ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - บทที่ 255-256 ภาพเกินจินตนาการ
ชัดเจนยิ่งนักว่าเขาทำเช่นนี้ เมื่อคนเหล่านั้นเข้าไปค้นในห้องแล้วพบว่าหน้าต่างเปิดกว้าง ย่อมต้องเข้าใจว่าเขาและหลินชิงเวยได้กระโดดหนีไปทางหน้าต่าง ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าพวกเขาทั้งสองเร้นกายเข้ามาในห้องติดกัน
แต่หากหลินชิงเวยไม่ได้จำผิดแล้วละก็ ห้องข้างๆ นี้…ควรจะเป็นห้องของคุณชายเจ้าเสเพลผู้นั้นและสตรีร่างบอบบางกระมัง ทันทีที่เพิ่งยืนได้อย่างมั่นคงก็ได้ยินเสียงลอยออกมาจากด้านหลังฉากกันลม
สตรีตัวน้อยกำลังชำระกายอยู่ในห้อง
ดูท่าแล้วนางไม่ได้รู้ตัวเลยว่าภายในห้องมีคนแปลกหน้าสองคนบุกรุกเข้ามา
คุณชายเจ้าสำราญคนนั้นกลับไม่ได้อยู่ในห้อง
หลินชิงเวยเพิ่งจะคิดมาถึงตรงนี้ ด้านนอกพลันมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นและกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ คนทั้งสองต่างมองซ้ายมองขวาพบว่าภายในห้องไม่มีที่ให้แอบซ่อนตัวได้เลย สายตาของทั้งคู่จึงมองไปยังใต้เตียงตัวนั้นอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นพากันวิ่งเข้าไปซ่อนตัวใต้เตียงโดยไม่ได้นัดหมาย
เสียงของคุณชายจอมเสเพลดังขึ้นจากข้างนอกในเวลานี้เอง “แม่นางน้อยของข้า ขัดสีฉวีวรรณจนขาวผ่องแล้วกระมัง?”
“รีบร้อนอันใดกันเล่า ใกล้จะเสร็จแล้ว”
นางเดินมาถึงข้างประตูแล้วเปิดประตู คนทั้งสองที่อยู่ใต้เตียงเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในห้องอย่างชัดเจน
….
มีคนเคาะประตูห้องกะทันหันในเวลานี้
เสียงเคาะประตูช่างมาได้ถูกจังหวะยิ่ง หลินชิงเวยอดที่จะหันไปสบตาเซียวอี้โดยไม่ส่งเสียงไม่ได้
เสียงของสตรีสูดลมหายใจเข้าลึกด้วยความตกใจ คุณชายจอมเสเพลตวาดขึ้นด้วยความไม่สบอารมณ์ “ใครกัน! ไสหัวออกไป!”
อีกฝ่ายไม่ได้ทำอย่างที่เขาต้องการกลับใช้วิธีการใดก็สุดรู้ ประตูห้องเปิดผาง กรอบประตูหลุดไปอีกด้านหนึ่ง จากนั้นประตูถูกคนเปิดเข้ามา
เสียงกรีดร้องดังขึ้นบนเตียงในชั่วพริบตา
หลินชิงเวยจับจ้องสายตา มิใช่คนชุดดำกลุ่มนั้นหรือไร คาดว่าพวกเขาได้ไล่ตามไปทางหน้าต่างแล้ว ทว่ากลับไล่ไม่ทัน จึงย้อนกลับมาตรวจดูอีกครั้ง
คนชุดดำนั้นคาดไม่ถึงเช่นกันว่าในห้องจะเป็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ จึงถึงกับยืนทึ่มทื่อ คุณชายเจ้าสำราญผู้นั้นขว้างหมอนใบหนึ่งข้ามไปทันที
เขาจึงได้สติอย่างตะขิดตะขวงใจ “ขออภัย เข้าห้องผิด” จากนั้นจึงรีบปิดประตูกลับไปอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปครู่หนึ่ง ภายในห้องไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
คนชุดดำอยู่บริเวณใกล้เคียง สถานที่แห่งนี้ไม่อาจรั้งอยู่นานได้พวกเขาจำเป็นต้องรีบออกไปจากที่นี่
เมื่อคุณชายและสาวงามเห็นคนเป็นๆ สองคนยืนอยู่ข้างเตียง ต่างร้องลั่นด้วยความตกใจ
“เจ้า เจ้า เจ้า… อ๊าๆๆ ช่างหน้าไม่อายนัก ถึงกับซ่อนตัวอยู่ใต้เตียงของข้า!”
คนทั้งสองปัดฝุ่นบนเสื้อผ้าออกราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลินชิงเวยวิ่งออกมาด้วยอารมณ์แจ่มใสเบิกบาน ยามเมื่อเข้าพักโรงเตี๊ยมแห่งนั้นถูกคุณชายผู้นั้นใช้วาจาจาบจ้วง ยามนี้นับว่าได้เอาคืนบ้างแล้ว
เพียงแต่เซียวอี้ดูแล้วเหมือนธาตุร้อนกำเริบ เขาลากหลินชิงเวยวิ่งไม่หยุดด้วยร่างกายที่ตึงเครียด ด้านหลังพวกเขามีคนชุดดำไล่ตามมาอย่างไม่ยอมเลิกรา พวกเขาพบคนทั้งคู่อย่างรวดเร็วถึงกับไล่ล่าอยู่ข้างหลังอย่างเอาเป็นเอาตาย
เมืองแห่งนี้มีตรอกซอกซอยมากมาย เส้นทางคดไปเลี้ยวมาแยกทิศทางไม่ออก เซียวอี้และหลินชิงเวยจึงได้แต่เล่นซ่อนหาอยู่ในตรอกซอกซอยกับอีกฝ่าย
วิ่งไปวิ่งมาไม่รู้ว่าไปถึงที่ใดแล้ว หลินชิงเวยเงยหน้าขึ้นมอง ดีเยี่ยม แมวตาบอดผู้นี้ถึงกับวิ่งเข้ามาในซอยตัน
หลินชิงเวยช้อนตาขึ้นมองแล้วพบว่าซอยนี้แตกต่างจากซอยอื่นอยู่บ้าง เรือนด้านหลังนี้มิใช่เรือนด้านหลังของชาวบ้านธรรมดาสามัญ แต่เป็นเรือนหลังใหญ่ ในซอยนั้นมีประตูด้านหลังบานหนึ่ง บนชั้นสองมีป้ายผ้าผืนหนึ่งแขวนเขาไว้ ข้างบนนั้นเขียนคำว่า “อาบน้ำ” ทั้งยังมีหมอกควันสีขาวลอยออกมาจากด้านในอีกด้วย
เป็นโรงอาบน้ำแห่งหนึ่ง?
ก่อนหน้านี้เมื่ออยู่ในเมืองอื่นไม่เคยพบมาก่อนว่าในเมืองจะมีโรงอาบน้ำเช่นนี้
หลินชิงเวยไม่พูดไม่จา ลากแขนเซียวอี้เดินเข้าไปในประตูหลังบานนั้น เซียวอี้เดิมทียังลังเลใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นหลินชิงเวยตรงไปตรงมาเช่นนี้จึงเอ่ยขึ้นว่า “นี่ โรงอาบน้ำบุรุษหรือโรงอาบน้ำสตรี ยังไม่รู้ชัดเจนก็เข้าไปเสียแล้ว”
หลินชิงเวย “โรงอาบน้ำของบุรุษ ข้าก็ไม่รังเกียจ หากเป็นโรงอาบน้ำของสตรี ท่านก็คงจะไม่รังเกียจเช่นกันกระมัง?”
“…” เซียวอี้หลุดหัวเราะออกมา “สตรีไปถึงโรงอาบน้ำบุรุษย่อมได้รับการต้อนรับอย่างดี แต่บุรุษไปถึงโรงอาบน้ำสตรีย่อมต้องกลายเป็นคนโฉดกระมัง? คนละความหมายกัน”
คนทั้งสองฉวยโอกาสที่เรือนด้านหลังไม่มีคน ค่อยๆ เดินลัดเลาะไปถึงเรือนด้านหน้า ระหว่างทางพบกับลูกจ้างที่ทำงานอยู่ในโรงอาบน้ำเดินไปเดินมาไม่น้อย เห็นพวกนางแต่ละคนสวมเสื้อผ้าของโรงอาบน้ำแห่งนี้ทำงานด้วยความว่องไว ทว่ากลับมองออกถึงส่วนเว้าส่วนโค้งของเรือนร่าง คนทั้งสองจึงกระจ่างแจ้งโดยพลันว่าลูกค้าโดยส่วนใหญ่ของโรงอาบน้ำแห่งนี้เป็นบุรุษหรือสตรีแล้ว
เซียวอี้หลบหลีกได้ดียิ่ง ส่วนหลินชิงเวยนั้นแทบจะไม่ต้องหลบเลี่ยง ลูกจ้างหญิงเหล่านั้นล้วนมีงานล้นมือแทบจะไม่มีเวลามาใส่ใจ เมื่อเห็นหลินชิงเวยจึงหันมาคารวะเพื่อให้เกียรติลูกค้า จากนั้นต่างทำงานในมือของตน
หลินชิงเวย “คิดไม่ถึงว่าในยุคสมัยที่ปกครองด้วยระบอบศักดินาเช่นนี้ ถึงกับมีโรงอาบน้ำที่มีไว้เพื่อบริการสตรีอย่างเปิดเผยเช่นกัน”
เซียวอี้ “ถือเป็นอันใดได้ ขนบธรรมเนียมประเพณีของต้าเซี่ยเปิดกว้างนั้นเป็นเรื่องรองลงมา ที่สำคัญก็คือเมื่อเข้าสู่เหมันตฤดูแล้วมีต้นน้ำไม่น้อยจะผนึกเป็นน้ำแข็ง มีน้ำให้ใช้น้อยมาก ส่วนในเรือนของชาวบ้านถ่านเป็นของมีค่าอย่างยิ่ง ลำพังแค่นำมาใช้ในการต้มน้ำอาบต้องใช้ถ่านจำนวนไม่น้อย อย่าได้กล่าวถึงว่าต้องนำมาสร้างความอบอุ่น ดังนั้นมีโรงอาบน้ำแห่งหนึ่งกลางเมืองเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวบ้าน และให้ความอบอุ่นได้” เขามองหลินชิงเวยแวบหนึ่ง “ปกครองด้วยระบอบศักดินา? เป็นสิ่งของอันใดกัน?”
หลินชิงเวย “ไม่มีอะไร” นางเข้าใจแล้ว มิน่าเล่าเมืองซั่งจิงและอีกสองเมืองใกล้เคียงล้วนไม่เห็นโรงอาบน้ำ มาตรว่าใต้พระบาทโอรสสวรรค์ย่อมต้องสะดวกและพรั่งพร้อมกว่าที่อื่นอยู่บ้าง ไม่ขาดแคลนซึ่งถ่านสำหรับต้มน้ำ
คนทั้งสองเดินเปะปะไปจนถึงห้องโถงใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยไอน้ำจากน้ำร้อน ได้ยินเสียงหญิงสาวอาบน้ำดังออกมาจากข้างใน หลินชิงเวยเกล้าผมขึ้นได้ก็มุ่งหน้าเข้าไปข้างใน เซียวอี้รีบดึงนางเอาไว้ “เจ้าไปแล้วข้าทำอย่างไรเล่า?”
หลินชิงเวย “มาถึงแล้วหากไม่ไปชำระกายด้วยน้ำร้อนจะใช้ได้อย่างไรกัน” หลินชิงเวยยื่นศีรษะมองเข้าไปด้านใน “ข้างในมีห้องเล็กแยกออกมา ท่านไปอาบที่นั่นได้”
เซียวอี้กล่าวอย่างมีน้ำโห “ให้บุรุษผู้หนึ่งเช่นข้ามาอาบน้ำชำระกายในโรงอาบน้ำสตรี เจ้าช่างคิดออกมาได้!”
โรงอาบน้ำแห่งนี้มีบ่อน้ำร้อนอยู่หลายแห่ง มีสตรีแช่กายอาบน้ำอยู่ในบ่อน้ำร้อน คาดว่าทัศนียภาพข้างในคงมองไม่ชัดเจนนัก ไอน้ำและหมอกควันจากน้ำร้อนครอบคลุมทั่วทั้งโรงอาบน้ำ มองใบหน้าไม่ชัดเจน เห็นเพียงเค้าโครงหน้าเลือนราง เพียงแต่ยืนใกล้กันเช่นเซียวอี้และหลินชิงเวยจึงมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้ชัดเจน คนชุดดำกลุ่มนั้นกล้าเข้ามาในโรงอาบน้ำสตรีนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต่อให้มาแล้วก็ไม่แน่ว่าจะหาพวกเขาทั้งสองคนพบนี่นา
ผ่านไปครู่หนึ่งหลินชิงเวยก็ลงไปแช่กายอยู่ในบ่อน้ำร้อนอย่างสบายอกสบายใจในห้องเล็กแยกต่างหาก ส่วนเซียวอี้หากยังยืนอยู่ที่นั่นอย่างร้อนใจคงไม่ใช่วิธีการที่ดี เขาจึงฉวยโอกาสก่อนที่ตนยังไม่ถูกพบเข้า รีบเข้าไปในห้องเล็กอีกห้องหนึ่งมีน้ำร้อนไหลมาตามลำไม้ไผ่ให้อาบน้ำได้
ในห้องเล็กนี้แม้จะมีประตูกั้นเอาไว้ ทว่ากลับบดบังได้เพียงอวัยวะสำคัญส่วนตรงกลางลำตัวเท่านั้น รูปร่างเช่นเซียวอี้สำหรับสตรีแล้วนั้นถือว่าสูงยิ่ง ด้วยเหตุนี้ส่วนบนของศีรษะและหัวไหล่ ส่วนล่างคือขาทั้งคู่ที่เต็มไปด้วยพละกำลังจึงเลยออกไป
เขาปล่อยผมสยายลงมา น้ำไหลรดผ่านลงมาจากเส้นผมสีดำ ทางหนึ่งรู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก อีกทางหนึ่งไม่อาจไม่ยอมรับว่า ช่าง…สบายเหลือเกิน
ด้านนอกห้องมีสตรีเดินเข้าออกเป็นพักๆ ด้วยเหตุที่เซียวอี้รูปร่างสูง พวกนางล้วนอดไม่ได้ที่จะมองมาทางเขา ประสาทการได้ยินของเขาดีเยี่ยม ถึงขั้นได้ยินเสียงซุบซิบนินทาระหว่างสตรีด้วยกัน:
“สูงเช่นนี้ คงไม่มีใครเอาเป็นแน่?”
รูปร่างสูงเกี่ยวอะไรกับไม่มีใครเอา!
“ดูหัวไหล่เป็นมัดๆ ของนางสิ แข็งแรงกำยำอะไรปานนั้น จะมีบุรุษที่ไหนชมชอบกันเล่า? ยังกล้ามาสถานที่เช่นนี้เพื่ออาบน้ำอีก”
เขาไม่ต้องการให้บุรุษมาชมชอบเขาอยู่แล้ว!
“ยังมีอีก ยังมีอีก ดูขาทั้งคู่ของนางสิ ขนเต็มไปหมด เห็นแล้วน่ารังเกียจนัก…”
น้ำไหลลงไปตามคางของเซียวอี้ เขาค่อยๆ ก้มหน้าลงมองขาทั้งคู่ของตน เห็นเพียงขนหน้าแข้งบนขาทั้งคู่ของตนแนบติดไปกับผิว
เขาอยากเดินออกไปจริงๆ ให้สตรีช่างนินทาเหล่านั้นดูเสียหน่อยว่าอะไรเรียกว่าบุรุษที่แท้จริง!
คิดอีกที เฮ้อ แล้วไปเถอะ
ไม่อย่างนั้นอีกประเดี๋ยวย่อมต้องถูกตราหน้าว่าเป็นคนโรคจิต ลามก
เซียวอี้อาบน้ำด้วยความอดทนอีกครู่ใหญ่ มีคนเคาะประตูห้องของเขา เขาหันมาเห็นหลินชิงเวยยืนอยู่ด้านนอก นางยื่นอาภรณ์ให้เขาชุดหนึ่ง “สวมอาภรณ์นี้ซะ”
เซียวอี้รับมาดูแล้วถึงกับหางตากระตุก เขาถลึงตามองหลินชิงเวย “เจ้าถึงกับให้เปิ่นหวาง…ให้ข้าสวมอาภรณ์ของสตรีเชียวหรือ?”
หลินชิงเวย “นี่เป็นเพียงแผนการในการรับมือชั่วคราวเท่านั้นเอง ท่านคิดจะเดินออกไปก็ถูกจับหรือเพื่อสลัดหนอนที่ตามก้นอยู่เล่า? เร็วเข้า อย่างไรอาภรณ์ก็อยู่ในมือท่านแล้ว หากยังลังเลอีก อีกประเดี๋ยวถูกคนพบเข้าว่าท่านขโมยอาภรณ์ของผู้อื่น ท่านจะไม่ได้ออกไปจากที่นี่”
“…” เซียวอี้สูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง “อาภรณ์นี้ยังเป็นของที่เจ้าไปขโมยมา…”
ก่อนหน้านี้เข้ารู้สึกว่าสตรีนางนี้เป็นคนเจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยม ทว่าคิดไม่ถึง สตรีนางนี้ไยมีอุปนิสัยเช่นนี้? นี่เพิ่งจะออกมานานแค่ไหนเชียว หัดทำเรื่องไม่ดีเสียแล้ว! นี่ไหนเลยจะยังเป็นบุตรีสายตรงของจวนมหาเสนาบดี เจาอี๋ในวังหลวงคนนั้น?
ดูเหมือนเมื่อออกมาท่องยุทธภพ นางยังปรับตัวได้ดีกว่าตน!
บนร่างของหลินชิงเวยสวมอาภรณ์สีเขียวลายดอกที่ทำมาจากเศษผ้าเช่นกัน นางกำลังยืนเอามือไพล่หลังรอคอยอยู่ด้านนอกด้วยความอดทน บนศีรษะมีปิ่นปักผมเรียบๆ ของสตรีอันหนึ่ง สะอาดสะอ้านและเรียบง่าย แต่เมื่อมีคนเดินผ่านไปหันมามองนาง นางล้วนหันไปยิ้มตอบให้อย่างเปิดเผย
พลันมีเสียงสตรีร้องขึ้นด้วยความตกใจจากบ่อน้ำด้านนั้น “เสื้อผ้าเล่า? เสื้อผ้าของข้าไปไหน?”
สตรีอีกนางหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงพูดเสริมขึ้นว่า “ไอหยา ของข้าก็หายไปด้วย!”
หลินชิงเวยเคาะประตูห้องอีกครั้ง พูดเสียงลอดไรฟันเพียงประโยคเดียว “หากยังไม่เร่งมือก็จะถูกพบเข้าแล้วนะ”
ทันทีที่สิ้นเสียง เซียวอี้ก็เปิดประตูห้องออกด้วยโทสะ รูปร่างสูงใหญ่ของเขายืนอยู่เบื้องหน้าหลินชิงเวย ถลึงดวงตาย่ำแย่คู่หนึ่งมองมา
หลินชิงเวยมองประเมินเขาตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้ารอบหนึ่ง พูดขึ้นด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ไม่เลว แม้เสื้อผ้าจะสั้นไปสักหน่อย แต่ยังพอฝืนๆ บดบังความขี้ริ้วไปได้” สายตาของนางตกลงมาบนหน้าอกของเซียวอี้ “แต่หน้าอกแบนเรียบนี้ อย่างไรก็ปิดบังไม่ได้”
เซียวอี้ “…”
คนทั้งสองหันกายแล้วเดินออกไปจากโรงอาบน้ำ ก่อนหน้าที่หญิงสาวทางนั้นจะพบว่าพวกเขาขโมยเสื้อผ้าของพวกนาง พวกเขาก็เดินออกไปถึงประตูโรงอาบน้ำแล้ว
เส้นผมเปียกชุ่มของเซียวอี้บดบังใบหน้าคมสันองอาจของเขา กลับทำให้เขาดูมีความเป็นอิสตรีขึ้นสองส่วน นี่เป็นสิ่งที่เหมาะสมอย่างยิ่ง
คนทั้งสองชำระเงินแล้วเดินออกประตูใหญ่