ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - บทที่ 251 กลับถูกนางคิดบัญชี
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวอี้พลันรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปอีกขั้นหนึ่ง เขารู้สึกแน่นหน้าอกและกระอักโลหิตสดๆ ออกมาคำหนึ่งอย่างมิอาจควบคุมได้ เขาหอบหายใจเล็กน้อยพร้อมกับมองหลินชิงเวยด้วยสายตาคาดคั้น “ยาถอนพิษเล่า?”
หลินชิงเวยยิ้มจนตาหยี “ท่านปล่อยข้าแล้วข้าจะบอกกับท่าน หาไม่แล้วก็ลืมความคิดที่จะได้ยาถอนพิษกระทั่งท่านตายไป ท่านยังมีเวลาไตร่ตรองสามวัน สามวันให้หลังกลับสู่สรวงสวรรค์ได้ทันที”
เซียวอี้ร้องเสียงเย็นดังฮึ “เจ้าฝันไปเถอะ!” ปลายนิ้วของเขาจับปลายคางของหลินชิงเวย สายตาของเขานิ่งลึกราวกับเปลวเพลิงในความมืด ราวกับต้องการแผดเผาหลินชิงเวยให้มอดไหม้เป็นจุณในคลองจักษุ “หลินชิงเวย เจ้าอย่าเป็นคนไม่รู้ดีชั่ว! ข้าขัดขวางเจ้าก็เพื่อช่วยเจ้า เซ่อเจิ้งอ๋องเดินทางลงเหนือครั้งนี้แน่นอนแล้วว่าตายเก้าส่วน มีชีวิตรอดหนึ่งส่วน เปิ่นหวางไม่ปรารถนาที่จะเห็นเจ้าไปตายเปล่า!”
“ตายเก้าส่วน รอดชีวิตหนึ่งส่วน” หลินชิงเวยคลี่ยิ้มบางๆ “นั่นต้องดูว่าท่านเลือกให้เขาตายเก้าส่วน รอดชีวิตหนึ่ง หรือให้ท่านตายเก้าส่วน รอดชีวิตหนึ่งส่วน แผนการยิ่งใหญ่อันใด เมื่อถึงสุดท้ายแล้วกระทั่งชีวิตก็รักษาเอาไว้ไม่ได้ ข้าอยากจะรอดูเช่นกันว่าท่านจะทำให้เป็นจริงได้อย่างไร”
เซียวอี้สะบัดแขนเดินออกไปด้วยโทสะ ขืนรั้งอยู่ที่นี่ต่อไปกระทั่งตัวเขาเองยังรู้สึกได้ว่าไร้ประโยชน์ เมื่อต้องมาพานพบกับสตรีไม่รู้ดีชั่วนางหนึ่ง เขาช่างโชคร้ายแปดชาติภพจริงๆ เดิมทีคิดว่าเขาจับตัวหลินชิงเวยไว้ได้มั่นมือแล้ว ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าตนเองจะถูกนางตลบหลังกลับเช่นนี้
หลินชิงเวยไม่รู้ว่าตนเองถูกจับตัวมายังสถานที่แห่งใด ห้องหับการเป็นอยู่ถือว่าไม่แย่นัก เป็นห้องของคุณหนูธรรมดาทั่วไปเพียงแต่นางมิอาจออกจากห้องไปได้แม้เพียงครึ่งก้าว มีคนเฝ้าอยู่ด้านนอก ไม่เหลือหน้าต่างไว้ให้นางแม้แต่บานเดียว ต่อให้นางมีปีกงอกออกมาได้ก็ยากที่จะโบยบินออกไป
หลินชิงเวยพยายามให้ตนเองสงบสติอารมณ์ เวลานี้นับได้ว่าออกมาจากวังหลวงแล้วมิใช่หรือ ต่อไปขอเพียงนางจัดการเซียวอี้ได้ นางย่อมไปจากที่นี่ได้อย่างราบรื่น
ระหว่างชีวิตของตนเองและการปล่อยตัวนางไป หลินชิงเวยยังคงเชื่อว่าเซียวอี้ยังคงมีสติสัมปชัญญะเต็มเปี่ยม หาไม่แล้วต่อให้เซียวอี้ตายตกไปก็ไม่ใช่เรื่องน่าเสียดายแม้แต่น้อย อย่าได้คาดหวังว่านางจะยั้งมือให้ กำจัดเซียวอี้ไปคนหนึ่งมิใช่เท่ากับเป็นการขจัดมหันตภัยร้ายจากปีศาจตนหนึ่งหรอกหรือ
เพียงแต่เซียวเยี่ยน...ไม่รู้ว่าเวลานี้เขาไปถึงที่ใดแล้ว ทุกอย่างราบรื่นดีหรือไม่?
วันแรกเซียวอี้ไม่ปรากฏตัวให้เห็นตลอดทั้งวัน กระทั่งถึงเวลาพลบค่ำของวันที่สองเขามิอาจทำใจเย็นได้อีก เขาวิ่งเข้ามาในห้องของหลินชิงเวยด้วยสีหน้าท่าทางย่ำแย่กว่าก่อนหน้านี้มากโข ไม่เพียงแต่มีสีหน้าอิดโรย ได้ยินว่าอาเจียนออกมาเป็นเลือดตลอดเวลาเมื่อฝืนเดินพลังลมปราณ เวลานี้เดินเหินก็ยังโอนเอนไปมาไม่มั่นคงนัก
เขารับรู้ได้แล้วว่าพิษที่เขาได้รับในครั้งนี้แตกต่างพิษหนอนกู่ในครั้งที่แล้วอยู่บ้าง พิษหนอนกู่ครั้งที่แล้วจู่โจมอย่างรวดเร็วและรุนแรงแทบจะสูบเลือดสูบเนื้อของเขาไปทั้งหมด ทว่าครั้งนี้กลับแทรกซึมเข้าไปในกระแสเลือดของเขาทีละเล็กละน้อย ค่อยๆ ทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแรงลง ภายในระยะเวลาสามวันก็เพียงพอที่จะทำให้เขามีสภาพเช่นตะเกียงสิ้นน้ำมันที่ใกล้จะมอดดับ
เซียวอี้เข้ามาในห้องเห็นหลินชิงเวยมีสีหน้าท่าทางเป็นธรรมชาติ จึงอดไม่ได้ที่จะถากถางด้วยวาจา “ดูท่าแล้วไม่ว่าเจ้าจะไปถึงที่ใดล้วนปรับตัวได้อย่างเป็นธรรมชาติ”
หลินชิงเวยกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว จะทำให้ผู้ใดลำบากก็ได้ แต่ห้ามทำให้ตนเองลำบาก ข้ายังต้องขอบคุณเซี่ยนอ๋องที่ต้อนรับเป็นอย่างดี ฝีมือการปรุงอาหารของพ่อครัวในจวนเป็นเลิศ สองวันนี้ข้ากินอิ่มนอนหลับดียิ่ง”
เซียวพลันกระอักออกมาเป็นเลือดคำหนึ่ง ครั้งนี้ด้วยถูกนางยั่วโทสะ
หลินชิงเวยเลิกคิ้วกล่าวยิ้มๆ “เป็นอย่างไรบ้าง วันนี้ท่านมาที่นี่ ดูท่าแล้วท่านควรจะใคร่ครวญดีแล้ว?”
เซียวอี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “หากเปิ่นหวางตายไปจริงๆ เจ้าก็เดินออกไปจากจวนแห่งนี้ทั้งยังมีชีวิตไม่ได้เด็ดขาด”
หลินชิงเวยมองเซียวอี้ตรงๆ “ใช้ชีวิตของเซี่ยนอ๋องมาร่วมทางกับชีวิตของข้า นี่ไม่ได้หมายความว่าข้าได้เปรียบหรือไร”
“เจ้า…” เซียวอี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วนั่งลงข้างโต๊ะ “ก็แค่ปล่อยตัวเจ้าไปมิใช่หรือ? เดิมเปิ่นหวางสงสารเจ้า คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะไม่รู้หนักเบาเช่นนี้ ช่างเถิดถือเสียว่าเปิ่นหวางสอดเรื่องชาวบ้าน ทำเรื่องเกินความจำเป็นก็แล้วกัน! เปิ่นหวางรับปากเจ้า วันนี้ปล่อยเจ้าออกไปจากที่นี่!” พูดแล้วก็ยื่นมือมาให้หลินชิงเวย “ยาถอนพิษเล่า?!”
หลินชิงเวยกลับกล่าวยิ้มๆ “คนมากเล่ห์เพทุบายเช่นท่าน หากข้าให้ยาถอนพิษท่านในเวลานี้แล้วท่านกลับคำพูดจะทำอย่างไรเล่า?”
ดวงตาของเซียวอี้แทบจะพ่นเปลวเพลิงออกมาได้ “เจ้าเห็นเปิ่นหวางเป็นคนต่ำช้าถึงขั้นไม่รักษาคำพูดเช่นนั้นหรือ?”
“ท่านอาจไม่เป็นเช่นนั้น” หลินชิงเวยใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นว่า “แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว”
สีหน้าของเซียวอี้เปลี่ยนไปทันที “เจ้าบังเกิดความคิดพิเรนทร์อะไรขึ้นมาอีก?!”
หลินชิงเวยตวัดสายตามองเขา “ข้าต้องการให้ท่านเดินทางไปพร้อมกับข้า”
“…”
หลินชิงเวยยื่นขาลงจากเตียงแล้วค่อยๆ เยื้องกรายมาหยุดข้างกายเขา ทำทีมองไม่เห็นสายตาราวกับจะประหัตประหารผู้คนได้ของเขา พร้อมกับพูดขึ้นอย่างไม่เสแสร้ง “ข้าไตร่ตรองดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ในเมื่อท่านบอกว่าเซ่อเจิ้งอ๋องตายเก้าส่วนมีชีวิตรอดหนึ่งส่วน และตระหนักได้ว่าท่านถือเป็นผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย อีกทั้งยังสมคบคิดกับอวิ๋นหนานอ๋อง เวลานี้เซ่อเจิ้งอ๋องไม่ได้พำนักอยู่ในเมืองหลวง ราชสำนักมีเซียวจิ่นเพียงคนเดียว เพื่อป้องกันไม่ให้ท่านฉวยโอกาสเข้าแทรกแซง หากข้าพาท่านไปพร้อมกันด้วย ไม่ต้องกล่าวถึงว่าระหว่างทางยังรับรองเรื่องความปลอดภัยของข้าได้ ยังทำให้ท่านต้องคว้าน้ำเหลว และบางทีอาจจะรักษาชีวิตของเซ่อเจิ้งอ๋องไว้ได้อีกด้วย ยิงธนูดอกเดียวได้นกสามตัว”
“…” เซียวอี้พินิจพิจารณาใบหน้างามพิลาสของนางด้วยดวงตาเยือกเย็นสงบนิ่ง เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าสตรีอ่อนเยาว์อายุเพียงสิบหกปีนางหนึ่ง จิตใจของนางถึงกับวางแผนการได้อย่างแยบยลเยี่ยงนี้ เขาปรามาสสตรีที่อยู่เบื้องหน้านางนี้เกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเพียงคิดว่านางมีวิธีการฉลาดเฉลียวล้ำลึก คิดไม่ถึงว่าเขาจะคิดบัญชีนางไม่สำเร็จ แต่กลับถูกนางตลบหลังคิดบัญชีเข้าให้ ทั้งยังเป็นการถูกคิดบัญชีครั้งใหญ่เสียด้วย!
เซียวอี้ “เจ้าพูดแผนการของเจ้าออกมาหมดเปลือกเช่นนี้ ช่างไม่รู้จักเก็บงำเลยหรือไร? ทั้งยังพูดแต่ในทางที่ไม่เป็นผลดีต่อข้าเช่นนี้ คิดหรือว่าเปิ่นหวางจะยอมตกลงกับเจ้า?”
หลินชิงเวยรินน้ำในเขาถ้วยหนึ่ง ปลายนิ้วปล่อยผงยาลงในถ้วยนั้นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วส่งให้เซียวอี้ “ในเมื่อข้าพูดให้ท่านฟังหมดแล้ว ย่อมต้องไม่กลัวว่าท่านจะไม่ตอบตกลง ยิ่งไปกว่านั้น ท่านมีโอกาสไม่ตกลงด้วยหรือ”
เซียวอี้มองน้ำถ้วยนั้น ทุกคนต่างเป็นคนเฉลียวฉลาดย่อมไม่ต้องถามให้มากความ เขารับน้ำมาดื่มทันทีจึงได้ยินหลินชิงเวยพูดว่า “พิษของท่านข้าได้ปรับให้ออกฤทธิ์ช้าลง ดื่มยาถอนพิษครั้งหนึ่งจะยื้อเวลาได้เจ็ดวัน จำเป็นจะต้องดื่มยาถอนพิษเจ็ดครั้ง หากท่านไม่ตามข้าไปด้วย ท่านจะดื่มยาถอนพิษที่เหลือได้อย่างไรกันเล่า?”
เมื่อดื่มยาถอนพิษลงไปแล้วเซียวอี้รู้สึกได้ทันทีว่าภายในร่างกายของเขากระเตื้องขึ้นมาก ทว่าหลินชิงเวยยังคงยั่วโทสะเขาแทบตายเช่นเดิม “ขอเพียงดื่มยาถอนพิษเจ็ดครั้ง พิษของเปิ่นหวางก็จะถูกขับออกไปหมดใช่หรือไม่?”
หลินชิงเวย “เป็นเช่นนั้น แต่ภายในเวลาเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวันนี้ หากท่านเจตนาที่จะถ่วงเวลาไม่พาข้าไปพบเซ่อเจิ้งอ๋องอย่างราบรื่น ก็อย่าหมายว่าจะได้รับยาถอนพิษครั้งสุดท้าย อย่างไรก็มีเพียงแต่ต้องตายเท่านั้น”
เซียวอี้จับจ้องหลินชิงเวยเขม็ง เขาหรี่ตาลงในแววตานั้นเยียบเย็นคมปลาบ น้ำเสียงของเขาเนิบช้า ทว่าเย็นชา “เวยเวย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำกับเปิ่นหวางในวันนี้ หากวันหน้าเปิ่นหวางเอาคืนกับเจ้า เจ้าอย่าได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งก็แล้วกัน”
หลินชิงเวยหัวเราะเสียงชั่วร้ายกล่าววาจาท้าทาย “จะให้ข้าร้องไห้? ท่านยังอ่อนไปหน่อย”
เซียวอี้สะบัดแขนเสื้อจากไป “จดจำคำพูดของเจ้าในวันนี้เอาไว้”
ต่อมาเซียวอี้ออกไปแล้วไม่ได้หวนกลับมาอีก หลินชิงเวยเองไม่รีบร้อนอันใดยังคงรอคอยต่อไปอีกหนึ่งวันด้วยความมีน้ำอดน้ำทน กระทั่งเวลากลางคืนของวันที่สามเขาจึงเดินเอามือไพล่หลังเข้ามาในห้องของหลินชิงเวย