ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - บทที่ 232 เสียใจภายหลังแล้วอย่างไรเล่า
หลินชิงเวยดูเหมือนจะมองเห็นเปลวเพลิงในดวงตาของเขา นางหัวเราะ “ท่านคงไม่ได้เสียใจภายหลังแล้วกระมัง ข้ารู้ว่าบุรุษเป็นสัตว์ที่หวงสิ่งของอย่างยิ่ง”
เซียวเยี่ยนค่อยๆ แนบชิดเข้ามา เขาจับจ้องดวงตาของหลินชิงเวย นัยน์ตานั้นลุ่มลึกสุดจะเปรียบ มันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ริมฝีปากของเขากำลังจะสัมผัสหลินชิงเวย หลินชิงเวยอ้าปาก ทว่ากลับพบว่าตนเองไม่รู้จะพูดอะไร ได้ยินเพียงเสียงทุ้มต่ำของเซียวเยี่ยนที่ดังขึ้นระหว่างคนทั้งสอง “เสียใจภายหลังแล้วอย่างไรเล่า อย่างไรก็ดีกว่าเจ้าที่ไปหาผู้อื่น”
ไม่รอให้หลินชิงเวยตั้งตัวติด เซียวเยี่ยนกดนางกับชั้นวางหนังสือไม่ให้นางต่อต้าน มือทั้งคู่จับข้อมือของนางเอาไว้แล้วจุมพิตลงมาอย่างถนัดถนี่
แสงสว่างในมุมนี้สลัวเลือนราง เงาร่างของเซียวเยี่ยนครอบคลุมร่างของนาง บนพื้นเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงด้วยหนังสือที่ตกลงมา
…………..
ชั้นวางหนังสือด้านหลังโอนเอนไปมาเกิดเป็นเสียงที่มีมาแต่โบราณกาล หนังสือร่วงหล่นลงบนพื้นสองสามเล่มเป็นพักๆ หนังสือพลิกเปิดเองโดยไม่มีสายลมพัด มีเสียงหอบหายใจพร่าต่ำเป็นระลอก
แสงสว่างด้านนอกหน้าต่างกระเบื้องค่อยๆ มืดลง เสียงลมหายใจอุ่นร้อนผะผ่าวของทั้งสองคนอยู่ที่นั่นแปรเปลี่ยนเป็นหมอกบางๆ ชั้นหนึ่ง ทำให้เกิดไอน้ำบนหน้าต่างกระเบื้องกระทั่งมองเห็นไม่ชัดเจน ด้านนอกหน้าต่างดูเหมือนจะมีสิ่งของค่อยๆ ร่วงหล่นลงมา
มีสิ่งของบางอย่างสัมผัสบนหน้าต่างกระเบื้อง และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
มีเงาร่างของคนเดินผ่านหน้าต่างกระเบื้อง แสงสว่างนั้นประเดี๋ยวมืดประเดี๋ยวสว่าง
ได้ยินเสียงสนทนาดังขึ้นด้านนอก “อุ๊ย หิมะตกแล้ว ปีนี้หิมะตกเร็วเกินคาด”
“ไม่ใช่หรือไร ปีหน้าจะต้องเป็นปีที่เก็บเกี่ยวผลผลิตได้สมบูรณ์แน่นอน”
บนทางเดินนอกหน้าต่าง เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นประหนึ่งเสียงของหนังสือที่ร่วงลงบนพื้น หลินชิงเวยกอดไหล่ของเซียวเยี่ยนสุดกำลัง ไม่รู้ว่าเป็นเวลาใด นางมองผ่านหัวไหล่ของเซียวเยี่ยนไปยังหน้าต่างด้านนอกที่แท้หิมะตกแล้ว
น้ำเสียงของเซียวเยี่ยนแหบพร่าทุ้มต่ำ เขาขบเม้มติ่งหูของหลินชิงเวย “ต่อให้เจ้าออกไปใช้ชีวิตนอกวังแล้ว เขาชมชอบเจ้าเช่นนี้จะปล่อยเจ้าออกจากวังง่ายๆ หรือ?”
“ไม่มีผู้ใดขัดขวางข้าได้…” นางประคองศีรษะของเซียวเยี่ยนไว้ในมือมองอารมณ์เข้มข้นในดวงตาของเขา “ท่านก็กลัวว่าเขาจะไม่ปล่อยให้ข้าจากไปหรือ…หากมีสักวัน ท้องฟ้าสูงแผ่นดินกว้างใหญ่ แล้วแต่ข้าจะโบยบิน ท่านจดจำเอาไว้ อย่าปล่อยข้าก็แล้วกัน หาไม่แล้วข้าจะบินไปให้ไกลไม่กลับมาอีก”
“เช่นนั้นเปิ่นหวางชิงชังที่ไม่อาจหักปีกของเจ้าได้”
หลินชิงเวยคิดในใจ แม้ว่าจะเจ็บอยู่สักหน่อย แต่หากบุรุษผู้ที่หักปีกของนางเป็นเซียวเยี่ยนแล้วละก็ นางยินดีรั้งอยู่ต่อเพื่อเขา หลินชิงเวยไม่ได้พูดอันใด เห็นเพียงแต่รอยยิ้มอ่อนโยนสว่างเจิดจ้าอย่างที่สุด
แสงด้านนอกหน้าต่างเริ่มมืดลง ดูเหมือนกำลังจะมีหิมะตกลงมาอีกระลอกหนึ่ง
นางพักผ่อนอยู่ในอ้อมกอดของเซียวเยี่ยนอย่างสิ้นเรี่ยวแรง รู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งยวด เพียงแค่หลับตาลงก็สามารถเข้าสู่ห้วงนิทราได้ทันที
แต่ที่นี่คือตำหนักซวี่หยาง นางยังต้องกลับไปตำหนักของตน
แต่หลินชิงเวยไม่อาจกลับไปเช่นนี้ ไม่ว่าข้างนอกจะเงียบสงบเพียงใด นางกำนัลทั้งหมดล้วนไปที่อื่น แต่ระหว่างทางนางต้องพบกับนางกำนัลของตำหนักซวี่หยาง สภาพของนางในยามนี้มิใช่ทำให้ผู้อื่นคิดนอกลู่นอกทางแล้วจะเป็นอะไรได้
“อีกประเดี๋ยวฟ้ามืดแล้ว เปิ่นหวางส่งเจ้ากลับไป”
หลินชิงเวยกอดไหล่ของเซียวเยี่ยนอย่างเกียจคร้าน เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงยิ้มจนดวงตาทั้งคู่ยิบหยี พูดอย่างเกียจคร้านว่า “ความหมายก็คือยามนี้ยังมีเวลาให้พวกเราอยู่ด้วยกันอีกมาก”
เซียวเยี่ยน “อีกประเดี๋ยวเปิ่นหวางเก็บกวาดที่นี่สักหน่อย หนังสือที่เจ้าต้องการอ่านเปิ่นหวางหาให้เจ้าเอง”
“ดีสิ”
นางเอียงหน้ามองเซียวเยี่ยนเก็บหนังสือที่ตกลงมาบนพื้นกลับเข้าไปที่เดิมทีละเล่ม ชั้นวางหนังสือที่ล้มเค้เก้ถูกยกขึ้นมา
ที่นี่ไม่ทิ้งร่องรอยอันใดเอาไว้ ปลายนิ้วของเขาเรียวยาวชัดเจน เมื่อหยิบจับตำราแล้วชวนมองยิ่งนัก หลินชิงเวยอยากอ่านหนังสืออะไร เขามักจะหาพบในทันที จากนั้นส่งให้นาง
ห้องสมุดแห่งนี้คนทั่วไปมิอาจเข้ามาได้ ด้วยนอกจากนางกำนัลเข้ามาทำความสะอาดแล้วล้วนไม่มารบกวนพวกเขาทั้งสองในสถานที่แห่งนี้ หลินชิงเวยรู้สึกว่าเวลาทั้งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แค่เพียงพริบตาเดียวท้องฟ้าก็มืดลงและค่อยเข้าสู่รัตติกาล
โคมไฟด้านนอกถูกจุดให้สว่างขึ้น เซียวเยี่ยนใช้เสื้อคลุมของตนห่อร่างของหลินชิงเวยแล้วอุ้มนางขึ้นมา ฉวยโอกาสที่ท้องฟ้ามืดแล้วออกจากตำหนักซวี่หยาง เขาพลิกกายเข้าสู่เรือนของหลินชิงเวยแล้ววางนางลง
ไหนเลยจะคิดว่าคนทั้งสองยังไม่ทันได้พูดจากัน ยังอยู่ในท่วงท่ากึ่งอุ้มกึ่งโอบกอด ซินหรูพลันผลักประตูเดินเข้ามาจากด้านนอก
ไม่รู้ว่านางเข้ามาทำอันใดเช่นกัน อย่างไรนางไม่มีทางรู้ว่าหลินชิงเวยกลับมาแล้วเด็ดขาด อีกทั้งยังเข้ามาในขณะที่เซ่อเจิ้งอ๋องอยู่ในท่าทีใกล้ชิดเช่นนี้ นางมีสีหน้างุนงง ไม่รู้ควรมีปฏิกิริยาอย่างไร จะหันหน้าออกไปก็ไม่ใช่ เดินหน้าต่อไปก็ไม่ใช่
หลินชิงเวยยืนลงบนพื้นยังไม่ค่อยมั่นคงนัก มือของนางยันกับกำแพงและหันกลับไปพูดกับเซียวเยี่ยนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ท่านกลับไปเถิด ที่นี่ข้าจัดการเอง”
เซียวเยี่ยนไม่รั้งอยู่นานเช่นกัน “อืม” รับคำแล้วและไม่ได้หันไปมองซินหรูแม้แต่แวบเดียวก็พลิกกายเหินออกไป
ซินหรูเห็นเช่นนั้นยังคงเดินเข้าไปประคองหลินชิงเวยขึ้นมา
หลังจากหลินชิงเวยเข้าไปในห้องแล้ว “มีน้ำร้อนให้พี่สาวอาบน้ำหรือไม่?”