนังสือ หนังสือบนชั้นวางหนังสือขยับเคลื่อนไหวเล็กน้อย หลินชิงเวยยังไม่ทันได้รู้สึกตัว เบื้องหน้าพลันกลายเป็นเพียงความมืดมิด
นางช้อนตาขึ้นมองไปกลับเห็นร่างของเซียวเยี่ยนเคลื่อนกายเข้ามาอยู่ระหว่างนางและหน้าต่างกระเบื้อง เขายืนหันหลังให้แสง เงาร่างของเขาถูกแสงแดดสาดส่องสว่างไสวราวกับฉาบไปด้วยหิมะสีขาวชั้นหนึ่ง ขับให้กรอบหน้าของเขายิ่งคมชัดขึ้น ดวงตาทั้งคู่นั้นจับจ้องหลินชิงเวยแน่วนิ่ง
หลินชิงเวยขยับเท้าจึงพบว่าข้อมือของตนถูกเขากุมเอาไว้ทำให้นางเดินไปไหนไม่ได้
หลินชิงเวยดิ้นรน แต่ถูกเขาพลิกมือควบคุมเอาไว้แล้วกดไว้กับชั้นวางหนังสือ หนังสือบนชั้นตกลงมาบนพื้น ได้ยินเสียงตกกระทบพื้น
มุมของชั้นวางหนังสือแนบติดไปกับแผ่นหลังของหลินชิงเวย อาภรณ์ของหลินชิงเวยไม่ได้หนามากนักจึงรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบที่บาดลงมาบนแผ่นหลังของนาง นางสูดลมหายใจเข้าสองครั้ง พยักพเยิดปลายคางมองเซียวเยี่ยนตรงๆ รอยยิ้มนั้นไปไม่ถึงดวงตา “ข้าไม่มีวันตามติดท่านไม่เลิกรา”
รออยู่ครู่หนึ่ง เซียวเยี่ยนไม่ได้ปล่อยนาง
รอยยิ้มในดวงตาของหลินชิงเวยเย็นเยียบ กระบอกตาแดงก่ำนั้นชัดเจนภายใต้แสงสว่าง นางสงบจิตสงบใจพูดเสียงเรียบ “เหตุใดเสด็จอาทำเช่นนี้? ไม่ใช่พูดกันชัดเจนแล้วหรือไร ยามนี้ ท่านควรปล่อยมือให้ข้าไปได้แล้วกระมัง”
เซียวเยี่ยนยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ เขาเพียงแต่มองหลินชิงเวยนิ่งๆ
หลินชิงเวยขมวดคิ้ว ในใจเริ่มรู้สึกโกรธกรุ่นขึ้นมาเป็นริ้ว ผู้ที่พูดว่าพวกเขาทั้งสองไม่มีทางเป็นไปได้ก็เป็นเขา ยามนี้ผู้ที่จับคนเอาไว้ไม่ให้จากไปก็เป็นเขาเช่นกัน ตกลงเขาคิดจะทำอย่างไรกันแน่
หลินชิงเวยเริ่มบิดข้อมือ ไม่เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าอีกแล้ว ความอดทนของนางถูกใช้ไปจนหมดสิ้น “หากท่านเพียงแค่ต้องการเห็นว่าข้าจะมีสภาพอเนจอนาถและสิ้นหวังเพียงใด เช่นนั้นท่านก็ผิดและผิดอย่างมหันต์ ท่านโปรดวางใจข้าไม่มีทางมีความรักไม่ได้เพราะท่าน ข้ามีเงินมีบ้านมีความสามารถ ยังต้องกลัวว่าจะหาบุรุษไม่ได้เช่นนั้นหรือ?”
เซียวเยี่ยนเพิ่มน้ำหนักมืออย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
หลินชิงเวยดิ้นรนสุดชีวิต แขนของนางฟาดเข้ากับชั้นวางหนังสือ หนังสืออีกส่วนหนึ่งตกลงบนพื้น หลินชิงเวยถลึงตามองเซียวเยี่ยนและพูดเสียงต่ำ “คนเลว ท่านปล่อยมือนะ!”
เซียวเยี่ยนไม่ขยับเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น หลินชิงเวยขุ่นเคืองอย่างที่สุด ยกเท้าขึ้นหมายจะถีบเซียวเยี่ยน เซียวเยี่ยนพลิ้วกายหลบหลีก หลินชิงเวยฉวยโอกาสนั้นยกเท้าขึ้นหมายจะสกัดขาของเซียวเยี่ยน นางรู้ว่าตนเองมิใช่คู่ต่อสู้ของเซียวเยี่ยน การใช้เทควันโดกับเขาเปรียบเสมือนการกระทำของเด็กน้อยเท่านั้น นางไม่ได้คาดหวังว่าจะล้มเขาลงบนพื้นได้ คิดเพียงแต่ให้ตนเองเอาตัวรอดได้เป็นพอ
เมื่อหลินชิงเวยพลิกมือจับแขนของเซียวเยี่ยน เซียวเยี่ยนไม่ใช่ท่อนไม้ให้นางจับได้ตามอำเภอใจ เขาใช้ขาช่วงชิงโอกาสจากนาง หลินชิงเวยหาโอกาสไม่ได้ ในที่สุดจึงหมดปัญญา ได้แต่กำหมัดทุบลงบนไปหน้าอกของเซียวเยี่ยน
เพียงแต่หมัดนี้ของนางไม่อาจผลักเซียวเยี่ยนออกไปได้
หลินชิงเวยถลึงตา ร่างของนางเอนไปทางด้านหลัง ร่างของคนทั้งสองแนบติดไปกับชั้นวางหนังสือ ชั้นวางหนังสือขยับไปมาไม่กี่ครั้ง สั่นไหวไปมากลับไม่ได้ล้มลงบนพื้นในที่สุดยังคงยืนอยู่ที่เดิม
ทางด้านนี้มีเพียงความเงียบสงบ
เซียวเยี่ยนกักตัวนางเอาไว้ทั้งตัว ไม่ให้นางมีโอกาสโจมตีและเอาตัวรอด มือของหลินชิงเวยแนบไปกับหน้าอกของเขา นางมองบุรุษที่มั่นคงประดุจขุนเขาเบื้องหน้า “เซียวเยี่ยน ตกลงท่านต้องการทำอะไรกันแน่”
เซียวเยี่ยนมองนางในระยะใกล้ชิดเช่นนี้ ท่าทางของนางน่ารักน่าเอ็นสุดประมาณ รวมไปถึงร่างเล็กแบบบางของนาง ทว่าดวงตาทั้งคู่ของนางกลับบริสุทธิ์ไร้เดียงสาราวกับไม่ใช่คนในวัยนี้ ในนั้นมีสิ่งต่างๆ มากมายที่เขาไม่อาจต้านทานได้ ผมหน้าม้าบนหน้าผากของหลินชิงเวยยุ่งเหยิงเล็กน้อย ปรากฏให้เห็นหน้าผากขาวประดุจหิมะ ยังมีคิ้วเรียวดำงดงามประหนึ่งภาพวาด นาทีนี้ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความโกรธเคือง เหมือนแมวที่กำลังร่ายรำกรงเล็บ ชิงชังยิ่งนักที่มิอาจตะกุยใบหน้าของเขา
ทว่าเซียวเยี่ยนกลับยิ่งมิอาจหักใจปล่อยนางไปเช่นนี้ได้ เขาจะสูญเสียการควบคุมตัว เขาจะไม่รักษาคำพูด
เซียวเยี่ยนรู้ดีว่านางที่เป็นเช่นนี้ทำให้คนสูญสิ้นเหตุผล ความทรงจำเหล่านั้นราวกับประทับลงในสมองของเขา เสมือนที่ประทับลงไปบนเรือนร่างของนางอย่างไรอย่างนั้น
เช่นนี้แล้วเขาจะยอมให้นางไปหาบุรุษอื่นได้อย่างไร