ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - บทที่ 250 ต้องการให้หยาบคายสักหน่อยหรืออ่อนโยนสักหน่อย
หลินชิงเวยยังคงจับจ้องใบหน้าของเขาอยู่นั่นเอง “ทหารนับหมื่นคนหายสาบสูญไปจากบริเวณชายแดนอย่างไร้เหตุผล คิดดูแล้วย่อมต้องเกี่ยวพันกับอวิ๋นหนานอ๋องแน่นอน อวิ๋นหนานอ๋องมีจิตใจทะเยอทะยาน ทว่ากำลังทหารมีไม่เพียงพอ หากวันใดที่เขาโจมตีต้าเซี่ยจะต้องมีการเตรียมพร้อม”
ขณะที่นางกำลังพูดจาได้ถูกเซียวอี้ผลักให้ล้มลงไปบนเตียง
เซียวอี้หรี่ตาลงคร่อมร่างของเขาลงบนร่างของนาง “ไม่จำเป็นต้องมากังวลเรื่องเหล่านั้น หรือเวลานี้เจ้าไม่ควรที่จะเป็นกังวลเรื่องของเจ้าเองหรอกหรือ?”
หลินชิงเวย “เซียวอี้ ต่อให้เป็นคนที่มีจิตใจทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงมากกว่านี้ก็ควรจะมีขอบเขตเสียบ้าง หากจะต่อสู้กันก็ควรจะปิดประตูแล้วต่อสู้กัน การกระทำเช่นการล่อจิ้งจอกเข้าเรือนเยี่ยงนี้จะแตกต่างอะไรกับโจรกบฏเล่า? หากวันใดวันหนึ่งท่านล้มเหลว พ่ายทั้งกระดาน ถึงเวลานั้นต่อให้เป็นเทพเซียนลงมาจุติก็ไม่อาจช่วยเหลือครอบครัวของท่านทั้งตระกูลได้!”
ร่างสูงเพรียวของเซียวอี้ค่อยๆ ผ่อนน้ำหนักลงมา ม่านตาของเขาขยายขึ้นเล็กน้อย พลันมีอารมณ์และความรู้สึกอีกชนิดหนึ่งปรากฏขึ้นแทนในแววตาของเขา ปลายนิ้วของเขาเชยคางของหลินชิงเวยพูดทั้งหัวเราะว่า “ฟังเจ้าพูดจาแล้ว คงมิใช่เพราะเจ้ากำลังเป็นห่วงข้า? ผู้กระทำการใหญ่ย่อมไม่ใส่กับเรื่องเล็กน้อย ผู้ชนะเป็นราชา โทษของโจรกบฏขายแผ่นดินกำหนดโดยราชาเช่นกัน ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเหล่านั้น สิ่งที่เจ้าต้องกังวลคือตัวเจ้าเอง เวยเวย คืนนี้ฮ่องเต้เรียกตัวเจ้าเข้าถวายตัวแต่ไม่สำเร็จ ทำให้เปิ่นหวางได้เปรียบครั้งใหญ่ เจ้าว่าเปิ่นหวางควรทำอย่างไรกับเจ้าดี?”
หลินชิงเวยมองเขาด้วยสายตาสงบนิ่ง “หากท่านยังกล้าล่วงเกินข้าอีกก้าวหนึ่ง ครั้งนี้ท่านจะเป็นหรือตาย ข้าก็ไม่ช่วยท่าน!”
“เจ้าข่มขู่ข้า?” เซียวอี้หัวเราะขึ้นมา หางตาของเขาชี้ขึ้นส่งผลให้ดูเจ้าชู้เสเพลเต็มขั้น เขายกปลายนิ้วมองดวงตาทั้งคู่ของหลินชิงเวย ปลายนิ้วยื่นไปหา…ของนาง “เปิ่นหวางมิใช่คนที่ถูกข่มขู่จนโตเสียหน่อย ยิ่งเจ้าดุร้ายเช่นนี้ เปิ่นหวางยิ่งสนใจเจ้า เวยเวย ข้าบอกแล้วว่าเจ้าจะต้องเป็นผู้หญิงของข้า”
ในดวงตาของหลินชิงเวยปรากฏให้เห็นความเย็นชาประดุจหิมะ ขณะที่เซียวอี้กำลังจะลงมือในขั้นต่อไป มือของนางที่วางราบไปกับเตียงนั้นดึงเข็มเงินออกมาแล้วแทงลงบนข้อมือของตนอย่างแรง ความปวดนั้นส่งผลให้นางมีความรู้สึกกลับมาเล็กน้อย และเมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง จุดชีพจรที่ถูกเซียวอี้สกัดจุดเอาไว้ไม่ได้รู้สึกชากระทั่งขยับเคลื่อนไหวไม่ได้อีกแล้ว ผนวกกับเซียวอี้คิดว่านางไร้วรยุทธ์จึงมองข้ามเรื่องนี้ไป จึงไม่ได้สกัดจุดชีพจรของนางทั้งตัว เพียงสกัดจุดชีพจรใหญ่สองจุด ยามนี้เมื่อร่างกายถูกกระตุ้นด้วยความเจ็บปวดจึงทำให้คลายจุดได้
หลินชิงเวยยกเท้าขึ้นและถีบไปยังบริเวณท้องน้อยของเซียวอี้ในทันที เซียวอี้นั้นเป็นคนชนิดใดกัน ปฏิกิริยาโต้ตอบของเขาว่องไวยิ่ง เขายื่นมือออกมาจับขาของหลินชิงเวย พูดเสียงกลั้วหัวเราะกับหลินชิงเวย “เปิ่นหวางเกือบจะลืมไปแล้วว่าสกัดจุดเจ้าเพียงแค่จุดชีพจรใหญ่สองจุด แต่มิได้สกัดจุดบนขาทั้งคู่ของเจ้า แต่อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน…โอ๊ะ…”
ยังไม่ทันได้พูดจบประโยค เซียวอี้พลันขมวดคิ้ว บริเวณลำตัวข้างเอวราวกับถูกสิ่งของแหลมคมกัดเข้าคำหนึ่ง เจ็บปวดเสียจนเขารู้สึกชาเล็กน้อย…
เซียวอี้ก้มหน้ามองลงไปเห็นเพียงบริเวณเอวด้านข้างของตนมีเข็มเงินสองเล่มปักคาอยู่ บริเวณนั้นประจวบเหมาะตรงกับตำแหน่งกระดูกสันหลังของเซียวอี้
เมื่อเขามองรอยยิ้มร้ายกาจบนริมฝีปากของหลินชิงเวยแล้วอดลอบถอนใจที่ตนเองประมาทเลินเล่อไม่ได้ กระทั่งความคิดจะบีบคอสตรีผู้นี้ให้ตายก็บังเกิดขึ้นในใจแล้ว
“…” เซียวอี้ไม่อาจเอ่ยวาจาใด ทันใดนั้นสีหน้าของหลินชิงเวยพลันเปลี่ยนไป นางยกมือขึ้นตบฉาดลงบนใบหน้าของเขา เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้านั้นดังก้องชัดเจน ซ้ำต่อมายังยกเท้าขึ้นถีบเขาลงจากเตียง
ทั้งๆ ที่ควรจะมีสภาพน่าอเนจอนาถยิ่ง ทว่าเซียวอี้กลับตกลงไปบนพื้นด้วยท่วงทีสง่างาม เขานั่งอยู่บนพื้น อาภรณ์ดูยับย่นเล็กน้อย เส้นผมสยายลงมาปกคลุมหัวไหล่โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความคมสันของเขาแม้สักกระผีก เขาพูดทั้งขมวดคิ้ว “เวยเวย ข้าก็แค่ล้อเล่นกับเจ้าเท่านั้น จำเป็นต้องทำถึงเพียงนี้หรือ?”
“ล้อเล่น?” หลินชิงเวยหัวเราะ “ข้าก็ล้อเล่นกับท่านเช่นกัน ส่วนท่านจะยอมรับผลลัพธ์ที่ตามมาได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งกระมัง” หลินชิงเวยลุกขึ้นนั่งบนเตียงพร้อมกับจัดเสื้อผ้าอาภรณ์ให้เรียบร้อยด้วยท่าทีไม่รีบร้อน ทว่ายั่วยวนผู้คนยิ่ง
นางลุกขึ้นสะบัดชายอาภรณ์แล้วค่อยๆ เดินมาหยุดเบื้องหน้าเซียวอี้ นางย่อกายลงนั่งยองๆ พร้อมกับยิ้มใส่ตาเขาแล้วยกมือขึ้นดึงเข็มเงินบริเวณบั้นเอวของเขาออก “เซี่ยนอ๋องไม่ต้องเป็นกังวล นี่เป็นเรื่องชั่วคราวเท่านั้น ยังไม่ถึงกับส่งผลให้ท่านเป็นเช่นนี้ไปตลอดชีวิต แต่ส่งผลกระทบต่อร่างกายมากสักหน่อย ยามนี้ท่านลองเดินพลังลมปราณดูสิ?”
เซียวอี้ร้องฮึในลำคอด้วยท่าทีเกียจคร้าน ความเจ็บปวดบริเวณบั้นเอวหายไปพร้อมกับที่หลินชิงเวยดึงเข็มเงินคืนไป ทว่าร่างกายของเขาดูเหมือนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง เขารับรู้ได้ถึงร่างกายที่เปลี่ยนไป ต่อให้หลินชิงเวยไม่พูดเขาก็ต้องเดินพลังลมปราณ
ทันทีที่เขาเดินพลังลมปราณพลันพบว่าพลังวัตรในร่างกายของเขาสับสนยุ่งเหยิงไปหมด ราวกับมีสิ่งของอันใดเข้ามาในร่างกายของเขาและกระจายไปทั่วร่างกาย!
เซียวอี้หน้าซีดเผือด ลมหายใจของเขามาสะดุดอยู่บริเวณช่องอก รอยยิ้มในดวงตาเลือนหายไปแทนที่ด้วยความเย็นชาสองส่วน “เจ้าทำอะไรกับเปิ่นหวาง?”
หลินชิงเวยเลิกคิ้ว “ดีมาก ทันทีที่เซี่ยนอ๋องเดินพลังลมปราณ พิษก็จะกระจายไปทั่วร่าง” ครานี้เปลี่ยนเป็นนางบ้างที่มองเซียวอี้ด้วยสายตาท้าทาย “ข้าลืมบอกท่านไปใช่หรือไม่ว่าอย่าเข้าใกล้ข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีที่เลี้ยงงูพิษเยี่ยงข้า? ทันทีที่ท่านประมาท ก็คือรนหาที่ตาย”
ทันทีที่สิ้นเสียง มือของเซียวอี้ที่กุมลำคอของหลินชิงเวยเพิ่มแรงบีบขึ้น
หลินชิงเวยแย้มริมฝีปากหัวร่อพร้อมกับเชิดคางขึ้น แม้นางจะหายใจอย่างยากลำบาก ทว่ายังคงเอ่ยวาจาว่า “ขวางทางของข้า คิดว่าตนเองได้เปรียบมากหรือ อย่างไรเล่า อับอายจนเดือดดาล? ในเมื่อต้องการท้าทายเช่นนี้ เซี่ยนอ๋องคงมิใช่คนประเภทขี้แพ้ชวนตีเช่นนี้กระมัง”
“เจ้าวางยาพิษอะไร?” เหตุใดเขาจึงไม่รู้สึกตัวเลย
หลินชิงเวย “ครั้งก่อนท่านถูกพิษอะไร ครั้งนี้ก็เป็นพิษชนิดนั้น”
เซียวอี้หรี่ตาแล้วแค่นหัวเราะเสียงเย็น “เวยเวย การพูดปดไม่ใช่เรื่องดีอันใดเลย เจ้ารู้หรือไม่ว่าครั้งก่อนเปิ่นหวางต้องพิษชนิดใด?” ยามนั้นหลินชิงเวยไม่ได้พูดชัดเจนนัก เขาได้ให้คนสืบเป็นการส่วนตัวในภายหลังกระทั่งพบว่าผู้ใดเป็นผู้วางยาพิษเขาจึงล่วงรู้ความจริง ในขณะเดียวกันก็รู้ข่าวการตายของบุตรีอวิ๋นหนานอ๋อง จู๋กุ้ยเหริน
มาถึงขั้นนี้แล้วหลินชิงเวยไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมกับเขา “มิใช่พิษหนอนกู่หรอกหรือ?”
เซียวอี้ “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าคือพิษหนอนกู่ เช่นนั้นผู้ที่วางยาพิษหนอนกู่แก่เปิ่นหวางได้สิ้นชีวิตลงแล้ว เหตุใดเปิ่นหวางจึงต้องพิษชนิดเดียวกันเป็นครั้งที่สองเล่า? หรือเจ้าแตกฉานเรื่องพิษหนอนกู่ของหนานเจียง?”
เซียวอี้ปล่อยตัวหลินชิงเวย เขาคิดว่าสตรีนางนี้เป็นคนเจ้าเล่ห์แสนกลเช่นเดียวกัน คำพูดของนางมีความจริงอยู่กี่ส่วนเป็นเรื่องที่เขาไม่อาจคาดเดาได้
หลินชิงเวยลูบลำคอของตนเองและสูดลมหายใจเข้าปอด นางเอียงศีรษะมองเขาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ข้าย่อมไม่แตกฉานเรื่องพิษหนอนกู่ของเจียงหนาน แต่การเพาะเลี้ยงเลือดสำหรับข้าแล้วมิใช่เรื่องยากอันใดกระมัง”